|
ทางเสือผ่าน (ตอนที่ 35)
ทางเสือผ่าน โดย พ.ต.อ. พึฒ บูรณสมภพ ตอนที่ 35
รอบ ๆ บ้านนั้นเงียบสนิท มีแต่แสงไฟวอมแวมจากบ้านบางหลังที่ยังไม่นอน เสียงเท้าม้าขยับโขกพื้นดินดังอยู่ในโรงม้า และที่ใต้ถุนบ้านที่เขานั่งอยู่นั้น ร้อยตำรวจเอกเผชิญพิงศีรษะกับรั้งระเบียง หลับตานิ่ง เขาปล่อยให้ความรู้สึกเข้าภวังค์
เขารู้สึกตัวตื่นจากภวังค์นั้นเอาตอนดึก รอบ ๆ ตัวเขาเงียบสนิท ได้ยินแต่เสียงจักจั่นเรไรดังอยู่รอบ ๆ บ้าน แสงไฟจากที่ต่าง ๆ มืดสนิทลงแล้ว เขาเหลือบตาดูร่างของทวนที่ยังนอนนิ่งอยู่ตรงปลายเท้า ร่างนั้นอยู่ในลักษณะหลับสนิท มีเสียงกรนเบา ๆ
ผู้กองหนุ่มค่อย ๆ ขยับตัวยันร่างขึ้นยืนช้า ๆ ด้วยความระมัดระวัง ไม่มีเสียงอะไรอื่นอีก เขาก้าวเท้าเบา ๆ ออกจากที่ เดินย่องผ่านร่างของทวนไปยังบันไดเรือน ระวังไม่ให้มีเสียง ค่อย ๆ ย่างเท้าลงบันไดไปช้า ๆ เงียบ ๆ ใช้ระเบียงบันไดเกาะพาตัวลงไปทีละขั้นแผ่วเบา
ที่ใต้ถุนบ้าน เสียงเท้าม้าขยับอยู่เบา ๆ เขาย่องเข้าไปทางนั้น ในความมืดสลัว ๆ เขามองเห็นม้าตัวหนึ่งผูกอยู่กับเสาเรือนต้นหนึ่ง เขาเดินเข้าไปใกล้ ก็พบว่าม้าตัวนั้นมีเครื่องเคราผูกอยู่ครบ เหมือนกับจะเตรียมเดินทางโดยใครคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของ
เขาค่อย ๆ เข้าไปหาม้าตัวนั้น ตบแผงคอมันเบา ๆ เป็นการปลอบ มันผงกหัวอย่างรู้ เป็นม้าที่ได้รับการฝึกปรือมาอย่างดี เขาแก้เชือกบังเหียนที่ผูกอยู่กับเสาเรือนออก จูงมันย่างช้า ๆ เดินไปทางด้านหลังบ้าน ผ่านใต้ถุนออกสู่ที่โล่ง
นายตำรวจหนุ่มยกเท้าข้างที่ไม่เจ็บขึ้นเหยียบโกลนทิ้งน้ำหนัก โหนตัวตวัดขาขึ้นนั่งคร่อมอาน ขยับบังเหียนในมือกระชับ กระแทกส้นเท้าเข้าที่ท้องม้า ห้อตะบึงออกไปตามทิศทางที่เขาจำไว้จากการชี้ของทวน มุ่งไปทางทิศตะวันออก
ทวน ทองรุ่ง หรี่ตาทองดูนายตำรวจหนุ่มตั้งแต่ตอนที่ลุกขึ้นค่อย ๆ ย่องลงบันไดไปแล้ว เขาลุกขึ้นนั่งชันเข่าเมื่อร่างของนายตำรวจลับหายลงไป เขาหัวเราะอยู่คนเดียวในความมืด ได้ยินเสียงม้าหายใจครืดคราดอยู่ใต้ถุนบ้าน เสียงม้าขยับตัว และเสียงฝีเท้าม้าควบออกไปในความเงียบสนิทนั้น เขาล้มตัวลงนอนในท่าหลับสบาย
เสียงเอะอะดังมาจากทางเรือนใหญ่ของเสือฝ้าย แสงไปสว่างวอมแวมขึ้นใหม่จากบ้านหลาย ๆ หลัง แล้วเสียงเสือฝ้ายก็ตะโกนก้องมา
เฮ้ย ใครมันออกม้าไปดึกดื่นยังงี้วะ
เงียบ ไม่มีเสียงตอบ มีแต่เสียงผู้คนพูดกันพึมพำดังไปทั่ว จับความไม่ได้
เฮ้ย ตรวจดูซีโว้ยว่าใครมันออกม้าไปป่านนี้ เสียงเสือฝ้ายดังก้องมาอีก
แล้วเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก็ดังย่ำขึ้นเรือนที่ทวนนอนอยู่ ทวนสะบัดกายลุกขึ้นพอดีกับร่างของเสือฝ้ายพ้นบันไดขึ้นมา
ไอ้ตำรวจคนนั้นยังอยู่หรือเปล่าวะ เสือฝ้ายตะโกนถามเมื่อก้าวขึ้นพ้นบันได
ทวนหันขวับมาทางที่ร่างนายตำรวจนั่งพิงอยู่เมื่อกี้นี้ เขาเผ่นลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นแต่ความว่างเปล่า ตะโกนละล่ำละลักออกมาว่า
ตายแล้ว เฮ้ย ช่วยกันออกค้นหาโว้ย เขาเผ่นผ่านร่างของเสือฝ้ายที่ขวางอยู่ตรงบันได ก้าวพรวด ๆ ลงบันไดไป เฮ้ย ม้ากูอยู่ไหน เสียงทวนตะโกนลั่นอยู่ตรงบันได เขาแหวนหน้าขึ้นมองดูเสือ พูดออกมาด้วยเสียงตระหนกว่า พ่อ เอาม้าของฉันไปหรือเปล่า เสือฝ้ายยืนนิ่งมองหน้าทวน พ่อจะเอาไปไหน เขาพูดออกมาช้า ๆ ว่าแต่เอ็งให้ใครไปหรือเปล่า เมื่อกี้ฉันผูกมันไว้ตรงนี้ เขาชี้ไปที่เสาเรือนที่ผูกม้าไว้ เอ็งเคยผูกม้าไว้ตรงนี้หรือวะ เสือพูดเสียงปนหัวเราะเบา ๆ ข้าเคยเห็นแต่เอ็งเอาเข้าคอกทุกวันเมื่อหมดเรื่องใช้แล้ว เฮ้ย ออกตาม ทวนตะโกนสั่งสมุนที่มารายล้อมอยู่หลายคนตรงนั้น สมุนที่รายล้อมต่างผละกันออกไป ชั่วอึดใจก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังสนั่นขึ้นรอบ ๆ หมู่บ้าน กระจายกันออกสู่ท้องทุ่ง แสงคบไฟสว่างไปเป็นทางที่ฝูงม้าควบไป ทวน ทองรุ่ง ยืนนิ่ง หันไปมองเสือฝ้ายที่ยังยืนจ้องมองเขาอยู่เบื้องหลังบนบันได เสือยืนมองดูลูกชายนิ่ง ไม่พูดอะไร เดินดุ่ม ๆ ลงบันไดไป ความชุลมุนวุ่นวายมีอยู่ทั่ว ๆ ไป สมุนโจรบางคนที่ไม่ได้ร่วมไปในขบวนไล่ติดตาม ต่างก็มาออกันอยู่ที่บันไดเรือนที่ทวนยืนนิ่งอยู่นั้น เป็นยังไง พี่ทวน คนหนึ่งพูดขึ้น ไอ้ตำรวจคนนั้นมันหนีไปหรือไง ทวนส่ายหน้าช้า ๆ ข้าเผลอหลับไปหน่อยเดียว มันย่องลงมาขโมยม้าข้าหนีไปได้ ข้าเห็นขามันเจ็บ ไม่นึกว่ามันจะมีพิษสงยังงี้ เด็กสาวลูกกำนันเจ้าของบ้าน ซึ่งตื่นขึ้นมาเมื่อไรทวนไม่รู้ เข้ามายืนข้าง ๆ พี่ทวน ตำรวจหนีไปได้หรือ ทวนพยักหน้า ไม่พูด เด็กสาวหัวเราะ ฉันนึกแล้ว ทวนหันขวับไปมองหน้าคนพูด บัวหันหลังเดินกลับเข้าห้องไปโดยไม่พูดอะไรต่อ หันกลับมามองทวน หัวเราะกระแทกเสียงอีกครั้งก่อนที่จะเปิดประตูห้องเข้าไป ทวนยืนนิ่งมองดูประตูห้องที่เด็กสาวหายเข้าไปนั้นอยู่ครู่หนึ่ง เดินลงบันไดไปที่บ้านเสือฝ้ายผู้พ่อ เสือฝ้ายนั่งอยู่บนยกพื้นหน้าห้องนอน มวนยาใบจากอยู่เมื่อทวนก้าวขึ้นไป เอ็งปล่อยให้ไอ้ตำรวจคนนั้นมันหนีไปทำไม เสือฝ้ายเอ่ยถามขึ้น ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เงยหน้ามอง ฉันไม่ได้ปล่อยเขาไป ฉันเผลอหลับไปหน่อยเดียว มันแอบย่องลงไปเมื่อไหร่ไม่รู้ พ่อว่าเอ็งรู้ เสือพูดทั้ง ๆ ก้มหน้ามวนยาใส่ใบจากในมือ ฉันไม่นึกว่ามันจะมีแรงหนี มันกำลังเจ็บที่ขาอยู่ จะเดินลำบาก ทวนพูดเสียงมีกังวล เอ็งมาได้ใช้อะไรผูกมัดมันเลยใช่ไหม เสือถามไม่มองหน้า ขามันเจ็บยังงั้น ฉันไม่นึกว่ามันจะมีฤทธิ์ ทวนพูด แล้วมันก็เพิ่งจะอิ่มข้าวใหม่ ๆ เสือหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่จะพูด ถ้าเอ็งไม่ใช่ลูกพ่อ พ่อก็ต้องทำอะไรเอ็งสักอย่างแล้ว ไอ้ตำรวจคนนี้ดูเอ็งคอยจะช่วยมันทุกครั้งที่มันเสียท่าพวกเรา ทวน เอ็งบอกพ่อจริง ๆ เสียทีเถอะวะ ว่ามันมีดีอะไร
ไม่มีดีอะไรหรอกพ่อ ทวนตอบสวนคำทันที จะมีอยู่ก็แต่เขาเคยช่วยชีวิตฉันไว้ พ่อจำได้ไหมที่หนองตากลับนั่น ตอนที่ไอ้กำนันมันจะฆ่าฉัน
แล้วเอ็งก็เลยต้องใช้หนี้ชีวิตของเอ็งทุกทีงั้นเรอะ
ไม่ใช่ยังงั้นหรอกพ่อ มันมีเรื่องอื่น
เสือเงยหน้าหันขวับมามอง เรื่องอะไร
แล้วฉันจะบอกพ่อเอง แต่ว่าคราวนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจปล่อยเขาไป ทวนพูดด้วยเสียงหนักแน่น
เสือหัวเราะอีก เออ เอ็งมันฉลาดกว่าพ่อ เสือหยุดพูด แล้วพูดต่อด้วยเสียงหนัก ๆ ต่อไปนี้ก็คอยรับมือมันเถอะ ตำรวจมันต้องยกโขยงมาเล่นงานเราแน่ ไม่ช้าไอ้เฟื้อที่อยู่ใกล้เดิมบาง ฯ มันก็ต้องแจ้นมาบอกข่าว
ฉันว่าไม่หรอก ทวนพูดด้วยเสียงหนักแน่นอีก
เสือเงยหน้าขึ้น ยกมวนยาเสียบเข้าที่ปาก จุดไฟที่ปลายมวนยานั้นก่อนที่จะพูด
เอ็งว่าจะสอบถามอะไรมัน แล้วได้ความอะไรมั่งล่ะ
ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันมาก อีบัวมันเข้ามาขัดจังหวะเสียเรื่อย ทวนแก้ตัวไป
เสือหัวเราะอีก นิ่งไปครู่ใหญ่ พูดว่า
พ่อยังสงสัยที่เอ็งพูดว่า มันมีเรื่องอื่น พ่ออยากรู้ว่ามันเรื่องอะไร
แล้วฉันจะพูดให้พ่อฟังเอง ทวนพูดแค่นั้น
เสือมองหน้าทวนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เออ ถ้ายังงั้นเอ็งก็ไปนอนได้ พ่อก็จะเข้านอนพอหมดยามวนนี้
ฉันจะนอนที่นี่ ทวนพูด ฉันไม่มีธุระอะไรที่บ้านอากำนันแล้ว
ตามใจเอ็ง เสือพูดลุกขึ้นยืนคาบบุหรี่ พ่นควันปุ๋ย เดินเปิดประตูห้องเข้าไป
ทวนนั่งมองดูเสือตามหลัง จนประตูห้องปิด เขาถอนหายใจยาว ลุกขึ้นช้า ๆ เดินไปที่ห้องของตัว เปิดประตูเข้าห้องไป
ม้าตัวนั้นห้อตะบึงมากลางทุ่ง ผ่านหมู่บ้านมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก ผ่านหมู่บ้านสุดท้ายบนเส้นทางที่จะสู่อำเภอเดิมบางนางบวช นายตำรวจหนุ่ม ร้อยตำรวจเอกเผชิญ ทรงศักดา นั่งเกาะกุมบังเหียนแน่น ความเจ็บปวดที่ท่อนขาทำให้กำลังขาของเขาอ่อนลงไปทุกขณะ แต่ความอดทนของเขามีเหนือกว่า เขากลั้นใจข่มความเจ็บปวด กรามขบแน่น ขณะหนีบขาแน่นอยู่บนหลังอาน ม้าตัวนี้เป็นม้าชั้นดี ฝีเท้าของมันรวดเร็วปานพายุ ถูกใจเขา แสงไฟวอมแวมข้างหน้าที่ปรากฏให้เห็นนั้น เขายังไม่รู้ว่ามันเป็นหมู่บ้านอะไร ในความมืดทั่วทิศอย่างนี้ยากที่จะสังเกตได้ เขาตั้งใจที่จะแวะเข้าไปที่นั่นเพื่อสอบถามทิศทาง ทั้ง ๆ ที่ไม่แน่ใจว่าที่นั่นจะเป็นหมู่บ้านพรรคพวกเสือฝ้ายหรือเปล่า เมื่อใกล้เข้าไปจนมองเห็นชายไม้ได้ถนัด เขาก็จำได้ว่านั่นเป็นหมู่บ้านทางเข้าสู่อำเภอเดิมบาง ฯ เป็นภูมิประเทศที่เขาผ่านออกไปตอนที่เขานำกำลังไปบ้านกอไผ่ไม่กี่วันมานี้
ร้อยตำรวจเอกเผชิญ บังคับม้ามุ่งหน้าเข้าไปทางนั้น แสงไฟสว่างเห็นชัดขึ้น แม้จะเป็นยามค่อนข้างดึก ชาวบ้านยังไม่หลับนอนกันบางบ้าน
เขานั่งม้าเรื่อยเข้าไป ผ่านบ้านที่เรียงรายอยู่นั้นตรงไปที่ตัวอำเภอ ผู้คนชักมีให้เห็นเดินกันขวักไขว่ ตำรวจในเครื่องแบบสองสามคนเดินตรวจตรากันเป็นกลุ่ม ๆ
เขาหยุดม้าลงที่บ้านหลังหนึ่งที่เห็นตำรวจนั่งอยู่เป็นกลุ่ม กำลังล้อมวงคุยกันอยู่ เขาผูกม้าไว้ที่เสาเรือนบ้านหลังนั้น ตำรวจทั้งกลุ่มไม่ได้เอาใจใส่กับเขา คงนั่งคุยกันเฮฮา ร้อยตำรวจเอกเผชิญเดินมุ่งไปที่เรือนหลังใหญ่ เขารู้ว่าที่นั่นเป็นที่ตั้งกองบังคับการกองปราบพิเศษ เขาขึ้นไปบนบ้านหลังนั้น
เฮ้ย ไอ้เชิญนี่หว่า เสียงใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นจากเชิงบันไดบ้านนั้น เขาหยุดชะงัก ก้มตัวลงไปมอง
ชายคนหนึ่งวิ่งตรงมาหาเขา ในเครื่องแต่งกายกางเกงสีกากี เสื้อยืดสีขาว
เอ็งมายังไงกันวะนี่ ชายคนนั้นร้องทักเมื่อมาถึงตัว
ผู้การอยู่มั้ย เขาถาม
เพิ่งเข้าห้องไปเมื่อกี้นี้เอง เป็นเสียงตอบ เอ็งจะไปกวนท่านทำไม
ข้ามีเรื่องด่วนที่จะรายงาน เขาตอบ ก้าวพรวด ๆ ขึ้นเรือนไป เขายกมือเคาะที่ประตูห้องหนึ่งเบา ๆ
ประตูบ้านนั้นเปิดแง้มออก ใบหน้าที่ตอบเขาอยู่เบื้องหลังประตูนั้น จ้องมองเขานิ่งอยู่
กระผม ร้อยตำรวจเอกเผชิญ ทรงศักดา ขออนุญาตรายงานด่วนครับ
ร่างของคนที่แง้มประตูก้าวออกมา ยืนประจันหน้า ว่าไป
กระผมได้นำกำลังตำรวจไปจับตัวเสือฝ้ายและพวก กระผมได้ติดตามเสือฝ้ายไปจนถึงบ้านกอไผ่ ได้เข้าทำการ ณ ที่นั้นด้วยกำลังทั้งหมด กำลังส่วนใหญ่ถูกทำลาย และกระผมถูกพวกโจรจับตัวไปได้ บัดนี้กระผมได้ใช้ความพยายามหลบหนีจากการควบคุมออกมาได้ ขอรายงานเหตุการณ์โดยละเอียด ครับผม
พันตำรวจเอกพิชัย พงษ์มนตรี ผู้บังคับหน่วยปราบปรามพิเศษ เดินไปจูงมือผู้กองหนุ่มมายังเก้าอี้หมู่ที่ระเบียงบ้าน ชี้เก้าอี้ตัวหนึ่ง
เอ้านั่ง แล้วเล่าไป
ตัวเขาเองนั่งลงบนเก้าอี้อีกตัวตรงหน้า ผู้กองหนุ่มจึงนั่งลง
กระผมขอรับผิดที่ทำการครั้งนี้ล้มเหลว ครับผม แล้วแต่จะกรุณา
พันตำรวจเอกพิชัย หัวเราะลั่น ผมรู้มาก่อนแล้ว ตั้งแต่ส่วนหนึ่งของกำลังที่คุณนำไป กลับมารายงานถึงความเพลี่ยงพล้ำ เล่ารายละเอียดไป
ผู้กองหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนที่จะพูดว่า
กระผมยอมรับในความผิดพลาดครั้งนี้โดยไม่มีข้อแก้ตัวแต่อย่างใด มันเป็นเพราะกระผมไม่ได้ศึกษาภูมิประเทศเสียให้แน่นอนก่อน ก่อนที่จะนำกำลังติดตาม กระผมได้นำกำลังไปถึงบ้านกอไผ่ทันทีที่ออกจากที่ตั้ง กระผมต้องพบกับความผิดหวังที่นั่น เพราะเสือฝ้ายได้นำกำลังไปที่อื่นทั้งหมด เหลือแต่คนไม่กี่คนนอกจากผู้หญิงและเด็ก กระผมได้นำกำลังออกติดตามไปโดยไม่ได้หาข่าวล่วงหน้า กระผมได้ทำการทั้งนี้ด้วยความประมาท นำกำลังมุ่งหน้าตามรอยเสือฝ้ายไปโดยไม่ได้ยั้งคิด
เอาละ ผู้บังคับการขัดขึ้น ผมต้องการรู้ว่าทำไปถึงไปเสียท่าเสือฝ้าย
กระผมติดตามไปตามทิศทางที่เสือฝ้ายยกกำลังไป หวังว่าจะสวนทางกัน ณ ที่ใดที่หนึ่ง ผู้กองพูดเสียงหนักแน่น กระผมไม่ได้สวนทางกับเสือฝ้ายดังที่ประมาณการณ์ไว้ ไม่ทราบว่าเสือฝ้ายยกกำลังกลับทางไหน จึงไม่สวนทางกัน ทั้ง ๆ ที่กระผมได้เดินทางไปถึงหมู่บ้านชายแดน กระผมได้พบกำนันที่นั่นซึ่งเพิ่งถูกเสือฝ้ายยกพวกเข้าปล้นทั้งหมู่บ้าน กวาดล้างทรัพย์สินไปจนหมด และเพิ่งจะยกกำลังย้อนกลับบ้านกอไผ่ ก่อนหน้าที่กระผมจะยกกำลังไปถึงเพียงสองวัน กระผมไม่ทราบว่าเสือฝ้ายเดินทางกลับทางไหนจึงไม่สวนทางกัน
ผู้บังคับการหัวเราะหึ เขามีคนนำทางที่ดี และการข่าวของเขาต้องดีมาก เขาต้องรู้ว่ามีกำลังตำรวจยกติดตามมา
กระผมก็เห็นว่าอย่างนั้น ครับผม นายตำรวจหนุ่มพยักหน้าช้า ๆ แต่กระผมแปลกใจที่ว่า เสือฝ้ายทำไปจึงมีการข่าวดีเช่นนั้น
เล่าต่อไป ผู้บังคับการตัดบท
ผู้กองหนุ่มถอนใจลึกครั้งหนึ่งก่อนที่จะรายงานต่อ กระผมนำกำลังกลับมาด้วยความไม่ยั้งคิด ไม่ได้พักผ่อน จนถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง กระผมได้พบกับลูกชายของเสือฝ้ายที่มาพักอยู่ที่หมู่บ้านนั้นโดยบังเอิญ ในวันที่กระผมนำกำลังไปถึงที่นั่นกระผมจับตัวลูกชายเสือฝ้ายไว้ได้ จึงไม่ได้คิดพักผ่อนที่นั่น รีบนำตัวเขาออกจากหมู่บ้านนั้นเพื่อเร่งเข้าหาบ้านกอไผ่ในคืนนั้นทันที
ลูกชายเสือฝ้ายที่ชื่อทวนใช่ไหม
ครับผม
นั่นไม่ใช่ความบังเอิญ เขาไปดักคอยให้คุณจับตัวเขา
นายตำรวจหนุ่มนิ่งชะงัก เขามองหน้าผู้บังคับการของเขาอย่างไม่แน่ใจ
เขาไปคอยให้คุณจับตัวเขา เพราะรู้ว่าคุณจะต้องย้อนกลับมาที่นั่น เมื่อผิดหวังในการติดตามเสือฝ้าย และผมเชื่อว่าเขาคือคนที่นำทางให้เสือฝ้ายหลบหลีกเส้นทางของคุณ เมื่อเขาได้ข่าวเส้นทางเดินของคุณ
ร้อยตำรวจเอกเผชิญ นั่งนิ่งมองดูผู้การของเขาด้วยความงุนงงอีก
เล่าต่อไป ผู้การสั่งการ
กระผมนำนายทวนคนนั้นมากับกองกำลัง มุ่งหน้าเข้าหาบ้านกอไผ่อย่างรีบด่วน โดยไม่ได้พักรับประทานอาหารเย็นด้วยความลืมตัว กระผมผิดที่ไม่ได้คิดให้ถ้วนถี่และใจร้อนเกินไป กำลังของกระผมมาถึงบ้านกอไผ่ตอนค่ำและมุ่งเข้าโจมตีทันที
คุณทำยังไงกับลูกชายเสือฝ้าย ผู้การขัดขึ้น
นายตำรวจหยุดชะงักอยู่ครู่หนึ่ง พูดเบา ๆ ออกมาว่า
กระผมไขกุญแจมือที่ใช้พันธนาการเขาออก เพื่อให้เขาคิดหนีล่วงหน้าเข้าไป แล้วเราจะได้ติดตามเขาไปอย่างใกล้ชิดในขณะที่เขาหนีเข้าหมู่บ้าน
แล้วยังไง
ฝีเท้าม้าของเขาเร็วมาก เร็วกว่าม้าของฝ่ายเรามากนัก กระผมคาดการณ์ไม่ถึงว่าฝีเท้าม้าของจะดีเช่นนั้น
เราตามเขาไม่ทันละซี เขาถึงหมู่บ้านก่อน และทางฝ่ายเสือฝ้ายรู้ตัวเตรียมการตั้งรับทัน เป็นยังงั้นใช่ไหม
ครับผม ผู้กองหนุ่มผงกหัวรับ แต่ว่าก่อนที่กำลังของเราจะถึงหมู่บ้านกอไผ่ ได้มีม้าเร็วของพรรคพวกเสือฝ้าย รีบรุดออกจากหมู่บ้านหนึ่งก่อนที่จะถึงบ้านกอไผ่ ได้ออกไปบอกข่าวก่อนหน้าแล้ว ครับผม กระผมเห็นว่าถึงอย่างไรเสือฝ้ายก็ต้องเตรียมตัวตั้งรับอยู่แล้วจึงได้คิดย้อนกล ให้ลูกชายเชลยของเราหนีนำหน้าเข้าหมู่บ้านก่อน เพื่อที่จะเป็นกำบังและนำทางให้เราเข้าตีได้โดยสะดวกด้วย
แต่ฝีเท้าม้าของเขาดีกว่าเรามาก เราจึงไม่ได้เปรียบ ผู้การต่อให้
ครับผม ผู้กองรับคำเสียงอ่อย ๆ ก้มหน้านิ่ง
เล่าต่อไป
เสือฝ้ายนำกำลังออกมาตั้งรับนอกชายหมู่บ้าน เกิดการต่อสู้กันที่นั่น ฝ่ายเราชำนาญในพื้นที่ ต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ต้องเสียกำลังไปหลายคน กระผมจึงตัดสินใจนำกำลังเข้าบุก และกระผมก็ถูกกระสุนเข้าที่โคนขา ล้มลง ไม่สามารถนำกำลังต่อไปได้ หมู่เทียบได้เข้ามาปกป้องกระผม และเสียชีวิตไป ณ ที่นั้น ต่อจากนั้นกระผมก็ไม่รู้สึกตัว มารู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในความควบคุมของฝ่ายโจรเสียแล้ว
คุณพบกับนายทวนอีกใช่ไหม
ครับผม เขาเป็นคนที่รักษาบาดแผลของกระผม และนำตัวกระผมไปควบคุมไว้ที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเข้าใจว่าจะเป็นบ้านของกำนันที่นั่น
แล้วคุณหลบหนีมาได้ยังไง
เมื่อตอนหัวค่ำ เมื่อเขาหาอาหารให้รับประทานเรียบร้อยแล้ว เขาก็เฝ้ากระผมอยู่ที่นั่น พอเขาหลับไป กระผมก็ฉวยโอกาสข่มความเจ็บปวดที่ขา ยันตัวเดินลงมาได้ พบม้าตัวที่กระผมขี่มานี้ผูกอยู่ใต้ถุนบ้านนั้น กระผมก็แก้เชือกขี่หนีมาได้ ครับผม
ผู้บังคับการแหงนหน้า พิงศีรษะกับเบาะเก้าอี้ หัวเราะก้อง คุณไม่แปลกใจบ้างหรือที่พบม้าผูกไว้ยังงั้น
ผู้กองหนุ่มนั่งนิ่ง จ้องมองหน้าผู้บังคับบัญชาด้วยความสงสัย
พันตำรวจเอกพิชัยหยุดเสียงหัวเราะ นัยน์ตาจับที่ผู้ใต้บังคับบัญชา
แล้วก็ตอนที่คุณโดนกระสุนเข้าที่โคนขานั้น คุณกำลังอยู่ในลักษณะอย่างไร
ผมกำลังเผ่นขึ้นเต็มตัวเพื่อที่จะนำกำลังเข้าบุกให้รู้แล้วรู้รอดไป เพราะรำคาญกับสถานการณ์ที่เสียเปรียบอย่างนั้น ครับผม
คุณน่าจะโดนกระสุนเข้าเต็มอก แทนที่จะโดนที่โคนขา ไม่สงสัยบ้างหรือว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
นายตำรวจหนุ่มนั่งครุ่นคิด เขาพยักหน้าช้า ๆ
ผมไม่สามารถที่จะเดาเหตุการณ์ได้ ครับผม
คนที่เขาต้องตั้งใจที่จะยิงที่โคนขา เพื่อหยุดคุณเท่านั้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อที่จะช่วยชีวิตคุณในขณะที่กำลังบ้าระห่ำอย่างไม่มีเหตุผล
พวกโจรนั่นน่ะหรือครับ
หนึ่งในพวกโจรนั่นแหละ ผู้การพูดปนเสียงหัวเราะ
ผมยิ่งไม่เข้าใจใหญ่ นายตำรวจหนุ่มแสดงสีหน้างุนงง
คุณจะไม่มีวันเข้าใจ ถ้าผมไม่อธิบายให้ฟัง และผมขอเตือนว่า ความมุทะลุของคุณได้ทำให้คุณเสียทีมาแล้วสองครั้งในเหตุการณ์นี้ ผมเองเป็นคนสั่งการให้ใครคนหนึ่งคอยระวังช่วยเหลือคุณ
คิ้วของนายตำรวจขมวดนิ่ง เขามองหน้าผู้บังคับการของเขาเฉยอยู่
วันหนึ่งคุณจะได้พบกับคนคนนั้น ผู้บังคับการพูดต่อช้า ๆ
ผู้บังคับกองนั่งขมวดคิ้วนิ่ง ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองผู้การ พูดช้า ๆ ชัดถ้อยชัดคำออกมาว่า
คงไม่ใช่ลูกชายเสือฝ้ายคนที่ชื่อทวนคนนั้นนะครับผม
ผู้บังคับการหัวเราะ วันหนึ่งคุณจะได้พบคนคนนั้น
นายตำรวจหนุ่มมองหน้าผู้บังคับบัญชานิ่งครู่หนึ่ง คลายขมวดคิ้ว พูดว่า กระผมขอรับคำสั่งปฏิบัติการต่อ ครับผม
คุณไปพักผ่อนได้ เป็นคำตอบสั้น ๆ
ผู้บังคับกองหนุ่มลุกขึ้นโค้ง ขาของเขาสั่นด้วยความเจ็บปวดที่กระสุน
ไปให้หมอเวรที่โรงหมอเขาดูแผลเสียก่อนก็ได้ก่อนพักผ่อน ผู้บังคับการพูดเสียงแสดงความปรานี อย่าทิ้งไว้พรุ่งนี้ มันอาจจะเป็นอันตราย
ครับผม
พันตำรวจเอกพิชัย พิทักษ์มนตรี ทิ้งศีรษะลงพิงพนักเก้าอี้ เมื่อร่างของร้อยตำรวจเอกเผชิญก้าวหายลับลงบันไดไป เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนที่จะค่อย ๆ ลุกขึ้นเดินเปิดประตูห้องของเขาเข้าไป
ร้อยตำรวจเอกเผชิญ ทรงศักดา เดินดุ่ม ๆ ไปยังเรือนพักหลังยาวด้านหลังกองบังคับการ ที่นั่นลงเหล้ายังจับกลุ่มกันอยู่ลงย่อม ๆ
เฮ้ย ไอ้เชิญ มานี่ เสียงคนในวงคนหนึ่งตะโกนเรียก
เผชิญเดินเข้าไปหาลงนั้น พอนั่งลงก็มีแก้วเหล้าแก้วหนึ่งวางลงตรงหน้า
เอ้า ซัดเสีย เอ็งหายไปนาน ขาเป็นอะไรเดินโขยกเขยก
เผชิญรับแก้วเหล้าแก้วนั้นมายกขึ้นดื่ม วางแก้วลง
พวกเอ็งทำไมยังไมเข้านอนกันเสียที เขาพูด กราดสายตาไปทั่ว ๆ ไม่ตอบคำถามนั้น มานั่งเมากันอยู่ได้จนดึกดื่นป่านนี้
มึงว่าใคร ดูเสียดี ๆ พี่เชิดเขานั่งอยู่นั่น เขารุ่นพี่ คนพูดชี้ไปที่ บุคคลคนหนึ่งที่นั่งถือแก้วเหล้าอยู่ในมือ ด่ากราดไม่ดูตาม้าตาเรือ เดี๋ยวพี่เขาก็เตะเอา
นายตำรวจหนุ่มสะดุ้ง เมื่อหันไปสบตานายตำรวจผู้อาวุโสกว่าซึ่งนั่งนิ่งมองดูยิ้ม ๆ
ขอโทษพี่ เขายกมือไหว้ ผมไม่ทันสังเกต นึกว่าไอ้พวกนี้มันอยู่กันตามลำพัง
รุ่นเดียวกันทั้งนั้นหรือนี่ ผู้อาวุโสถือแก้วเหล้าพูด ผมมันแตกรุ่นมา ไม่เป็นไร เราไม่ถือสากัน พวกรุ่นผมถูกเรีอกมาใช้งานนี้อีกสามสี่คน อยู่ทางเรือนโน้น เขาหันไปชี้ทางเบื้องหลัง ผมนอนไม่หลับก็เลยเกร่มาแถวนี้ พบพวกนี้เขายังสนุกกันอยู่ เพราะเพิ่งจะได้กลับมาจากการเปลี่ยนกำลัง ก็เลยเข้ามาร่วมวงกับเขา ตามสบายคุณ ... อะไรนะ
เผชิญครับ ผู้กองหนุ่มตอบ พี่ก่อนผมกี่รุ่น
เราสวนกันหน้าประตูโรงเรียน นายร้อยตำรวจเอกเชิดตอบ รุ่นคุณเดินเข้า รุ่นผมเดินออก
เสียงหัวเราะดังครื้นเครงขึ้นทั้งวง
มิน่า ผมถึงไม่รู้จักพี่ เผชิญพูด ผมขอโทษพี่ ล่วงเกินพี่ ไม่ทันได้ดูตาม้าตาเรือจริงของได้พวกนี้มัน
ไม่เป็นไร ขอกันกินมากกว่านี้ รุ่นอาวุโสพูด หัวเราะร่า ว่าแต่คุณไปราชการคราวนี้ พบไอ้รุ่นเดียวกับผมอีกคนหนึ่งมั่งหรือเปล่า มันโดนใช้ไปราชการแถว ๆ บ้านกอไผ่เหมือนกัน
นายตำรวจหนุ่มสั่นหน้าช้า ๆ
ผมไม่ได้พบนายตำรวจอื่นอีกทั้งไปและกลับ พี่เขาไปทำงานแถวไหนครับ
มันถูกส่งไปแถว ๆ นั้น ผมก็ไม่รู้แน่ว่าที่ไหน ตำบลอะไร ไม่ใช่เรื่องที่จะถาม มันชื่อไอ้เทพ พงษ์พิมาน เป็นร้อยตำรวจเอกเต็มขั้นเหมือนผม
นายตำรวจหนุ่มสั่นหน้า
ผมเคยแต่ได้ยินชื่อนี้ เขาพูดสมองครุ่นคิด รูปร่างยังไงพี่
สูงใหญ่ มันล่ำสันกว่าผม ดำ ๆ หน่อย
เขาไปงานเปิดเผย หรืองานปกปิด
คงจะปกปิด เมื่อไม่กี่วันนี้มันยังแอบกลับมารายงานข่าวกับผู้การ แล้วก็แวบกลับไป ไม่ได้หยุดพักผ่อน
ผู้กองหนุ่มนั่งครุ่นคิด เขาทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขานิ่งอยู่ครู่ใหญ่ พูดเบา ๆ ออกมา
เอาไว้ถ้าผมได้กลับไปใหม่ ผมจะลองค้นหาดูว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่ผมสงสัยว่า ผมจะเดาออกว่าเขาเป็นใคร ถ้าผมคาดการณ์ไม่ผิด
กินเหล้ากันดีกว่า คู่สนทนาตัดบท หมดงานแล้วก็ควรจะสนุก เอ้า... ดื่ม
ร้อยตำรวจเอกเผชิญหัวเราะเบา ๆ ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มตามคำชวน เขานึกถึงคำพูดของผู้บังคับการที่เพิ่งจะกล่าวเป็นนัย ๆ กับเขาเมื่อกี้นี้ แล้วเขาก็คิดถึงลูกชายเสือฝ้ายที่ชื่อ ทวน ทองรุ่ง คนนั้น เขานั่งนิ่งปล่อยให้ความสงสัยเข้าครอบงำ
มันจะเป็นไปได้ยังไง เขาพึมพำกับตัวเองเงียบ ๆ ในใจ
Create Date : 27 ธันวาคม 2552 |
Last Update : 27 ธันวาคม 2552 2:05:01 น. |
|
2 comments
|
Counter : 763 Pageviews. |
|
|
|
โดย: chabori วันที่: 27 ธันวาคม 2552 เวลา:21:18:48 น. |
|
|
|
โดย: ธารน้อย วันที่: 31 ธันวาคม 2552 เวลา:1:58:00 น. |
|
|
|
| |
|
|
กาลเวลากำลงเริ่มต้นใหม่
ขอเป็นดั่งกำลังใจ
ให้ก้าวในปีต่อไปไม่ทุกข์ทน
ที่ผ่านมาอาจลำบากเจอเรื่องยากใจหมองหม่น
นั่นเป็นการทดสอบความเป็นคน
อีกไม่นานความหม่นจะจางไป
ต่อไปนี้จะขอเริ่มมาเต่งเติมชีวิคใหม่
จะไม่เศร้าเหงาต่อไปมีหัวใจเป็นเดิมพัน
ไผ่ค่ะ