จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
23 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 

สู่ลาว ... ตอนที่ 35 (จบภาค)

สู่ลาว ... ราชอาณาจักรแห่งความไม่แน่นอน
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ประพันธ์ เมื่อปี พ.ศ. 2527

เหตุการณ์เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2507 – 2512

ตอนที่ 35 (จบภาค)


คุณสุนั้น ผมยังให้อยู่เวียงจัน เพราะยังมีเรื่องที่จะต้องจัดการเรื่องบ้าน และขายข้าวของที่ขนเอามาด้วยไม่ได้อีกหลายรายการ

คุณสุเขามีเพื่อนเยอะ ไม่เหงา แม้จะไม่มีผมอยู่ด้วยอย่างเคย และอีกประการหนึ่ง ก็ยังมีภาระอื่น ๆ อีกหลายอย่าง เข่น เรื่องการจัดการคืนบ้านเช่าและรับเงินอะไรต่ออะไรคืน ขายข้าวของเครื่องเรือนเครื่องใช้ไม้สอยที่ยังหลงเหลือ เอากลับไปไม่ได้อีกหลายรายการ

เรื่องพวกนี้จะต้องจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่จะจากลาวไปอย่างไม่คิดจะกลับไปอีก

ผมไม่ยอมเสียเวลาที่จะจัดการเรื่องจุกจิกนี้ ก็ต้องมอบหมายให้ผู้ที่ผมไว้วางใจที่สุดเป็นผู้ช่วยรับภาระอันนี้ไป เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้วก็ให้รวบรวมเงินชำระสะสางอะไรให้เสร็จแล้ว ถึงค่อยตามกลับไปทีหลัง

พูดจากันเป็นที่เข้าใจแล้ว ผมก็เตรียมตัวกลับเมืองไทยด้วยความไม่มีกังวล

ผมไม่ได้ล่ำลาเพื่อนพ้องทั้งชาวลาวและไทยในเวียงจันก่อนที่จะออกเดินทาง ไม่อยากให้มันเอิกเกริก เพราะถ้าผมบอกให้พวกเขารู้ แน่นอน จะต้องมีการเลี้ยงลากันยืดเยื้อ

ผมหนีหนังสือพิมพ์ด้วย เพราะไม่ต้องการเป็นข่าว ทางเมืองไทยเขาก็ไม่อยากให้ผมเป็นข่าวหนังสือพิมพ์ ขนาดผมไม่ได้กำหนดวันกลับให้ใครรู้ นอกจากผู้ใกล้ชิดจริง ๆ และทางตำรวจสันติบาลเท่านั้น หนังสือพิมพ์ก็ยังดอดไปรู้มาจนได้ เขาติดตามข่าวได้ใกล้ชิดมาก เพียงแต่ว่า เขาเดาไม่ออกเท่านั้นว่า ผมจะเข้าเมืองไทยทางไหน

ผมขึ้นรถไฟที่อุดร ไม่พบคนรู้จักกันบนรถไฟถึงกรุงเทพ ฯ ผมไปลงที่สถานีสามเสน ที่นั่น ผมนัดทางบ้านให้เขามารับ แทนที่จะไปลงหัวลำโพง บ้านแม่ยายผมอยู่ถนนพิชัย

พอลงที่สามเสน ผมก็เข้าบ้านแม่ยายเงียบเชียบ แล้วผมก็นัดหมายกับทางตำรวจสันติบาลโดยผ่านทางร้อยตำรวจเอก ถวิล ผู้ควบคุมตัวผมมาว่า ผมจะไปรายงานตัวที่สันติบาลในคืนวันนั้น เวลาสองทุ่มตรง

ผมเตรียมนายประกันของผมไปด้วย เรื่องทั้งหมดนี้ เพื่อนของผมคนหนึ่งที่สนิทชิดชอบกับท่านอธิบดีประเสริฐ ฯ เป็นคนวิ่งเต้นโดยตลอด เขาชื่อ สุสิทธิ์ สหชัยเสรี ไอ้เพื่อนคนนี้ คบกันมาตั้งแต่ผมยังเป็นร้อยตำรวจตรี เที่ยวเตร่มาด้วยกันตั้งแต่สมัยนั้น เพื่อนฝูงเรียกกันว่า เป็งจือ

ผมได้รับอนุญาตให้ประกันตัวในคืนนั้นเอง เพราะฝีมือของไอ้เพื่อนคนนี้ แล้วเขาก็พาผมไปเลี้ยงรับขวัญที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งบนถนนสุขุมวิท ผมตื่นตาตื่นใจกับแสงสีของกรุงเทพ ฯ เมื่อเหยียบย่างเข้ามาใหม่ ๆ

อะไร ๆ มันเปลี่ยนแปลงไปหมด รถราวิ่งกันขวักไขว่น่าเวียนหัว สภาพของกรุงเทพ ฯ เปลี่ยนแปลงไปอย่างคาดไม่ถึง สิบสองปีที่ผมจากไป จำหน้าตาแทบไม่ได้ ถ้าผมหลงเข้ามาคนเดียว คงไปไหนไม่ถูก

ตอนที่ผมข้ามมาเหยียบฝั่งไทยที่อำเภอศรีเชียงใหม่นั้น ผมแทบจะก้มลงจูบแผ่นดินไทยอยู่แล้ว

ผมเอามือลูบคลำผืนแผ่นดินตรงตลิ่งที่เท้าของผมก้าวขึ้นมาเหยียบเป็นครั้งแรกนั้นอย่างทะนุถนอม น้ำตาผมไหล

ผมคู้เข่าที่ตรงนั้น นิ่งนาน

ผมจะไม่จากแผ่นดินแม่นี้ไปไหนอีก ผมรำพึง ก่อนที่จะก้าวเท้าไต่ตลิ่งขึ้นไปสูดอากาศอันสดชื่น เต็มไปด้วยอิสรภาพบนฝั่งประเทศไทย

ผมจะไม่จากไปไหนอีก ไม่ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร

ไม่มีแผ่นดินส่วนไหนอีกแล้วในโลกนี้ ที่จะให้ความอบอุ่นเท่าแผ่นดินไทย

ผมจะตั้งต้นชีวิตใหม่บนผืนแผ่นดินนี้ จะต่อสู้กับชีวิตต่อไป ไม่ว่ามันจะเรียงหน้ากันเข้ามาแบบไหน

คนที่หยุดต่อสู้คือคนที่ไม่มีชีวิตแล้วเท่านั้น

ผมขอขอบคุณท่านผู้อ่านที่ได้ติดตามเรื่องราวของผมมาโดยตลอด ขอบพระคุณในความเอื้ออารีของท่านที่ได้กรุณาสละเวลาอันมีค่าของท่านมาให้กำลังผม ในการเขียนหนังสือต่อไป น้ำใจของท่านสร้างความอบอุ่นให้กับผมอย่างประเมินมิได้ ผมขอขอบพระคุณ ผมจะรับใช้ท่านต่อไปจนกว่าจะหมดกำลัง

ผมต้องจบข้อเขียนของผมเพียงเท่านี้ หลาย ๆ ท่านยังไม่อยากให้ผมจบเรื่อง ผมต้องขออภัย เรื่องทุกเรื่องจะต้องมีจุดจบของมัน ยังอยู่แต่ชีวิตของเราเท่านั้นที่มันยังไม่จบ มันยังจะต้องดิ้นรนหาเรื่องของมันต่อไป

เราตงจะได้พบกันอีก เมื่อชีวิตของผมมันดิ้นรนไปจนเจอเรื่องเข้าอีก แล้วเราก็คงจะได้พบกัน

ก่อนที่จะปิดฉาก ผมก็ต้องขอขอบคุณเป็นการส่วนตัว โดยเฉพาะกับ คุณเฉลิมศักดิ์ รงคผลิน คุณแถมสิน (ลัดดา) รัตนพันธุ์ ที่ได้ให้ความสนับสนุนผมให้คอลัมน์อันมีค่าของคุณทั้งสอง และขอบคุณต่อคอลัมนิสต์อีกหลาย ๆ ท่าน เช่น พญาไม้ บารอน ผู้ (ชอบ) ชอนไช และอีกหลาย ๆ ท่านที่นึกชื่อไม่ออก ซึ่งก็ต้องขออภัย รวมทั้งคุณมานิต ศรีสาคร ผู้เปิดหน้าเดลิเมล์วันจันทร์ ให้ พันเอก ชาติ นิยมไทย ได้ถือกำเนิดขึ้นในระหว่างเวลาที่ผมยังใช้ชีวิตอยู่ในลาว

บุคคลสุดท้ายที่ผมขอขอบคุณก็คือ คุณอิงอร ผู้ใช้โทรศัพท์มาคุยให้กำลังใจผมอย่างสม่ำเสมอตลอดมา

ผมจะไม่มีวันลืมคุณ ๆ ทุกคน

สวัสดีครับ
พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

หมายเหตุ จากทายาทผู้เขียน
หลังจากที่คุณพ่อกลับประเทศไทยแล้ว ท่านได้เขียนบทความต่าง ๆ ลงในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ เช่น สยามรัฐ (คอลัมพ์ ปกป้องชาวบ้าน) ตามที่คุณนพพร บุณยฤทธิ์ บรรณาธิการสมัยนั้น ไปเชิญให้เขียนประจำ จนกระทั่งถูก ท่านเจ้าของหนังสือพิมพ์ขณะนั้น ห้ามไม่ให้เขียนต่อ เนื่องจากมีการไม่ชอบใจส่วนตัวระหว่างทั้งสองท่าน) และนวนิืยายลง แนวหน้า ก็ถูกท่านเจ้าของหนังสือพิมพ์คนใหม่ ห้ามไม่ให้เขียนนวนิยายลงอีก ทั้ง ๆ ที่กำลังมีแฟนติดมาก จึงไม่จบในแนวหน้า แต่ไปต่อในหนังสือพืมพ์ บางกอก และต่อมา คุณพ่อได้เขียนนวนิยายลงใน นิตยสารฟ้าเมืองไทย และอื่น ๆ สุดท้ายคือ 'ต่วยตูน ซึ่งบทประพันธ์ช่วงนั้น ได้นำมาลงใน BlogGang ให้ชาวพันทิพได้อ่าน (ท่านที่ยังไม่ได้อ่าน กรุณาย้อนหลัง และเลือกอ่านได้ค่ะ)
ขอขอบคุณ คณะ 'ต่วนตูน ที่ได้กรุณาแบ่งปันงานเขียนของคุณพ่อมาให้บางเรื่อง
ยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังตามไม่พบ เนื่องจากสูญหายไปในช่วงที่ครอบครัวเราอพยพไปอยู่ที่สวิสเซอร์แลนด์ เช่น นักสืบพราน ซึ่งลงในนิตยสาร อาชญากรรม ของกรมตำรวจ สมัยก่อนปฏิวัติปี พ.ศ. 2500 ช่วงนั้น เรื่อง นักสืบพราน ดังมาก มีแฟนติดตามอ่านการสืบสวนของ นักสืบ พราน เจนเชิง ผู้มีเลขานุการคู่คิดชื่อ กัลยา ชาญวืทยา
2-3 ตอนของเรื่องนี้ กรมตำรวจ ได้สร้างเป๋นภาพยนต์ และมีคำสั่งให้คุณพ่อเป็นพระเอก โดยไม่ได้ค่าแสดง เนื่องจากเป็นการแสดงตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา
เป็นที่น่าเสียดายที่ต้นฉบับไม่ได้อยู่ที่บ้าน เข้าใจว่าจะอยู่ที่กรมตำรวจทั้งหมด และคงจะถูกทำลายไปแล้ว หากชาวพันทิพท่านใดพอจะมีอยู่ในมือ อยากให้นำมาแบ่งปันกันอ่านบ้าง จะเป็นพระคุณยิ่ง
เคยเห็นใน เว็บหนังสือเก่า แต่ถูกประมูลซื้อไปแล้ว และพยายามติดต่อผู้ประมูล ก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับประการใด หากชาวพันทิพท่านใดทราบ กรุณาติดต่อให้ทราบกันบ้างทาง Blog นี้ จะเป็นการช่วยให้บทประพันธ์อันทรงคุณค่า (อย่างน้อย ทางด้านจิตใจของทายาท) ได้ดำรงค์อยู่ในวงการประพันธ์ของไทยต่อไป
ขอบคุณมากค่ะ








 

Create Date : 23 ตุลาคม 2554
4 comments
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2554 22:28:57 น.
Counter : 1836 Pageviews.

 

ผมเคยไปเที่ยวเมืองลาวครับ ... ที่เมือง "สะนะคาม"

 

โดย: Robert_N 31 กรกฎาคม 2555 20:48:48 น.  

 

..ขอบคุณนะครับ ที่สละเวลาเอาเรื่องดีๆแบบนี้มาลงให้ได้อ่าน ให้ได้ทราบถึงบางมุมของท่าน หลังจากได้ทราบมุมที่ไม่ค่อยดีจากประวัติศาสตร์ห่วยๆอันมากมายยิ่งของบ้านเรา ...

 

โดย: Tongfangpupai IP: 58.8.191.81 16 กุมภาพันธ์ 2556 19:38:17 น.  

 

ยินดีที่ได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ ๆ
และขอบคุณ ที่บทประพันธ์ของคุณพ่อ มีประโยชน์ทางประวัติศาสตร์การบ้านการเมือง

สมัยนี้ เขาบริหารบ้านเมืองกันโดยไม่คิดถึงส่วนรวม ประเทศชาติเท่าไร
คิดแต่พรรคพวก
น่าห่วงจริง ๆ ค่ะ

 

โดย: ธารน้อย 22 กุมภาพันธ์ 2556 6:53:30 น.  

 

ขอบพระคุณมากครับ ท่านเขียนหนังสือดีมาก และถ่ายทอดประวัติศาสตร์การเมืองในช่วงนั้นให้คนรุ่นหลังได้เข้าใจได้เป็นอย่างดีและมีอรรถรสยิ่งครับ

 

โดย: รพีพงศ์ เกลียวเพียร IP: 27.145.208.173 5 กันยายน 2562 13:53:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.