จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
13 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
ปกิณกะ ... อสาระบันเทิง (ตอนที่ ๑)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ


เป็นยังไง – งงดีไหมครับ – ที่ผมตั้งหัวเรื่องไว้อย่างข้างบนนั่น

ผมแปลเอาเองว่า เป็นเรื่องที่ไม่มีสาระ แต่มีความบันเทิง เพราะเรื่องที่ผมจะเอามาเล่าสู่กันฟังให้อ่านนี้ เป็นเรื่องเบา ๆ สมอง ที่ผมได้ไปอ่านพบในหนังสือพิมพ์ฝรั่งบ้าง หรือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองไทยบ้าง ที่ผมได้พบประสบมา แล้วเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าจะมาเขียนถ่ายทอดให้ท่าน ๆ ผู้เป็นแฟนงานเขียนของผมได้อ่านเล่น ๆ ให้หายเครียดกันเสียบ้าง

เพื่อน ๆ ที่เป็นหมอเขาว่าไว้ว่า หัวเราะก้ากหนึ่ง อายุจะยืนไปอีกชั่วโมงหนึ่ง ดังนั้น เมื่อท่านอ่านเรื่องต่อไปนี้ แล้วก็หัวเราะเสียหลาย ๆ ก้าก จะได้อายุยืนไปอีกชั่วโมงละก้าก

ในเมืองไทยเรานี้ จะมีใครสักกี่คนที่รู้ว่า นายโรแนลด์ เรแกน (อดีต) ประธานาธิบดีอเมริกา มหามิตรของเรานี้นั้น ท่านมีบรรพบุรุษเป็นมนุษย์กินคน ผมได้ไปอ่านเจอในหนังสือพิมพ์ฝรั่งฉบับหนึ่งเขาเขียนถึงบรรพบุรุษของท่านเรแกนไว้ยังงี้

เมื่อปี พ.ศ. ๑๘๕๙ เป็นสมัยตื่นทองของชาวอเมริกัน ว่ากันว่า ในแถบภูเขาร๊อคกี้ ในมลรัฐเท็กซัส อันเป็นมลรัฐที่มีทะเลทรายกว้างใหญ่ไพศาลนั้น เป็นดินแดนที่อุดมไปด้วยทองคำ ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ทะเลทรายทั่วไป ชาวอเมริกันผู้เป็นนักแสวงโชค ต่างก็พากันไปตั้งรกราก แสวงหาทองคำกันที่นั่นมากมาย บรรพบุรุษของนายเรแกนก็อยู่ในพวกแสวงโชคนี้ด้วย ชักชวนกันไป สามพี่น้องด้วยกัน ชื่ออะไรมั่งก็จำไม่ได้เสียแล้ว เอาเป็นว่า ทั้งสามคนนั่นเป็นชายฉกรรจ์ นามสกุลเรแกนก็แล้วกัน

นายเรแกนทั้งสามดั้นด้นไปจนถึงถิ่นทองนั้น เช่นเดียวกับนักแสวงโชคทั้งหลาย เดินทางเข้าสู่แถบภูเขาร๊อคกี้ ออกสู่ทะเลทรายกันเป็นขุมทองนั้น ตั้งแค้มป์ลงมือขุดทอง ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ระไป โยกย้ายที่ตั้งแค้มป์เรื่อย ๆ ไป ได้ทองมาก็สะสมไว้ แล้วก็เดินทางรุดหน้าต่อ ๆ ไป ไม่รู้จักอิ่มในการขุดทอง ใคร ๆ เขารื้อแค้มป์กลับกันไป ทั้งสามก็ยังไม่ยอมกลับ โยกย้ายเดินทางรุดหน้าไปเรื่อย ๆ เพื่อหวังที่จะขุดทองให้ได้มากเท่าไรยิ่งเอา

จนวันหนึ่ง มีพายุทรายอย่างแรงโหมเข้าทะเลทรายแห่งนั้น กวาดเอาเต็นท์แค้มป์กระจุยไปหมด ข้าวของที่เอาติดตัวมาก็กระจุยกระจาย เพราะฤทธิ์เดชพายุทอร์นาโดนั้น ทั้งสามก็เหลือแต่ตัวและเสบียงอาหารที่ติดตัวอยู่เท่านั้น ก็คงจะพอมีทองที่ขุดได้บางส่วน ที่ใส่ถุงไถ้ติดตัวไว้บ้างนิด ๆ หน่อย ๆ เมื่อเกิดเหตุการณ์อันไม่คิดฝันขึ้นเช่นนี้ ทั้งสามก็คิดเดินทางกลับ

แต่จะกลับไปทางไหนดี ก็ยังนึกไม่ออก เพราะสมัยนั้น เข็มทิศที่จะใช้หาทิศก็ยังไม่มี ได้แต่คอยดูแสงแดดก็มืดครึ้มไปหมดด้วยเมฆหมอกจากพายุที่เหลือไว้ หลังจากผ่านไปแล้วอย่างรุนแรง ทั้งสามก็ต้องเดาสุ่มเอา หาทางกลับบ้าน

ยิ่งเดินทางไปก็ยิ่งเหนื่อยเมื่อยล้า พอเมฆหมอกจางหายไป ความร้อนแรงของแสงอาทิตย์ก็เข้ามาแทนที่ ท่ามกลางทะเลทรายอันเวิ้งว้างนั้น จะหาที่พักพิงหลบแสงแดดได้ที่ไหน ยิ่งเดินทางไปนานวันเข้า เสบียงอาหารก็หมดลง น้ำท่าที่จะกินจะใช้ระงับความกระหายก็หมดไปเสียอีก ทองที่เหลืออยู่ในถุงจะเอาออกมาซื้อหาอะไรก็ไม่ได้ รอบ ๆ ตัวมีแต่ความเวิ้งว้างของทะเลทราย ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตที่ไหนอีก

นายเรแกนทั้งสามตามก็หมดเรี่ยวแรง ทรุดตัวล้มลงกลางทะเลทราย ได้แต่นั่งหมดอาลัย มองหน้ากันอยู่สามพี่น้อง ด้วยความหิวโหย รอความตาย

แต่แล้วคนหนึ่งในสามพี่น้องนั้นก็ออกความคิดขึ้นมาว่า เราจะพากันตายทั้งสามคนทำไมทองที่ขุดมาพอมีติดตัวแต่ละคนนี้ก็มีค่าอยู่ ควรที่เราจะเอามันสู่เมืองให้ได้ จะมายอมอดตายทั้งสามคนก็ไม่ถูก ควรที่เราจะต้องหาวิธีอะไรสักอย่างหนึ่ง เพื่อที่จะทำให้รอดชีวิตกลับไปได้ ไม่คนหนึ่งก็สองคน

อีกทั้งสองก็คงจะถามขึ้นมาว่า จะทำยังไงกันล่ะ ถึงจะเป็นไปได้อย่างว่า

คนที่สมองใสก็พูดว่า เราคนใดคนหนึ่งจะต้องเสียสละชีวิต เพื่อให้อีกสองคนได้อยู่ คือจะต้องยอมตายเพื่ออีกสองคนได้อยู่ คือจะต้องยอมตาย เพื่ออีกสองคนจะได้ใช้เลือดเนื้อของผู้ตายกินเป็นอาหาร ประทังชีวิตไปได้อีกหลายวัน เราจะพากันมาอดตายทั้งสามคนทำไม คนหนึ่งในพวกเราจะต้องเสียสละให้ กับพี่น้องอีกสองคน

เรแกนอีกสองคนก็เห็นด้วย

ทีนี้จะทำยังไงจึงจะเลือกคนเสียสละได้ เพราะทั้งสามคนต่างก็ยอมที่จะเสียสละด้วยกันเพื่อพี่น้อง ด้วยน้ำใจเด็ดเดี่ยวของสกุลเรแกน ทั้งสามจึงตกลงที่จะจับฉลากเสี่ยงทายกันเอง

ตามท้องเรื่องไม่ได้บอกว่า เขาใช้วิธีจับฉลากเสี่ยงทายกันยังไง กระดาษดินสอที่จะใช้เขียนฉลากก็คงจะหายากในสภาพเช่นนั้น อาจจะใช้วิธี “ ยันยีเป้าหยิงฉุก ” เอาก็ได้ ลงท้ายก็ได้คนที่เสียสละจนได้
เรแกนคนนั้นก็ต้องถูกทำให้ตาย จะด้วยวิธีใด ก็ไม่ได้เล่าไว้อีก

นี่แหละ นายเรแกนอีกสองคนจึงได้มีชีวิตรอดออกมาได้ ด้วยเลือดเนื้อของเรแกนผู้เสียสละคนนั้น จนมีเรี่ยวแรงพอที่จะดิ้นรนหาทางออกจนได้

นายโรแนลด์ เรแกน จึงได้ถือกำเนิดออกมาสืบสกุล เรแกน จนได้เป็นประธานาธิบดีอเมริกา ตามท้องเรื่อง ไม่ได้บอกไว้ว่า นายเรแกนสองคนนั้นชื่อต้นว่าอะไร ต้องไปถามท่านประธานาธิบดี โรแนลด์ เอาเอง

ผู้เขียนเรื่องนี้เป็นคนอเมริกัน ก็น่าเชื่อถือได้ว่า บรรพบุรุษของท่านประธานาธิบดี เรแกน เป็นเผ่ามนุษย์กินคนเหมือนกัน


อีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในนิคมอาบแดดแห่งหนึ่ง ในสหรัฐอเมริกาอีกนั่นแหละ

มีกระทาชายนายหนึ่ง ชื่ออะไร อย่าไปเอาใจใส่กับแกเลย อ่านเรื่องของแกก็พอ

วันหนึ่ง แกได้มีโอกาสเข้าไปเที่ยวในนิคมอาบแดดแห่งหนึ่ง ที่เข้าไปก็เพราะความอยากรู้อยากเห็นว่า ในนิคมนั้น เขามีอะไรกันบ้าง – อยากจะเข้าไปศึกษา ว่างั้นเถอะ คงไม่ใช่อยากจะไปดูคนไม่นุ่งผ้าอย่างเดียว

เมื่อแกเข้าไปในนิคม ฯ นั้น แกก็ต้องแก้ผ้าล่อนจ้อนอย่างเขาเหมือนกัน แกเดินกระมิดกระเมี้ยนกุมอวัยวะสำคัญเข้าไป เพราะความที่ยังไม่เคยชิน แต่พอเดินเข้าไปนาน ๆ เข้าก็หายกระดาก เพราะผู้คนทั้งหญิงชายในนั้น เขาเดินแก้ผ้าโทง ๆ กันอย่างไม่เคอะเขิน แกก็เลยหายเขินไปได้ เดินโทง ๆ ไปกับเขาเหมือนกัน

ยิ่งเดินก็ยิ่งเพลิน เพราะตามริมทางเดินอันร่มรื่นนั้น มีสวนดอกไม้สวยงามไปตลอดสองข้างทาง เดินชมดอกไม้ไปเรื่อย ๆ ... ร่มรื่นสบาย ... ต้นไม้ดอกเหล่านั้นมีชื่อปักเรียงรายไปบนป้ายเล็ก ๆ แกก็เดินอ่านชื่อตามป้ายเหล่านั้นไป ได้ความรู้เรื่องดอกไม้อีกมากมาย ผู้คนก็ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดทาง

แกเดินอ่านป้ายชื่อดอกไม้ต่าง ๆ พลางยิ้มแย้มทักทายกับสมาชิกหญิงชายซึ่งเดินแก้ผ้าโทง ๆ ผ่านไปมาอย่างสบายอารมณ์ เดินมาจวนจะสุดสวนไม้ดอก ได้รับความรู้จากป้ายชื่อดอกไม้มากมายจนถึงปลายสวน มีป้ายเล็ก ๆ ป้ายหนึ่งปักอยู่เรี่ย ๆ ดิน แกก้มลงอ่านก็ไม่เห็น ต้องโก้งโค้งก้มตัวลงไปต่ำอีก จึงอ่านได้ความ ป้ายนั้นเขียนว่า

“ ระวังคนกามวิตถาร ”

“ อุ๊ย ” แกร้องออกมาได้คำเดียว รีบขยับตัวเงยขึ้น แต่สายไปเสียแล้ว

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องสัปดน เป็นเรื่องขำขันที่แหวกแนวหน่อยเท่านั้นเอง เก็บตกมาได้จากนิตยสารฉบับหนึ่งที่ออกในนิคมอาบแดดแห่งนั้น

อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้



Create Date : 13 ตุลาคม 2553
Last Update : 13 ตุลาคม 2553 2:11:51 น. 3 comments
Counter : 692 Pageviews.

 
เพื่อน ๆ ที่รัก

หาเรื่องเบา ๆ สมอง มาให้อ่านกันเล่นไปพลาง ๆ ค่ะ

ขอให้อายุยืนกันอีกคนละ 2 - 3 ปีก็ยังดี
จะได้มีเวลาทำดี ทำบุญ ต่อกันอีกสักหน่อยนะคะ




โดย: ธารน้อย วันที่: 13 ตุลาคม 2553 เวลา:2:26:20 น.  

 
..อ่านแล้วจ้า..

ดีเหมือนกัน อ่านเรื่องเบาๆสมองมั่ง..


โดย: ก้นกะลา วันที่: 13 ตุลาคม 2553 เวลา:20:46:51 น.  

 
อ่านแล้วต้องยิ้มตามครับ...


โดย: CEO นิ้วก้อย วันที่: 14 ตุลาคม 2553 เวลา:14:01:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.