จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
15 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 

สู่ลาว ... ตอนที่ 25

สู่ลาว ... ราชอาณาจักรแห่งความไม่แน่นอน
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ประพันธ์ เมื่อปี พ.ศ. 2527

เหตุการณ์เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2507 – 2512

ตอนที่ 25

รุ่งขึ้น คุณสุมาทำงานที่ดาราศิลป์ตามปกติ เจ้าของร้านต่อว่าในเรื่องที่ขาดหายไป ผมได้รับรู้เรื่องจากคุณวิภาอีก คุณสุเบิกเงินเท่าที่ได้ทำงานมา แล้วเลยลาออกจากดาราศิลป์ ผมบอกคุณวิภาว่า ผมจะหางานใหม่ให้ทำ ร้านเสริมสวยในเวียงจันที่ผมรู้จักยังมีอีกหลายร้าน

คุณวิภาบอกว่า “ ก็ร้านสีมาลานี่ยังไง ช่างยังขาด สุเขาทำได้ทั้งแต่งหน้า ทำเล็บและผม ไม่ต้องจ้างช่างหลายคนให้เปลือง”

ช่างแนะนำดีนัก คุณวิภาคนนี้

ผมก็เลยให้คุณสุมาทำงานที่ร้าน มอบหมายหน้าที่ทั้งสามประการให้ คุณสุไม่เกี่ยงเรื่องเงิน ขอให้มีข้าวกินสามมื้อ มีที่อยู่ มีงานทำก็พอใจแล้ว

อยู่ ๆ ไป ฝีมือดีอยู่แล้ว แขกก็ติด บรรดาเมียผู้หลักผู้ใหญ่ของลาว มาเป็นลูกค้ากันเป็นแถว ๆ แล้วก็บอกกันต่อ ๆ ไป ไม่ต้องโฆษณาทางหน้าหนังสือพิมพ์ บางวันความที่แขกล้นมือ กว่าจะเสร็จงานก็ล่วงเข้าไป สองสามทุ่ม พี่ภาแกเสร็จก่อน แกก็กลับบ้านก่อน ไม่รอ ผมก็ต้องขับรถไปส่ง พาไปกินข้าวเย็นเสร็จก่อนส่งบ้าน

“ ห้องข้างบนยังว่างอยู่ไม่ใช่หรือ” คุณวิภาอีกนั่นแหละ เอ่ยขึ้นวันหนึ่ง ต่อหน้าคุณสุ “ แม่น้อยเขาออกไปแล้ว คุณประชาเขาก็ทำกับข้าวเอง ให้สุเขามาอยู่ห้องนั้นเสียเลย จะได้ช่วยทำกับข้าวให้ด้วย”

ช่างแนะอีกนั่นแหละ

บางทีแกอาจขี้เกียจออกข้างนอกบ่อย ๆ เวลาผมไปที่ห้องของแกก็เป็นได้ เลยแนะเสียเลย ไม่ต้องลำบากกับแก แม่น้อยที่แกว่าก็คือ แม่ครัวเก่า อยู่กับพ่อประชามานานแล้ว และแกก็ขอลากลับกรุงเทพ ฯ ได้หลายวันแล้ว คุณวิภารู้เสียอีก

ผมก็ให้คุณสุอพยพมาอยู่ที่ห้องว่างชั้นบนนั้น ห้องนั้นอยู่ติดกับห้องนอนผมเพียงฝากั้น ประชาเขานอนอยู่อีกด้านหนึ่งบนชั้นเดียวกัน ธรรมดาผมก็นอนพื้นกระดานสั่นอยู่แล้ว บางคืน เพราะบ้านนั้นเป็นบ้านไม้ ฝาเป็นตึกก็จริง แต่มันเก่า อะไรมันสั่นสะเทือนมากเข้า มันก็สั่นไปทั้งพื้นเดียวกัน พอจะรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นที่ห้องข้าง ๆ

มาใช้เป็นที่นอนเข้าสองห้อง แม้จะมีห้องโถงกั้น ก็คงจะสั่นน่าดู ถ้าเกิดอะไรขึ้นพร้อม ๆ กัน

ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นสัปดน

ความจริง มันก็ดีไปอย่างที่ผมไม่ต้องเร่ร่อนไปหากินที่ไหนไกล ๆ เลยกลายเป็นคนรู้อยู่ไป ไม่ค่อยออกไปไหน ความจริง เวียงจันมันก็แค่นั้น ไปมาเสียจนทั่วแล้ว

ผมยังคงแวะเวียนไปหาเพื่อนฝูงตามปกติ เป็นแต่ห่าง ๆ ไปหน่อย ที่สถานทูตก็ยังแวะไปเล่นไพ่กับท่านทูต ที่บ้านทูตทหารก็ยังแวะไป พา ที่นี่ที่เล่นกันเป็นไพ่ลาว เขาเรียกว่า ไพ่สะโต๊ป ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร ภาษาฝรั่งเศสก็ไม่ใช่ ญวนก็ไม่ใช่ เล่นภล้าย ๆ ไพ่รัมมี่ แต่สลับกัน รัมมี่นั้นเล่นเอาแต้มมาก ใครได้แต้มมากก็ได้เงิน แต่ไพ่สะโต๊ปนี่ ต้องทิ้งไพ่บนมือให้หมดมือ ใครหมดก่อนก็ชนะ ใครเหลือไพ่ในมือมากก็นับแต้มไป ยิ่งมีแต้มมาก ก็ยิ่งเสียเงินมากตามแต้ม

กลวิธีในการเล่นมีหลายอย่าง สนุกกว่ารัมมี่ ถ้าคุณเข้าสังคมชั้นสูงของลาว คุณต้องเล่นไพ่สะโต็ปเป็น ไม่งั้น พอเขาเล่นกัน คุณจะนั่งดูไม่รู้เรื่อง พวกผู้ใหญ่ ทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน เล่นสะโต๊ปเก่ง ๆ ทั้งนั้น ไปบ้านไหนก็บ้านนั้น เป็นต้องมีวงสะโต๊ป บางบ้านตั้งสองสามวง เล่นกันวงละห้าคน เป็นการผูกมิตรในสังคมลาวที่สำคัญอันหนึ่ง

การพูดเจรจาความกับผู้หลักผู้ใหญ่ ทั้งทหาร ตำรวจและพลเรือน บางทีก็เจรจากันสำเร็จในวงสะโต๊ปก็มี พอ ๆ กับกีฬากอล์ฟของไทย ยิ่งแกล้ง ๆ ทิ้งให้ผ้ใหญ่ที่นั่งอยู่ต่อไปได้กิน ยิ่งถูกใจใหญ่ แต่ก็ต้องระวังผู้ใหญ่ที่อยู่ในวงอีกคนนั่งค้อนเอา บ่อยจนจับได้ ก็ไม่งามเหมือนกัน อาจจะได้อย่างเสียอย่าง

ผมเองไปเล่นสะโต๊ปเป็นที่ลาวนี่เอง แต่ไอ้สะโต๊ปนี่ก็ก่อเหตุได้เหมือนกัน

วันหนึ่ง ผมไปเยี่ยมบ้านนายทหารชั้นผู้ใหญ่ แต่ไม่ใช่ผู้พันสุเทพ พี่ชายของพ่อประชาเขาคนนั้น ผู้พันคนนี้เป็นน้องเมียของผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของลาว อยู่ในตระกูลที่เคยทำงานกู้ชาติลาวมาแล้ว ท่านผู้ใหญ่คนนั้น จึงออกจะทำตัวไม่ใช่ธรรมดา วางมาดอยู่เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะอยู่ในวงสังคมไหน ที่สถานทูตไทยก็เคยวางก้ามมาแล้วในงานเลี้ยงรับรองที่ทางสถานทูตจัดขึ้น ในโอกาสสำคัญ ๆ

วันนั้น คุณสุติดตามผมไปด้วย ชักจะเล่นสะโต็ปเป็นแล้วเหมือนกัน ชอบศึกษา

เมื่อไปถึงบ้านผู้พันคนนั้น วงสะโต๊ปตั้งแล้ว ผมเป็นคนที่ห้า ซึ่งเขากำลังรอคอยกันอยู่พอดี พอไปถึงก็ตั้งวงได้ทันที ข้าวเย็นกินกันในวง ไม่ต้องนั่งโต๊ะให้เสียเวลาไพ่

ผมนั่งลงแล้วก็เริ่มแนะนำให้คุณสุรู้จักพวกผู้ใหญ่ และเพื่อนผู้พันของผมคนนั้น ผู้พันยกมือรับไหว้คุณสุเมื่อได้รับการแนะนำ แล้วพูดว่า

“เอาผัวแล้วหวา”

คุณสุสะดุ้ง หันมามองผม สายตาบอกว่าชักจะโกรธ ก็เล่นทักกันยังงั้น

แต่ลาวเขาไม่ถือกัน เพราะคำทักคำนั้น แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า

“ แต่งงานแล้วหรือยัง”

ภาษาของเขาออกจะดุดันไปหน่อย เว้ากันซื่อ ๆไปเลย คำว่า “เอาผัว” ของเขาหมายถึง การแต่งงานมีสามี ผมต้องอธิบายให้คุณสุฟัง พอรู้เรื่องแล้วก็อายหน้าขึ้นสีชมพู

“ ยังหรอก” ผมตอบแทน “ เป็นแฟนกันเฉย ๆ”

“ งามแต๊เนอะ” ผู้พันชม “ มื้อใดซิเอาผัว บอกข้อยเด๊อ”

แปลได้ความว่า “ สวยจริง ๆ เมื่อไรจะแต่งงาน ก็บอกผมด้วยนะ” แปลเป็นไทยออกมาแล้ว มันนุ่มนวลกว่าพูดเป็นลาวเยอะ ของเขาที่พูดออกมานั้น ของเขาที่พูดออกมานั้น ก็เรียกว่า นุ่มนวลอย่างลาว ๆ แล้ว




 

Create Date : 15 ตุลาคม 2554
2 comments
Last Update : 18 ตุลาคม 2554 3:29:32 น.
Counter : 923 Pageviews.

 

ขอบคุณมาก..

 

โดย: ก้นกะลา 18 ตุลาคม 2554 23:47:42 น.  

 

ขอบคุณ คุณก้นกะลา ที่เป็นแฟนอย่างเหนียวแน่น มาโดยตลิดนะคะ

ขอให้รอดพ้นจากภัยต่าง ๆ นะคะ โอมเพี้ยง !

 

โดย: ธารน้อย 19 ตุลาคม 2554 3:18:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.