จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
19 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 
สู่ลาว ... ตอนที่ 27

สู่ลาว ... ราชอาณาจักรแห่งความไม่แน่นอน
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ประพันธ์ เมื่อปี พ.ศ. 2527

เหตุการณ์เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2507 – 2512

ตอนที่ 27

มาถึงวงสะโต๊ปที่บ้านผู้พันเพื่อนผม ซึ่งมีผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นของลาวมาร่วมวงด้วย ถ้าผมบอกชื่อออกมา ทุกคนที่อายุเกินเจ็ดสิบขึ้นไปก็ต้องรู้จัก สกุลของเขาเป็นสกุลที่ใหญ่โตมากในลาว และมีเชื้อจ้าวลาวด้วย แต่ตอนนี้ อพยพออกมานอกลาวแล้ว เข้ามาเมืองไทย ไม่รู้ว่าไปอยู่แห่งหนตำบลไหน อย่าออกชื่อแกเลย

ผมจะเรียกแกว่า ท้าวเย็น ก็แล้วกัน

ในวงสะโต๊ปวันนั้น นอกจากท้าวเย็นผู้นี้แล้ว ยังมีจ้าวบุญ ซึ่งเป็นเชื้อสายจ้าวที่ยิ่งใหญ่อีกสายหนึ่งเหมือนกัน แล้วก็มีนายพลคนสำคัญของลาวอยู่ด้วยคนหนึ่ง ผมนั้น กระจอกกว่าเพื่อนในวงไพ่วงนั้น

“ เคยได้ยินชื่ออยู่” ท้าวเย็นพูด วางมาด เมื่อผู้พันเพื่อนผมแนะนำให้รู้จักผม “ หนีมาอยู่ที่นี่กี่มื้อแล้ว”

ผมไม่ตอบคำถามนั้น ชักหมั่นไส้

“ อยู่ในลาว ต้องรู้จักวางตัวให้เหมาะสมนะคุณ” ท้าวเย็นพูดออกมาอีก เมื่อเห็นผมนิ่ง

“ ยังไงถึงจะเหมาะสมล่ะครับ” ผมถาม

“ก็ต้องรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ที่ควรจะคารวะ” ท้าวเย็นพูด มองผมด้วยหางตา

“ ยังไงล่ะครับ ที่ควรจะคารวะน่ะ” ผมแกล้งถามออกไปอีก อยากรวนเสียแล้ว

“ ก็ต้องรู้จักดูเอาเอง อยู่บ้านเขาไม่รู้จักว่าใครเป็นใครก็ไม่ถูก” พูดแล้ว แกก็ชำเลืองไปทางคุณสุ วางท่าเชิดหน้าอวดคุณสุเสียยังงั้น ข่มไอ้หนุ่มที่พามาไปเลย

“ ผมพอจะรู้จักผู้ใหญ่ที่นี่หลายคน ที่น่าคารวะ” ผมพูดเรียบ ๆ
“ แต่ไอ้ที่เคยหนีไปซุกปีกไทยอยู่ ให้คนไทยคุ้มหัวอยู่นะ ก็พอจะรู้จักอยู่มั่ง ผมก็เคยคุ้มครองพวกนี้อยู่ เมื่อผมอยู่สันติบาล คนหนีคนอย่างนั้น ผมเสียอีกที่เขาน่าจะให้ความคารวะ เพราะผมช่วยเขาให้รอดตาย ผมผลักกลับมาลาวก็สิ้นไปแล้ว”

คราวที่ท้าวเย็นหนีฝรั่งเศสเข้าเมืองไทยนั้น ผมมีหน้าที่ให้ความอารักขาอยู่ ตามคำสั่งของเจ้านาย ผมเอาไปแอบไว้ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ หรือโรงแรมรอแยลเดี๋ยวนี้ เปิดห้องให้อยู่อย่างสบายสองสามคน ท้าวเย็นเป็นคนหนึ่งในจำนวนนั้น เขาจำผมไม่ได้ แต่ผมก็ทำงานของผมอย่างไม่ให้เขารู้ว่าผมเป็นใคร งานอย่างนี้ ทำประเจิดประเจ้อไม่ได้ เขาไม่รู้หรอกว่าใครให้ความอารักขาเขาตอนนั้น

ท้าวเย็นนั่งนิ่ง หน้ามีสีเลือดซ่าน มือที่ถือไพ่อยู่ สั่นนิด ๆ พอมองเห็น

"ฮ่วย พูดกันไปทำมั้ย” เสียงท้าวบุญ คนที่ผมนับถือ พูดขึ้น “ เล่นไพ่ดีกว่า ม่วนกว่าน่ะ”

ท้าวเย็นเงียบ ผมก็เลยเงียบ แต่ผมรู้ว่า ในความเงียบนั้น ท้าวเย็นผู้นี้จะต้องหาทางแก้แค้นผม อย่างใดอย่างหนึ่งในวันข้างหน้า คนคนนี้ ไม่ยอมแพ้ใครง่าย ๆ และเมื่อเขาจะแก้แค้น เขาจะทำได้ทุกอย่าง โดยไม่นึกถึงคุณธรรมอันใด

คุณสุน่ะนั่งสะกิดสีข้างผมมานานแล้ว ตั้งแต่ปะทะคารมกันตอนต้น ๆ แต่ผมไม่เอาใจใส่

ไพ่ท้าวเย็นกำลังขึ้น แกกินมาติด ๆ กันแล้วสองรอบ ไพ่สะโต๊ปนั้น ถ้ากินมาแล้วสองรอบ ได้กินรอบที่สามก็จะได้เทขัน หมายความว่า จะได้เงินทั้งหมดที่คิดเป็นแต้มมาแล้วตั้งแต่ต้น แถมยังได้เพิ่มอีกคนละเค้า ไพ่เกมอย่างนี้มันสนุกตอนนี้

ท้าวบุญนั่งอยู่ใต้มือผม และกำลังคั่วไพ่ ผมดูออก จากไพ่ที่ผมทิ้งไปให้ ผมแกล้งทิ้งไพ่ซ้ำตัวที่ผมเคยทิ้งให้ไปแล้วตูมลงไป ท้าวบุญก็หงายไพ่กิน แต่ผมต้องถูกปรับ ภาษาลาวเขาเรียกว่า โดนไหม ก็ปรับไหมนั่นแหละ ต้องเสียเป็นสองเท่า เพราะทิ้งไพ่ซ้ำทั้ง ๆ รู้ แล้วคนอยู่ใต้มือกิน เพราะไพ่ใบนั้น

“คั่วดีแล้วหวา จึงทิ้งอย่างนั้น” ผู้พันเอะอะ แล้วขอดูไพ่ในมือผม

“ เปล่า” ผมแบไพ่ในมือให้ดู ไพ่ผมยังไม่เป็นสัปปะรด “ ผมลืมไป” ผมตีหน้าตายพูดออกไป

ท้าวเย็นทิ้งไพ่ในมือ เหวี่ยงลงไป หัวเสีย จะได้เทขันอยู่แล้ว

“ เล่นยังงี้ ไปหัดเล่นเสียใหม่” แกเอ็ดตะโร “ เลิกดีกว่า”

วงไพ่แตก แต่ผมหัวเราะชอบใจ

คุณสึตีแขนผมเผยะ “แกล้งเขานี่น่ะ”

ผมจัดแจงเฉ่งเงินที่จะต้องเสีย แต่รวมแล้ว ผมไม่เสีย เพราะได้มาตั้งแต่หัวค่ำแล้ว สะใจที่ได้แกล้งคนที่ผมหมั่นไส้เล่น

วันรุ่งขึ้น ผมรีบไปหานายพลอ้วนแต่เช้า ไปเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับท้าวเย็นให้นายพลอ้วนฟัง บอกว่าผมโดนท้าวเย็นเล่นงานแน่ ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง

“ คนคนนี้ ต้องหาทางเล่นงานคุณแน่ๆ” นายพลอ้วนเห็นด้วย “ แต่คุณพุฒไม่ต้องกลัว ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน ผมจะดูให้เอง”

จริงอย่างที่คาดการณ์ไว้ ท้าวเย็นไปพูดเรื่องนี้กับนายพลผู้คุมกำลัง และเป็นเขยคนสนิทคนหนึ่ง เขากะเล่นงานผมเหมือนกัน แต่โดนนายพลอ้วนเบรคไว้ เรื่องเลยเงียบไป ถ้าผมไหวไม่ทัน ก็คงจะโดนนายพลผู้เป็นเขยท้าวเย็นเล่นงานอะไรผมสักอย่างเป็นแน่

พันโทสุเทพ พี่ชายของประชา มาหาผมเช้าวันรุ่งขึ้น มาถามผมถึงเรื่องที่ไปมีเรื่องกับท้าวเย็น
นายพลอ้วนไปเล่าให้ฟัง และบอกด้วยว่า ได้จัดการใส่เบรคไว้ในตอนต้นให้แล้ว แต่เบรคอาจจะแตกเมื่อไรก็ได้ พันโทสุเทพเป็นห่วงผมในเรื่องนี้ จึงมาถามเหตุการณ์ให้แน่ชัดอีกที

ผมก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไม่น่าจะเกิดนั้นให้ฟัง

“ ไอ้เวรนี่ มันเป็นยังงี้ นิสัยมันเสีย” พันโทสุเทพว่า “ มันคิดว่า มันใหญ่ในลาว เพราะมีหลานเขยเป็นนายพล พี่พุฒไม่ต้องกลัว ผมจะเล่นงานมันเอง เดี๋ยวจะไปด่าแม่มัน”

ผมก็ห้ามเขาว่า เรื่องมันควรจะยุตแล้ว อย่าไปกวนมันให้ขุ่นขึ้นมาอีกเลย ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะห้ามเขาได้หรือเปล่า เพราะคนคนนี้ เวลาดีเดือดแล้ว ห้ามยาก เขาเป็นนักเลงตลาดน้อยเก่า ก่อนที่จะข้ามไปเป็นนายทหารของนายพลอ้วน

ผมไม่ทราบว่า พันโทสุเทพ ไปทำอะไรกับท้าวเย็นคนนี้บ้าง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับผม ทุกอย่างสงบ

ในวันต่อมา มีงานเลี้ยงรับรองที่สถานทูต เนื่องด้วยอะไรผมก็จำไม่ได้ ท่านทูตชวนผมไปสังสรรค์อย่างที่เคยชวนทุกคราว ผมก็ไป ผมพบท้าวเย็นในงานนั้น แกก็เข้ามาทักทายผมดี พูดเหมือนไม่เคยมีอะไรกัน ผมก็พูดคุยด้วยเป็นปกติ เหมือนไม่มีอะไรเหมือนกัน ท้าวเย็นกลับเป็นคนละคน ไม่รู้ว่าใครไปอบรมไว้



Create Date : 19 ตุลาคม 2554
Last Update : 21 ตุลาคม 2554 1:40:32 น. 1 comments
Counter : 889 Pageviews.

 
ขอบคุณมาก..


โดย: ก้นกะลา วันที่: 21 ตุลาคม 2554 เวลา:18:13:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.