จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
2 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 

13 ปีกับบุรุษเหล็กแห่งเอเชีย (ตอนที่ 32 - ตอนจบ )

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 32 - ตอนจบ

ตอนหลัง ๆ ทางกรมตำรวจคิดทำหนังสือแม็กกาซีนรายเดือน ใช้ชื่อว่า “ อาชญากรรม ” เพื่อให้ตำรวจเข้าถึงประชาชน และให้ประชาชนได้เข้าถึงตำรวจ นั่นเป็นความคิดของท่านอธิบดี เผ่า ฯ

แรกเริ่มเดิมที ท่านให้หน่วยทะเบียนอาชญากรรมเป็นผู้ทำ เพราะเป็นหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรง หนังสือไม่มีคนเอาใจใส่ตามความคาดหมาย แม้จะบังคับให้ตำรวจทุกหน่วยรับ ก็ไม่ประสบความสำเร็จ รับไปก็ไม่มีคนสนใจอ่านเท่าที่ควร

ผู้กำกับ เยื้อน ฯ นายเก่าของผม เป็นผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น
ผู้กำกับ เยื้อน ฯ ส่ายหน้า บอกเห็นจะไปไม่ไหว เจ้านายก็เคี่ยวเข็ญให้ไปให้ได้

ผู้กำกับ เยื้อน ฯ หันรีหันขวางอยู่ ไปมาก็โยนโครมมาที่ผม โดยพูดกับเจ้านายให้ส่งให้ผมทำ เท่านั้นก็ได้การ เจ้านายก็โยนโครมมาให้ผม ตามคำแนะนำของผู้กำกับ เยื้อน ฯ เพราะหนังสือจะเจ๊งไม่ได้ เสียหน้า

ผมก็ต้องรับไว้ เพราะถ้าไม่รับ มันก็แตกอย่างว่า

ผมไม่เคยทำหนังสือพิมพ์ เขียนหนังสือก็ยังไม่เป็น เคยแต่รายงานการสอบสวนสืบสวน แล้วผมจะทำยังไง เรื่องที่จะโยนไปให้คนอื่นนั้นไม่เคยปฏิบัติ

ผมนึกถึงคุณลมูล ฯ ขึ้นมาได้ ผมเรียกคุณลมูล ฯ มาคุยกับผม ให้ช่วยผมทำหนังสือนี้ คุณลมูล ฯ ถนัดอยู่แล้วก็รับปากรับคำหนักแน่น แต่มีข้อแม้อยู่ว่า ผมจะต้องเขียนเรื่องอะไรก็ได้ลงในหนังสือฉบับนี้ ขาดไม่ได้ เรื่องเงินทองไม่เคยพูดกัน

ผมตกลง ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้จะเขียนอะไร

แล้วเรื่อง “ นักสืบพราน ” ก็ปฏิสนธิขึ้นมาในหนังสืออาชญากรรม เป็นการเริ่มแรกนั่น เป็นที่กำเนิดของนักสืบพราน เจนเชิง และกัลยา ชาญวิทยา เลขานุการสาวสวยของเขา

พูดจริง ๆ ไม่ได้แกล้งถ่อมตัว ผมไม่ได้นึกเลยว่า นักสืบพราน แกจะดังถึงขนาดนั้น

ผมหยิบเอาประสบการณ์ที่ผมมีจากการทำงาน และในชีวิตของผมในด้านอื่น ๆ ออกมาเป็นแนวนำในการเขียน แต่งเติมนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ไม่ทราบว่ามันวิ่งปลิวลมไปได้อย่างไร

ชักจะคุย... ขอโทษ

เรียกว่า ฟรุค ก็ได้ ไม่มีใครเชื่อว่าผมเคยเขียนหนังสือมาก่อน ผมเคยต้องกลายเป็นนักเขียนไปด้วยความประมาท นักสืบพรานของผมจบลงและปิดฉากพฤติการณ์ของเขาลงไป เมื่อผมระเห็จออกนอกประเทศ

มีผู้คนเอาไปทำภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ตอน “ จำเลยไม่พูด ” ไม่ทราบว่าผู้ที่เอาไปทำ เสียหายหรือกำไรเท่าไหร่ คุณลมูล ฯ ที่ตั้งต้นไปกับผมถึงเชียงรายไปควานเอานางเอกเรื่องนี้มาจากที่นั่น

เรื่องนี้ ได้คุณมารุตเป็นผู้กำกับการแสดง ผมวางบุคลิกของตัวนักสืบพรานให้เขา เพราะไม่ต้องการให้นักสืบตัวเอกของผมมีบุคลิกเลื่อนเปื้อนอย่างหนังไทยเรื่องอื่น ๆ ผมต้องการให้นักสืบพรานเป็นนักสืบพราน ไม่ใช่พระเอกยี่เก

คุณมารุต คัดเลือกตัวนักสืบพรานด้วยตัวเอง เท่าไร ๆ กี่คน ๆ ก็ไม่พอใจ
หันไปหันมา เขาก็ชี้หมับมาที่ตัวผม

“ ท่านรอง ฯ ต้องเล่นเอง คนอื่นไม่เหมาะหรอก ” เขาว่า

ทีนี้คณะก็เห็นด้วย ไม่มีใครยอมให้ผมปฏิเสธ เขาช่วยกันเกลี้ยกล่อมผม จนผมใจอ่อนยอมรับ

ผมก็เลยกลายเป็นพระเอกหนังไปโดยประมาทอีก จำต้องรับเป็น เพราะกลัวเขาเสียงานกัน ไม่ใช่เพราะบ้ายอ

หนังเรื่องนี้ผมไม่ได้ค่าเรื่อง ไม่ได้ค่าตัว แถมบางวันยังต้องเสียค่าเหล้า เสียเงินค่าเลี้ยงพวกกองถ่ายและตัวแสดงเสียอีก ในประวัติศาสตร์ของการทำภาพยนตร์ไม่เคยมีปรากฏการณ์อย่างนี้ และยังไม่เคยมีจนกระทั่งบัดนี้

เป็นธรรมดา ผมก็รวยอื้อซ่าไปแล้ว

ในชีวิตของผม แสดงหนัง ๓ เรื่อง เป็นของกรมตำรวจเสีย ๒ เรื่อง คือ เรื่อง ศาสนารักนางโจร และ เรื่อง เหยื่ออาชญากรรม ส่วนเรื่อง นักสืบพราน นี้เป็นของคนนอกคนนั้น ก็ไม่ใช่คนนอกแท้ ๆ แต่เขาเป็นคนในกรมตำรวจ แต่ทำหนังเรื่องนี้ด้วยทุนของตัวเอง ไม่เกี่ยวกับราชการ

ที่แน่ ๆ ก็คือ ตัวผม ซึ่งแสดงหนังทั้ง ๓ เรื่องโดยไม่ได้สตางค์ เป็นงานกุศลไป

แต่ยังไง ๆ ผมก็ได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงภาพยนตร์คนหนึ่ง ขั้นดาราชั้นนำ

เจ้านายรู้เรื่องนี้เหมือนกัน ไม่ว่าอะไร เพียงแต่ปรารภกับคนใกล้ชิดอื่น ๆ ว่า ไอ้นี่ถ้ามันจะบ้าหนังเสียแล้ว

ในช่วงชีวิตที่ผมใกล้ชิดกับเจ้านายในเมืองไทย ยังมีเรื่องราวพิสดารอีกหลายเรื่องที่ผมประสบมา บางรายต้องเผชิญหน้ากับอิทธิพล ชนิดกระบอกปืนต่อกระบอกปืนยันกัน แต่ผมเล่าไม่ได้

บางเรื่องมันเป็นเรื่องขัดกับนโยบายของรัฐบาลสมัยนั้น เราเป็นตำรวจผู้รักษากฎหมาย เมื่อมีเรื่องผิดกฎหมายเกิดขึ้นอย่างท้าทายกฎหมาย เราก็ต้องก้าวเข้าไปสกัด แล้วก็ต้องถอยออกมาอย่างเสียศักดิ์ศรีก็มี

ผมเคยคุมกำลังตำรวจไปจับฝิ่น ๒ ตู้รถไฟ ไปโดยคำสั่งของเจ้านาย เพราะมีสายลับมาส่งข่าว เรื่องสายลับของขบวนฝิ่นนี้ ก็เป็นใครอื่นไปไม่ได้ นอกจากพวกของเขาเองที่แตกคอกัน เพราะความโลภ แล้วก็มาบอกตำรวจไปจับ คนอื่นจะรู้เรื่องราวความเคลื่อนไหวโดยละเอียดย่อมไม่ได้

กว่าจะจับมาได้ก็ต้องยันกับปากกระบอกปืน ผมก็เอามาจนได้
แต่แล้วก็ต้องคืนเขาไป

ไอ้เงินรางวัลที่จะได้ ที่คิดเอาไว้อย่างครึ้ม ๆ ใจนั้นก็หายวับไป กะจะจ่ายให้ลูกน้องที่อดหลับอดนอน และเสี่ยงกระสุนปืนด้วยกัน ก็ต้องอดไปด้วยกัน

ความจริงก็ไม่ได้เสียทีเดียวหรอก เดิมทีเขาจะให้ค่าเหนื่อย สองแสน ก็พอที่จะแบ่งกันพอหอมปากหอมคอ พอเอาเข้าจริงเขาส่งมาให้ สองหมื่นบาท

ครับ – สองหมื่นบาทสำหรับสินบนฝิ่น เก้าตัน !

ผมก็เลยคืนเงินเขาไป ไม่รับซักสตางค์แดงเดียว

จะเรียกว่า เป็นการถอยออกมาอย่างเสียศักดิ์ศรีก็ไม่ถูกนัก

ผู้ยิ่งใหญ่รายนั้น เป็นใครน่ะหรือครับ

ผมไม่บอก ที่ไม่บอกไม่ใช่เพราะกลัว แต่จะมาฟื้นฝอยหาตะเข็บกันอีกทำไม

แล้วต่อ ๆ มา ผมก็ถูกหาว่า ค้าฝิ่นไปเสียเอง เป็นการแก้เกี้ยว เอากันยังงั้นก็มี

ยิ่งกว่านั้นเข้าไปอีก ฝิ่นจำนวนนั้น พวกผมขอไว้สัก ๔๐ กระป๋อง เพื่อเอาไว้เป็นของกลางส่งหลวงบ้าง เพราะการไปจับใคร ๆ ก็รู้ ข่าวมันออกดัง จะไม่ให้มีของกลางเสียเลยก็จะยังไงอยู่

เขาก็ให้มา ๔๐ กล่อง เป็นกระป๋องที่บรรจุได้สัก ๑๐ กว่ากิโล รวมแล้วก็มากโขอยู่ เล่นเอาห้องขังของกองตรวจเหนือ ที่บางขุนพรหม ยุบไปทั้งพื้น

พวกหนังสือพิมพ์ก็ตามข่าวนี้กัน เพราะเขารู้ว่าพวกผมไปจับฝิ่นมาได้จำนวนใหญ่ เป็นตัน ๆ

ผมก็บอกเขาไปว่า จับมาได้แค่ ๔๐ กระป๋องเท่านั้น ไม่เป็นตัน ๆ อะไรหรอก ไม่เชื่อก็มาพบกันพรุ่งนี้ ผมจะเชิญสรรพสามิตมาเปิดพิสูจน์กันต่อหน้าหนังสือพิมพ์เลย

วันรุ่งขึ้น เขาก็แห่กันมาแต่เช้าที่กองตรวจเหนือ ที่สถานีตำรวจบางขุนพรหมเก่า สรรพสามิตก็มากันพร้อม ผมเปิดห้องขังให้ตำรวจเอากระป๋องของกลางออกมากระป๋องหนึ่งก่อน เอาอีโต้จามลงไป กระป๋องแบะออก งัดกระป๋องออก

ไอ้วัตถุที่เห็นอยู่ในกระป๋องนั้น ไม่ยักกะใช่ฝิ่น

มันกลายเป็นดินเหนียวไปได้

จามออกมากี่กระป๋อง กี่กระป๋อง ก็ดินทั้งนั้น

งามหน้าไหมล่ะ !

ทีนี้ หนังสือพิมพ์ก็สนุกกันใหญ่ ผมคนเดียวที่ไม่สนุก คนที่เขาเล่นกลเสกฝิ่นให้เป็นดินได้คนนั้น เขาก็คงจะสนุกมากกว่าคนอื่น

เห็นไหมล่ะครับ ผมเล่ามาเพียงแค่นี้ ก็สะดุ้งกันไปบ้างแล้วหลายคน พอแล้ว

ถ้าผมค้าฝิ่นเก่งน่ะเรอะ ผมไม่มาจนดักดานอยู่อย่างนี้หรอก ป่านนี้สบายไปแล้ว ก้อตอนที่ผมออกจากเมืองไทยนั้น ผมมีเงินอยู่เพียง สามพันบาท จำได้ไหมเล่า

เรื่องนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นอีกจุดหนึ่ง ที่เกิดความตึงเครียดกันขึ้น ระหว่างใครต่อใครในบ้านเมือง ทีนี้ เขาก็ขนกันเป็นคาราวาน รวยกันไปเป็นแถว ๆ ท้าทายการจับกุม

ตอนนั้น พ่อค้าใหม่ ๆ ใครไม่ขนฝิ่นก็ไม่ทันสมัย

ผมจะไม่เท้าความถึงอะไรต่ออะไรต่อไปอีก เพื่อที่จะให้เรื่องนี้จบลงด้วยความสงบสวยงาม และเรียบร้อย ที่กระเทือนไปบ้างแล้ว ก็ขอโทษ

ภาคผนวกของเรื่องนี้ยังมีเรื่องที่น่าจะเขียนอีกมากมาย เจ้าสัวใหญ่ ๆ ที่กุมการเงินของประเทศไทยอยู่ขณะนี้ เขาไต่เต้าขึ้นมาอย่างไร ผมบังเอิญได้รู้ได้เห็น บางคนเป็นเจ้าสัวขึ้นมาเพราะโกงเพื่อนก็มี บางคนเป็นเจ้าสัวขึ้นมาเพราะวิธี การอันยอกย้อนก็มี แต่ยังไงก็ตาม ก็นับว่าเขาต้องมีฝีมือจึงจะรวยได้

บางคนที่เคยเช้าถึงเย็นถึงที่บ้านผม เพื่อขอความช่วยเหลือในเรื่องอันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายของเขา พอเป็นเจ้าสัว เขาก็มองไม่เห็นผม
เรื่องนี้เราไม่ว่ากัน ฝีมือใครฝีมือมัน

ขออย่างเดียว เวลาบ้านเมืองมีภัยใหญ่ ขออย่าทิ้งเมืองไทยที่เคยเป็นที่พักพิง และอู่ข้าวอู่น้ำมาแต่ตอนที่เริ่มก่อร่างสร้างตัว

อย่าลืมบุญคุณของแผ่นดินที่คุ้มกะลาหัวอยู่ทุกวันนี้เสีย

ผมว่าจะจบเรื่องนี้ด้วยความสงบ สวยงาม ทำไมมันถึงเรื่อยเปื่อยไปยังงี้ได้

เอาล่ะครับ ก็เป็นอันว่า ภาคผนวกนี้ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้
พบกันใหม่เมื่อคุณ ๆ ต้องการ

แล้วคอยอ่านชีวิต ๑๓ ปี (ของผม) กับ " บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย "
ก็แล้วกัน

สวัสดีครับ




 

Create Date : 02 พฤษภาคม 2553
6 comments
Last Update : 3 พฤษภาคม 2553 2:09:57 น.
Counter : 1921 Pageviews.

 

..อ่าน 3 ตอนรวด...จบพอดี......

จะติดตามอ่านต่อไป.....ขอบคุณมากๆ...

 

โดย: ก้นกะลา 3 พฤษภาคม 2553 2:30:36 น.  

 

กำลังคิดว่า จะเอาเรื่องอะไรมาให้อ่านกันต่อ

พอดีมีเรื่องการเมืองสมัยก่อนอยู่ ชื่อเรืองว่า
"เงื่อนไขการปฎิวัติ"
เห็นว่าน่าสนใจดี และเป็นประวัติศาสตร์ด้านการเมืองของประเทศไทยตั้งแต่ปี 2475 ถึง ประมาณ 2535

ยิ่งช่วงนี้ 2553 บ้านเมืองวุ่นวาย ก็น่าจะพอเข้าได้กับบรรยากาศ

เป็นเรื่องที่น่าจะเคร่งเครียด แต่คุณพ่อก็มีวอธีเขียนที่อ่านแล้วทำให้รู้สึกเบา ๆ ได้

ลองมาอ่านกันดูนะคะ เร็ว ๆ นี้

 

โดย: ธารน้อย 3 พฤษภาคม 2553 3:32:01 น.  

 

มีเรื่องชีวิตที่อยู่เมืองนอกหรือเปล่าหรือที่ตอนกลับมาอยู่เมืองไทยปีอะไรมีมั้ยครับ

 

โดย: ศรชัย IP: 112.142.60.38 3 พฤษภาคม 2553 6:59:08 น.  

 

คุณศรชัยคะ

คุณพ่แอขียนเรื่องชีวิตที่เมืองนอกอีก และมีตอนอยู่ที่ลาวด้วย (ไปขายกล้วยทอด!)

แต่เกรงใจคนอ่านว่าจะเบื่อเสียก่อน ก็เลยจะเปลี่ยนบรรยากาศบ้างน่ะค่ะ

ลองอ่านแนวใหม่บ้างนะคะ รับรองว่า สนุกไม่แพ้กัน




 

โดย: ธารน้อย 3 พฤษภาคม 2553 22:41:06 น.  

 

ตอนต่อของเรื่องก็คือภาค 2 ชีวิตในต่างประเทศของท่าน จำชื่อเรื่องพอได้(ไม่รู้ใช่หรือเปล่า) เรื่อง "เมื่อเหล็กละลาย " อยากอ่านอีกครับ ได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์การเมืองดีมาก

 

โดย: ปลา IP: 203.113.0.209 3 พฤษภาคม 2553 23:08:31 น.  

 

ดีใจจัง
ได้เพื่อนร่วม BlogGang มาอีกคนหนึ่ง

สวัสดีค่ะ คุณปลา
แสดงว่าเคยอ่าน.. นานนนน มากใช่ไหมเอ่ย ?
รู้จริงนี่..
ขอบคุณค่ะ

 

โดย: ธารน้อย 4 พฤษภาคม 2553 0:53:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.