สู่ลาว ... ตอนที่ 25
สู่ลาว ... ราชอาณาจักรแห่งความไม่แน่นอน โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ประพันธ์ เมื่อปี พ.ศ. 2527
เหตุการณ์เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2507 2512
ตอนที่ 25
รุ่งขึ้น คุณสุมาทำงานที่ดาราศิลป์ตามปกติ เจ้าของร้านต่อว่าในเรื่องที่ขาดหายไป ผมได้รับรู้เรื่องจากคุณวิภาอีก คุณสุเบิกเงินเท่าที่ได้ทำงานมา แล้วเลยลาออกจากดาราศิลป์ ผมบอกคุณวิภาว่า ผมจะหางานใหม่ให้ทำ ร้านเสริมสวยในเวียงจันที่ผมรู้จักยังมีอีกหลายร้าน
คุณวิภาบอกว่า ก็ร้านสีมาลานี่ยังไง ช่างยังขาด สุเขาทำได้ทั้งแต่งหน้า ทำเล็บและผม ไม่ต้องจ้างช่างหลายคนให้เปลือง
ช่างแนะนำดีนัก คุณวิภาคนนี้
ผมก็เลยให้คุณสุมาทำงานที่ร้าน มอบหมายหน้าที่ทั้งสามประการให้ คุณสุไม่เกี่ยงเรื่องเงิน ขอให้มีข้าวกินสามมื้อ มีที่อยู่ มีงานทำก็พอใจแล้ว
อยู่ ๆ ไป ฝีมือดีอยู่แล้ว แขกก็ติด บรรดาเมียผู้หลักผู้ใหญ่ของลาว มาเป็นลูกค้ากันเป็นแถว ๆ แล้วก็บอกกันต่อ ๆ ไป ไม่ต้องโฆษณาทางหน้าหนังสือพิมพ์ บางวันความที่แขกล้นมือ กว่าจะเสร็จงานก็ล่วงเข้าไป สองสามทุ่ม พี่ภาแกเสร็จก่อน แกก็กลับบ้านก่อน ไม่รอ ผมก็ต้องขับรถไปส่ง พาไปกินข้าวเย็นเสร็จก่อนส่งบ้าน
ห้องข้างบนยังว่างอยู่ไม่ใช่หรือ คุณวิภาอีกนั่นแหละ เอ่ยขึ้นวันหนึ่ง ต่อหน้าคุณสุ แม่น้อยเขาออกไปแล้ว คุณประชาเขาก็ทำกับข้าวเอง ให้สุเขามาอยู่ห้องนั้นเสียเลย จะได้ช่วยทำกับข้าวให้ด้วย
ช่างแนะอีกนั่นแหละ
บางทีแกอาจขี้เกียจออกข้างนอกบ่อย ๆ เวลาผมไปที่ห้องของแกก็เป็นได้ เลยแนะเสียเลย ไม่ต้องลำบากกับแก แม่น้อยที่แกว่าก็คือ แม่ครัวเก่า อยู่กับพ่อประชามานานแล้ว และแกก็ขอลากลับกรุงเทพ ฯ ได้หลายวันแล้ว คุณวิภารู้เสียอีก
ผมก็ให้คุณสุอพยพมาอยู่ที่ห้องว่างชั้นบนนั้น ห้องนั้นอยู่ติดกับห้องนอนผมเพียงฝากั้น ประชาเขานอนอยู่อีกด้านหนึ่งบนชั้นเดียวกัน ธรรมดาผมก็นอนพื้นกระดานสั่นอยู่แล้ว บางคืน เพราะบ้านนั้นเป็นบ้านไม้ ฝาเป็นตึกก็จริง แต่มันเก่า อะไรมันสั่นสะเทือนมากเข้า มันก็สั่นไปทั้งพื้นเดียวกัน พอจะรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นที่ห้องข้าง ๆ
มาใช้เป็นที่นอนเข้าสองห้อง แม้จะมีห้องโถงกั้น ก็คงจะสั่นน่าดู ถ้าเกิดอะไรขึ้นพร้อม ๆ กัน
ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นสัปดน
ความจริง มันก็ดีไปอย่างที่ผมไม่ต้องเร่ร่อนไปหากินที่ไหนไกล ๆ เลยกลายเป็นคนรู้อยู่ไป ไม่ค่อยออกไปไหน ความจริง เวียงจันมันก็แค่นั้น ไปมาเสียจนทั่วแล้ว
ผมยังคงแวะเวียนไปหาเพื่อนฝูงตามปกติ เป็นแต่ห่าง ๆ ไปหน่อย ที่สถานทูตก็ยังแวะไปเล่นไพ่กับท่านทูต ที่บ้านทูตทหารก็ยังแวะไป พา ที่นี่ที่เล่นกันเป็นไพ่ลาว เขาเรียกว่า ไพ่สะโต๊ป ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร ภาษาฝรั่งเศสก็ไม่ใช่ ญวนก็ไม่ใช่ เล่นภล้าย ๆ ไพ่รัมมี่ แต่สลับกัน รัมมี่นั้นเล่นเอาแต้มมาก ใครได้แต้มมากก็ได้เงิน แต่ไพ่สะโต๊ปนี่ ต้องทิ้งไพ่บนมือให้หมดมือ ใครหมดก่อนก็ชนะ ใครเหลือไพ่ในมือมากก็นับแต้มไป ยิ่งมีแต้มมาก ก็ยิ่งเสียเงินมากตามแต้ม
กลวิธีในการเล่นมีหลายอย่าง สนุกกว่ารัมมี่ ถ้าคุณเข้าสังคมชั้นสูงของลาว คุณต้องเล่นไพ่สะโต็ปเป็น ไม่งั้น พอเขาเล่นกัน คุณจะนั่งดูไม่รู้เรื่อง พวกผู้ใหญ่ ทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน เล่นสะโต๊ปเก่ง ๆ ทั้งนั้น ไปบ้านไหนก็บ้านนั้น เป็นต้องมีวงสะโต๊ป บางบ้านตั้งสองสามวง เล่นกันวงละห้าคน เป็นการผูกมิตรในสังคมลาวที่สำคัญอันหนึ่ง
การพูดเจรจาความกับผู้หลักผู้ใหญ่ ทั้งทหาร ตำรวจและพลเรือน บางทีก็เจรจากันสำเร็จในวงสะโต๊ปก็มี พอ ๆ กับกีฬากอล์ฟของไทย ยิ่งแกล้ง ๆ ทิ้งให้ผ้ใหญ่ที่นั่งอยู่ต่อไปได้กิน ยิ่งถูกใจใหญ่ แต่ก็ต้องระวังผู้ใหญ่ที่อยู่ในวงอีกคนนั่งค้อนเอา บ่อยจนจับได้ ก็ไม่งามเหมือนกัน อาจจะได้อย่างเสียอย่าง
ผมเองไปเล่นสะโต๊ปเป็นที่ลาวนี่เอง แต่ไอ้สะโต๊ปนี่ก็ก่อเหตุได้เหมือนกัน
วันหนึ่ง ผมไปเยี่ยมบ้านนายทหารชั้นผู้ใหญ่ แต่ไม่ใช่ผู้พันสุเทพ พี่ชายของพ่อประชาเขาคนนั้น ผู้พันคนนี้เป็นน้องเมียของผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของลาว อยู่ในตระกูลที่เคยทำงานกู้ชาติลาวมาแล้ว ท่านผู้ใหญ่คนนั้น จึงออกจะทำตัวไม่ใช่ธรรมดา วางมาดอยู่เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะอยู่ในวงสังคมไหน ที่สถานทูตไทยก็เคยวางก้ามมาแล้วในงานเลี้ยงรับรองที่ทางสถานทูตจัดขึ้น ในโอกาสสำคัญ ๆ
วันนั้น คุณสุติดตามผมไปด้วย ชักจะเล่นสะโต็ปเป็นแล้วเหมือนกัน ชอบศึกษา
เมื่อไปถึงบ้านผู้พันคนนั้น วงสะโต๊ปตั้งแล้ว ผมเป็นคนที่ห้า ซึ่งเขากำลังรอคอยกันอยู่พอดี พอไปถึงก็ตั้งวงได้ทันที ข้าวเย็นกินกันในวง ไม่ต้องนั่งโต๊ะให้เสียเวลาไพ่
ผมนั่งลงแล้วก็เริ่มแนะนำให้คุณสุรู้จักพวกผู้ใหญ่ และเพื่อนผู้พันของผมคนนั้น ผู้พันยกมือรับไหว้คุณสุเมื่อได้รับการแนะนำ แล้วพูดว่า เอาผัวแล้วหวา
คุณสุสะดุ้ง หันมามองผม สายตาบอกว่าชักจะโกรธ ก็เล่นทักกันยังงั้น แต่ลาวเขาไม่ถือกัน เพราะคำทักคำนั้น แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า
แต่งงานแล้วหรือยัง ภาษาของเขาออกจะดุดันไปหน่อย เว้ากันซื่อ ๆไปเลย คำว่า เอาผัว ของเขาหมายถึง การแต่งงานมีสามี ผมต้องอธิบายให้คุณสุฟัง พอรู้เรื่องแล้วก็อายหน้าขึ้นสีชมพู
ยังหรอก ผมตอบแทน เป็นแฟนกันเฉย ๆ
งามแต๊เนอะ ผู้พันชม มื้อใดซิเอาผัว บอกข้อยเด๊อ
แปลได้ความว่า สวยจริง ๆ เมื่อไรจะแต่งงาน ก็บอกผมด้วยนะ แปลเป็นไทยออกมาแล้ว มันนุ่มนวลกว่าพูดเป็นลาวเยอะ ของเขาที่พูดออกมานั้น ของเขาที่พูดออกมานั้น ก็เรียกว่า นุ่มนวลอย่างลาว ๆ แล้ว
Create Date : 15 ตุลาคม 2554 |
|
2 comments |
Last Update : 18 ตุลาคม 2554 3:29:32 น. |
Counter : 923 Pageviews. |
|
|
|