จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
27 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
ทางเสือผ่าน (ตอนที่ 35)

ทางเสือผ่าน โดย พ.ต.อ. พึฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 35

รอบ ๆ บ้านนั้นเงียบสนิท มีแต่แสงไฟวอมแวมจากบ้านบางหลังที่ยังไม่นอน เสียงเท้าม้าขยับโขกพื้นดินดังอยู่ในโรงม้า และที่ใต้ถุนบ้านที่เขานั่งอยู่นั้น ร้อยตำรวจเอกเผชิญพิงศีรษะกับรั้งระเบียง หลับตานิ่ง เขาปล่อยให้ความรู้สึกเข้าภวังค์

เขารู้สึกตัวตื่นจากภวังค์นั้นเอาตอนดึก รอบ ๆ ตัวเขาเงียบสนิท ได้ยินแต่เสียงจักจั่นเรไรดังอยู่รอบ ๆ บ้าน แสงไฟจากที่ต่าง ๆ มืดสนิทลงแล้ว เขาเหลือบตาดูร่างของทวนที่ยังนอนนิ่งอยู่ตรงปลายเท้า ร่างนั้นอยู่ในลักษณะหลับสนิท มีเสียงกรนเบา ๆ

ผู้กองหนุ่มค่อย ๆ ขยับตัวยันร่างขึ้นยืนช้า ๆ ด้วยความระมัดระวัง ไม่มีเสียงอะไรอื่นอีก เขาก้าวเท้าเบา ๆ ออกจากที่ เดินย่องผ่านร่างของทวนไปยังบันไดเรือน ระวังไม่ให้มีเสียง ค่อย ๆ ย่างเท้าลงบันไดไปช้า ๆ เงียบ ๆ ใช้ระเบียงบันไดเกาะพาตัวลงไปทีละขั้นแผ่วเบา

ที่ใต้ถุนบ้าน เสียงเท้าม้าขยับอยู่เบา ๆ เขาย่องเข้าไปทางนั้น ในความมืดสลัว ๆ เขามองเห็นม้าตัวหนึ่งผูกอยู่กับเสาเรือนต้นหนึ่ง เขาเดินเข้าไปใกล้ ก็พบว่าม้าตัวนั้นมีเครื่องเคราผูกอยู่ครบ เหมือนกับจะเตรียมเดินทางโดยใครคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของ

เขาค่อย ๆ เข้าไปหาม้าตัวนั้น ตบแผงคอมันเบา ๆ เป็นการปลอบ มันผงกหัวอย่างรู้ เป็นม้าที่ได้รับการฝึกปรือมาอย่างดี เขาแก้เชือกบังเหียนที่ผูกอยู่กับเสาเรือนออก จูงมันย่างช้า ๆ เดินไปทางด้านหลังบ้าน ผ่านใต้ถุนออกสู่ที่โล่ง

นายตำรวจหนุ่มยกเท้าข้างที่ไม่เจ็บขึ้นเหยียบโกลนทิ้งน้ำหนัก โหนตัวตวัดขาขึ้นนั่งคร่อมอาน ขยับบังเหียนในมือกระชับ กระแทกส้นเท้าเข้าที่ท้องม้า ห้อตะบึงออกไปตามทิศทางที่เขาจำไว้จากการชี้ของทวน มุ่งไปทางทิศตะวันออก

ทวน ทองรุ่ง หรี่ตาทองดูนายตำรวจหนุ่มตั้งแต่ตอนที่ลุกขึ้นค่อย ๆ ย่องลงบันไดไปแล้ว เขาลุกขึ้นนั่งชันเข่าเมื่อร่างของนายตำรวจลับหายลงไป เขาหัวเราะอยู่คนเดียวในความมืด ได้ยินเสียงม้าหายใจครืดคราดอยู่ใต้ถุนบ้าน เสียงม้าขยับตัว และเสียงฝีเท้าม้าควบออกไปในความเงียบสนิทนั้น เขาล้มตัวลงนอนในท่าหลับสบาย

เสียงเอะอะดังมาจากทางเรือนใหญ่ของเสือฝ้าย แสงไปสว่างวอมแวมขึ้นใหม่จากบ้านหลาย ๆ หลัง แล้วเสียงเสือฝ้ายก็ตะโกนก้องมา

“ เฮ้ย ใครมันออกม้าไปดึกดื่นยังงี้วะ ”

เงียบ ไม่มีเสียงตอบ มีแต่เสียงผู้คนพูดกันพึมพำดังไปทั่ว จับความไม่ได้

“ เฮ้ย ตรวจดูซีโว้ยว่าใครมันออกม้าไปป่านนี้ ” เสียงเสือฝ้ายดังก้องมาอีก

แล้วเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก็ดังย่ำขึ้นเรือนที่ทวนนอนอยู่ ทวนสะบัดกายลุกขึ้นพอดีกับร่างของเสือฝ้ายพ้นบันไดขึ้นมา

“ ไอ้ตำรวจคนนั้นยังอยู่หรือเปล่าวะ ” เสือฝ้ายตะโกนถามเมื่อก้าวขึ้นพ้นบันได

ทวนหันขวับมาทางที่ร่างนายตำรวจนั่งพิงอยู่เมื่อกี้นี้ เขาเผ่นลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นแต่ความว่างเปล่า ตะโกนละล่ำละลักออกมาว่า

“ ตายแล้ว เฮ้ย ช่วยกันออกค้นหาโว้ย ”

เขาเผ่นผ่านร่างของเสือฝ้ายที่ขวางอยู่ตรงบันได ก้าวพรวด ๆ ลงบันไดไป

“ เฮ้ย ม้ากูอยู่ไหน ” เสียงทวนตะโกนลั่นอยู่ตรงบันได เขาแหวนหน้าขึ้นมองดูเสือ พูดออกมาด้วยเสียงตระหนกว่า “ พ่อ เอาม้าของฉันไปหรือเปล่า ”

เสือฝ้ายยืนนิ่งมองหน้าทวน

“ พ่อจะเอาไปไหน ” เขาพูดออกมาช้า ๆ “ ว่าแต่เอ็งให้ใครไปหรือเปล่า ”

“ เมื่อกี้ฉันผูกมันไว้ตรงนี้ ” เขาชี้ไปที่เสาเรือนที่ผูกม้าไว้

“ เอ็งเคยผูกม้าไว้ตรงนี้หรือวะ ” เสือพูดเสียงปนหัวเราะเบา ๆ “ ข้าเคยเห็นแต่เอ็งเอาเข้าคอกทุกวันเมื่อหมดเรื่องใช้แล้ว ”

“ เฮ้ย ออกตาม ” ทวนตะโกนสั่งสมุนที่มารายล้อมอยู่หลายคนตรงนั้น

สมุนที่รายล้อมต่างผละกันออกไป ชั่วอึดใจก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังสนั่นขึ้นรอบ ๆ หมู่บ้าน กระจายกันออกสู่ท้องทุ่ง แสงคบไฟสว่างไปเป็นทางที่ฝูงม้าควบไป

ทวน ทองรุ่ง ยืนนิ่ง หันไปมองเสือฝ้ายที่ยังยืนจ้องมองเขาอยู่เบื้องหลังบนบันได

เสือยืนมองดูลูกชายนิ่ง ไม่พูดอะไร เดินดุ่ม ๆ ลงบันไดไป

ความชุลมุนวุ่นวายมีอยู่ทั่ว ๆ ไป สมุนโจรบางคนที่ไม่ได้ร่วมไปในขบวนไล่ติดตาม ต่างก็มาออกันอยู่ที่บันไดเรือนที่ทวนยืนนิ่งอยู่นั้น

“ เป็นยังไง พี่ทวน ” คนหนึ่งพูดขึ้น “ ไอ้ตำรวจคนนั้นมันหนีไปหรือไง ”

ทวนส่ายหน้าช้า ๆ

“ ข้าเผลอหลับไปหน่อยเดียว มันย่องลงมาขโมยม้าข้าหนีไปได้ ข้าเห็นขามันเจ็บ ไม่นึกว่ามันจะมีพิษสงยังงี้ ”

เด็กสาวลูกกำนันเจ้าของบ้าน ซึ่งตื่นขึ้นมาเมื่อไรทวนไม่รู้ เข้ามายืนข้าง ๆ

“ พี่ทวน ตำรวจหนีไปได้หรือ ”

ทวนพยักหน้า ไม่พูด

เด็กสาวหัวเราะ “ ฉันนึกแล้ว ”

ทวนหันขวับไปมองหน้าคนพูด บัวหันหลังเดินกลับเข้าห้องไปโดยไม่พูดอะไรต่อ หันกลับมามองทวน หัวเราะกระแทกเสียงอีกครั้งก่อนที่จะเปิดประตูห้องเข้าไป

ทวนยืนนิ่งมองดูประตูห้องที่เด็กสาวหายเข้าไปนั้นอยู่ครู่หนึ่ง เดินลงบันไดไปที่บ้านเสือฝ้ายผู้พ่อ เสือฝ้ายนั่งอยู่บนยกพื้นหน้าห้องนอน มวนยาใบจากอยู่เมื่อทวนก้าวขึ้นไป

“ เอ็งปล่อยให้ไอ้ตำรวจคนนั้นมันหนีไปทำไม ” เสือฝ้ายเอ่ยถามขึ้น
ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เงยหน้ามอง

“ ฉันไม่ได้ปล่อยเขาไป ฉันเผลอหลับไปหน่อยเดียว มันแอบย่องลงไปเมื่อไหร่ไม่รู้ ”

“ พ่อว่าเอ็งรู้ ” เสือพูดทั้ง ๆ ก้มหน้ามวนยาใส่ใบจากในมือ

“ ฉันไม่นึกว่ามันจะมีแรงหนี มันกำลังเจ็บที่ขาอยู่ จะเดินลำบาก ” ทวนพูดเสียงมีกังวล

“ เอ็งมาได้ใช้อะไรผูกมัดมันเลยใช่ไหม ” เสือถามไม่มองหน้า

“ ขามันเจ็บยังงั้น ฉันไม่นึกว่ามันจะมีฤทธิ์ ” ทวนพูด “ แล้วมันก็เพิ่งจะอิ่มข้าวใหม่ ๆ ”

เสือหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่จะพูด

“ ถ้าเอ็งไม่ใช่ลูกพ่อ พ่อก็ต้องทำอะไรเอ็งสักอย่างแล้ว ไอ้ตำรวจคนนี้ดูเอ็งคอยจะช่วยมันทุกครั้งที่มันเสียท่าพวกเรา ทวน เอ็งบอกพ่อจริง ๆ เสียทีเถอะวะ ว่ามันมีดีอะไร ”

“ ไม่มีดีอะไรหรอกพ่อ ” ทวนตอบสวนคำทันที “ จะมีอยู่ก็แต่เขาเคยช่วยชีวิตฉันไว้ พ่อจำได้ไหมที่หนองตากลับนั่น ตอนที่ไอ้กำนันมันจะฆ่าฉัน ”

“ แล้วเอ็งก็เลยต้องใช้หนี้ชีวิตของเอ็งทุกทีงั้นเรอะ ”

“ ไม่ใช่ยังงั้นหรอกพ่อ มันมีเรื่องอื่น ”

เสือเงยหน้าหันขวับมามอง “ เรื่องอะไร ”

“ แล้วฉันจะบอกพ่อเอง แต่ว่าคราวนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจปล่อยเขาไป ” ทวนพูดด้วยเสียงหนักแน่น

เสือหัวเราะอีก “ เออ เอ็งมันฉลาดกว่าพ่อ ” เสือหยุดพูด แล้วพูดต่อด้วยเสียงหนัก ๆ “ ต่อไปนี้ก็คอยรับมือมันเถอะ ตำรวจมันต้องยกโขยงมาเล่นงานเราแน่ ไม่ช้าไอ้เฟื้อที่อยู่ใกล้เดิมบาง ฯ มันก็ต้องแจ้นมาบอกข่าว ”

“ ฉันว่าไม่หรอก ” ทวนพูดด้วยเสียงหนักแน่นอีก

เสือเงยหน้าขึ้น ยกมวนยาเสียบเข้าที่ปาก จุดไฟที่ปลายมวนยานั้นก่อนที่จะพูด

“ เอ็งว่าจะสอบถามอะไรมัน แล้วได้ความอะไรมั่งล่ะ ”

“ ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันมาก อีบัวมันเข้ามาขัดจังหวะเสียเรื่อย ” ทวนแก้ตัวไป

เสือหัวเราะอีก นิ่งไปครู่ใหญ่ พูดว่า

“ พ่อยังสงสัยที่เอ็งพูดว่า มันมีเรื่องอื่น พ่ออยากรู้ว่ามันเรื่องอะไร ”

“ แล้วฉันจะพูดให้พ่อฟังเอง ” ทวนพูดแค่นั้น

เสือมองหน้าทวนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง “ เออ ถ้ายังงั้นเอ็งก็ไปนอนได้ พ่อก็จะเข้านอนพอหมดยามวนนี้ ”

“ ฉันจะนอนที่นี่ ” ทวนพูด “ ฉันไม่มีธุระอะไรที่บ้านอากำนันแล้ว ”

“ ตามใจเอ็ง ” เสือพูดลุกขึ้นยืนคาบบุหรี่ พ่นควันปุ๋ย เดินเปิดประตูห้องเข้าไป

ทวนนั่งมองดูเสือตามหลัง จนประตูห้องปิด เขาถอนหายใจยาว ลุกขึ้นช้า ๆ เดินไปที่ห้องของตัว เปิดประตูเข้าห้องไป


ม้าตัวนั้นห้อตะบึงมากลางทุ่ง ผ่านหมู่บ้านมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก ผ่านหมู่บ้านสุดท้ายบนเส้นทางที่จะสู่อำเภอเดิมบางนางบวช

นายตำรวจหนุ่ม ร้อยตำรวจเอกเผชิญ ทรงศักดา นั่งเกาะกุมบังเหียนแน่น ความเจ็บปวดที่ท่อนขาทำให้กำลังขาของเขาอ่อนลงไปทุกขณะ แต่ความอดทนของเขามีเหนือกว่า เขากลั้นใจข่มความเจ็บปวด กรามขบแน่น ขณะหนีบขาแน่นอยู่บนหลังอาน ม้าตัวนี้เป็นม้าชั้นดี ฝีเท้าของมันรวดเร็วปานพายุ ถูกใจเขา

แสงไฟวอมแวมข้างหน้าที่ปรากฏให้เห็นนั้น เขายังไม่รู้ว่ามันเป็นหมู่บ้านอะไร ในความมืดทั่วทิศอย่างนี้ยากที่จะสังเกตได้ เขาตั้งใจที่จะแวะเข้าไปที่นั่นเพื่อสอบถามทิศทาง ทั้ง ๆ ที่ไม่แน่ใจว่าที่นั่นจะเป็นหมู่บ้านพรรคพวกเสือฝ้ายหรือเปล่า

เมื่อใกล้เข้าไปจนมองเห็นชายไม้ได้ถนัด เขาก็จำได้ว่านั่นเป็นหมู่บ้านทางเข้าสู่อำเภอเดิมบาง ฯ เป็นภูมิประเทศที่เขาผ่านออกไปตอนที่เขานำกำลังไปบ้านกอไผ่ไม่กี่วันมานี้

ร้อยตำรวจเอกเผชิญ บังคับม้ามุ่งหน้าเข้าไปทางนั้น แสงไฟสว่างเห็นชัดขึ้น แม้จะเป็นยามค่อนข้างดึก ชาวบ้านยังไม่หลับนอนกันบางบ้าน

เขานั่งม้าเรื่อยเข้าไป ผ่านบ้านที่เรียงรายอยู่นั้นตรงไปที่ตัวอำเภอ ผู้คนชักมีให้เห็นเดินกันขวักไขว่ ตำรวจในเครื่องแบบสองสามคนเดินตรวจตรากันเป็นกลุ่ม ๆ

เขาหยุดม้าลงที่บ้านหลังหนึ่งที่เห็นตำรวจนั่งอยู่เป็นกลุ่ม กำลังล้อมวงคุยกันอยู่ เขาผูกม้าไว้ที่เสาเรือนบ้านหลังนั้น ตำรวจทั้งกลุ่มไม่ได้เอาใจใส่กับเขา คงนั่งคุยกันเฮฮา ร้อยตำรวจเอกเผชิญเดินมุ่งไปที่เรือนหลังใหญ่ เขารู้ว่าที่นั่นเป็นที่ตั้งกองบังคับการกองปราบพิเศษ
เขาขึ้นไปบนบ้านหลังนั้น

“ เฮ้ย ไอ้เชิญนี่หว่า ” เสียงใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นจากเชิงบันไดบ้านนั้น
เขาหยุดชะงัก ก้มตัวลงไปมอง

ชายคนหนึ่งวิ่งตรงมาหาเขา ในเครื่องแต่งกายกางเกงสีกากี เสื้อยืดสีขาว

“ เอ็งมายังไงกันวะนี่ ” ชายคนนั้นร้องทักเมื่อมาถึงตัว

“ ผู้การอยู่มั้ย ” เขาถาม

“ เพิ่งเข้าห้องไปเมื่อกี้นี้เอง ” เป็นเสียงตอบ “ เอ็งจะไปกวนท่านทำไม ”

“ ข้ามีเรื่องด่วนที่จะรายงาน ” เขาตอบ ก้าวพรวด ๆ ขึ้นเรือนไป
เขายกมือเคาะที่ประตูห้องหนึ่งเบา ๆ

ประตูบ้านนั้นเปิดแง้มออก ใบหน้าที่ตอบเขาอยู่เบื้องหลังประตูนั้น จ้องมองเขานิ่งอยู่

“ กระผม ร้อยตำรวจเอกเผชิญ ทรงศักดา ขออนุญาตรายงานด่วนครับ ”

ร่างของคนที่แง้มประตูก้าวออกมา ยืนประจันหน้า “ ว่าไป ”

“ กระผมได้นำกำลังตำรวจไปจับตัวเสือฝ้ายและพวก กระผมได้ติดตามเสือฝ้ายไปจนถึงบ้านกอไผ่ ได้เข้าทำการ ณ ที่นั้นด้วยกำลังทั้งหมด กำลังส่วนใหญ่ถูกทำลาย และกระผมถูกพวกโจรจับตัวไปได้ บัดนี้กระผมได้ใช้ความพยายามหลบหนีจากการควบคุมออกมาได้ ขอรายงานเหตุการณ์โดยละเอียด ครับผม ”

พันตำรวจเอกพิชัย พงษ์มนตรี ผู้บังคับหน่วยปราบปรามพิเศษ เดินไปจูงมือผู้กองหนุ่มมายังเก้าอี้หมู่ที่ระเบียงบ้าน ชี้เก้าอี้ตัวหนึ่ง

“ เอ้านั่ง แล้วเล่าไป ”

ตัวเขาเองนั่งลงบนเก้าอี้อีกตัวตรงหน้า ผู้กองหนุ่มจึงนั่งลง

“ กระผมขอรับผิดที่ทำการครั้งนี้ล้มเหลว ครับผม แล้วแต่จะกรุณา ”

พันตำรวจเอกพิชัย หัวเราะลั่น
“ ผมรู้มาก่อนแล้ว ตั้งแต่ส่วนหนึ่งของกำลังที่คุณนำไป กลับมารายงานถึงความเพลี่ยงพล้ำ เล่ารายละเอียดไป ”

ผู้กองหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนที่จะพูดว่า

“ กระผมยอมรับในความผิดพลาดครั้งนี้โดยไม่มีข้อแก้ตัวแต่อย่างใด มันเป็นเพราะกระผมไม่ได้ศึกษาภูมิประเทศเสียให้แน่นอนก่อน ก่อนที่จะนำกำลังติดตาม กระผมได้นำกำลังไปถึงบ้านกอไผ่ทันทีที่ออกจากที่ตั้ง กระผมต้องพบกับความผิดหวังที่นั่น เพราะเสือฝ้ายได้นำกำลังไปที่อื่นทั้งหมด เหลือแต่คนไม่กี่คนนอกจากผู้หญิงและเด็ก กระผมได้นำกำลังออกติดตามไปโดยไม่ได้หาข่าวล่วงหน้า กระผมได้ทำการทั้งนี้ด้วยความประมาท นำกำลังมุ่งหน้าตามรอยเสือฝ้ายไปโดยไม่ได้ยั้งคิด ”

“ เอาละ ” ผู้บังคับการขัดขึ้น “ ผมต้องการรู้ว่าทำไปถึงไปเสียท่าเสือฝ้าย ”

“ กระผมติดตามไปตามทิศทางที่เสือฝ้ายยกกำลังไป หวังว่าจะสวนทางกัน ณ ที่ใดที่หนึ่ง ” ผู้กองพูดเสียงหนักแน่น “ กระผมไม่ได้สวนทางกับเสือฝ้ายดังที่ประมาณการณ์ไว้ ไม่ทราบว่าเสือฝ้ายยกกำลังกลับทางไหน จึงไม่สวนทางกัน ทั้ง ๆ ที่กระผมได้เดินทางไปถึงหมู่บ้านชายแดน กระผมได้พบกำนันที่นั่นซึ่งเพิ่งถูกเสือฝ้ายยกพวกเข้าปล้นทั้งหมู่บ้าน กวาดล้างทรัพย์สินไปจนหมด และเพิ่งจะยกกำลังย้อนกลับบ้านกอไผ่ ก่อนหน้าที่กระผมจะยกกำลังไปถึงเพียงสองวัน กระผมไม่ทราบว่าเสือฝ้ายเดินทางกลับทางไหนจึงไม่สวนทางกัน ”

ผู้บังคับการหัวเราะหึ “ เขามีคนนำทางที่ดี และการข่าวของเขาต้องดีมาก เขาต้องรู้ว่ามีกำลังตำรวจยกติดตามมา ”

“ กระผมก็เห็นว่าอย่างนั้น ครับผม ” นายตำรวจหนุ่มพยักหน้าช้า ๆ
“ แต่กระผมแปลกใจที่ว่า เสือฝ้ายทำไปจึงมีการข่าวดีเช่นนั้น ”

“ เล่าต่อไป ” ผู้บังคับการตัดบท

ผู้กองหนุ่มถอนใจลึกครั้งหนึ่งก่อนที่จะรายงานต่อ “ กระผมนำกำลังกลับมาด้วยความไม่ยั้งคิด ไม่ได้พักผ่อน จนถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง กระผมได้พบกับลูกชายของเสือฝ้ายที่มาพักอยู่ที่หมู่บ้านนั้นโดยบังเอิญ ในวันที่กระผมนำกำลังไปถึงที่นั่นกระผมจับตัวลูกชายเสือฝ้ายไว้ได้ จึงไม่ได้คิดพักผ่อนที่นั่น รีบนำตัวเขาออกจากหมู่บ้านนั้นเพื่อเร่งเข้าหาบ้านกอไผ่ในคืนนั้นทันที ”

“ ลูกชายเสือฝ้ายที่ชื่อทวนใช่ไหม ”

“ ครับผม ”

“ นั่นไม่ใช่ความบังเอิญ เขาไปดักคอยให้คุณจับตัวเขา ”

นายตำรวจหนุ่มนิ่งชะงัก เขามองหน้าผู้บังคับการของเขาอย่างไม่แน่ใจ

“ เขาไปคอยให้คุณจับตัวเขา เพราะรู้ว่าคุณจะต้องย้อนกลับมาที่นั่น เมื่อผิดหวังในการติดตามเสือฝ้าย และผมเชื่อว่าเขาคือคนที่นำทางให้เสือฝ้ายหลบหลีกเส้นทางของคุณ เมื่อเขาได้ข่าวเส้นทางเดินของคุณ ”

ร้อยตำรวจเอกเผชิญ นั่งนิ่งมองดูผู้การของเขาด้วยความงุนงงอีก

“ เล่าต่อไป ” ผู้การสั่งการ

“ กระผมนำนายทวนคนนั้นมากับกองกำลัง มุ่งหน้าเข้าหาบ้านกอไผ่อย่างรีบด่วน โดยไม่ได้พักรับประทานอาหารเย็นด้วยความลืมตัว กระผมผิดที่ไม่ได้คิดให้ถ้วนถี่และใจร้อนเกินไป กำลังของกระผมมาถึงบ้านกอไผ่ตอนค่ำและมุ่งเข้าโจมตีทันที ”

“ คุณทำยังไงกับลูกชายเสือฝ้าย ” ผู้การขัดขึ้น

นายตำรวจหยุดชะงักอยู่ครู่หนึ่ง พูดเบา ๆ ออกมาว่า

“ กระผมไขกุญแจมือที่ใช้พันธนาการเขาออก เพื่อให้เขาคิดหนีล่วงหน้าเข้าไป แล้วเราจะได้ติดตามเขาไปอย่างใกล้ชิดในขณะที่เขาหนีเข้าหมู่บ้าน ”

“ แล้วยังไง ”

“ ฝีเท้าม้าของเขาเร็วมาก เร็วกว่าม้าของฝ่ายเรามากนัก กระผมคาดการณ์ไม่ถึงว่าฝีเท้าม้าของจะดีเช่นนั้น ”

“ เราตามเขาไม่ทันละซี เขาถึงหมู่บ้านก่อน และทางฝ่ายเสือฝ้ายรู้ตัวเตรียมการตั้งรับทัน เป็นยังงั้นใช่ไหม ”

“ ครับผม ” ผู้กองหนุ่มผงกหัวรับ “ แต่ว่าก่อนที่กำลังของเราจะถึงหมู่บ้านกอไผ่ ได้มีม้าเร็วของพรรคพวกเสือฝ้าย รีบรุดออกจากหมู่บ้านหนึ่งก่อนที่จะถึงบ้านกอไผ่ ได้ออกไปบอกข่าวก่อนหน้าแล้ว ครับผม กระผมเห็นว่าถึงอย่างไรเสือฝ้ายก็ต้องเตรียมตัวตั้งรับอยู่แล้วจึงได้คิดย้อนกล ให้ลูกชายเชลยของเราหนีนำหน้าเข้าหมู่บ้านก่อน เพื่อที่จะเป็นกำบังและนำทางให้เราเข้าตีได้โดยสะดวกด้วย ”

“ แต่ฝีเท้าม้าของเขาดีกว่าเรามาก เราจึงไม่ได้เปรียบ ” ผู้การต่อให้

“ ครับผม ” ผู้กองรับคำเสียงอ่อย ๆ ก้มหน้านิ่ง

“ เล่าต่อไป ”

“ เสือฝ้ายนำกำลังออกมาตั้งรับนอกชายหมู่บ้าน เกิดการต่อสู้กันที่นั่น ฝ่ายเราชำนาญในพื้นที่ ต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ต้องเสียกำลังไปหลายคน กระผมจึงตัดสินใจนำกำลังเข้าบุก และกระผมก็ถูกกระสุนเข้าที่โคนขา ล้มลง ไม่สามารถนำกำลังต่อไปได้ หมู่เทียบได้เข้ามาปกป้องกระผม และเสียชีวิตไป ณ ที่นั้น ต่อจากนั้นกระผมก็ไม่รู้สึกตัว มารู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในความควบคุมของฝ่ายโจรเสียแล้ว”

“ คุณพบกับนายทวนอีกใช่ไหม ”

“ ครับผม เขาเป็นคนที่รักษาบาดแผลของกระผม และนำตัวกระผมไปควบคุมไว้ที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเข้าใจว่าจะเป็นบ้านของกำนันที่นั่น ”

“ แล้วคุณหลบหนีมาได้ยังไง ”

“ เมื่อตอนหัวค่ำ เมื่อเขาหาอาหารให้รับประทานเรียบร้อยแล้ว เขาก็เฝ้ากระผมอยู่ที่นั่น พอเขาหลับไป กระผมก็ฉวยโอกาสข่มความเจ็บปวดที่ขา ยันตัวเดินลงมาได้ พบม้าตัวที่กระผมขี่มานี้ผูกอยู่ใต้ถุนบ้านนั้น กระผมก็แก้เชือกขี่หนีมาได้ ครับผม ”

ผู้บังคับการแหงนหน้า พิงศีรษะกับเบาะเก้าอี้ หัวเราะก้อง
“ คุณไม่แปลกใจบ้างหรือที่พบม้าผูกไว้ยังงั้น ”

ผู้กองหนุ่มนั่งนิ่ง จ้องมองหน้าผู้บังคับบัญชาด้วยความสงสัย

พันตำรวจเอกพิชัยหยุดเสียงหัวเราะ นัยน์ตาจับที่ผู้ใต้บังคับบัญชา

“ แล้วก็ตอนที่คุณโดนกระสุนเข้าที่โคนขานั้น คุณกำลังอยู่ในลักษณะอย่างไร ”

“ ผมกำลังเผ่นขึ้นเต็มตัวเพื่อที่จะนำกำลังเข้าบุกให้รู้แล้วรู้รอดไป เพราะรำคาญกับสถานการณ์ที่เสียเปรียบอย่างนั้น ครับผม ”

“ คุณน่าจะโดนกระสุนเข้าเต็มอก แทนที่จะโดนที่โคนขา ไม่สงสัยบ้างหรือว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ”

นายตำรวจหนุ่มนั่งครุ่นคิด เขาพยักหน้าช้า ๆ

“ ผมไม่สามารถที่จะเดาเหตุการณ์ได้ ครับผม ”

“ คนที่เขาต้องตั้งใจที่จะยิงที่โคนขา เพื่อหยุดคุณเท่านั้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อที่จะช่วยชีวิตคุณในขณะที่กำลังบ้าระห่ำอย่างไม่มีเหตุผล ”

“ พวกโจรนั่นน่ะหรือครับ ”

“ หนึ่งในพวกโจรนั่นแหละ ” ผู้การพูดปนเสียงหัวเราะ

“ ผมยิ่งไม่เข้าใจใหญ่ ” นายตำรวจหนุ่มแสดงสีหน้างุนงง

“ คุณจะไม่มีวันเข้าใจ ถ้าผมไม่อธิบายให้ฟัง และผมขอเตือนว่า ความมุทะลุของคุณได้ทำให้คุณเสียทีมาแล้วสองครั้งในเหตุการณ์นี้ ผมเองเป็นคนสั่งการให้ใครคนหนึ่งคอยระวังช่วยเหลือคุณ ”

คิ้วของนายตำรวจขมวดนิ่ง เขามองหน้าผู้บังคับการของเขาเฉยอยู่

“ วันหนึ่งคุณจะได้พบกับคนคนนั้น ” ผู้บังคับการพูดต่อช้า ๆ

ผู้บังคับกองนั่งขมวดคิ้วนิ่ง ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองผู้การ พูดช้า ๆ ชัดถ้อยชัดคำออกมาว่า

“ คงไม่ใช่ลูกชายเสือฝ้ายคนที่ชื่อทวนคนนั้นนะครับผม ”

ผู้บังคับการหัวเราะ “ วันหนึ่งคุณจะได้พบคนคนนั้น ”

นายตำรวจหนุ่มมองหน้าผู้บังคับบัญชานิ่งครู่หนึ่ง คลายขมวดคิ้ว พูดว่า
“ กระผมขอรับคำสั่งปฏิบัติการต่อ ครับผม ”

“ คุณไปพักผ่อนได้ ” เป็นคำตอบสั้น ๆ

“ผู้บังคับกองหนุ่มลุกขึ้นโค้ง ขาของเขาสั่นด้วยความเจ็บปวดที่กระสุน

“ ไปให้หมอเวรที่โรงหมอเขาดูแผลเสียก่อนก็ได้ก่อนพักผ่อน ” ผู้บังคับการพูดเสียงแสดงความปรานี “ อย่าทิ้งไว้พรุ่งนี้ มันอาจจะเป็นอันตราย ”

“ ครับผม ”

พันตำรวจเอกพิชัย พิทักษ์มนตรี ทิ้งศีรษะลงพิงพนักเก้าอี้ เมื่อร่างของร้อยตำรวจเอกเผชิญก้าวหายลับลงบันไดไป เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนที่จะค่อย ๆ ลุกขึ้นเดินเปิดประตูห้องของเขาเข้าไป

ร้อยตำรวจเอกเผชิญ ทรงศักดา เดินดุ่ม ๆ ไปยังเรือนพักหลังยาวด้านหลังกองบังคับการ ที่นั่นลงเหล้ายังจับกลุ่มกันอยู่ลงย่อม ๆ

“ เฮ้ย ไอ้เชิญ มานี่ ” เสียงคนในวงคนหนึ่งตะโกนเรียก

เผชิญเดินเข้าไปหาลงนั้น พอนั่งลงก็มีแก้วเหล้าแก้วหนึ่งวางลงตรงหน้า

“ เอ้า ซัดเสีย เอ็งหายไปนาน ขาเป็นอะไรเดินโขยกเขยก ”

เผชิญรับแก้วเหล้าแก้วนั้นมายกขึ้นดื่ม วางแก้วลง

“ พวกเอ็งทำไมยังไมเข้านอนกันเสียที ” เขาพูด กราดสายตาไปทั่ว ๆ ไม่ตอบคำถามนั้น “ มานั่งเมากันอยู่ได้จนดึกดื่นป่านนี้ ”

“ มึงว่าใคร ดูเสียดี ๆ พี่เชิดเขานั่งอยู่นั่น เขารุ่นพี่ ” คนพูดชี้ไปที่
บุคคลคนหนึ่งที่นั่งถือแก้วเหล้าอยู่ในมือ “ ด่ากราดไม่ดูตาม้าตาเรือ เดี๋ยวพี่เขาก็เตะเอา ”

นายตำรวจหนุ่มสะดุ้ง เมื่อหันไปสบตานายตำรวจผู้อาวุโสกว่าซึ่งนั่งนิ่งมองดูยิ้ม ๆ

“ ขอโทษพี่ ” เขายกมือไหว้ “ ผมไม่ทันสังเกต นึกว่าไอ้พวกนี้มันอยู่กันตามลำพัง ”

“ รุ่นเดียวกันทั้งนั้นหรือนี่ ” ผู้อาวุโสถือแก้วเหล้าพูด “ ผมมันแตกรุ่นมา ไม่เป็นไร เราไม่ถือสากัน พวกรุ่นผมถูกเรีอกมาใช้งานนี้อีกสามสี่คน อยู่ทางเรือนโน้น ” เขาหันไปชี้ทางเบื้องหลัง “ ผมนอนไม่หลับก็เลยเกร่มาแถวนี้ พบพวกนี้เขายังสนุกกันอยู่ เพราะเพิ่งจะได้กลับมาจากการเปลี่ยนกำลัง ก็เลยเข้ามาร่วมวงกับเขา ตามสบายคุณ ... อะไรนะ ”

“ เผชิญครับ ” ผู้กองหนุ่มตอบ “ พี่ก่อนผมกี่รุ่น ”

“ เราสวนกันหน้าประตูโรงเรียน ” นายร้อยตำรวจเอกเชิดตอบ “ รุ่นคุณเดินเข้า รุ่นผมเดินออก ”

เสียงหัวเราะดังครื้นเครงขึ้นทั้งวง

“ มิน่า ผมถึงไม่รู้จักพี่ ” เผชิญพูด “ ผมขอโทษพี่ ล่วงเกินพี่ ไม่ทันได้ดูตาม้าตาเรือจริงของได้พวกนี้มัน ”

“ ไม่เป็นไร ขอกันกินมากกว่านี้ ” รุ่นอาวุโสพูด หัวเราะร่า “ ว่าแต่คุณไปราชการคราวนี้ พบไอ้รุ่นเดียวกับผมอีกคนหนึ่งมั่งหรือเปล่า มันโดนใช้ไปราชการแถว ๆ บ้านกอไผ่เหมือนกัน ”

นายตำรวจหนุ่มสั่นหน้าช้า ๆ

“ ผมไม่ได้พบนายตำรวจอื่นอีกทั้งไปและกลับ พี่เขาไปทำงานแถวไหนครับ ”

“ มันถูกส่งไปแถว ๆ นั้น ผมก็ไม่รู้แน่ว่าที่ไหน ตำบลอะไร ไม่ใช่เรื่องที่จะถาม มันชื่อไอ้เทพ พงษ์พิมาน เป็นร้อยตำรวจเอกเต็มขั้นเหมือนผม ”

นายตำรวจหนุ่มสั่นหน้า

“ ผมเคยแต่ได้ยินชื่อนี้ ” เขาพูดสมองครุ่นคิด “ รูปร่างยังไงพี่ ”

“ สูงใหญ่ มันล่ำสันกว่าผม ดำ ๆ หน่อย ”

“ เขาไปงานเปิดเผย หรืองานปกปิด ”

“ คงจะปกปิด เมื่อไม่กี่วันนี้มันยังแอบกลับมารายงานข่าวกับผู้การ แล้วก็แวบกลับไป ไม่ได้หยุดพักผ่อน ”

ผู้กองหนุ่มนั่งครุ่นคิด เขาทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขานิ่งอยู่ครู่ใหญ่ พูดเบา ๆ ออกมา

“ เอาไว้ถ้าผมได้กลับไปใหม่ ผมจะลองค้นหาดูว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่ผมสงสัยว่า ผมจะเดาออกว่าเขาเป็นใคร ถ้าผมคาดการณ์ไม่ผิด ”

“ กินเหล้ากันดีกว่า ” คู่สนทนาตัดบท “ หมดงานแล้วก็ควรจะสนุก เอ้า... ดื่ม ”

ร้อยตำรวจเอกเผชิญหัวเราะเบา ๆ ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มตามคำชวน เขานึกถึงคำพูดของผู้บังคับการที่เพิ่งจะกล่าวเป็นนัย ๆ กับเขาเมื่อกี้นี้ แล้วเขาก็คิดถึงลูกชายเสือฝ้ายที่ชื่อ ทวน ทองรุ่ง คนนั้น เขานั่งนิ่งปล่อยให้ความสงสัยเข้าครอบงำ

“ มันจะเป็นไปได้ยังไง ” เขาพึมพำกับตัวเองเงียบ ๆ ในใจ




Create Date : 27 ธันวาคม 2552
Last Update : 27 ธันวาคม 2552 2:05:01 น. 2 comments
Counter : 763 Pageviews.

 
ที่แล้วมาขอให้ผ่าน
กาลเวลากำลงเริ่มต้นใหม่
ขอเป็นดั่งกำลังใจ
ให้ก้าวในปีต่อไปไม่ทุกข์ทน
ที่ผ่านมาอาจลำบากเจอเรื่องยากใจหมองหม่น
นั่นเป็นการทดสอบความเป็นคน
อีกไม่นานความหม่นจะจางไป

ต่อไปนี้จะขอเริ่มมาเต่งเติมชีวิคใหม่
จะไม่เศร้าเหงาต่อไปมีหัวใจเป็นเดิมพัน
ไผ่ค่ะ


โดย: chabori วันที่: 27 ธันวาคม 2552 เวลา:21:18:48 น.  

 
ขอบคุณค่ะ คุณไผ่

ขออวยพรให้คุณไผ่ และ เพื่อน ๆ ที่แวะมาให้กำลังใจกัน มีแต่ความสุข ปลอดจากโรค ปลอดจากภัยทุกชนิด
ประสบแต่ความเป็นมหามงคลตลอดปีเสือ 2553 นี้

ธารน้อย



โดย: ธารน้อย วันที่: 31 ธันวาคม 2552 เวลา:1:58:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.