สู่ลาว ... ตอนที่ 21
สู่ลาว ... ราชอาณาจักรแห่งความไม่แน่นอน โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ประพันธ์ เมื่อปี พ.ศ. 2527
เหตุการณ์เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2507 2512
ตอนที่ 21
คุณ ๆ ลืมผู้หญิงคนที่เช่าบ้านอยู่คนเดียว แล้วผมชอบย่องไปเยี่ยมบ่อย ๆ เพื่อไปดูเด็กของแกคนนั้นแล้วหรือยังเล่า หวังว่ายังคงจำเขาได้
เรื่องที่จะเขียนต่อไปนี้ เริ่มต้นที่ห้องเช่าของผู้หญิงคนนั้น ที่เป็นพี่สาวของเด็ก ๆ สาว ๆ หลายคน และผมไปได้แม่อรชร ผู้หญิงญวน คนที่เปลี่ยนผัวไวคนนั้น คงจะพอจำกันได้
เวียงจันเป็นเมืองที่คนพลาดหวังในเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางการเงิน การงาน จนกระทั่งความพลาดหวังในชีวิต ชอบที่จะข้ามมารักษาแผลหัวใจ หรือแผลทางความผิดพลาด
ไม่ทราบว่าเวียงจันมีอาถรรพณ์อะไร เวียงจันมักจะรักษาแผลเหล่านี้ให้คนพวกนั้นได้ หลาย ๆ คนได้ใช้ชีวิตใหม่ในเวียงจัน อย่างคนที่เกิดใหม่ในชีวิตใหม่ แล้วบางคนก็ตั้งรกรากใหม่อยู่ที่เวียงจันไปเลย บางคนไม่รู้จักคุณค่าของเวียงจัน ผละจากไปอย่างไม่รู้คุณ แล้วก็ต้องไปประสบเคราะห์ อย่างที่ผมเขียนมาแล้วข้างต้น
ในความไม่แน่นอนของราชอาณาจักลาวนั้น มันก็มีความแน่นอนอยู่เหมือนกัน อย่างที่ใครคนหนึ่งว่าไว้ว่า " ไม่มีอะไรที่แน่นอนเท่ากับความไม่แน่นอน " คำคมอันนี้ยังใช้ได้อยู่เสมอ
วันหนึ่ง ผมไปเยี่ยมคุณพี่สาวของเด็ก ๆ สาว ๆ คนนั้นที่ห้องของเขา กะว่าจะชวนไปหาข้าวกินซักที เพราะนานแล้ว ไม่ได้ตอบแทนบุญคุณแก ตอนที่ผมไปนั้นเป็นเวลาอาหารเย็น เย็นนี้จะควงคุณวิภาไปเลี้ยงข้างเย็นเสียทีให้มันครื้ม ๆ เล่น (อ้าว เผลอบอกชื่อออกไปแล้ว)
ไม่เป็นไร รู้ชื่อแกไว้เสียก็ดี เพราะต่อไปผมจะต้องออกชื่อแกบ่อย เมื่อผมเปิดประตูห้องเข้าไป คุณวิภาไม่ได้อยู่คนเดียว มีผู้หญิงคนหนึ่ง ค่อนข้างสาวและสวย นั่งอยู่ด้วย ที่ผมว่าค่อนข้างสาวนั้น เพราะไม่ใช่สาวรุ่น ๆ เลยสาวรุ่นไปนิดเดียว ผมเห็นเข้าผมก็ชะงัก คุณวิภาเห็นผมชะงัก ก็พูดขึ้นว่า เข้ามาซีคะ ท่านรอง น้องสาวของดิฉันเอง ผมก็ก้าวเข้าไปนั่ง ห้องคุณวิภามามีเก้าอี้นั่ง มีแต่เตียงนอน โต๊ะแต่งตัว ถ้าจะนั่งก็ต้องนั่งกับพื้น ผู้หญิงคนนั้นนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่บนพื้นห้อง เขาเขยิบที่ให้ผมนั่งข้าง ๆ รู้จักกันซี นี่คุณอนงค์นาถ น้องสาวชั้น แกชี้ไปที่ผู้หญิงคนนั้น แล้วหันไปพูดพร้อมกับชี้มือมาที่ผม นี่ท่านรองพุฒ ฯ เป็นพันตำรวจเอก ผู้หญิงคนนั้นยกมือไหว้ผม เป็นตำรวจลาวหรือคะ ผมยังไม่ทันตอบ คุณวิภาก็ชิงพูดเสียก่อนว่า ไม่ใช่หรอก เป็นตำรวจไทยนะ งั้นไปกินข้าวด้วยกันเลย ผมตัดบทก่อนที่จะเกิดการซักไซ่ไล่เรียงกันว่า ผมมาทำอะไรอยู่ที่เมืองลาว ผมกำลังจะมาชวนคุณวิภาเขาไปกินข้าวพอดี เชิญซีคะ ดิฉันเฝ้าบ้านให้ก็ได้ คุณอนงค์นาถเล่นตัว ไปด้วยกันเหอะ สุ บ้านฉันไม่มีอะไรต้องเฝ้าหรอก เรียกเขาว่า สุ ก็ได้นะคะ ท่านรอง ประโยคหลัง คุณวิภาหันมาพูดกับผม ผมยังมองไม่เห็นว่า ชื่อ สุ มันจะเข้ากับ อนงค์นาถ ได้ยังไง ชื่อเดิมของเธอคงไม่ใช่อนงค์นาถ คงจะเป็นสุ อะไรซักอย่าง ขอเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อย หน้าตาก็ยังมอมแมม คุณสุ ขยับตัวจะลุกขึ้น ไปยังงี้แหละครับ สวยดีแล้ว ผมไม่ได้บอกว่า หน้าตาสวย หรือเสื้อผ้าสวย คงจะได้พบกันบ่อยหรอกที่นี่ เพราะเขาจะมาพักอยู่กับฉันหลายวัน เขาเบื่อกรุงเทพ ฯ คุณวิภาชึ้แจง บางทีอาจจะปรึกษากับท่านรอง ฯ เรื่องการทำมาหากินอะไรบ้างก็ได้ คุณสุ หันมามองหน้าผม คงอยากจะถ่ามอะไรสักอย่าง แต่ไม่ถาม ผมพามาขึ้นรถของผม คุณวิภาจัดแจงให้คุณสุนั่งหน้าคู่กับผมเรียบร้อย แล้วแกก็ไปนั่งที่นั่งข้างหลัง ผมพาเขามากินข้าวที่ร้านตันดาวเวียง พอโผล่ขึ้นไปชั้นบน เพื่อจะหาที่กินกันเงียบ ๆ เท่านั้น ก็เจอขบวนใหญ่ของพรรคพวก นั่งกันอยู่ที่โต๊ะข้างบนอยู่แล้วร่วมสิบคน อยู่กันครบหน้าบรรดาเพื่อนกินเหล้าของผม มานั่งนี่ มานั่งนี่ คุณวิชัย ทูตท่านลุกขึ้นโบกมือเรียก แล้วจัดแจงเรียกบ๋อยมายกเก้าอี้เพิ่มอีกสามตัว ขยับที่ขยับทางอย่างแข็งขัน แล้วเข้ามาโอบคอผม กระซิบ ไปเอามาจากไหน พี่พุฒ แบ่งมั่งนะ น้องสาววิภาเค้า ผมกระซิบตอบเบา ๆ บังเอิญเขามาอยู่ในห้องกับวิภาพอดี เลยชวนมาด้วย ทีนี้ ทุกคนก็แย่งกันเอาใจคุณสุ คนโน้นก็ช่วยตักอาหารให้ คนนี้ก็ขยับเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ คุณสุ เกิดโกลาหล สนุกสนานกันใหญ่ นานแล้วไม่ได้เจอคนสวย ๆ ขนาด วีไอพี ยังงี้ ผมเลยถูกกันไปนั่งเสียอีกมุม ที่อยู่ห่างเป้าหมาย ไม่มีโอกาสเอาใจคุณสุ อาหารมื้อนั้นผมเลยไม่ต้องจ่าย มีเจ้ามือจ่ายให้เสร็จ ไม่ทราบว่าเป็นท่านทูตทหารหรือใครในโต๊ะ ทีนี้ถึงตอนที่จะกลับบ้าน ก็เกิดแย่งกันไปส่งคุณสุ ชุลมุนกันอีกพักหนึ่ง บางคนก็ว่า ยังไม่น่าจะกลับบ้าน น่าไปเที่ยวกันต่อ เวียงราตรีก็ได้ ปากาบานก็ยังได้ ผมไม่ออกความเห็น คุณสุหัวเราะชอบใจในความชุลมุนนั้น ลงท้ายก็เอ่ยเอื้อนวาจาออกมา กลับบ้านเถอะค่ะ หนูมากับท่านรอง ฯ ท่านรอง ฯ ก็ต้องไปส่งหนูกลับบ้านกับพี่ภา เท่านั้นความชุลมุนก็สงบ คุณสุกับพี่ภา ก็เดินออกมาจากร้านกับผม บรรดาเสือหิวทั้งหลายก็แยกย้ายกันกลับ ผมมาส่งพี่ภากับคุณสุที่บ้านพี่ภาแล้ว ก็ออกรถจะกลับ ไม่ขึ้นไปคุยกันข้างบนห้องก่อนหรืคะ ท่านรอง ฯ ยังหัวค่ำอยู่ พี่ภาชวน ไม่หรอก ผมว่า จะไปเตร่ต่อที่อื่น ไปไหนอีกล่ะ พี่ภาถาม ก็ไม่รู้ว่าถามทำไม เวียงราตรีมั้ง ไม่รู้จะกลับบ้านไปทำไมเหมือนกัน ผมว่า ไปคนเดียวจะสนุกเร้อ พี่ภาท้วง สุไปเป็นเพื่อนท่านรอง ฯ ซี พี่ภาไปด้วยซื คุณสุเกี่ยง แล้วไม่รู้ว่า ท่านรอง ฯ นัดใครไว้หรือเปล่า เดี๊ยวจะไปขัดคอ ผมหัวเราะ แล้วเอื้อมมือไปเปิดประตูรถออกกว้าง ใครจะไปก็ขึ้นมา พี่ภาลุ้นคุณสุ ดันหลังเข้ามาในรถ เอ้า สุ เข้าไป ฉันจะนอน พี่ภาปิดประตูให้เสร็จ ผมเข้าเกียร์ออกรถ คุณสุ นั่งนิ่ง โดนไม่พูดอะไร สักครู่ก็พึมพำออกมาเบา ๆ ไม่รู้จะไปเกะกะอะไรท่านรอง ฯ หรือเปล่า พี่ภานี่ก็ยุ่ง ไม่ยุ่งหรอก ผมพูดพร้อมหัวเราะเบา ๆ ความจริงอยากให้ไปด้วย แต่ไม่กล้าชวน คุณสุหันมามองผมแว่บหนึ่ง แต่ไม่พูดอะไร คืนนั้น ผมพาคุณสุไปที่เวียงราตรี ผมไม่ได้พบพรรคพวกที่นั่น เป็นอันว่าปลอดโปร่งไปได้ ถ้าไปเจอเอาพวกเสือสิงห์กระทิงแรดเข้าอีก ก็คงวุ่นพิลึก
ได้เวลาอันพอสมควร ผมก็พาคุณสุกลับบ้าน ส่งถึงห้องเรียบร้อยด้วยความเป็นสุภาพบุรุษเต็มตัว ตกเย็นทุกเย็น ผมก็ต้องไปที่บ้านพี่ภา ข้าวปลาที่ร้านไม่ได้กิน พ่อประชาเขาเป็นพ่อครัวที่มีฝีมือในทางทำกับข้าวใช้ได้ทีเดียว ธรรมดาเขาก็ทำข้าวมื้อเย็นให้กินอยู่ทุกเย็น แต่ผมชอบออกไปหากินนอกบ้านมากกว่า ไม่อยากกวนเขา
ผมมีกุญแจห้องที่จะไขเข้าบ้านเมื่อไรก็ได้ ติดตัวไว้เสมอในยามค่ำคืน มีรถอยู่คันหนึ่งก็ตระเวนมันไป เหมือนคนอยู่ตัวคนเดียว ผมชวนคุณสุกับพี่ภาออกมาหาข้าวเย็นกินแทบทุกเย็น มีเพื่อนแก้เหงาเสียแล้ว
Create Date : 02 ตุลาคม 2554 |
|
2 comments |
Last Update : 2 ตุลาคม 2554 3:37:39 น. |
Counter : 1019 Pageviews. |
|
|
|