เงื่อนไขการปฎิวัติ (ตอนที่ 17)
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 17
บทที่ ๗ ปฏิบัติการผิดจังหวะ
วันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ข่าวคราวของพี่เชื้อเงียบไป พี่เชื้อไม่ได้โผล่มาเยี่ยมเยียนผมอีกเลยนับแต่วันนั้น นี่ก็แสดงว่า พี่เชื้อกำลังเตรียมงานอยู่อย่างเงียบ ๆ ผมยังคงออกเตร็ดเตร่กับพรรคพวกตามปกติ ลืมเรื่องที่พี่เชื้อเคยพูดเสียสนิท ที่ ๆ พวกผมชอบไปกินเหล้าเฮฮากัน นอกจากที่ สโมสรสหมิตรแล้วก็ยังมีที่อื่น ๆ อีก อย่างตามโรงน้ำชาแถว ๆ เยาวราช โดยเฉพาะที่โรงแรมหกชั้นในตรอกม้าเกงเอ๋า คืนวันหนึ่ง พวกผมสี่ห้าคนเถลไถลกันไปที่โรงแรมนั่น ตำรวจกองตรวจกับเจ้าของโรงแรมย่อมรู้จักกันดีเป็นพิเศษ แต่ไม่ใช่ว่าพวกผมจะไปเบ่งกินฟรี พักฟรี และขึ้นห้องฟรีกับอีตุ้ง
พวกอีตุ้งนั้นมันรังเกียจชายไทยที่สุด มันจะรับแขกเฉพาะชาวจีนด้วยกัน นี่ว่ากันถึงอีตุ้งประเภทอาชีพแถว ๆ ตรอกซอยย่านเยาวราช มันว่าผู้ชายไทยยุ่งยาก กว่าจะร่วมหอลงโรงกันได้ก็ต้องโหมโรงเสียก่อนนาน จับโน่นจับนี่วุ่นวาย กว่าจะเล่นบทอัศจรรย์ได้แต่ละที ราคาตอนนั้นก็ขนาดหกสลึง บาทห้าสิบเท่านั้น มันบ่นว่า ม่ายหวายฮ่ะ หกซีหลึง เหลียวจะลมแล้วลมหล้า ยุ่งฉิกหาย สู้กุมารจีนด้วยกันไม่ได้ พ่อพวกนั้น ไม่พูดพล่ามทำเพลง ขึ้นเตียงก็รำมวยจีนเข้าใส่เลย มวยจีนมันขึ้นเร็ว ลงเร็ว ต่อยทีสองทีก็ลงจากเวทีแล้ว หกสลึงเท่ากัน ของพี่ไทย กว่าจะหกสลึงก็โดนจ้ำจี้จ้ำไชอ่วม ก็อย่างที่มันบ่นให้ฟังตามที่ผมเขียนไว้ข้างบนนั่นแหละครับ แปลเอาเองว่ามันว่ายังไง คืนนั้น ผมก็เรียกอีตุ้งมาเข้าห้องได้คนหนึ่งโดยเจ้าของโรงแรม โกจัดการให้ มันว่าเป็นอีตุ้งชั้นดี คัดมาเป็นพิเศษ ในราคาสองบาท ราคานี้ต้องพิเศษจริง ๆ สมัยนั้น เงินเดือนแปดสิบบาทอยู่ได้สบาย ๆ แล้ว น้ำแข็งเปล่าถ้วยละสตางค์แดงเดียว ผมอยู่ในห้องกับอีตุ้งชั้นพิเศษที่ไอ้โกมันจัดให้ เล้าโลมมันยังไงมันก็ทำสะดิ้ง พอจะจับลงนอนมันก็สะบัดหลุดไปนั่งริมเตียง แล้วว่า ไม่ล่ายน่อ จำเลินมา ผมกำลังหงุดหงิด ตวาดออกไป จำเริญ จำแรนอะไรอั๊วก็ไม่กลัว ให้พ่อจำเริญมาก็ได้วะ บิช่าย มันพูดออกมาอีก จำเลินฮ่ะ จำเลินจิน ๆ นอนไม่ล่าย อะไรของมันวะ ผมนึกอยู่ในใจ จำเริญอะไรของมัน ผมไม่ฟัง โดดไปคว้าข้อมือมันดึงเข้ามา มันดิ้นสะบัดใหญ่คราวนี้ จำเลินฮ่ะ จำเลินจิง ๆ ฮ่ะ มันร้องออกมา ไม่ล่ายฮ่ะ ไม่ล่าย มันชี้ไปที่เบื้องล่างกางเกงที่มันนุ่งอยู่ จำเลินฮ่ะ จำเลินมาจิง ๆ ฮ่ะ ๆ แลง ๆ ที่นี่ฮ่ะ ผมถึงได้เข้าใจว่าอะไร ประจำเดือนมันมานั่นเอง ถ้ามันไม่ชี้ที่กางเกงแล้วว่าแดง ๆ มา ก็คงยังไม่เข้าใจเรื่องจำเลินของมัน ผมไม่เชื่อ ดึงตัวมันเข้ามาหา เปิดดูก่อน อั๊วไม่เชื่อ ไม่ล่ายน่อ มันดิ้นอีก จำเลินมาจินๆ น่อ มันสะบัดอย่างแรงจนหลุด แล้วมันก็วิ่งปรื๋อไปเปิดประตูห้องหนีออกไป ผมนั่งฮึดฮัดอยู่ในห้องคนเดียว ขยับจะดกกริ่งเรียกไอ้โกมา ก็พอดีอีตุ้งคนเก่าเปิดประตูเข้ามา ทีนี้มันยืนยิ้มอยู่ที่ประตูนั่น ผมนึกว่ามันเปลี่ยนใจ ลุกขึ้นจะไปดึงมันมาที่เตียง มันยังยืนยิ้มเฉยอยู่ตรงนั้น พูดว่า เขาปาตีวักกัง ยังจามานอนก๋าพูหยิงอยู่ล่าย ผมชะงักมองดูมัน ฟังไม่ถนัดว่ามันว่ายังไง เขาปาตีวักกัว ออกใสฟังวิกมายุลูเซ่ มันพูดชี้มือไปที่ห้องไอ้โก ผมออกจากห้อง เดินไปที่ห้องไอ้โกที่อยู่ใกล้ ๆ เสียงวิทยุในห้องมันเปิดดังลั่น เป็นเสียงประกาศฟังชัดว่า ขณะนี้คณะปฏิวัติได้ยึดกรมโฆษณาการไว้ได้แล้ว และได้ยกกำลังเข้าไปตั้งอยู่ในวังหลวงยึดเป็นกองบัญชาการคณะปฏิวัติ ประกาศให้รัฐบาลยอมแพ้เสียดี ๆ ผมเผ่นกลับเข้ามาในห้อง รีบแต่งตัว คว้าปืนเหน็บเอว ลงลิฟต์มาชั้นล่างทันที ขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าโรงแรมบึ่งไปที่กอง สั่งกำลังเตรียมพร้อม และให้คอยฟังคำสั่งผมอยู่ขณะที่ตั้ง แล้วผมก็บึ่งรถไปที่นัดพบซึ่งรู้กัน คือบริเวณ ร. พัน ๗ ที่พี่ม้าย หรือพันโม ละม้าย อุทยานานนท์ เป็นผู้บังคับการกรม ๑๑ หรือผู้บังคับกองพันอยู่ขณะนั้น ผมจำไม่ได้ ผมไปถึงที่นั่นก็พบพรรคพวกอยู่ด้วยกันแล้วหลายคนบริเวณหน้ากองพัน กำลังสั่งการรวมพลอยู่ เจ้านายผู้ช่วย อ ตร. เผ่า ของผมก็อยู่ด้วย ผมเข้าไปรายงานตัวกับท่าน เจ้านายหันมาเห็นผมก็ถามทันที เฮ้ย ไอ้ม้ายมันอยู่ที่ไหนวะ ยังไม่เห็นมา ผมก็ยืนงง ไม่รู้เรื่อง
เฮ้ย ไอ้พุฒ นายสั่งการกับผม มึงไปตามตัวไอ้ม้ายมาให้ได้ มันคงจะอยู่ที่บ้านวัดธาตุทอง
ผมรู้จักบ้านวัดธาตุทองดี เพราะที่บริเวณหลังวัดนั้น พวกท่านผู้ใหญ่ในคณะมีบ้านพักผ่อนอยู่ที่นั่น สำหรับใช้ในกิจกรรมนอกระบบ บ้านหลังนั้นเป็นบ้านของคหบดีชั้นเศรษฐีท่านหนึ่งซึ่งผมก็รู้จักดีอีก มีเอาไว้ให้ท่านผู้ใหญ่พวกนี้ใช้
ผมบึ่งรถกลับมาที่กองอีกที ผมรู้ว่าถ้าผมจะไปที่วัดธาตุทอง ผมจะต้องผ่านหน่วยงานของฝ่ายปฏิวัติที่จะต้องยืนรักษาการณ์อยู่แถว ๆ สี่แยกราชประสงค์แน่ ๆ
ผมแวะที่แถวเยาวราชก่อน เรียกเอาแท็กซี่คันหนึ่งที่เคยใช้กันประจำให้ตามมาที่กอง กองตรวจของผมอยู่ชั้นสี่บนสถานีตำรวจพลับพลาไชย ซึ่งเป็นสถานีตำรวจนครบาลกลางเดี๋ยวนี้
ผมพาแท็กซี่คันนั้นมาที่กอง เรียกคนขับรถประจำตัวของผมมา ล้วงเอาบัตรประจำตัวและหลักฐานเอกสารต่าง ๆ ในตัวผมออกหมด ให้สิบตำรวจโท คนรถของผมเก็บไว้ให้ดี เดี๋ยวจะกลับมา ส่วนกำลังนั้น ให้รอฟังคำสั่งอยู่ก่อน ไม่ต้องเคลื่อนไหวไปไหน สั่งเสร็จผมก็ขึ้นรถแท็กซี่คันนั้น สั่งให้รีบไปวัดธาตุทองเร็วจี๋
แท็กซี่บึ่งออกจากที่นั่นทันที พอมาถึงบริเวณสี่แยกราชประสงค์ รถก็ติดกันยาวเหยียด ผมชะโงกหน้าขึ้นดูก็เห็นมีการตรวจตั้งด่านอยู่ตรงสี่แยก แสงสว่างพอมองเห็นว่าเป็นพวกทหารเรือ กำลังหยุดรถ ฉายไฟตรวจรถอยู่เป็นแถว
ปืนพกประจำตัวผมยังอยู่ที่เอว ผมทิ้งมันไม่ได้ ผมสะกิดคนขับรถบอกเข่ว่า ถ้ารถเรามาถึงที่ตรวจก็ให้เขาบอกว่า เขาไม่รู้จักว่าผมเป็นใคร เขารับมาจากแถว ๆ เยาวราช ผมบอกให้ไปส่งที่ซอยประสานมิตร ผมขึ้นรถแล้วก็เมาหลับเขลงอยู่ เขาจะปลุกตอนเข้าซอย ให้เขาพูดเท่านั้น ไม่ต้องพูดอะไรอีก
พอรถใกล้จุดตรวจเข้าไป ผมก็ล้มตัวลงนอน ปืนของผม ๆ ชักออกมานอนออกทับไว้ใต้ขา มือสอดไปกุมเอาไว้ ไม่แน่ใจว่าจะต้องใช้มันหรือเปล่า แล้วผมก็ขยี้ผมให้ยุ่ง นอนตะแคงหลับ หลี่ตามอง พอรถมาหยุดที่จุดตรวจ ก็มีแสงไฟฉายกราดเข้ามาในรถ
จะไปไหน เสียงถาม
ไปซอยประสานมิตรครับ เสียงคนขับรถผมตอบ
หลับเรอะ เสียงถามต่อมาอีก
คงยังงั้นมั้งครับ ขึ้นรถได้ก็หลับ คงจะเมามาก เสียงแท็กซี่ของผมตอบ
ผมทำขย้อนอ๊อก ๆ
ไป ๆ รีบไป เสียงนอกรถพูด ขย้อนแล้ว เดี๋ยวก็เลอะเทอะรถ ไป
รถพุ่งปราดออกไปทันที ผมลุกขึ้นตบไหล่คนรถ ขอบใจมาก เดี๋ยวจะต้องกลับออกมาอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ อั๊วมีรางวัลให้ลื้อแน่
Create Date : 08 พฤษภาคม 2553 |
Last Update : 9 พฤษภาคม 2553 22:14:54 น. |
|
1 comments
|
Counter : 929 Pageviews. |
|
|
|