จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
2 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
13 ปีกับบุรุษเหล็กแห่งเอเชีย (ตอนที่ 31)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 31

ตอนหลัง ๆ ทางกรมตำรวจคิดทำหนังสือแม็กกาซีนรายเดือน ใช้ชื่อว่า “ อาชญากรรม ” เพื่อให้ตำรวจเข้าถึงประชาชน และให้ประชาชนได้เข้าถึงตำรวจ นั่นเป็นความคิดของท่านอธิบดี เผ่า ฯ

แรกเริ่มเดิมที ท่านให้หน่วยทะเบียนอาชญากรรมเป็นผู้ทำ เพราะเป็นหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรง หนังสือไม่มีคนเอาใจใส่ตามความคาดหมาย แม้จะบังคับให้ตำรวจทุกหน่วยรับ ก็ไม่ประสบความสำเร็จ รับไปก็ไม่มีคนสนใจอ่านเท่าที่ควร

ผู้กำกับ เยื้อน ฯ นายเก่าของผม เป็นผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น
ผู้กำกับ เยื้อน ฯ ส่ายหน้า บอกเห็นจะไปไม่ไหว เจ้านายก็เคี่ยวเข็ญให้ไปให้ได้

ผู้กำกับ เยื้อน ฯ หันรีหันขวางอยู่ ไปมาก็โยนโครมมาที่ผม โดยพูดกับเจ้านายให้ส่งให้ผมทำ เท่านั้นก็ได้การ เจ้านายก็โยนโครมมาให้ผม ตามคำแนะนำของผู้กำกับ เยื้อน ฯ เพราะหนังสือจะเจ๊งไม่ได้ เสียหน้า

ผมก็ต้องรับไว้ เพราะถ้าไม่รับ มันก็แตกอย่างว่า

ผมไม่เคยทำหนังสือพิมพ์ เขียนหนังสือก็ยังไม่เป็น เคยแต่รายงานการสอบสวนสืบสวน แล้วผมจะทำยังไง เรื่องที่จะโยนไปให้คนอื่นนั้นไม่เคยปฏิบัติ

ผมนึกถึงคุณลมูล ฯ ขึ้นมาได้ ผมเรียกคุณลมูล ฯ มาคุยกับผม ให้ช่วยผมทำหนังสือนี้ คุณลมูล ฯ ถนัดอยู่แล้วก็รับปากรับคำหนักแน่น แต่มีข้อแม้อยู่ว่า ผมจะต้องเขียนเรื่องอะไรก็ได้ลงในหนังสือฉบับนี้ ขาดไม่ได้ เรื่องเงินทองไม่เคยพูดกัน

ผมตกลง ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้จะเขียนอะไร

แล้วเรื่อง “ นักสืบพราน ” ก็ปฏิสนธิขึ้นมาในหนังสืออาชญากรรม เป็นการเริ่มแรกนั่น เป็นที่กำเนิดของนักสืบพราน เจนเชิง และกัลยา ชาญวิทยา เลขานุการสาวสวยของเขา

พูดจริง ๆ ไม่ได้แกล้งถ่อมตัว ผมไม่ได้นึกเลยว่า นักสืบพราน แกจะดังถึงขนาดนั้น

ผมหยิบเอาประสบการณ์ที่ผมมีจากการทำงาน และในชีวิตของผมในด้านอื่น ๆ ออกมาเป็นแนวนำในการเขียน แต่งเติมนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ไม่ทราบว่ามันวิ่งปลิวลมไปได้อย่างไร

ชักจะคุย... ขอโทษ

เรียกว่า ฟรุค ก็ได้ ไม่มีใครเชื่อว่าผมเคยเขียนหนังสือมาก่อน ผมเคยต้องกลายเป็นนักเขียนไปด้วยความประมาท

นักสืบพรานของผมจบลงและปิดฉากพฤติการณ์ของเขาลงไป เมื่อผมระเห็จออกนอกประเทศ

มีผู้คนเอาไปทำภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ตอน “ จำเลยไม่พูด ” ไม่ทราบว่าผู้ที่เอาไปทำ เสียหายหรือกำไรเท่าไหร่ คุณลมูล ฯ ที่ตั้งต้นไปกับผมถึงเชียงรายไปควานเอานางเอกเรื่องนี้มาจากที่นั่น

เรื่องนี้ ได้คุณมารุตเป็นผู้กำกับการแสดง

ผมวางบุคลิกของตัวนักสืบพรานให้เขา เพราะไม่ต้องการให้นักสืบตัวเอกของผมมีบุคลิกเลื่อนเปื้อนอย่างหนังไทยเรื่องอื่น ๆ ผมต้องการให้นักสืบพรานเป็นนักสืบพราน ไม่ใช่พระเอกยี่เก

คุณมารุต คัดเลือกตัวนักสืบพรานด้วยตัวเอง เท่าไร ๆ กี่คน ๆ ก็ไม่พอใจ
หันไปหันมา เขาก็ชี้หมับมาที่ตัวผม

“ ท่านรอง ฯ ต้องเล่นเอง คนอื่นไม่เหมาะหรอก ” เขาว่า

ทีนี้คณะก็เห็นด้วย ไม่มีใครยอมให้ผมปฏิเสธ เขาช่วยกันเกลี้ยกล่อมผม จนผมใจอ่อนยอมรับ

ผมก็เลยกลายเป็นพระเอกหนังไปโดยประมาทอีก จำต้องรับเป็น เพราะกลัวเขาเสียงานกัน ไม่ใช่เพราะบ้ายอ

หนังเรื่องนี้ผมไม่ได้ค่าเรื่อง ไม่ได้ค่าตัว แถมบางวันยังต้องเสียค่าเหล้า เสียเงินค่าเลี้ยงพวกกองถ่ายและตัวแสดงเสียอีก

ในประวัติศาสตร์ของการทำภาพยนตร์ไม่เคยมีปรากฏการณ์อย่างนี้ และยังไม่เคยมีจนกระทั่งบัดนี้

เป็นธรรมดา ผมก็รวยอื้อซ่าไปแล้ว

ในชีวิตของผม แสดงหนัง ๓ เรื่อง เป็นของกรมตำรวจเสีย ๒ เรื่อง คือ เรื่อง ศาสนารักนางโจร และ เรื่อง เหยื่ออาชญากรรม

ส่วนเรื่อง นักสืบพราน นี้เป็นของคนนอกคนนั้น ก็ไม่ใช่คนนอกแท้ ๆ แต่เขาเป็นคนมนกรมตำรวจ แต่ทำหนังเรื่องนี้ด้วยทุนของตัวเอง ไม่เกี่ยวกับราชการ

ที่แน่ ๆ ก็คือ ตัวผม ซึ่งแสดงหนังทั้ง ๓ เรื่องโดยไม่ได้สตางค์ เป็นงานกุศลไป

แต่ยังไง ๆ ผมก็ได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงภาพยนตร์คนหนึ่ง ขั้นดาราชั้นนำ

เจ้านายรู้เรื่องนี้เหมือนกัน ไม่ว่าอะไร เพียงแต่ปรารภกับคนใกล้ชิดอื่น ๆ ว่า ไอ้นี่ถ้ามันจะบ้าหนังเสียแล้ว

ในช่วงชีวิตที่ผมใกล้ชิดกับเจ้านายในเมืองไทย ยังมีเรื่องราวพิสดารอีกหลายเรื่องที่ผมประสบมา บางรายต้องเผชิญหน้ากับอิทธิพล ชนิดกระบอกปืนต่อกระบอกปืนยันกัน แต่ผมเล่าไม่ได้

บางเรื่องมันเป็นเรื่องขัดกับนโยบายของรัฐบาลสมัยนั้น เราเป็นตำรวจผู้รักษากฎหมาย เมื่อมีเรื่องผิดกฎหมายเกิดขึ้นอย่างท้าทายกฎหมาย เราก็ต้องก้าวเข้าไปสกัด แล้วก็ต้องถอยออกมาอย่างเสียศักดิ์ศรีก็มี




Create Date : 02 พฤษภาคม 2553
Last Update : 3 พฤษภาคม 2553 2:08:53 น. 2 comments
Counter : 1568 Pageviews.

 
...เห็นในรูปก็ชัดแล้ว...พระเอกหนังตัวจริง....


โดย: ก้นกะลา วันที่: 3 พฤษภาคม 2553 เวลา:2:24:14 น.  

 
อยากให้ ดูสรุป ว่า ฮะยีสูหลง ใคร ฆ่า
เพราะเด่น โต๊ะมี นากล่าวถึงหนังสือเล่มนี้ว่าคือหลักฐาน ชิ้นหนึ่ง ว่า ตำรวจ ทำ แต่เยอะเกินอ่านไม่ไหว ตาลาย


โดย: ผู้อ่าน IP: 110.78.146.80 วันที่: 16 มีนาคม 2556 เวลา:16:48:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.