จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
29 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 

พริกขี้หนูเผ็ด (ตอนที่ 7)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 7

บทที่ ๔

ผมขับรถไปที่สถานีตำรวจพญาไทก่อนที่อื่น ที่นั่นผมมีเพื่อนคนหนึ่งเป็นนายตำรวจชั้นสารวัตรอยู่ นายตำรวจเพื่อนผมคนนั้นกำลังเข้าเวรตอนเช้าอยู่ที่โรงพักพอดี ผมเข้าไปคุยกับเขาถึงเรื่องคนขับรถสามล้อเครื่องถูกยิงตายรายนั้น ได้ความรู้เพิ่มเติมมาอีกเล็กน้อย มากกว่าข่าวที่ได้อ่านในหนังสือพิมพ์

กระสุนที่ใช้ยิงเป็นลูกกระสุนขนาด ๙ มม. ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นปืนรีวอลเลอร์ เพราะไม่ได้พบปลอกกระสุนในที่เกิดเหตุเลยสักอันเดียว และการฆาตกรรมรายนี้ไม่ใช่เป็นการฆ่าเพื่อหวังทรัพย์ในตัว เพราะของมีค่าซึ่งเชื่อกันว่า หากเป็นคนร้ายธรรมดา ก็คงจะต้องเอาไปด้วยนั้น ยังอยู่ครบถ้วน เช่น สายสร้อยทองคำหนักสามบาท และพระเครื่องสอง-สามองค์ ที่ผู้ตายใช้ห้อยคออยู่ ยังอยู่เรียบร้อย รวมทั้งเงินสดอีกสี่ร้อยกว่าบาทในกระเป๋าสตางค์นั้นด้วย

เท่าที่ตรวจร่องรอยแล้ว ปรากฏว่า คนร้ายไม่ได้แตะต้องตัวผู้ตายเลย เมื่อยิงแล้วก็หลบหนีไปทันที

ผมได้ทราบต่อไปว่า เมื่อทางตำรวจทราบว่าผู้ตายเป็นพยานปากสำคัญในคดีขับรถชนเด็กตาย เจ้าหน้าที่จึงได้รีบรุดไปตามตัวจำเลยในคดีนั้น ซึ่งชื่อนางสาว ยุพดี พวงพยอม ที่บ้าน เพื่อสอบสวน แม้ตำรวจจะได้ไปที่บ้านของหล่อนแต่เช้าตรู่ คือเจ็ดโมงกว่า ๆ ก็ไม่พบตัว

คนทางบ้านบอกว่า นางสาวยุพดีไปตากอากาศที่หัวหินตั้งแต่เย็นวานนี้ ไปโดยรถยนต์ ขับไปเอง ขณะนี้ตำรวจกำลังวิทยุไปยังหน่วยตำรวจที่หัวหิน เพื่อให้ติดตามหล่อน คงจะรู้ผลอีกไม่กี่นาทีนี้ เพราะได้ติดต่อไปตั้งแต่ก่อนแปดโมง

ผมถามเขาถึงตำบลบ้านของแม่ยุพดีคนนั้น เขาก็บอกบ้านเลขที่ ๑๑ ซอยสุขุมวิท ๓๔ เขาถามผมว่า ผมสนใจเรื่องนี้ด้วยเหตุอันใด ผมบอกเขาว่า ผมทำงานเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เขาถามว่าหนังสือพิมพ์อะไร ผมจึงบอกชื่อหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งดุ่ย ๆ ออกไป

ผมคิดจะรอฟังผลการติดต่อทางวิทยุของตำรวจอยู่ที่นั่น แต่มาคิดดูแล้ว พอจะเดาผลได้ว่า น่าจะไม่ได้ตัว เพราะการที่ทางที่บ้านบอกว่า ยุพดีขับรถไปหัวหินตอนเย็นวานนี้นั้น มันไม่น่าจะเป็นไปได้ คนที่ขับรถยนต์ไปทางไกล ๆ ก็ควรจะออกแต่เช้า หรือบ่ายหน่อย

ผมนั่งคุยกับเขาถึงเรื่องต่าง ๆ อยู่เกือบครึ่งชั่วโมง เขาก็ได้รับข่าวจากหน่วยหัวหินว่า ทางนั้นได้ออกสืบหาตัวยุพดีทั่วแล้ว ไม่ปรากฏที่นั่น หล่อนมีบ้านพักอยู่ที่นั่นหลังหนึ่ง ชื่อบ้านลมโชย คนเฝ้าบ้านบอกว่า นายของเขาขับรถมาที่บ้านจริง แต่ได้ขับออกจากบ้านตอนเช้าวันนี้เอง ว่าจะเลยไปใต้ นัยว่าจะไปถึงหาดใหญ่และไปคนเดียว

เพื่อนของผมคนนั้นเขาส่งวิทยุไปดักแล้วตามทางตลอดจนถึงหาดใหญ่ ถ้าแม่ยุพดีคนนั้นไปตามทางนั้น ก็จะต้องได้ตัวแน่นอน

ผมลาเพื่อนสารวัตรของผมกลับออกมาจากโรงพัก แล้วก็ขับรถตรงไปที่ซอยสุขุมวิท ๓๔ เลยทีเดียว

ในซอยนั้น ผมเสียเวลาไม่นานที่จะค้นหาบ้านเลขที่ ๑๑ มันอยู่ต้นซอยนั่นเอง

บ้านนั้นเป็นบ้านที่ปลูกแบบทันสมัย อยู่บนเนื้อที่ดินประมาณเกือบไร่ ผมจอดรถแล้วก็เข้าไปกดกริ่งที่หน้าประตู เสียงกริ่งดังไม่กริ่งธรรมดา มันดังเป็นเสียงเพลง

ผมรออยู่เกือบห้านาทีและต้องกดกริ่งถึงสองครั้ง จึงได้มีคนเดินมาเปิดประตู ผู้ที่มาเปิดเป็นเด็กผู้หญิงวัยรุ่น อายุในวัยสิบสี่สิบห้า หล่อนถามผมว่ามาหาใคร

ผมบอกไปว่า ผมมาหาคุณยุพดี
“ คุณนายไม่อยู่ค่ะ ” แม่คนนั้นตอบ “ ไปต่างจังหวัด ”

“ เอ ...” ผมแกล้งครางอยู่นาน แล้วพูดต่อ “ ผมมีธุระสำคัญเสียด้วย ผมจะสั่งความไว้ได้ไหมครับ ”

“ ได้ค่ะ ” แม่คนนั้นพูด โดยไม่ได้หลีกทางที่จะให้ผมเข้าไปในบ้าน
ผมยืนลังเลอยู่สักครู่แล้วจึงว่า

“ มันยาว ให้ผมเขียนในกระดาษไว้ให้ได้ไหม ”

แล้วผมก็ทำท่าล้วงกระเป๋า หากระดาษและปากกา

“ ผมไม่มีกระดาษ-ปากกาเสียด้วย ” ผมรำพึงดัง ๆ พอให้หล่อนได้ยิน “ ในบ้านมีไหมครับ ”

แม่คนนั้นไม่ตอบคำถามผม กลับหันหน้าเข้าไปพูดกับใครก็ไม่รู้ข้างใน

“ ลุง มีคนมาหาคุณนาย... เขาจะเขียนอะไรไว้ให้ ให้เขาเข้าไปไหม ลุง ”

ผมได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาใกล้ สักครู่ก็มีชายคนหนึ่งโผล่หน้ามาทางช่องประตูที่เด็กสาวคนนั้นเปิดไว้ เขาเป็นคนในวัยเลยกลางคนไปแล้ว หนวดที่ปล่อยไว้จนเฟิ้มบนริมฝีปากเริ้มจะหงอก เขาพูดว่า

“ คุณมาจากไหนไม่ทราบ ”

“ ผมมาจากสำนักงานคุณธรรมนูญ ” ผมเอ่ยชื่อทนายของแม่ยุพดีที่ผมเจอที่ศาล

“ เชิญครับ ” เขาหลีกทางให้ผมทันที

ผมก้าวเข้าไปทางช่องประตูนั้นแล้วหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าชายผู้นั้น
เขามองดูผมอย่างพินิจพิจารณา แล้วว่า

“ มีอะไรหรือครับ ”

“ คุณธรรมนูญให้ผมมาสั่งความอะไรบางอย่างเกี่ยวกับคดี คุณยุพดีไปไหนเสียล่ะครับ ”

“ คุณนายไปต่างจังหวัด ” เขาตอบ “ คุณจะสั่งอะไร ก็สั่งไว้กับผม ”

“ เมื่อไรจะกลับ ” ผมถาม

“ สอง-สามวันละมังครับ ” เขาว่า “ เห็นว่าจะไปถึงหาดใหญ่ ”

“ ถ้างั้น ผมก็ต้องเขียนข้อความฝากไว้ ขอกระดาษกับปากกาให้ผมหน่อย ”

“ เชิญขึ้นข้างบนก็แล้วกัน ” เขาพูดแล้วเดินนำหน้าผมไปตามถนนที่โรยกรวดอย่างละเอียด

เขาให้ผมเข้าไปนั่งคอยอยู่ในห้องรับแขก ซึ่งประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง ถ้าแม่ยุพดีคนนี้เป็นคุณนายของใครสักคนหนึ่ง ก็ต้องเป็นคุณนายของใครที่เป็นเศรษฐีขนาดไม่ใช่ย่อย ๆ

ขณะที่ชายคนนั้นหายเข้าไปข้างหลังบ้าน ผมก็ส่ายสายตาไปรอบ ๆ ห้อง ที่โต๊ะเล็กตรงมุมห้อง ผมเห็นเครื่อง โทรศัพท์ตั้งอยู่ ผมเดินไปที่นั่น

แล้วผมก็ท่องเบอร์โทรศัพท์ที่เขียนไว้ที่แป้นหมุนนั้นไว้ในใจ

ผมกลับมานั่งที่เก้าอี้รับแขก สำรวจทั่วห้องด้วยสายตาอีกครั้ง
ที่มุมห้องอีกด้านหนึ่ง บนโต๊ะเล็กแบบเดียวกับที่ตั้งโทรศัพท์ มีรูปของแม่ยุพดีคนนั้นขนาดสิบสองนิ้ว ตั้งคู่อยู่กับรูปของชายคนหนึ่งในชุดสากล ขนาดเดียวกัน

ผมมองดูรูปผู้ชายคนนั้นอยู่นาน ให้มันบันทึกเข้าไปในความทรงจำ ผมคิดว่าผมเคยเห็นเขาที่ไหนสักแห่ง

ผมแน่ใจว่า แม่ยุพดีคนนี้จะต้องเป็นคุณนายของบุคคลผู้นั้น และเป็นคุณนายน้อย ๆ เพราะหล่อนยังใช้คำว่า ‘ นางสาว ’ นำหน้าชื่อ

สักครู่ คุณลุงของเด็กสาวที่เปิดประตูให้ผม ก็เข้ามาในห้อง เขาถือกระดาษและปากกามาด้วย เอามาส่งให้ผม

ผมเขียนข้อความอะไรส่งเดชลงบนกระดาษแผ่นนั้น แล้วก็ขอซอง ผมบอกว่า มันเป็นเรื่องที่คุณธรรมนูญสั่งมาโดยเฉพาะ ไม่ควรให้ใครได้รู้

เขากลับออกไปหาซองจดหมายมาให้ผม ผมสอดกระดาษที่เขียนข้อความอะไรส่งเดชนั้นเข้าในซอง แล้วก็ส่งให้เขา กำชับให้เขาส่งให้คุณยุพดีโดยด่วน ในทันทีที่คุณยุพดีกลับมา แล้วผมก็ลาเขาออกจากบ้าน

ผมเชื่อแน่ว่า เขาคงจะไม่มีโอกาสส่งให้คุณยุพดี

ผมออกมาจากบ้านนั้นผมก็บึ่งไปที่องค์การโทรศัพท์ทันที ที่นั่นผมมีเพื่อนที่ชอบกันอยู่คนหนึ่ง เขาเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งขององค์การ ฯ

ผมให้เขาช่วยค้นดูว่า เบอร์โทรศัพท์ที่ผมจำมาจากบ้านแม่ยุพดีคนนั้น ว่าเป็นเบอร์ของใคร

ผมรออยู่ไม่นาน ผมก็ได้รู้ว่า เบอร์นั้นเป็นเบอร์ของนาย เชิด ดุรงค์นพคุณ พ่อค้าใหญ่ และนายธนาคารคนหนึ่งของประเทศไทย

ผมออกจากองค์การโทรศัพท์ ผมก็ตรงดิ่งไปที่อำเภอพระโขนง ขอเขาดูทะเบียนสำมะโนครัวบ้านเลขที่ ๑๑ สุขุมวิทซอย ๓๔ ผมพบว่าชื่อเจ้าของบ้านคือ นายเชิด ดุรงค์นพคุณ คนเดียวกัน ไม่มีชื่อ นางสาว ยุพดี พวงพยอม แต่มีชื่อผู้อาศัยอีกสามคนในทะเบียนบ้านหลังนั้น

ผมรู้จักว่าบ้านของนายเชิด ดุรงค์นพคุณ อยู่ที่ไหน และผมนึกออกแล้วว่า รูปผู้ชายขนาดสิบสองนิ้วที่วางคู่อยู่กับแม่ยุพดีบนโต๊ะเล็กในห้องรับแขกนั้น คือรูปนายเชิดผู้นี้เอง รูปที่ถ่ายนั้นหนุ่มกว่าตัวจริงมาก ผมจึงจำไม่ได้ตอนที่เห็นในห้องนั้น

ผมบึ่งรถไปที่บ้านของเขา ซึ่งเป็นบ้านที่โอ่อ่าที่สุดในละแวกถนนวิทยุ

คนที่บ้านนั้นบอกผมว่า นายเชิดอยู่ที่ธนาคาร ผมมองดูโรงรถที่ว่างเปล่าแล้วก็เชื่อว่าเขาไม่อยู่บ้านจริง ๆ

ผมไปที่ธนาคารของเขา คนที่นั่นบอกว่า นายเชิดไม่มาที่ธนาคาร อยู่ที่บริษัท

ผมรู้จักว่า บริษัทของเขาอยู่ที่ไหน ผมไปที่นั่น คนที่บริษัทบอกว่า นายเชิดไม่มา ไม่รู้อยู่ที่ไหน

ผมกลับมาที่สำนักงานเอาเกือบเที่ยง




 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2553
3 comments
Last Update : 29 พฤษภาคม 2553 5:39:23 น.
Counter : 872 Pageviews.

 

ยิ่งอ่านยิ่งมันเอามาลงให้หลายตอนหน่อยเข้ามาดูทุกวัน

 

โดย: ศรชัย IP: 112.142.127.8 29 พฤษภาคม 2553 6:46:40 น.  

 

 

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว 29 พฤษภาคม 2553 11:21:46 น.  

 

อ่านทั้งสองตอนแล้ว..กำลังสนุกเลย..

รออ่านตลอด..ขอบคุณมากๆ..

 

โดย: ก้นกะลา 30 พฤษภาคม 2553 2:41:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.