จับปูดำ ขยำปูนา (บทที่ 5 ตอนที่ 3)
เฮ้ย ! ไอ้ทอง ผมพูด สายตายังจับอยู่เบื้องหน้า มึงไม่ต้องหันไปมองทางหลัง นั่งเฉย ๆ กูว่าเรากำลังถูกสะกดรอยตาม มึงระวังให้ดี เดี๋ยวกูจะเล่นอะไรของกู มึงคอยฟังคำสั่งกูอย่างเดียว
ว่าแล้วผมก็ล้วงปืนออกมาจากเอวออกมานั่งทับไว้
ผมก็สังเกตเหมือนกัน หมวด แต่ยังไม่แน่ใจ ว่าจะบอกให้หมวดรู้อยู่แล้ว มันว่า หน้าตาไม่วอกแวก ล้วงเอาปืนออกมานั่งทับเหมือนกัน
เตรียมตัว ผมกระซิบคำสั่งกับมันแล้วผมก็เร่งเครื่องพรวด ตะบึงข้ามสะพานตรงไปทางลานพระรูป เปลี่ยนใจไม่ไปตามที่กะไว้ทีแรก
ไอ้รถคันนั้นเร่งเครื่องตาม ทิ้งระยะไกล เพราะความไม่รู้ตัว แล้วก็กระชั้นเข้ามา จับระยะห่างเท่าเก่า ผมผ่อนความเร็วลงเมื่อถึงพระรูป เลี้ยวรถผ่านออกทางขวา แล้วขับเอื่อย ๆ ไปตามถนนที่จะผ่านไปทางสนามม้า ข้างพระราชวังสวนจิตร ฯ ไอ้รถคันนั้นยังเกาะตามมาห่าง ๆ ผมขับเรื่อย ๆ ไปจนถึงอนุสาวรีย์ชัย ฯ เลี้ยวซ้ายออกไปพหลโยธิน ถนนแถวนั้นเปลี่ยวเงียบสนิท
ผมแล่นรถกินลมเรื่อย ๆ ไปยังงั้น นัยน์ตาไม่ละไปจากกระจกมองหลัง รถผ่านเลยบริเวณสนามเป้ามาไม่เท่าไหร่ ไอ้รถคันหลังก็เปิดไฟใหญ่ แล้วมันก็เร่งความเร็วขึ้นมากระชั้น ทำท่าจะแซงขึ้นหน้าทางด้านขวาที่ไอ้ทองนั่งอยู่
ระวัง ไอ้ทอง ผมกระแทกเสียงออกมา แล้วผมก็เหยียบเบรครถปัง รถหยุดในทันที ก้มหัวลง
ไอ้รถคันนั้นพุ่งปราดผ่านไปด้วยความเร็ว เสียงปืนดังถี่ ๆ ขึ้นหลายนัดขณะที่มันผ่านรถผมไป กระสุนแหวกอากาศไปหวิว ๆ ผ่านกระจกหน้ารถที่ผมเอาขึ้นบังลมไว้ ถ้าผมไม่เบรครถกะทันหัน ไอ้กระสุนพวกนั้นก็คงจะผ่านลำตัวไอ้ทองกับผมแน่
ผมตบเกียร์ เร่งน้ำมันกวดตามหลังมันไป จี๊ปของผมคันนี้ความเร็วมันสูง มันทะยานออกไปทันใจดี ไอ้รถคันหน้านั่นเร่งเครื่องด้วยความเร็วสูงเหมือนกัน ผมเร่งร่นระยะเข้าไป ระยะห่างค่อย ๆ สั้นเข้ามา พอรถผมเข้าไปใกล้ได้ระยะ ไอ้คนที่นั่งทางด้านซ้ายของคันหน้าคนหนึ่งก็ชะโงกตัวออกมา มันยิงสวนเข้ามาที่ผม กระสุนนัดหนึ่งกระทบกระจกแตกเปรี๊ยะแต่ไม่ทะลุ กระจกจี๊ปนี่มันหนา ฝรั่งมันทำมาเพื่อการรบโดยเฉพาะ
ผมส่ายรถไปมา ไม่ให้มันยิงถนัด ระยะห่างค่อย ๆ ร่นเข้าไปอีก
ไอ้ทอง ยิงที่ยาง ผมสั่งไอ้ทองที่กำลังนั่งเกร็งอยู่ข้าง ๆ ชะโงกตัวออกไป ยึดเหล็กตรงหน้ามึงไว้
ไอ้ทองเอามือซ้ายยึดเหล็กโค้งตรงหน้ามัน แล้วชะโงกออกไป เสียงปืนในมือไอ้ทองดังขึ้นสองนัด ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ไอ้คนที่ชะโงกหน้าออกมายิงหดหน้าเข้าไป ผมส่ายรถบังหลังรถคันหน้าไว้
ถังน้ำมัน ไอ้ทอง ผมสั่งมันอีก ซัดเข้าไปตรงหลังรถนั่นแหละ
เสียงปืนในมือไอ้ทองดังขึ้นมาอีกสองนัด คราวนี้ได้ผล ไฟลุกพรึ่บขึ้นที่หลังรถคันหน้า รถส่ายไปมาสอง สามทีแล้วก็หยุด ไฟเริ่มลุกท่วมไปทางหลังคา คนที่อยู่ในรถเปิดประตูออกมา มันโดดออกมาจากรถทั้งทางซ้ายขวา ลงมานอนกลิ้งบนพื้นถนน ตอนนั้นผมโดดลงจากรถจี๊ปของผมแล้ว ปืนอยู่ในมือ
พวกที่กลิ้งอยู่บนถนนพลิกตัวขึ้นยืน ขยับจะวิ่งหนีลงข้างทาง ปืนในมือของผมก็แผดเสียง ไอ้ทองวิ่งเข้าไปทางขวาที่มันโดดลงมา ลั่นกระสุนไม่นับ ร่างที่เผ่นออกมาจากรถกลิ้งล้มระเนระนาดทั้งสองด้านรถ ไอ้คนหนึ่งพยายามยันร่างขึ้นมา ทำท่ายกปืนเล็ง กระสุนในมือผมก็แล่นเข้ากลางลำตัวมัน ลงไปนอนงอก่ออยู่ หัวทิ่มพื้น แล้วเสียงปืนก็เงียบ
เอ็งเข้าไปทางขวา ผมสั่งการไอ้ทอง กูจะเข้าทางซ้าย ระวังตัวนะมึง เข้าไปดูที่รถ
ผมค่อย ๆ ย่องเข้าไปที่ตัวรถที่จอดอยู่สงบนิ่งอยู่กลางถนน ทางด้านที่ผมย่องเข้าไป ร่างของพวกมันนอนนิ่งอยู่สองคนบนพื้นถนน ไม่มีลมหายใจ หน้ามันไถอยู่กับพื้นนิ่งทั้งคู่ ปืนตกอยู่ข้างตัวมัน
ทางผมมีตัวเดียว หมวด เสียงไอ้ทองตะโกนบอกข้ามรถมา
ค้นตามตัวมันให้ละเอียด ได้อะไรเอามาให้หมด ผมสั่งมันข้ามไป
ผมเข้าไปใกล้รถ จะถึงตัวไอ้คนที่นอนขวิดพื้นอยู่ทั้งสองนั่น ไอ้อีกคนก็โผล่ออกมาจากรถ มันชูมือขึ้นทั้งสองข้างยอมจำนน
หันหน้าเข้ามาหารถ ผมสั่งมัน เอามือทั้งสองข้างยันหลังคารถไว้
มันทำตามคำสั่งของผม
เหยียดตีนทั้งสองข้างออกมาข้างหลังยาว ๆ
มันทำตามสั่งอีก ในท่านั้นมันจะไม่มีแรงพลิกตัวหรือขยับตัวได้ เพราะต้องยึดหลังคารถไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง และเท้าทั้งสองเหยียดยาวจนสุดก้าวใช้ยึดถนน ไม่ให้ล้มได้เท่านั้น
ผมค่อย ๆ เข้าไปหามัน ตบตามลำตัวตามวิธีการตรวจค้น จากบนลงล่าง ปืนพกกระบอกหนึ่งเหน็บอยู่ที่เอว ผมดึงเอาออกมาไว้ในมือ นอกนั้นทั้งตัวมันไม่มีอะไร
ไอ้ทองเดินอ้อมรถมาหาผม กระเดาะปืนอยู่ในมือกระบอกหนึ่ง
มีแต่ปืนกระบอกเดียว หมวด มันว่า ทั้งเนื้อทั้งตัวมันไม่มีอะไรเลย
ไอ้พวกนี้ไม่พกอะไรที่เกินความต้องการตามจุดมุ่งหมายของงาน ไม่ให้รู้ว่าใครเป็นใคร คนที่ส่งมันมาต้องเป็นคนที่มีฝีมือทางนี้ไม่เบาทีเดียว ผมดึงเอาตัวไอ้คนที่ผมจับไว้นั้นออกจากท่ายันหลังคารถ เปลวไฟจากด้านหลังชักจะลามเข้ามา ล้วงเอากุญแจขนาดเล็กใส่หัวแม่มือ ที่ผมเอาติดตัวไว้เสมอออกมา จับแขนมันไขว้หลังทั้งสองข้าง สับกุญแจเข้ากับนิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างติดกัน ส่งตัวมันให้ไอ้ทอง แล้วผมก็เข้าไปเก็บเอาปืนของไอ้สองตัวที่นอนอยู่นั้นมา
ผมให้ไอ้ทองพาไอ้เสือนั่นขึ้นรถของผม ให้ไอ้ทองคุมตัวมันไว้บนรถทางด้านหลัง ปืนทั้งสี่กระบอกโยนไว้บนเบาะที่นั่งข้าง ๆ
ผมติดเครื่องบึ่งออกไปข้างหน้า เสียงไซเรนดังแว่วมาไกล ๆ ชาวบ้านแถวนั้นไม่บ้านใดก็บ้านหนึ่งต้องโทรศัพท์ไปแจ้งเหตุกับตำรวจแล้ว แต่บริเวณนั้นเงียบสนิท ไม่มีใครโผล่หน้ากระโตกกระตากออกมาดูเหตุการณ์เลย เขาเอาใจใส่แบบเงียบ ๆ ดีแท้ ๆ นี่เป็นธรรมดาของชาวบ้านเดี๋ยวนี้ ขืนออกมายุ่งก็เสียเวลาเป็นพยาน ไม่ต้องทำมาหากินอะไร ยุ่งเงียบ ๆ ดีกว่า
ผมพารถตะบึงออกไปข้างหน้า ปล่อยให้ตำรวจเขามายุ่งกับรถที่ไฟกำลังจะท่วมหลังคาและศพไอ้สามคนนั่นไป ผมไม่มีเวลาที่เสียไปกับเขา ถึงทางเลี้ยวแรกผมก็เลยเลี้ยวไปทางซ้าย หาทางกลับเข้าเมือง ผมยังไม่รู้ว่าทางเลี้ยวนั้นจะพาไปทางไหน แต่ก็ต้องเลี้ยวไว้ก่อน ขืนตรงไปไกลอาจจะเจอกับตำรวจสวนมาก็ได้ ผมจับทิศทางที่จะออกสู่ถนนวิภาวดีไปเรื่อย ๆ วกไปวกมาพุ่งออกทางที่จะไปสู่ถนนใหญ่ ประเดี๋ยวเดียวก็รู้ว่าที่ตรงไหนเป็นอะไร ผมก็บึ่งเข้าเมือง จุดมุ่งหมายของผมคือบ้านพักกักกันพยานสำคัญของกองตำรวจสันติบาล
ผมถึงบ้านลับชั่วเวลาไม่กี่นาที กดแตรเป็นสัญญาณ ประคูบ้านก็เปิดออก ผมขับรถเข้าไป ประตูบ้านก็ปิดสนิท คนเปิดประตูเดินมาที่รถ เขาเป็นตำรวจชั้นสิบเอก
ห้องว่างมีไหม ผมถามเขา
ว่างหมวด เขาตอบ ชิดเท้า ว่างทั้งสองห้อง
ไปเปิดห้องปีกซ้ายไว้ เดี๋ยวอั๊วจะเอาแขกของเราขึ้นไปพัก
เขาวิ่งนำหน้าขึ้นไปบนบ้านก่อน ผมให้ไอ้ทองดึงตัวไอ้เสือนั่นลงจากรถ เอารถเข้าโรงเก็บ ทิ้งปืนทั้งสี่กระบอกไว้ยังงั้น ในที่นี้ระบบความปลอดภัยสูง เป็นยังไงผมบอกไม่ได้ และบ้านหลังนี้อยู่ที่ไหน ผมก็บอกไม่ได้อีก ขอโทษ
ไอ้ทองดึงตัวไอ้หมดนั่นตามหลังหมู่เทียมไปก่อนผมแล้ว
ในห้องมีเตียงนอนและโต๊ะรับแขก เหมือนห้องพักตามโรงแรมชั้นดี เรามีบ้านอย่างนี้อีกหลายหลังในกรุงเทพ ฯ ที่ไหนไม่ว่าง มีแขกพิเศษอย่างนี้พัก เราก็ไปที่อื่น แต่ละกองจะมีบ้านของตัวเองเฉพาะไว้ใช้งานของตัวเอง กองอื่นไม่เกี่ยว เขาก็มีของเขาต่างหาก ไม่มีใครรู้ของใคร
ผมเดินขึ้นไปบนห้องพิเศษปีกซ้ายที่ให้หมู่เทียมเปิดไว้ ไอ้ทองคุมตัวไอ้เสือนั่นรอผมอยู่แล้วในห้องนั้น ผมเก้าอี้มาตัวหนึ่งตรงกลางห้อง แล้วดึงตัวเสือนั่นมาที่เก้าอี้ จับมันนั่งเอาแขนที่ไขว้หลังติดกุญแจนิ้วมืออยู่นั้น คร่อมกับพนักเก้าอี้ซึ่งเป็นพนักสูง ให้หลังของมันพิงพนัก แขนคร่อมพนักที่มันพิงอยู่ นั่งอกแอ่น
ผมเพิ่งจะได้พิจารณาหน้าของมันตอนนี้ หน้ามันเหี้ยม นัยน์ตาที่จ้องจับอยู่กับผมนั้นแข็งกร้าว มีแววดุดันและจ้องตาผมไม่กระพริบ หนวดเครารุงรัง มีเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีมอ ๆ สวมอยู่ตัวเดียว กางเกงดำขายาวของมันก็ดูเก่า ไม่มีรอยซักรีด มันนั่งแอ่นอกจ้องนัยน์ตาผมอยู่อย่างนั้น ไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกจากปากมัน
ผมเข้าไปใกล้ตัวมัน
ลื้อชื่ออะไร
มันนั่งนิ่ง ไม่พูด นัยน์ตากร้าว
อั๊วถามว่าลื้อชื่ออะไร ผมย้ำกระแทกเสียง
มันยังนิ่ง จ้องตาผมเขม็งอยู่อย่างนั้น เม้มปากแน่น
ผมสลัดหลังมือขวาไปที่ใบหน้าของมันฉาดใหญ่ รอยผื่นแดงปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าที่สะบัดไปตามแรงตบ แต่มันก็ยังนิ่ง ขบกราม มันพยายามจะยันกายลุกขึ้นจากท่านั่ง ผมยกตีนกดลงไปบนหน้าตัก กระแทกมันกลับลงนั่งในท่าเดิม จนเก้าอี้เกือบจะหงายหลัง
ผมอ้อมไปลากเก้าอี้ที่มีตัวมันคิดอยู่ ไปที่ติดกับฝาผนังห้อง กันไม่ให้หงายหลังได้อีก หลังเก้าอี้ยันอยู่ฝาผนังห้อง มันดิ้นยกตีนขึ้นถีบอากาศ ไอ้เสือนี่ยังไม่หมดฤทธิ์ ผมจับด้ามปืนเคาะไปที่หน้าแข้งของมันแรง ๆ ทั้งสองข้าง มันหยุดดิ้น แต่ไม่มีเสียงร้องที่จะแสดงถึงความเจ็บปวดออกมา ไอ้เสือนี่ทนทายาด
ผมหันไปทางไอ้ทอง แล้วสั่งมัน
ไปจุดธูปมาให้กูดอกนึง
ไอ้ทองหายไปนอกห้องพักใหญ่ ก็กลับเข้ามาพร้อมกับธูปดอกหนึ่ง จุดไฟลุกแดงที่ปลาย มันส่งธูปให้ผมแล้วยืนมองตาผมว่าผมจะเล่นอะไรกับธูปดอกนั้น
ผมเป่าไฟธูปให้ลุกแดงขึ้นอีก แล้วกระแทกเสียงถามมัน
ไม่ยอมพูดหรือวะ กูจะให้มึงพูด
แล้วผมก็ทิ่มปลายธูปที่ลุกแดงนั้นเข้าไปในรูจมูกของมันพรวดเดียวลึกสุดแรง
ไอ๊หยา มันทะลึ่งสุดตัวร้องออกมา
ผมต้องกดมันไว้ด้วยตีนที่หน้าตัก ไอ้เสือนี่เป็นเจ๊ก มิน่ามันถึงไม่พูด มันคงฟังผมไม่ออก ผมแหย่ธูปเข้าไปที่ปลายจมูกมันอีก คราวนี้มันส่งภาษาออกมาเป็นภาษาจีนที่ผมฟังไม่ออก
มาเจอเอาคนพูดคนละภาษายังงี้ ผมก็จนปัญญาที่จะซักอะไรมัน ไอ้ที่กลิ้งโค่โล่อยู่บนถนนสามคนนั่นก็คงจะพวกเดียวกัน มันเล่นขนเอามืออาชีพจากเมืองจีนมาเล่นงานผมทีเดียวหรือนี่ ผมยืนนิ่ง คิดไม่ตกว่าจะทำยังไงกับมันดี
แล้วผมก็คิดออก
!
Create Date : 09 สิงหาคม 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 9 สิงหาคม 2552 23:31:08 น. |
Counter : 842 Pageviews. |
|
|
|