เหล็กละลาย (ตอนที่ 41)
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 41
ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรป และทรงประทับอยู่ที่พระตำหนัก ณ เมืองโลซานน์ และทรงใช้เป็นที่ตั้งสำหรับการดำเนินการของพระองค์
ข่าวนี้ยังความปีติให้กับพวกเรามาก พวกเราไปเฝ้ารับเสด็จเมื่อพระองค์ทรงดำเนินมาถึงสนามบินที่นครเจนีวา หวังจะได้ชมพระบารมีโดยใกล้ชิด แต่ถูกเจ้าหน้าที่ทั้งสวิสส์และทางไทยบางคน กีดกันไม่ให้เข้าใกล้ชิดพระองค์ท่านเหมือนคนไทยคนอื่น ๆ เราจึงได้เฝ้าอยู่แต่ไกล ๆ โดยมีตำรวจสวิสส์ยืนคุมอยู่ใกล้ชิด ไม่ว่าจะก้าวไปทางไหน แต่เราก็ยังคอยติดตามอยู่ห่าง ๆ จนพระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินออกจากสนามบินไป ในคราวที่ในหลวงเสด็จครั้งนั้น ทางรัฐบาลจัดกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง มีใครบ้างผมไม่ทราบชื่อแน่นอน แต่ที่รู้จักมีอยู่คนหนึ่ง เป็นคนวางโปรแกรมของขบวนเสด็จล่วงหน้า ผมไม่อยากจะออกชื่อเขา เขาเป็นผู้ใหญ่กว่าผม ระดับที่ผมเคยเรียกว่าคุณอาเมื่อเด็ก ๆ เดี๋ยวนี้ผมเลิกนับถือเขามานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่จะออกจากเมืองไทยมาอยู่ที่นี่ ก็ยังมามีส่วนพัวพันกันเข้าจนได้ เขาเคยสนิทสนมกับเจ้านายของผมมาตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเยาว์ด้วยกัน ความอันนี้ท่านเล่าให้ผมฟัง ท่านเล่าว่า ตอนเด็กนั้น บุคคลผู้นี้เคยร่วมกินนมเต้าเดียวกันมากับท่าน คือกินนมจากอกของคุณแม่ของท่านมาด้วยกัน เมื่อท่านได้ข่าวว่า คนคนนี้มาเป็นคนสำคัญคนหนึ่งของคณะตามเสด็จ และเป็นผู้จัดการวางโปรแกรมเสด็จและติดต่อทำการประชาสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ ที่จะเสด็จไปล่วงหน้า ท่านก็ยิ่งดีใจ คิดว่าคงจะได้พบกันบ้าง คิดไปจนถึงหวังที่จะทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ หรือมิฉะนั้นเพื่อนผู้ร่วมเต้านมมาด้วยกันคนนั้น คงจะหาทางหนึ่งให้พ้นเคราะห์กรรมเสียที ผมไม่ทราบว่า ท่านได้ติดต่อกับบุคคลผู้นี้ หรือไม่อย่างไร ถ้าจะมีการติดต่อกัน ก็คงจะเป็นการติดต่อเงียบ ๆ โดยไม่ให้ผมรู้ ปรากฏต่อมาว่า ท่านได้ติดต่อกับบุคคลผู้นี้จริง ๆ ทางลับ ๆ เพื่อขอเข้าเฝ้าทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกานั่น เป็นโอกาสเดียวที่จะได้รับพระมหากรุณาธิคุณปลดเปลื้องความทุกข์ได้ และดูเหมือนว่า จะได้รับการนัดหมายที่จะพบกับบุคคลผู้นี้อีกทีที่สนามบิน ในวันที่เขากลับมาจากการประชาสัมพันธ์และวางโปรแกรมจากประเทศใดประเทศหนึ่ง ในย่านยุโรปตะวันตก วันที่เขาจะกลับมาจากประเทศนั้นมาถึงสนามบิน ท่านก็ชวนผมไปสนามบิน เพื่อไปคอยพบคนคนนั้นที่สนามบินเจนีวา ผมกับท่านนั่งคอยดูตารางเวลาที่เครื่องบินที่เขาโดยสารมาจะลง ท่านน่ะคงจะใจเต้นรอเวลาสำคัญ ผมไม่เต้นไปด้วย เพราะไม่ยินดียินร้ายอะไร เครื่องบินลงตรงตามเวลา ท่านก็นั่งจับตามองไปทางที่คนโดยสารขาออกจะออกมา คนโดยสารของเครื่องบินลำนั้นทยอยออกมาบ้างแล้ว แล้วในที่สุดของการรอคอย คนคนนั้นก็เดินออกมา ถือกระเป๋าใบเล็ก ๆ ติดมือมา ไม่มีใครติดตามมากับเขา เป็นโอกาสเหมาะ ท่านขยับตัวลุกขึ้นเดินไปหา
เขาหันมามองแวบหนึ่ง แล้วเดินไม่รู้ไม่ชี้ออกไปจากห้องคอยรับผู้โดยสาร เหมือนไม่เห็นท่าน
แต่เขาเห็น ท่านหยุดนิ่งอยู่กับที่ ท่าทางผิดหวังประดังออกมาทางสายตาคู่นั้น มือทั้งสองห้อยตกลงข้างตัว ก้มหน้านิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ ๆ แล้วก็พูดว่า ไปตามรถมารับกูที
เรากลับถึงบ้านด้วยความรู้สึกคงจะแตกต่างกัน ผมนั้นไม่รู้ว่าท่านจะรู้สึกอย่างไร ตัวผมเองรู้สึกสงสารท่านจับใจ เพราะสีหน้าที่ผมได้เห็นนั้น ผมไม่เคยได้พบได้เห็นมาก่อนเลย บรรยายไม่ถูก
เมื่อถึงบ้าน ผมต้องตามหมอมาดูท่านด่วน เพราะอาการท่านไม่ดีเลย หมอถามว่า ท่านไปทำอะไรมาจึงเป็นอย่างนั้น เพราะเหมือนกับจะได้รับความกระทบกระเทือนใจมาอย่างมาก
เราไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้กันอีก
Create Date : 06 ตุลาคม 2553 |
Last Update : 7 ตุลาคม 2553 4:27:35 น. |
|
1 comments
|
Counter : 917 Pageviews. |
|
|
|