จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
16 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
จับปูดำ ขยำปูนา (บทที่ 6 ตอนที่ 2)


ผมออกรถจากที่นั่นเวลาเกือบจะสิบโมง ผมบึ่งไปที่บ้านแม่ต๊อย
จอดรถตรงที่ที่เคยจอด แล้วผมก็เดินเข้าไปในบ้าน โรงรถของแม่ต๊อยปิดสนิท ตัวเองคงจะอยู่บ้านเพราะไม่ยังงั้นมันจะเปิดอ้าซ่าอยู่ และมันก็ยังเป็นเวลาที่หล่อนยังไม่ควรจะออกไปไหน ผมเคาะเบา ๆ ที่ประตูสอง-สามที ก็มีเสียงข้างในร้องถามออกมาว่า

“ ใครน่ะ ”

เสียงแม่ต๊อย ผมจำได้ ผมตะโกนเข้าไป

“ เปิดเหอะน่า ใครก็ช่าง ”

เสียงลูกบิดประตูลั่นดังกริ๊ก บานประตูเปิดแง้มออก ผมดันเข้าไป แม่ต๊อยเซไปเพราะแรงดันของผมแล้วร้อง “ อุ๊ย ”ออกมาเบา ๆ ผมผ่านหล่อนเข้าไปในห้องเสียแล้ว

“ มาทำไมแต่เช้า ” หล่อนพูดแล้วกระชับเสื้อนอนที่ติดตัวอยู่หลวม ๆ ให้เข้าที่

“ คิดถึงน่ะซี ” ผมว่าแล้วเดินตรงไปที่ห้องนอนที่ประตูยังเปิดอ้าอยู่ “ จะมาขอนอนด้วย เมื่อคืนนี้ไม่ได้นอนทั้งคืน ไหนว่าจะไปนอนบ้านเพื่อน ”

ผมผลักประตูห้องนอนเข้าไป เสียงผู้หญิงร้อง “ อุ๊ย ” ดังออกมาอีกเบา ๆ จากที่เตียง แสงสลัว ๆทำให้ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างส่วนบนที่เปลือยเปล่าอยู่ของหล่อน แล้วซุกตัวลงนอนมองดูผมอยู่

แม่ต๊อยเข้ามายึดแขนผมไว้ ดึงให้หยุด

“ อย่ายุ่งนะ เพื่อนต๊อยที่จะไปนอนด้วยเมื่อคืนนี้ละ ”

“ อ้าว ! แล้วทำไมมานอนที่นี่ ” ผมหันไปถาม

“ ที่บ้านมัน แฟนเพื่อนมันไปนอนอยู่ มันก็เลยมานอนกับต๊อย ”

หล่อนยังยึดแขนผมอยู่ “ อย่ายุ่งนะ ”

ผมมองดูแม่ต๊อยแล้วหันไปดูเพื่อนบนเตียงที่ยังลืมตาแป๋วมองผมอยู่

“ สวยดีนี่ ต๊อย ” ผมว่า “ ขอเพียงรู้จักหน่อยไม่ได้เหรอ ”

แม่ต๊อยมองหน้าผมนิ่งอยู่ แล้วพูดว่า

“ อย่าพูดดีกว่า อย่างพี่นะเหรอจะเพียงแต่รู้จัก ไม่เอา ” แล้วหล่อนก็จับผมหันหน้าออก รุนหลัง “ ออกไปคอยข้างนอก เดี๋ยวจะเข้าห้องน้ำแต่งตัวแล้วจะออกไปหา กี่โมงแล้วล่ะพี่ ”

“ สิบโมงกว่าแล้วมั้ง ”

“ ดีแล้ว งั้นเดี๋ยวพาต๊อยกับเพื่อนไปเลี้ยงข้าวกลางวันด้วย ไปรออยู่ข้างนอก เขาจะได้แต่งตัวกัน ” หล่อนรุนผมให้ออกมานอกห้องจนได้

“ หยิบเงินมาให้หมื่นนึงด้วย ” ผมหันหลังพูดก่อนที่ประตูจะปิดดังกริ๊ก

ผมเดินไปที่ตู้เย็นเปิดหาอะไรที่พอจะดื่มแก้คอแห้งเวลานั่งคอย มีเบียร์กระป๋องอยู่สอง-สามกระป๋อง ผมหยิบมันออกมาเปิด แล้วมานั่งคอยที่เก้าอี้รับแขก ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นกรอก มันเย็นเจี๊ยบชุ่มคอ ดีกว่าจะนั่งอยู่เปล่า ๆ

เบียร์หมดไปสองกระป๋อง สองอนงค์นางจึงเปิดประตูออกมา เพื่อนแม่ต๊อยคนนี้สวยจริง ๆ ทั้งใบหน้าและรูปร่าง ผมว่าแม่ต๊อยยังเป็นรอง ผมนั่งมองดูหล่อนไม่วางตาจนแม่ต๊อยเข้ามาถึงตัว และยื่นเงินปึกมาให้ตรงหน้า ผมก็ยังไม่รู้ตัว

“ เอ้า ตาค้างอยู่ได้ ” แม่ต๊อยเตือนสติผม “ เห็นผู้หญิงสวย ๆ เป็นไม่ได้ เป็นยังงี้ทุกทีหรือเปล่า ฮึ ! ”

“ ไม่ค่อยจะได้เห็นคนสวย ๆ อย่างนี้ ต๊อยว่าสวยแล้วยังแพ้เขานิดเดียว ” ผมเอื้อมมือไปรับฟ่อนเงิน พูดไปด้วย มือจับเงินแต่ตายังอยู่ที่แม่คนนั้น หล่อนยิ้มให้ ยิ้มสวยเสียแน่ะ – เออ

“ บอกชื่อหน่อยซิ จะได้คุยกันถูก เดี๋ยวเรียกผิดเรียกถูก ” ผมว่าของผมต่อ

“ เก๋คะ ” เจ้าหล่อนเอ่ยออกมาเอง เสียงก็เพราะ “ เรียกหนูว่าเก๋ก็แล้วกัน ”

“ ผม – ยอด ” ผมแนะนำตัวเอง

“ เอ้า มัวแต่เก๋ แต่ยอด กันอยู่นี่เอง เมื่อไหร่จะไป ” แม่ต๊อยดุเอา “ หิวจะตายชักอยู่แล้ว ”

ผมลุกขึ้นเดินนำหน้าไปที่ประตู

“ หล่อนะ แฟนพี่ต๊อยนี่ ” ผมได้ยินเสียงเพราะของแม่เก๋พูดเบา ๆ

“ ระวังตัวให้ดีเหอะ เธอน่ะ ” เสียงแม่ต๊อยตอบ “ ไวยังกะปรอท ”

ผมทำเป็นไม่เอาใจใส่ เปิดประตูให้ทั้งสองเดินผ่านออกไป แม่ต๊อยเดินนำหน้าออกไปก่อน แม่เก๋เดินตามหลังติด ๆ พอผ่านออกมาผมก็ก้มลงจุ๊บเบา ๆ ที่แก้มแม่เก๋ หล่อนตีแขนผมเผียะเบา ๆ แต่ยิ้มบวกกับค้อนเป็นวงโต ตาวาวตวัดไปทางแม่ต๊อย

“ อะไรกันน่ะ ” แม่ต๊อยหันขวับมาดู แต่เหตุการณ์นั้นมันเกิดขึ้นเร็วและจบลงเร็ว มีแต่แม่เก๋กับผมสองคนที่รู้

ไม่มีใครตอบคำถามของแม่ต๊อย แม่ต๊อยก็ได้แต่มองผมอย่างสงสัย ๆ เมื่อผมเดินตามหลังไปที่รถผมจอดอยู่

“ นั่งจี๊ปหน่อยเป็นไง ” ผมพูด ขณะที่แม่ต๊อยกำลังยืนลังเลจะเอารถออกหรือยังไงดี “ เดี๋ยวจะกลับมาส่งอีก ” ผมมีแผนการของผมเสียแล้ว
แม่ต๊อยไม่ว่าอะไร เดินนำหน้าขึ้นไปนั่งบนจี๊ปของผมตรงที่นั่งข้าง ๆ คนขับ แล้วเขยิบที่ให้แม่เก๋นั่งข้าง ๆ ตัวเอง ผมก้าวขึ้นนั่งที่นั่งคนขับ มันก็พอดีกระชับติดแม่ต๊อย ทั้งสองคนนุ่งกางเกงรัดรูป ขาคร่อมเกียร์ได้ ไม่กะกะ

ผมติดเครื่อง

“ อย่าเข้าเกียร์ผิดนะ ” แม่ต๊อยพูดแล้วหัวเราะ ขณะที่ผมเอามือไปควานเกียร์ตรงหว่างขาของหล่อน ผมแกล้งกวาดมือเฉี่ยวไปที่เป้ากางเกงจนหล่อนสะดุ้ง ตอนที่ผมจะผลักเกียร์ถอยหลังขึ้นไปเพื่อกลับรถ
แม่เก๋หัวเราะ ก็ไม่รู้หัวเราะทำไม คงจะเห็นตอนที่ผมกวาดมือเฉี่ยวเป้ากางเกงแม่ต๊อยเล่นจนสะดุ้งนั่นเอง

ผมพาสองคนนั่นไปกินข้าวที่ร้านอาการจีนชั้นดีแห่งหนึ่งที่ย่านสยามสแควร์ พอย่างขึ้นไปชั้นบน กำลังใช้สายตาควานหาที่ว่างก็ได้ยินเสียงจากโต๊ะหนึ่งตะโกนลั่นมา

“ ไอ้ยอด มาทางนี้ มาทางนี้ ” แล้วไอ้คนที่ตะโกนก็ลุกจากโต๊ะที่อยู่มุมห้องเดินเป็นวิ่งเข้ามาหา มันฉุดแขนผมแกมลาก พาไปที่โต๊ะที่พวกมันนั่งกันอยู่สี่คน ผู้คนที่นั่งกันอยู่อีกหลาย ๆ โต๊ะต่างพากันหันมามอง ผมต้องหันมาพยักหน้าให้แม่ต๊อยและแม่เก๋ตามไปด้วย ขัดใจมันไม่ได้ไอ้พวกนี้ เดี๋ยวไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรอีก เห็นผู้หญิงสวย ๆ เป็นไม่ได้เหมือนกัน เลือดบูชิโดทั้งนั้น

พอนั่งลงบนที่ว่างที่มันจัดให้ โดยให้ผมนั่งเสียไกลจากผู้หญิงทั้งสองคน แล้วพวกมันก็เข้านั่งประกบข้างแม่ต๊อยคู่หนึ่ง ประกบข้างแม่เก๋อีกคู่หนึ่ง ซักถามชื่อแซ่กันวุ่น

“ เอ้า ! พวกมึงไม่เป็นอันสระแอ-ดอ-ออกันแล้วซีนะ ” ผมส่งเสียงกับพวกมัน “ เห็นผู้หญิงเป็นไม่ได้ มึงเพิ่งออกมาจากป่ากันหรือยังไง ”

“ อาหารมีเยอะ หาเมื่อไรก็ได้ แต่ผู้หญิงสวย ๆ อย่างนี้หายาก ” มันคนหนึ่งหันมาพูดกับผม “ มึงก็ยัดทานของมึงไปซีวะ ที่วางอยู่เต็มโต๊ะนี่ ให้กูสนทนาพาทีหน่อยไม่ได้หรือไง กูอยากรู้ว่าคุณทั้งสองที่น่ารักทั้งคู่นี้ต้องการจะรับประทานอะไรไม่ทราบ ”

พูดแล้วมันก็หันกลับไปเอียงหน้ามองคนที่มันประกบไว้ตรงกลางทั้งคู่นั้น ผมปล่อยให้มันวุ่นของมันไป เรียกบ๋อยมาสั่งวิสกี้ชั้นดีไปขวดหนึ่ง พร้อมทั้งน้ำแข็งและขวดน้ำดื่มได้ ผมอยากจะเปลี่ยนรส ลองดูน้ำผสมเหล้าดูบ้างว่ามันจะเป็นยังไง

อาหารถูกสั่งมาอีกเต็มโต๊ะ ตามความต้องการของพวกมัน แม่สองคนนั่นคงไม่มีกะใจที่จะสั่งอาหารเอง เพราะมัวแต่คอยตอบคำถามไอ้พวกนั้นอยู่ ผมก็ง่วนกับเหล้าและกับของผม เหลือบตาขึ้นดูทั้งแม่เก๋แม่ต๊อยต่างส่งค้อนมาให้ผมทั้งคู่ เมื่อมีโอกาสปะหลับปะเหลือกได้ แล้วพวกมันก็รุมกันตักอาหารให้ เอาใจทั้งสองคน

ผมต้องอุทิศให้กับความซวยของผมที่ดันบังเอิญเข้าร้านผิด

“ ไอ้ยอด ต่อจากนี้มึงจะไปไหน ” ไอ้คนหนึ่งหันมาถามผม

“ พวกมึงออกจะประพฤติตนเป็นพ่อกูมากไปแล้ว ” ผมพูดไปตักอาหารไป “ ถึงกับจะต้องรู้ถึงการดำเนินชีวิตของกูคลอดรายการ มันก็ออกจะอยากรู้ในสิ่งที่ไม่ควรจะรู้มากไปหน่อย ”

“ อ้อ แปลว่า มึงหาว่าพวกกูเสือก ” ไอ้คนนั้นแปล

“ เออ มึงเก่ง ” ผมว่า “ ฉลาดกว่าความประพฤติขึ้นมาก ”

“ เฮ้ย ! ไอ้ยอด มึงเพลา ๆ การตักอาหารเข้าปากไว้มั่ง ” มันเพิ่งจะสังเกตเห็น “ มึงจะรีบไปไหน ”

“ กูหิว เดี๋ยวกินเสร็จ กูก็จะไปของกู ” ผมยังตักอาหารเข้าปากของผมเรื่อย ๆ ไป “ พวกมึงมันถนัดแต่จะต้องอยู่ถึงปิดร้านทุกที มึงก็อยู่ของมึงไป ไม่ต้องเป็นห่วงกู ”

“ แล้วคุณยาหยีสองคุณนี่ มึงจะทิ้งเอาไว้ที่นี่หรือไง ”

“ ประเดี๋ยวพวกมึงก็รู้ ให้กูอิ่มก่อน ”

“ เฮ้ย ! มันพูดเป็นปริศนาโว้ย ” มันร้องขึ้นมาลั่น “ ระวังคอยดูมันไว้ ให้มันไปได้ แต่มึงต้องให้กูยืมคุณสองคนนี่ไว้คุยกันก่อน ”

ผมไม่ตอบคำถามของมัน ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู มันบอกเวลาอีกนาทีเดียวจะถึงสิบเอ็ดโมงครึ่ง ผมวางช้อน ตะเกียบ ลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นเดินไปที่เคาน์เตอร์ที่มีเครื่องโทรศัพท์วางอยู่ ไอ้พวกนั้นมองตาม แม่ต๊อย-แม่เก๋ก็ขยับตัวมองดูผมเหมือนกัน ไม่รู้ว่าผมจะไปไหน พอเขาเห็นว่าผมกำลังจะทำอะไร ไอ้พวกนั้นก็หันหลับไปตอมแม่สองคนนั่นต่อ

สิบเอ็ดโมงครึ่งเบ๋ง ผมยกโทรศัพท์ขึ้น หมุนหมายเลข ๑๒๓ ออกไป
อย่างเคย พอมีเสียงเรียกกริ๊กเดียว ก็มีเสียงทางโน้นยกหู แต่เงียบไม่มีเสียงของเขาอย่างเคย ผมต้องพูดลงไปว่า

“ ยอดทวนครับ ” ผมจึงได้ยินเสียงผู้การเยี่ยมดังมา

“ ลายพิมพ์มือนั้นเป็นของคนหนึ่งในขบวนการโพ้นทะเลของจีน ชื่อในสารบบชื่อ หวาง ซือ เหนียน อายุสามสิบปี รายละเอียดผมจะส่งให้คุณผ่านทางผู้การของคุณ ไปรับเอาได้เย็นวันนี้ก่อนห้าโมงเย็น ”
แล้วเขาก็วางหูกริ๊ก

ผมท่องชื่อ หวาง ซือ เหนียน อยู่ในใจ แล้วเดินกลับมาที่โต๊ะ

“ ไอ้ยอด มีทีเด็ดอะไรอีกล่ะ ” ไอ้เพื่อนผมที่โต๊ะคนหนึ่งมันพูดเมื่อผมกำลังจะนั่ง “ มึงโทร. หาใคร ถ้ามีใหม่ กูของคุณสองคนนี่ไว้ก่อน ”

“ อิ่มหรือยังล่ะ ต๋อย เก๋ ” ผมพูดกับแม่สองคนของผม “ จะได้ไป ๆ เสียที เหม็นไอ้พวกหมานี่ ”

“ อิ่มแล้วพี่ ” ทั้งสองคนพูดขึ้นเกือบจะพร้อมกันเป็นเสียงเดียวกัน หล่อนก็คงจะรำคาญไอ้พวกขี้เมานี่เหมือนกัน

“ งั้นไปเหอะ ” ผมพยักหน้ากับหล่อน “ ไปละโว้ย ขอบใจที่เลี้ยงกูมื้อนี้ ” ประโยคหลังผมพูดกับพวกมัน

“ อ้าวเฮ้ย ! ” อึคนหนึ่งร้องขึ้น “ ไอ้ยอด ทำไมมึงข่มเหงน้ำใจเพื่อนยังงี้ ยัดทานเสร็จแล้ว ยังคาบเอาเศษอาหารไปอีก ”

“ ขอบใจไอ้พวกนี้เสียซี ต๊อยกับเก๋ ” ผมพูด “ ทุกคนมันมีน้ำใจกว้างขวางยังงี้เสมอแหละ ”

“ ขอบคุณค่ะ พวกพี่ ๆ ” แม่ต๊อยเป็นคนนำพูด กระพุ่มมือไหว้ไปรอบ ๆ ทั่วหน้า ไอ้พวกนั้นไม่รู้จะหาตำพูดเจอเมื่อไร บางคนได้แต่เกาหัวยิก ๆ

ผมเดินนำหน้าลงมาจากร้านอาหารนั่นตรงไปที่รถ แม่ต๊อยจัดอันดับที่นั่งอย่างเก่า เรียบร้อยแล้วผมก็ออกรถ แม่เก๋หัวเราะชอบใจ พูดว่า

“ พี่ยอดนี่เก่งนะพี่ต๊อย พวกนั้นเลยต้องเลี้ยงข้าวฟรี ๆ ไป ”

แม่ต๊อยหันมาค้อนผมขวับ แต่ไม่พูด พอผมเคลื่อนรถออกจากที่ หล่อนก็หันมาพูดว่า

“ เดี๋ยวแวะส่งเก๋เขาก่อน เขาอยู่ทางพระโขนง ซอยสี่สิบสอง ”

ผมเลี้ยวรถออกจากสยามสแควร์ก็หันหน้าไปทางถนนสนามม้า ตรงดิ่งไปทางบางรัก แม่ต๊อยหันมามองหน้าผมอีก แล้วพูดว่า

“ ไปพระโขนงไปทางนี้เมื่อไหร่ ”

“ ก็ไปส่งต๊อยก่อนไม่ใช่หรือ ” ผมว่า

“ ใครบอก ต๊อยให้ไปส่งเก๋เขาก่อน ไปทางพระโขนงโน่น ”

“ อ้าว ! ได้ยินผิด ” ผมว่า “ ไม่เป็นไร ไปส่งต๊อยก่อนก็ได้ มันหันมาทางนี้เสียแล้ว ”

แม่ต๊อยหยิกผมหมับที่หน้าขาจนสะดุ้ง

“ นี่แนะ ได้ยินผิด หาเรื่องน่ะซี ระวังให้ดีนะเก๋ ชักจะมาไร ๆ แล้วนี่นะ ”

ผมทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่แม่เก๋หัวเราะเบา ๆ อีก

ถึงบ้านแม่ต๊อย ผมก็หยุดรถตรงหน้าบ้าน แม่เก๋ขยับตัวลง เปิดทางให้แม่ต๊อยก้าวลงจากรถ เจ้าของบ้านยังรีรอที่จะก้างลงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันมาพูดกับผมก่อนที่จะก้าวลงไป

“ ไปส่งเก๋เขาตรงไปตรงมานะ แล้วคืนนี้ ไปพบต๊อยอย่างเดิม เก๋ เธอระวังตัวให้ดี ไม่รู้หรอกว่าเขาจะมาไม้ไหน พ่อคนนี้ ”

พอแม่เก๋ก้าวขึ้นมาบนรถ ผมก็ออกรถ หันไปโบกมือลาแม่ต๊อยเอาใจเสียหน่อย




Create Date : 16 สิงหาคม 2552
Last Update : 16 สิงหาคม 2552 3:08:04 น. 0 comments
Counter : 731 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.