อัศวินคือใคร ... ตอนที่ 5
อัศวินคือใคร สำคัญอย่างไร ?
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ ใช้นามปากกาครั้งนี้ว่า อัศวินเก่า จาก ต่วยตูน เล่มที่ ๑๒ ปีที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๓๑)
ตอนที่ 5
ออกหนังสือรายเดือนยังไม่พอ กรมตำรวจยังออกหนังสือพิมพ์รายวันอีก ชื่อว่า ชาวไทย นั่นไงครับ คงจะพอจำกันได้ ผมก็ถูกสั่งอีกว่า มึงต้องไปทำ " สั่งมาก็ทำได้
หนังสือพิมพ์ ชาวไทย ก็คลอดออกมาสู้กับหนังสือพิมพ์ในเครือของคุณลมูล คือ ไทรายวัน กับ สารเสรี คุณลมูลก็หัวหมุนไป
พอรัฐบาลตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาชื่อว่า พรรค เสรีมนังคศิลา ก็ได้รับคำสั่งมาอีกว่า
มึงไปช่วยงานเขาในตำแหน่ง ผู้ช่วยเลขาธิการพรรค มึงเป็นสันติบาล ย่อมต้องรู้เรื่องการเมืองดี
ก็ต้องไปอีก พวกนักการเมืองนี่ ก็รู้ ๆ กันว่า เสือสิงห์กระทิงแรดกันทั้งนั้น แต่พวกเขาก็ยอมฟังความคิดเห็นของผม
ตอนที่มีการเลือกตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๐ นั่นแหละครับ ที่มีการเลือกตั้งสกปรกนั่น ผมก็ต้องไปเล่นเกมสกปรกกับเขาด้วย
การเมืองมันจะเป็นเรื่องสะอาดยังไงได้ มันต้องมีเล่ห์เหลี่ยมร้อยแปด ขอให้ชนะก็แล้วกัน ต่างฝ่ายต่างโกง เขาเล่นเวียนเทียนการลงคะแนนกัน ผมก็เล่นยกหีบ
ไอ้ที่เขาเวียนเทียนลงคะแนนกันไม่รู้คนละกี่รอบนั้น ผมก็ปล่อยให้เขาทำกัน แต่พอถึงตอนนับคะแนนในหีบใส่บัตรคะแนน ผมเอาหีบของผมมาให้นับ
เขาก็รู้ซิว่า โดนเล่นกลเข้าให้แล้ว เพราะคะแนนเวียนเทียนของเขามันต้องชนะ มาแพ้ได้ยังไง ก็เลยโวยออกมาว่า เป็นการเลือกตั้งสกปรก
นี่ไงครับ เขาจึงว่า ในการเมือง ไม่มีคำว่า สุภาพบุรุษ
หลังการเลือกตั้งครั้งนั้น ทางฝ่ายพรรคการเมืองที่ถูกโกงก็รู้ว่าเป็นฝีมือใคร เขาก็เหมาเอาว่า เป็นฝีมือของท่านเลขาธิการพรรค ก็คือตัวอธิบดีกรมตำรวจนั่นเอง แต่เขาไม่รู้ว่า ใครเป็นคนทำ มีใครก็ไม่รู้ ไปเกลี้ยกล่อมเอานักศึกษาออกมาเดินขบวนได้เต็มถนนราชดำเนิน จะบุกไปทำเนียบรัฐบาล ตอนนี้ อัศวิน ต้องนิ่งเฉย ออกไปยุ่งกับเขาไม่ได้ ถึงจะมีตำแหน่งเป็นรองผู้บังคับการตำรวจสันติบาล
แล้วเราก็ได้ วีรบุรุษสะพานมัฆวาฬ ในวันนั้น ที่สามารถใช้วาทศิลป์ให้ขบวนฝูงชนหันกลับไปได้ที่สะพายมัฆวาฬ
วีรบุรุษท่านนั้นคือใคร ? ตอนนั้นท่านเป็นร้อยเอก ใบ้ให้ก็ได้ เดี๋ยวนี้ท่านเป็นพลเอกแล้วครับ เกษียณปี ๒๕๒๙ ไม่ได้ต่ออายุอีก
พอออกอาวะวาดมาก ๆ เข้า ก็ได้รับการขนานนามใหม่ว่า อัศวินผยอง
ยุคสมัยที่พวกผมยุ่ง ๆ อยู่กับการเมือง ทั้งทางตรงและทางอ้อมนั้น เขาเรียกกันว่า ยุคมืด
นักการเมืองถูกฆ่าตายหลายคน โดยเฉพาะฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐบาล นั่นก็คือ พวกคอมมิวนิสต์ หรือ พวกเอียงซ้ายเสียส่วนมาก
ประวัติของพวกนี้ สันติบาลย่อมมีอยู่ครบถ้วน ทั้งการเคลื่อนไหวทุกระยะ พอรู้มากเข้า เขาก็ต้องหาทางทำลาย คนของผมเองก็หายไปเงียบ ๆ หลายคน พวกนี้ถูกส่งออกไปปฏิบัติงานในพื้นที่ของพวกคอม ฯ อย่างลับ ๆ พวกเขารู้เข้าก็มีอันหายไปเฉย ๆ หลายคนไปเป็นศพอยู่ชายป่าที่เป็นที่ส้องสุมของพวกเขา มีแต่ตัว หัวหายไป แต่ผมจำคนของผมได้ แม้จะมีแต่ร่างกาย ไม่มีหัว แล้วยังงี้จะให้ผมทำยังไง คนของเขาก็ต้องมีอันหายไปบ้าง แต่ของเขาหายไปเงียบ ๆ ไม่มีทั้งร่าง ไม่พบทั้งหัว กระบอกเสียงของเขาก็โวยขึ้นมา ทางหน้าหนังสือพิมพ์ซึ่งเป็นของเขา เดาออกเสียด้วยว่าเป็นฝีมือใคร
เห็นไหมครับ เรื่องการเมืองนั้น เราจะเป็น สุภาพบุรุษ ไม่ได้
พอจะเห็นหรือยังครับว่า คำว่า อัศวิน นั้น มันหมายความถึงอะไร ยิ่ง อัศวินแหวนเพชร ก็ยิ่งต้องวุ่นหนักเข้าไปใหญ่
ตอนที่เจ้านายขึ้นไปช่วยหาเสียงให้ผู้แทน พรรคเสรีมนังคศิลา ที่เชียงใหม่นั่นแหละครับ ที่เจ้านายเกิดไปถอด แหวนอัศวินฝังเพชร ที่สรวมอยู่ที่นิ้วท่านให้กับดาราตลกชื่อดังคนหนึ่ง เพราะถูกใจที่ดาราตลกคนนั้นร้องเพลงสดุดีได้ถูกใจต่อหน้าผู้คนรอบ ๆ เวที ก็เรียกดาราคนนั้นลงมาหา ถอดแหวนอัศวินฝังเพชรออกจากนิ้ว สรวมเข้านิ้วดาราตลกคนนั้นเลย ไม่มีใครห้ามได้
ตอนนั้นผมไม่ได้ขึ้นไปด้วย รู้ข่าวจากหนังสือพิมพ์ที่อ่าน
ผมก็เลยถอดแหวนของผมออก
ที่ถอด ไม่ใช่เพราะว่าผมรังเกียจดาราตลกคนนั้น ผมกับเขารู้จักกันดี เขาเรียกผมว่าพี่ และผมนั้นรู้จักกับพวกดาราหลายคน จนเดินไปไหนก็เจอกันบ่อย
ผมเองก็เคยเล่นหนังเป็นดาราชั้นพระเอกมาแล้ว แต่เล่นได้เฉพาะหนังของกรมตำรวจ ถึงสามเรื่อง แล้วก็เล่นไม่ได้สตางค์ ต้องเล่นให้ฟรี ถือว่าเป็นการรับราชการ แถมยังต้องเสียเงินเลี้ยงกองถ่ายเมื่อถึงเวลาพักกินข้าวเสียอีก เรื่องเล่นหนังนี่ก็ถูกเจ้านายสั่งการมาให้เล่นอีกเหมือนกัน ไม่รู้ทำไม ทั้งกรมตำรวจนี่ จึงไม่มีใครสักคนที่จะเป็นพระเอกหนังได้ นี่ก็เป็นหน้าที่ของ อัศวิน อีกอย่างหนึ่ง
Create Date : 11 พฤศจิกายน 2554 |
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2554 18:42:14 น. |
|
4 comments
|
Counter : 974 Pageviews. |
|
|
|