ข้อควรทราบในการผ่าตัดหมอนรองกระดูกสันหลังและยึดตรึงด้วยโลหะ
โดยทั่วไปการผ่าตัดหมอนรองกระดูกสันหลังจะกระทำเมื่อผู้ป่วยมีอาการหรือความผิดปกติดังต่อไปนี้ 1. มีอาการปวด , ชา หรืออ่อนแรงบริเวณขาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง มีอาการมากขึ้นเรื่อยๆ รักษาด้วยวิธีการรักษาโดยไม่ผ่าตัดแล้วไม่ดีขึ้น ส่วนใหญ่จะแนะนำผ่าตัดเมื่อรักษามาแล้วอย่างน้อย 3-6 เดือน 2. ผู้ป่วยมีอาการปวด, ชาหรืออ่อนแรงบริเวณขาและมีอาการมากจนกลั้นอุจจาระ ปัสสาวะไม่ได้ ซึ่งแสดงถึงมีการกดทับเส้นประสาทอย่างรุนแรงจนรบกวนการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติแล้ว 3. มีอาการปวด, ชาหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงบริเวณขาเป็นๆ หายๆ จนรบกวนการดำรงชีวิตประจำวัน
วิธีการผ่าตัด 1. การผ่าตัดใช้วิธีดมยาสลบ ( General anesthesia ) 2. ท่าผู้ป่วยนอนคว่ำบนเตียงผ่าตัด 3. แพทย์จะทำการตรวจเช็คระดับของกระดูกสันหลังส่วนที่จะผ่าตัดโดยการใช้ เอ็กซเรย์ก่อนและหลังทำการผ่าตัด 4. แผลผ่าตัดเป็นแผลแนวยาวกึ่งกลางลำตัว 5-12 เชนติเมตร 5. แพทย์จะทำการผ่าตัดเอากระดูก,เนื้อเยื่อรอบๆกระดูกและหมอนรองกระดูกส่วนที่แตกออกมากดทับเส้นประสาทออกและตรวจดูว่า เส้นประสาทที่เกี่ยวข้องไม่มีอะไรกดทับแล้วจึงเย็บแผลปิด 6. แพทย์จะทำการยึดตรึงกระดูกสันหลังข้อที่เกี่ยวข้องโดยใช้โลหะที่เรียกว่า Pedicular screw จากนั้นจะตรวจเช็คแนวกระดูดโดยใช้เอ็กซเรย์ว่าไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ 7. แพทย์อาจจะใช้กระดูกเทียม หรือกระดูกของผู้ป่วยเองในการเชื่อมต่อกระดูกสันหลัง ถ้าใช้กระดูกผู้ป่วยเอง นิยมใช้กระดูกจากกระดูกเชิงกราน ทางด้านหลังโดยเปิดแผลผ่าตัดอีก 1 แผล ขนาด 2-3 เซนติเมตรใกล้กับแผลผ่าตัดเดิมและใช้เครื่องมือพิเศษเพื่อเก็บกระดูกที่อยู่ภายในออกมา และเย็บปิดแผลเมื่อทำผ่าตัดเสร็จสิ้น ทั้งสองแผลในคราวเดียวกัน
ทางเลือกในการรักษาโดยวิธีอื่นๆ ถ้าไม่ผ่าตัด 1. การรักษาโดยวิธีอนุรักษ์นิยม ( Conservative treatment ) เช่นการกินยา, ฉีดยาและกายภาพบำบัด 2. การรักษาโดยวิธีการแพทย์ทางเลือก เช่นการฝังเข็ม เป็นต้น 3. การรักษาโดยวิธีฉีดยา Epidural steroid injection โดยฉีดยา Methyl prednisolone เข้าที่ช่อง Epidural space เพื่อลดการอักเสบของเส้นประสาท ภาวะแทรกซ้อนทั่วไปที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการผ่าตัดหรือการดมยาสลบ 1. อาจจะเกิดภาวะเสมหะอุดกั้นหลอดลม,ภาวะปอดติดเชื้อได้ หลังการผ่าตัดอาจจะต้องมีการรักษาภาวะเหล่านี้โดย การให้ยาปฏิชีวนะและการทำกายภาพบำบัดเพื่อระบายเสมหะ 2. อาจจะเกิด ภาวะ Deep vein thrombosis หรือ การเกิดลิ่มเลือดอุดตันที่หลอดเลือดดำ ซึ่งมักจะเกิดที่บริเวณขาทำให้เกิดอาการปวด บวมที่ขาได้ บางรายอาจจะมีการกระจายของลิ่มเลือดเหล่านี้ไปที่ปอดได้ ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ 3. อาจเกิดภาวะหัวใจทำงานผิดปกติหรือหัวใจล้มเหลวหรือโรคหลอดเลือดสมองตีบหรือแตกได้ เนื่องจากหัวใจทำงานหนักระหว่างการผ่าตัด ภาวะเสี่ยงเหล่านี้จะเพิ่มมากขึ้นในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเช่นโรคหัวใจ,โรคความดันโลหิตสูง,โรคเบาหวาน,ภาวะไขมันในเส้นเลือดสูงเป็นต้น ซึ่งภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้อาจจะส่งผลทำให้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
ภาวะแทรกซ้อนเฉพาะ ที่อาจเกิดขึ้นได้จากการผ่าตัด Laminectomy
1. อาจจะมีการบาดเจ็บของเส้นประสาทในระดับที่ทำการผ่าตัด ทำให้เกิดอาการปวด,ชาหรือ กล้ามเนื้ออ่อนแรงบริเวณขา, ข้อเท้าหรือเท้า อาการอาจจะเกิดข้างเดียวหรือ 2 ข้างก็ได้ อาการ เหล่านี้อาจจะเป็นชั่วคราวหรือถาวรก็ได้ แต่ก็สามารถดูแล รักษาได้โดยการทำกายภาพบำบัดหรือ ผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหาได้ 2. อาจจะมีการบาดเจ็บของไขสันหลังรวมทั้งอาจจะมีการฉีกขาดของเยื่อหุ้มไขสันหลัง ทำให้เกิดมีการรั่วซึมของน้ำไขสันหลัง ซึ่งจำเป็นต้องมีการรักษาจำเพาะต่อไปเช่นการให้ยา หรือผ่าตัดเพื่อซ่อมแซมเยื่อหุ้มไขสันหลังดังกล่าว 3. หลังผ่าตัดอาจจะยังคงมีอาการปวด,ชา หรืออ่อนแรงได้อีก เนื่องจากมีการยุบตัวของหมอนรองกระดูกในระดับที่ผ่าตัดหรือระดับใกล้เคียงกัน ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นใหม่ได้ทุกคน 4. แผลผ่าตัดอาจจะมีการอักเสบติดเชื้อได้โดยมีอาการปวด,บวม,แดงร้อน รอบบริเวณแผลผ่าตัดและอาจจะมีน้ำเหลืองหรือหนองไหลออกมาจากแผลได้ โดยอาจจะมีการรักษาต่อเนื่องต่อไป เช่น การให้ยาปฏิชีวนะหรือการผ่าตัดซ้ำเป็นต้น 5. แผลผ่าตัดอาจจะเกิดคีลอยด์หรือแผลเป็นที่มีลักษณะนูน,บวมแดงและเจ็บได้ 6. ในผู้ป่วยที่มีน้ำหนักมาก (อ้วน)และผู้ป่วยสูบบุหรี่ อาจจะเกิดภาวะแทรกซ้อน เรื่องแผลผ่าตัด ติดเชื้อ,ปอดติดเชื้อ รวมถึงภาวะแทรกซ้อนอื่นๆได้มากกว่าผู้ป่วยทั่วๆไป
ด้วยความปรารถนาดีจาก โรงพยาบาลสมิติเวช //www.samitivejhospitals.com/allhealth_article_detail.aspx?id=152&lid=th
Create Date : 30 ธันวาคม 2553 |
Last Update : 30 ธันวาคม 2553 12:43:22 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1152 Pageviews. |
|
|