เหล็กละลาย (ตอนที่ 12 )
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 12
ต่อจากนั้นมาอีก สอง-สามวัน เรากำลังพักผ่อนกันอยู่ในตอนเช้า หลังอาหารเช้าแล้ว กำลังคิดกันว่า วันนี้จะไปไหนกันดี
ขับรถไปนอนในฝรั่งเศสสักคืน-สองคืน ดีไหมวะ ท่านถาม
ก็ดีเหมือนกันครับ ผมว่า เปลี่ยนบรรยากาศเสียบ้างก็ดี ไปให้ถึงปารีสเลย
ไปมันเช้านี่แหละ มึงไปสั่งไอ้ดอลฟ์มัน ท่านหันมาทางผม
ยังไม่ทันที่ผมจะลุกขึ้น รถสีเขียวคันใหญ่ของท่านทูตไทย (ขณะนั้นคือ คุณหลวงวิจิตรวาทการ) ก็มาจอดอยู่ที่หน้าโรงแรม ตัวท่านทูตก้าวขึ้นมาหาเรา
อยู่พร้อมหน้ากันดีจริง ท่านทูตทัก แล้วก็นั่งลงข้าง ๆท่านนายพล ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ อ่านนี่ดูหน่อยซีครับ ท่านรัฐมนตรี ท่านทูตยังเรียกตำแหน่งเดิม
ท่านรัฐมนตรีเก่ารับเอากระดาษแผ่นนั้นไปอ่าน สีหน้าค่อย ๆ เปลี่ยนไป ไม่พูดอะไร ส่งกระดาษแผ่นนั้นมาให้ผม
ผมรับมาอ่าน
ข้อความในกระดาษแผ่นนั้น เป็นสำเนาคำสั่งของหัวหน้าคณะปฏิวัติ ให้ปลดพวกผมทั้งสามคนออกจากทุกตำแหน่ง ฐานประพฤติตัวไม่เหมาะสม และหลบหนีราชการ และให้ทางสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเบิร์น เรียกหนังสือเดินทางทูตของทั้งสามคืน ให้เปลี่ยนเป็นหนังสือเดินทางธรรมดาแทน
ผมส่งกระดาษแผ่นนั้นให้พันศักด์อ่านต่อ
ทุกคนงง ไม่ทราบสาเหตุแห่งคำสั่งนั้น
อธิบายให้ผมฟังหน่อยเถอะครับ ท่านทูต เจ้านายถามขึ้น
เรื่องมันไปยังไง มายังไงกัน เขาถึงได้สั่งปลดพวกผมกะทันหันอย่างนี้
ทางโน้นได้รับรายงานจากทางการาจีว่า มีหนังสือพิมพ์ออกในการาจี ลงข่าวว่าท่านได้ให้สัมภาษณ์ตอนที่เครื่องบินไปพักเปลี่ยนเครื่องที่นั่นว่า ท่านจะนำความมาฟ้องที่ยูโน ถึงการถูกขับไล่ออกนอกประเทศโดยคณะปฏิวัติ หัวหน้าคณะปฏิวัติโกรธมาก ออกคำสั่งนี้ทันที และให้ผมสอบดูว่า ได้ให้สัมภาษณ์เช่นนั้นจริงหรือเปล่า
ก็สั่งปลดไปแล้ว จะสอบกันทำไมอีกล่ะ ผมโพล่งขึ้นมา
ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่า มันจะเป็นจริงได้หรือ ท่านทูตพูดกับผมอย่างอารมณ์เย็น
ไอ้พุฒแน่ะ เขารู้ดี ท่านชี้มาที่ผม มึงเล่าให้ท่านทูตฟัง
เราก็ไม่ได้พูดอะไรกับหนังสือพิมพ์ที่นั่นนี่ครับ ผมเล่า
พอลงสนามบินที่นั่น และท่านทูตที่นั่นไปรับ ท่านก็ต้อนพวกผมเข้าห้องวีไอพี แล้วบอกว่า พวกหนังสือพิมพ์มาคอยสัมภาษณ์ จะว่ายังไง ท่านอธิบดีบอกว่า ไม่มีอะไรจะพูด ไม่อยากพบ ท่านทูตที่การาจีก็ออกไปบอกพวกหนังสือพิมพ์ พอท่านกลับเข้ามา มีคนหนึ่งตามติดเข้ามายังไงก็ไม่รู้ ทีแรกผมก็คิดว่า เป็นคนของท่านทูต พอเข้ามาถึงก็ตรงเข้ามาหาผม ถามว่าจะไปถึงไหน ผมก็ว่า จะไปสวิสเซอร์แลนด์ เขาก็ชวนคุยอีกว่า ทำไมถึงถูกส่งออกมา ถึงตอนนี้ ผมชักสงสัยว่า คงไม่ใช่คนในสถานทูตเสียแล้ว ผมถามเขาว่าเป็นนักหนังสือพิมพ์ใช่ไหม เขาว่าใช่ ผมก็ว่า ผมไม่มีอะไรจะพูดกับหนังสือพิมพ์ แล้วผมก็บอกกับท่านทูตที่นั่นว่า มีหนังสือพิมพ์หลงเข้ามาได้คนหนึ่ง อยู่ที่นี่ ท่านทูตก็ว่า นึกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของสนามบิน แล้วท่านก็เข้ามาพูดกับนัก หนังสือพิมพ์คนนั้นว่า อย่ามาสัมภาษณ์เลย ไม่มีอะไรจะให้
ตอนนั้น ท่านอธิบดีรู้สึกไม่ค่อยสบาย อยากนอนพักผ่อน
ท่านทูตจึงขออนุญาตจากทางสนามบิน พาท่านไปพักที่บ้าน เพราะอีกหลายชั่วโมง เครื่องบินที่จะเปลี่ยนจึงจะมาถึง
นักหนังสือพิมพ์คนนั้นก็ยังตามตื้ออยู่ จนเราจะออกจากที่นั่นไป เขาก็บอกว่า
ถ้าไม่ให้สัมภาษณ์ เขาจะเขียนเอาเองนะ
ผมก็หันมาบอกว่า ก็ตามใจซี ก่อนที่เราจะออกจากห้องวีไอพีมาขึ้นรถที่บ้านท่านทูต
ก็เท่านั้นเองครับ แล้วเราก็ไม่ได้พบหนังสือพิมพ์อีกเลย ไม่รู้เขาเอาอะไรมาเขียน
นั่นน่ะซี ผมก็ไม่ค่อยจะเชื่อ ท่านทูตว่า
แล้วก็เรื่องพรรค์นี้ ยูโนเขาจะรับฟังหรือครับ ผมพูดต่อ ผมคงไม่บ้าพอที่จะพูดดุ่ย ๆ ออกไปยังงั้น ผู้ใหญ่ท่านก็ไม่น่าจะเชื่อไอ้ข่าวบ้า ๆ อย่างนี้
คำสั่งปลดพวกคุณมีมาแล้ว ผมก็ต้องทำตามคำสั่ง ว่าแต่คุณจะปฏิบัติตามคำสั่งนี้เมื่อไร และผมจะต้องให้คุณเซ็นรับทราบคำสั่งนี้ด้วย ท่านทูตพูด
ผมหันไปมองท่าน เพราะไม่มีหน้าที่ที่จะตอบคำถามนั้น
เมื่อไหร่ก็ได้ ท่านพูด ผมจะมอบหนังสือเดินทางเดี๋ยวนี้ก็ได้ เรากำลังคิดจะเดินทางเข้าฝรั่งเศสกันอยู่ทีเดียว เลยไม่ต้องไปกัน
เอาไว้ใช้ก่อนก็ได้ครับ ท่านทูตพูดอย่างเห็นใจ ผมทำหนังสือเดินทางธรรมดามาเปลี่ยนให้ได้เมื่อไร ก็จะเอาหนังสือเดินทางทูตนี้กลับไป แต่ว่าคำสั่งปลดนี่ ควรจะเซ็นรับทราบเสียก่อน ถ้าไม่ขัดข้อง
ท่านทูตส่งสำเนาวิทยุโทรเลขฉบับนั้นให้ท่าน
ท่านเซ็นรีบทราบ พันศักดิ์เซ็นรับทราบ
ผมไม่เซ็น
ผมไม่รับทราบ ผมว่า ผมไม่ได้ประพฤติตนไม่สมควร และผมไม่ได้หลบหนีราชการ ผมมาที่นี่โดยคำสั่งของหัวหน้าคณะปฏิวัติ ผมไม่ได้หนีใครมา หลักฐานมีอยู่ แต่ผมจะคืนหนังสือเดินทางทูตให้ และผมจะขอเรียนให้ท่านทูตทราบด้วยว่า หนังสือเดินทางนี้ คณะปฏิวัติสั่งทำให้ผมอย่างฉุกเฉิน เมื่อจะเรียกคืน ผมก็ต้องคืน แต่จะเซ็นคำสั่งปลด ผมเซ็นไม่ได้ เพราะมันเท่ากับยอมรับสภาพผิดตามที่ปรากฏในคำสั่ง
ก็ตามใจคุณ ท่านทูตพูดอย่างอารมณ์เย็น เป็นสิทธิของคุณ
ท่านทูตคุยอยู่ด้วยสักครู่ใหญ่ ก็ลากลับไป
ไม่ไปไม่เปยมันละวะ ฝรั่งเศส เจ้านายพูดออกมา เมื่อท่านทูตกลับไปแล้ว
วันรุ่งขึ้น เราก็รวบรวมหนังสือเดินทางทั้งสามส่งไปรษณีย์ไปยังสถานทูตไทยในกรุงเบิรน์
เร็วทันควันเหมือนกัน พอรุ่งขึ้น เราก็ถูกทางเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาลสวิสส์เรียกตัวไปพบ ทางสถานทูตของเราคงจะได้แจ้งฐานะที่ได้เปลี่ยนแปลงใหม่นี้ให้ทางเขาทราบแล้ว เพราะเมื่อตอนที่มาก็ไม่ได้พิธีรีตองอะไรกันมาก เพราะดูเขาจะทราบกันดีอยู่ว่า เรามาในฐานะบุคคลในคณะทูตก็จริง แต่ฐานะอย่างว่านั้นก็คงได้ไม่นาน มันคงจะต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปอีกตามวิถีทางการเมือง เขาจึงไม่ได้มีพิธีการอะไรกับเรามาก ซ้ำยังขอไม่ให้เราไปปรากฏในงานพิธีการทูตอีกด้วย
การที่เกิดมีความเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างนี้ก็ไม่น่าจะเป็นที่แปลกใจอะไรของเขา ผมกำลังสงสัยอยู่เหมือนกันว่า เขาเรียกเราไปเพราะอะไร
เราไปรู้ที่นั่นว่า เขาเรียกเราไปเพราะอะไร
| Create Date : 30 กรกฎาคม 2553 |
| Last Update : 30 กรกฎาคม 2553 5:34:48 น. |
|
1 comments
|
| Counter : 903 Pageviews. |
 |
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [