จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
6 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 

เงื่อนไขการปฎิวัติ (ตอนที่ 8)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมถพ

ตอนที่ 8

สมัยที่ผมเป็นผู้ช่วยบังคับหมวดอยู่ มีนักเรียนในหมวดของผมสองคนโดนจับได้อย่างนี้ในการสอบเก็บคะแนนประจำภาค ถูกออกไปสองคน ทั้งคนให้ดูและคนดู ท่านเอาจริงกันถึงขนาดนั้น สองคนนั่นเลยไม่ได้สวมเครื่องแบบนายทหาร ต้องไปประกอบอาชีพทางอื่น คนหนึ่งไปอยู่ศุลกากร อีกคนหนึ่งไปเป็นนักกฎหมาย ก็ยังดีที่ไม่ได้ไปเป็นโจร

รู้สึกว่าผมจะออกห่างไปจากหัวเรื่อง เงื่อนไขในการปฏิวัติมากไปสักหน่อยแล้ว แต่มันก็เกี่ยวข้องกันอยู่กับหัวเรื่องหน่อย ๆ เหมือนกัน เป็นการโปรยเหตุผลในการปฏิวัติส่วนหนึ่งให้ทราบเป็นกระสายไว้ก่อนที่จะได้อ่านต่อไป

ความรักใคร่เคารพนับถือกันในระหว่างพี่ ๆ น้อง ๆ ที่ได้อยู่ร่วมรั้วโรงเรียนมาด้วยกันนี่แหละตรับ ทำให้เขาปกป้องกันในทุกกาลสมัย

เราจะตั้งข้อสังเกตได้ว่า รัฐบาลที่มีพลเรือนเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น มักจะอยู่ไม่ใคร่ครบเทอม ถึงแม้ว่าตัวนายก ฯ เองจะแอบไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อที่จะคุมอำนาจทางทหารไว้ก็ไม่สามารถที่จะคุมได้สำเร็จ

ผมได้เขียนไว้แล้วว่า กำลังสำคัญในการใช้ปฏิวัตินั้นต้องมาจากทหารบก เป็นหลักยุทธวิธีเบื้องต้น เพราะเขาสอนไว้ว่า ทหารราบเป็นเหล่าหลักในการรบ เป็นเหล่าเดียวที่รักษาและยึดพื้นที่ได้ เมื่อยึดได้แล้วก็ต้องรักษาให้ได้ด้วย ฉะนั้น จะใช้ทหารเหล่าอื่นย่อมทำไม่ได้ รถถังเสียอีกยังต้องมีทหารราบคุ้มครอง จะแล่นโด่ ๆ ไปตามลำพังไม่ได้ ขืนแล่นโด่ ๆ ตามลำพังเดี๋ยวก็พังทั้งคัน โดนอีกฝ่ายย่องเข้าไปหยอดลูกระเบิดลงไปในปล่อง ก็แหลกทั้งคัน

ฉะนั้น ไม่ต้องกลัวหรอกครับ รถถังน่ะ ให้มีปืนใหญ่ ๆ ยาว ๆ กี่กระบอกก็ได้ ไอ้ปืนพวกนั้นมันยิงได้แต่ระยะไกล ๆ ย่องเข้ามาที่ตัวรถ มันก็ยิงไม่ได้ ลำกล้องปืนมันงอเข้ามาหาไม่ได้เหมือนลำกล้องอย่างอื่น

ทีนี้พอพวกพลเรือนมาปกครองประเทศ ผมหมายถึงมาเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าไม่เอาใจทหารไว้มักจะไปไม่รอด และพวกพลเรือนก็มักจะไม่ค่อยรู้ใจทหารว่า เขาต้องการอะไร ไม่เคยได้ลิ้มรสความเฉียบขาดและวินัยของทหาร ทำอะไรทะเร่อทะร่าไป เขาก็มาเชิญให้ลงมาจากเก้าอี้เสียดี ๆ ก็ต้องมีอันเป็นไปนอนตีพุงอยู่ที่บ้านด้วยความช้ำ

เมื่อรัฐบาลมีนายก ฯ เป็นทหาร พวกทหารเขาก็จะช่วยกันคุ้มครอง และโดยมากก็มักจะเป็นรุ่นพี่ที่ขึ้นไปนั่งเป็นนายก ฯ รุ่นน้องก็ต้องช่วยกันประคับประคองให้ เพราะพี่คนนั้นก็ต้องเคยประคับประคองพี่คนก่อนมาแล้วเมื่อยังอยู่ในราชการทหาร มีอำนาจควบคุมกำลังอยู่ ฉะนั้น ถ้าหากมีคนอื่นซึ่งไม่ใช่ทหารจะมาโค่นรัฐบาลของพี่ เขาก็จะตอกหน้าแงเอา เพียงแต่พูดว่า เดี๋ยวก็ออกเอ็กเซอร์ไซส์เสียนี่ เท่านั้นคนที่ฟังก็ต้องถอยหลบฉากไป

คณะที่โค่นล้มรัฐบาลทหารได้ ก็ต้องเป็นพวกทหารกันเอง และที่แล้วๆ มาก็มักจะเป็นพวกที่ได้ร่วมกันโค่นรัฐบาลก่อนมาด้วยกัน แล้วก็มาแตกคอกัน จะด้วยเรื่องอะไรก็แล้วแต่ บางทีก็ด้วยเรื่องแค่ขออะไรไม่ได้ดังใจ จะขอทำมาค้าขายหาเงินสักหน่อยก็ไม่ยอมให้ ยังงี้ก็ต้องใช้กำลังขอเอา ก็เชิญลงมาจากเก้าอี้เสียดีๆ ซึ่งส่วนมากก็จะยอมลงมาดีๆ เพราะไอ้น้องมันเอาจริง มันมีกำลังเป็นปึกแผ่นจริงๆ ต้องยอมมัน และเมื่อลงมาดีๆ แล้ว ไอ้น้องก็จะให้ไปพักผ่อนอารมณ์เสียก่อน ให้ไปต่างประเทศบ้าง ให้ไปนอนเฉยอยู่ที่บ้านสักพัก แล้วค่อยมาพูดกันใหม่

แต่ถ้าเป็นพวกอื่นจะมาโค่นรัฐบาลของพี่ เขาก็จะรวมตัวกันเล่นงานพวกนั้น พวกนั้นจะมาแหยมได้ยังไง ได้ยินเสียงรถถังออกมาลากตีนตะขาบตามถนน ก็ไม่รู้จะวิ่งไปทางไหนแล้ว เรื่องเงื่อนไขที่จะมาอ้างยังไงๆ เขาก็ไม่ฟัง

ฉะนั้น เงื่อนไขในการปฏิวัติจึงมีได้ร้อยแปด ที่พูดว่า “ ผมจะไม่วัดรอยเท้าท่าน “ นั่นแหละครับ ดีนัก พูดอยู่ยังไม่ทันหมดกลิ่นขี้ฟัน ก็เอาเสียแล้ว

ผมว่าคุณๆ ก็คงเคยได้ยินมาแล้ว นี่ก็ได้ยินแว่วๆ ว่า มีคนพูดประโยคนี้มาเข้าหูเมื่อไม่กี่วันมานี้อีกแล้ว แฮ่ม !

ไอ้ที่เขาพูดออกมาก็ต้องหมายความว่า มันมีอะไรที่ทำให้ต้องพูด อยู่ดีๆ เขาคงไม่พูดออกมายังงั้นเหมือนกับไอ้น้องมันพูดกับพี่ของมันว่า “ พี่ ผมไม่แย่งพี่กินหรอกน่า” มันก็ต้องหมายความว่า ไอ้พี่ต้องมีอะไรน่ากินอยู่ในจาน แล้วเหลือบมามองเห็นไอ้น้องแอบมองๆ ไอ้อะไรที่น่ากินนั้น ก็ต้องถอยจานออกไปห่างๆ

ไอ้น้องเห็นพี่ถอยจานออกไปห่างก็ชักจะหงุดหงิด ก็ต้องพูดออกมาว่า “ ผมไม่แย่งพี่กินหรอกน่า” แต่ในใจใครจะไปรู้ว่าไอ้น้องมันอยากกินหรือเปล่า บางทีมันก็อยากจะหมั่นไส้ ทำเป็นถอยจานออกไปห่างๆ เลยแย่งกินเสียเลย ทั้งๆ ที่พูดไว้ว่า “ ผมไม่แย่งพี่กินหรอกน่า”

นั่นแหล่ะ

อันนี้ ผมไม่ได้เขียนเปรียบเปรยถึงใคร เป็นแต่เพียงยกตัวอย่างให้อ่านกัน ใครจะคิดอะไรในใจผมจะไปหยั่งรู้ได้ ยังไง อาจจะพูดจริง ๆ จากใจก็ได้ แต่ก็อีกนั่นแหละ ของพรรค์นี้มันเปลี่ยนใจกันได้ เกิดอยากกินขึ้นมาเพราะพี่ชักจะกินมูมมาม หรือกินไม่เป็น ก็ต้องแย่งเอามากินเสียก่อนที่คนอื่นจะมาแย่งไปกิน

ผมจะลำดับการปฏิวัติตั้งแต่ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นประชาธิปไตยเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๕ เป็นต้นมาว่า

การปฏิวัติ หรือการกบฏ (ปฏิวัติไม่สำเร็จ) หรือการปฏิรูป หรือการรัฐประหาร อะไรก็แล้วแต่จะเรียกกันไป ซึ่งมันก็มีวิธีการเหมือนๆ กัน แต่เรียกกันแปลกไปให้มันเวียนหัวเล่นทำไมก็ไม่รู้

จะลำดับให้อ่านกันว่ามีมาแล้วกี่ครั้ง แต่ละครั้งมีเงื่อนไขอะไรบ้าง

เริ่มตั้งแต่ท่านเจ้าคุณพหลฯ เป็นหัวหน้าทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ปี ๒๔๗๕ เป็นต้นมาให้อ่านกัน การกบฏก่อนหน้านี้ ผมยังเกิดไม่ทัน จะไม่เล่า

การเปลี่ยนแปลงการปกครองของคณะราษฎร์ฯ ในปี ๒๔๗๕ นั้น เป็นการยึดอำนาจจากพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งคณะราษฎร์ฯ เขาเห็นว่าออกจะมากเกินไป อยากจะเอาอำนาจนั้นมาแบ่งปันให้ประชาชนคนธรรมดาเสียบ้าง

การยึดอำนาจครั้งนั้นเป็นไปอย่างค่อนข้างจะง่ายดาย ทั้งๆ ที่กำลังทหารส่วนใหญ่อญุ่ในความปกครองของเจ้านายเชื้อพระวงศ์เป็นส่วนใหญ่ ผู้ที่เริ่มคิดก่อการครั้งนั้นนับว่าเสี่ยงต่อการคอขาดมาก เพราะถ้าทำไม่สำเร็จ คอก็ต้องหลุดออกจากบ่าสถานเดียว

ที่ทำได้สำเร็จ ผมได้ยินมาจากผู้หลักผู้ใหญ่สมัยนั้นพูดกันว่า เป็นเพราะในหลวงรัชกาลที่ ๗ ท่านทรงมีพระราชดำริอยู่แล้วที่จะมอบอำนาจส่วนหนึ่งของพระองค์ให้แก่ราษฎร ให้เกิดเป็นประชาธิปไตยทีละน้อย จนกว่าราษฎรจะได้เรียนรู้ว่า ประชาธิปไตยนั้นคืออะไร เขาปกครองกันอย่างไร ตอนที่พระองค์ท่านยอกสละอำนาจให้คณะราษฎร์นั้น พระองค์ท่านทรงรับสั่งไว้ว่า

“ ฉันมอบอำนาจนี้ให้แก่ประชาชนชาวสยาม มิได้มอบให้แก่ผู้ใดผู้หนึ่ง “

ข้อความที่ทรงตรัสไว้นี้อาจจะไม่ตรงทีเดียว แต่ก็มีเป็นข้อความที่มีความหมายเช่นนั้น

ต่อเมื่อภายหลัง ผู้ที่ได้รับมอบพระราชอำนาจนั้น กลับรวบอำนาจนั้นไว้เสียแต่คณะเดียว พระองค์ท่านจึงทรงสละพระราชสมบัติด้วยพระองค์เอง ไม่ทรงยอมเป็นพระมหากษัตริย์ในระบอบการปกครองที่ผิดพระราชประสงค์ และไม่ยอมเสด็จกลับประเทศไทยอีกเลย ทรงประทับอยู่ ณ ประเทศอังกฤษจนเสด็จสวรรคตที่นั่น

จะเป็นด้วยเหตุนี้ก็ไม่ทราบที่เราต้องมาเปลี่ยนชื่อ ประเทศสยาม เป็น ประเทศไทย




 

Create Date : 06 พฤษภาคม 2553
1 comments
Last Update : 6 พฤษภาคม 2553 2:50:08 น.
Counter : 920 Pageviews.

 

..เที่ยวนี้อ่านรวด 5 ตอนเลย..พอดีระยะนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลที่จะต้องทำงานล่วงเวลาตลอด จะไม่ค่อยได้กลับบ้าน หรือกลับมาในสภาพที่"งอม"จริงๆ (อย่างเช่นเมื่อคืนนี้ เข้ามาเปิดอ่าน แต่ไม่รู้เรื่อง เพราะลืมตาแทบไม่ขึ้น ผลสุดท้ายเลยต้องปิด..นอน)......แต่รับรองว่าจะต้องอ่านทุกตอน ไม่ให้ขาด...

..ความจริงเรื่องการปฏิวัตินี่ก็เคยได้รับรู้มาตลอด..สมัยก่อนนี้ออกจะเชียร์ซะด้วย..เนื่องจากว่าพักอยู่ในกรมทหาร ในฐานะลูกทหาร (อยู่ในกรมที่ดังที่สุดในย่านบางเขนขณะนี้นี่แหละ)....เพิ่งจะมาสองครั้งหลังสุดนี่แหละที่ไม่ได้อยู่ในกรมทหารแล้ว....

...จะติดตามอ่านต่อไป...ไม่เลิกแน่นอน...ขอบคุณมาก...

 

โดย: ก้นกะลา 6 พฤษภาคม 2553 18:40:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.