จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2560
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
26 กรกฏาคม 2560
 
All Blogs
 

เส้นทางชีวิต ... กว่าจะเป็นพันตำรวจเอก ตอนที่ ๑๓๗ (ตอนจบ)




          บ้านของผมตอนนั้นเป็นบ้านเช่า อยู่ในซอยประสานมิตร

ผมย้ายออกมาจากบ้านที่บางลำพู ตั้งแต่ย้ายไปอยู่ที่สอบสวนกลางแล้ว พี่ชายเขามีคอกม้าอยู่ที่นั่น เขาชวนมาอยู่ด้วย  ค่าเช่าเขาออกให้ ค่ากินอยู่เขาก็ออกให้ เขามีสตางค์มากกว่าผม ผมก็เลยไม่ขัดใจเขา  อพยพครอบครัวมาอยู่ด้วยกัน ตามคำชวน

พอถึงบ้านผมก็เข้านอน ไม่คิดอะไร ไม่รู้จะคิดอะไรมากกว่า พรรคพวกมันหายกันไปไหน ก็ช่างมัน

ผมตื่นตอนเช้าด้วยเมียปลุก โดยสะกิดที่สีข้าง แล้วพูดเสียงสั่นๆ กับผมว่า

“พี่ พี่ ทหารล้อมบ้านเรา ”

ผมสะดุ้งตื่น  คว้าปืนกล เอม ทรี ที่วางไว้ข้างตัวขึ้นมาถือ แล้วค่อยๆ คืบคลานไปที่หน้าต่าง

ห้องที่ผมนอนอยู่ติดกับถนนซอยเข้าบ้าน พี่ชายเขานอนห้องข้างใน

ผมค่อยๆชะโงกหน้าต่าง โผล่ไปแต่หน้า มือที่กุมปืนไว้นั้น อยู่ในลักษณะพร้อมยิง

ผมเห็นกำลังทหารกลุ่มใหญ่กำลังเรียงรายอยู่ที่รั้วหน้าบ้าน ขยายแถวไปตามแนวรั้ว

นายทหารยศร้อยเอก คนหนึ่ง คงจะเป็นคนคุมกำลังนั้นมา เงยหน้าขึ้นมาเห็นผม

ผมถามลงไปว่า

“มาหาใครครับ ”

เขายกมือตะเบ๊ะ ท่าทางเรียบร้อย มีมารยาท แล้วพูดขึ้นมาว่า

“บ้านคุณทอง กันทาธรรม อยู่หลังไหนครับ ”

ผมโล่งอก

คุณทอง กันทาธรรม ขณะนั้นเป็น รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงอะไร ผมก็จำไม่ได้ และที่บ้านติดๆ กับบ้านคุณทอง ฯ ก็ยังมีบ้านของรัฐมนตรี สพรั่ง เทพหัสดินฯอยู่ติดๆ กัน

ผมชึ้ไปทางด้านหลัง

“อยู่ข้างหลังบ้านนี้ครับ ”

“ขออนุญาตผ่านบ้านไปหน่อยได้ไหมครับ ”

ร้อยเอกผู้นั้นตะเบ๊ะ ขออนุญาตอีก น่ารัก แล้วผมจะไม่อนุญาตได้ยังไง 

ไม่ต้อง ตะเบ๊ะ ก็ยอมอยู่แล้ว

“เชิญ เลยครับ ” ผมรีบตอบไป

แถวทหารทั้งแถวก็ผ่านบ้านผมออกไปทางด้านหลัง แล้วหายเงียบไป ไม่รู้ว่าเลยไปออกทางไหน คงจะผ่านไปออกถนนเล็กหน้าบ้านคุณทองฯ ไปเลย 

ผมไม่ทราบว่า เขาได้ตัวรัฐมนตรีทั้งสองไปหรือเปล่า

ผมแต่งตัวไปทำงานของผมตามปกติในวันนั้น

มาถึงที่ทำงาน ตำรวจทุกคนยังมาทำงานเป็นปกติ ขาดไปก็แต่ร้อยตำรวจ เฉียบ ชัยสงค์ สารวัตรแผนกอะไร ก็จำไม่ได้ ของสันติบาลกอง ๒

ผมเรียกเขาว่าพี่เฉียบ เพราะเขาเป็นนายตำรวจรุ่นเดียวกับ พี่เชื้อ และเป็นเพื่อนสนิทกัน

พี่เฉียบคงจะหลบไปแล้ว ถ้าขืนอยู่ ก็คงจะโดนจับตัวด้วย

ผมมาทราบข่าวทีหลังว่าพรรคพวกเขาเปลี่ยนที่นัดหมาย ไปชุมนุมกันที่บ้าน คุณหลวงสังวรณ์ฯ รักษาการณ์อธิบดี กรมตำรวจ ตั้งแต่หัวค่ำ เขาเตรียมที่จะจับกุมพวกที่คิดรัฐประหารครั้งนั้นในตอนดึก แต่มาโดนเล่นงานเสียก่อน ตอนหัวค่ำ คงจะรู้แกวกันก่อนก็เป็นได้

คุณหลวงสังวรณ์ฯ ก็เลยต้องหลบออกไป

ท่านปรีดีก็หลบออกจากทำเนียบท่าช้าง ไปทางน้ำ ก่อนที่กำลังของฝ่ายรัฐประหาร จะไปถึง

มีเรื่องขำๆเล่ากันว่า ในวันที่หน่วยกำลังจะไปจับกุม ท่านปรีดี นั้น นายทหารที่คุมกำลังไป ชื่อ พันโท ละม้าย อุทยานานนท์ คุมกำลังจาก ร.พัน ๓ เต็มคัน รถมาถึงถนนราชดำเนิน เลี้ยวเข้าถนนที่จะตรงไปท่าช้าง พอเข้าทางเลี้ยวก็เจอเอารถเก๋งสีดำคันใหญ่คันหนึ่ง จอดนิ่งขวางลำอยู่กลางถนน

รถที่คุมกำลังมาต้องหยุด แล้วคนที่อยู่ในรถเก๋งสีดำคันใหญ่ ก็เปิดประตูรถเดินลงมาที่หน้ารถบรรทุกกำลังนั้น ตะโกนถามออกไปว่า

          “ใครคุมกำลังนี้มา ”

คนที่คุมกำลังก็โดลงมาจากหน้ารถ ตะเบ๊ะ คนที่ลงมาจากรถสีดำที่ขวางอยู่ ยังไม่ทันได้รายงานตัว เจ้าของรถสีดำก็แว๊ด ออกมาว่า

“อ้อ ไอ้ม้าย ไอ้ตาแดง มึงจะไปไหน ”

“ไปท่าช้าง ครับ ” พันโท ละม้าย ตอบ

“ไปทำไม ” เสียงห้วนๆ สั้นๆ แต่ดังลั่น

“ไปอารักขา ท่านปรีดี ครับ ” เข้าใจตอบเสียด้วย แต่คนในรถเก๋งรู้

“ให้ทหารถอดลูกเลื่อนปืนออกทุกกระบอก ” เป็นคำสั่งของบุรุษเสียงดังท่านนั้น

ผู้ที่คุมกำลังมาต้องปฎิบัติตาม เพราะเป็นคำสั่งของผู้บัญชาการทหารบก แล้วลูกเลื่อนปืนทุกกระบอกก็เข้าไปอยู่ในรถเก๋งสีดำคันนั้น

“ไปได้ ” เป็นเสียงสั่งการจากผู้ออกคำสั่ง แล้วตัวผู้ออกคำสั่งก็ก้าวขึ้นรถที่นั่งมา ออกไปจากที่นั่น ไม่ได้บ่ายหน้าไปทางท่าช้าง ไปที่ไหน ไม่มีใครรู้

พันโทละม้าย คุมกำลังทหารที่ถือปืนไม่มีลูกเลื่อนไปท่าช้าง แต่ไม่ทัน เพราะท่านปรีดี หลบไปทางน้ำก่อนนั้นนานแล้ว ก็นับว่าดีไป ถ้าหากมีการต่อสู้ที่นั่น พันโท ละม้าย จะทำอย่างไร

รัฐประหารครั้งนั้นสำเร็จลงอย่างง่ายดาย ไม่มีการต่อต้านขัดขวางจากหน่วยกำลังทั้งบก เรือ และอากาศ

ตัวท่านผู้บัญชาการทหารบกก็ไม่เอาเรื่องเอาราวอะไร ปล่อยให้ไปทำงานกัน และปลดเอาลูกเลื่อนปืนออกเท่านั้น

         แล้วท่านก็ไปไหนของท่านก็ไม่รู้ 

ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารครั้งนี้ เป็นนายทหารนอกราชการเป็นส่วนใหญ่

วิทยุประกาศชื่อผู้นำในการรัฐประหารออกมาก็ไม่มีใครรู้จัก

พลโทผิน ชุณหะวัน เป็นใคร ต่างคนที่ได้ฟังวิทยุประกาศ ต่างก็ถามกันว่า เป็นใคร และปฎิวัติครั้งนั้นด้วยกำลังทหารที่มีในกำมือแท้ๆ เพียงไม่กี่กองพัน มียานเกราะของลูกชายท่าน พลโท ผินฯ หนึ่งกองพัน ทหารราบของ พลโท ละม้ายฯอีกหนึ่งกองพัน ก็แค่นั้นในการเริ่มต้น

         ลูกชายของท่านพลโท ผินฯ คือ นายทหารหนุ่มที่เขย่า สเปอร์ ขึ้นไปหาตัว คุณหลวงธำรงฯ ที่สวนอัมพรคืนนั้นแหละครับ เขาชื่อ ชาติชาย

เหตุการณ์ต่อไปนี้ ก็เป็นไปตามที่ผมได้เขียนไว้ในหนังสือ “ ๑๓ ปี กับบุรุษเหล็กแห่งเอเชีย ”

(ซึ่งท่านสามารถอ่านได้จากที่นี่ในกลุ่มงานเขียน กลุ่มที่ ๑ - ธารน้อย)

ความละเอียดมีอยู่ในหนังสือเล่มนั้นครบถ้วนแล้ว ผมจะไม่เขียนซ้ำอีก

ขอให้ท่านผู้ที่ได้ติดตามอ่านเรื่องของผมมาด้วยความอดทนได้โปรดให้อภัยผม และโปรดอ่านต่อในหนังสือเล่มนั้น

ผมต้องขอจบเรื่องชีวิตของผมเพียงแค่นี้ในตอนนี้

สวัสดีครับเราคงได้พบกันอีก

0 O 0





 

Create Date : 26 กรกฎาคม 2560
2 comments
Last Update : 5 สิงหาคม 2560 15:44:09 น.
Counter : 3363 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณก้นกะลา

 

ขอบคุณมากๆที่นำบทประพันธ์ดีๆมาแบ่งปันให้ได้อ่านกัน...
ชอบมากๆเลย....จะคอยอ่านเรื่องต่อๆไปจ้า...

 

โดย: ก้นกะลา 15 สิงหาคม 2560 19:23:14 น.  

 

ขอบคุณครับ

 

โดย: wat IP: 134.196.39.248 25 สิงหาคม 2560 7:06:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.