|
|
วิธีการรักษาโรคภูมิแพ้
หลังจากที่ได้รู้จักกับโรคภูมิแพ้กันไปแล้ว วันนี้จะมานำเสนอข้อมูลในเรื่องของการรักษากันต่อคะ
ทำอย่างไรจึงรู้ว่าเป็นภูมิแพ้ ในคนที่มีลักษณะอาการที่เข้าข่ายของโรคภูมิแพ้ แพทย์จะทำการทดสอบทางผิวหนัง (skin test) ซึ่งจะช่วยในการวินิจฉัยโรค และหาสาเหตุของการแพ้ นอกจากนี้แพทย์อาจใช้การตรวจอื่นๆร่วมด้วย เช่น การทดสอบสมรรถภาพของปอด (spirometry) ในรายที่สงสัยว่าจะมีโรคหอบหืด หรือมีความผิดปกติอื่นๆของปอด
เพื่อความแม่นยำในการแปลผลการทดสอบทางผิวหนัง ก่อนมาพบแพทย์ควรงดยาลดน้ำมูก (antihistamine) เป็นเวลาอย่างน้อย 72 ชั่วโมง และ อาจต้องงดนานกว่านั้นถ้ารับประทานยาที่ออกฤทธิ์ยาวนาน
เมื่อไหร่ควรจะไปพบแพทย์โรคภูมิแพ้ ท่านควรจะไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้เมื่อมีอาการต่อไปนี้ • แน่นจมูกหรือมีน้ำมูกมากจนทำให้หายใจไม่สะดวก • เป็นไซนัสอักเสบเรื้อรัง • รับประทานยายาลดน้ำมูกแต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น • โรคภูมิแพ้/หอบหืด ที่ทำให้ไม่สามารถดำเนินชีวิตประจำวันหรือทำกิจกรรมได้ตามปกติ • โรคหอบหืดที่มีอาการหายใจติดขัด หรือแน่นหน้าอกบ่อยๆ ไอหรือหายใจดังวิ๊ดๆบ่อยๆ โดยเฉพาะเวลานอนหรือขณะออกกำลังกาย • ได้รับการรักษาด้วยยาที่รักษาโรคหอบหืดแล้วแต่ยังมีอาการไอและแน่นหน้าอกบ่อยๆ
การรักษาโรคภูมิแพ้ 1. หลีกเลียงสิ่งต่างๆที่แพ้ 2. การรักษาด้วยยา • ยากลุ่ม Antihistamine หรือที่เรียกกันว่ายาแก้แพ้/ลดน้ำมูก การเลือกใช้ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ ยาบางชนิดมีผลทำให้ง่วงนอนได้ • ยาพ่นกลุ่มสเตียรอยด์ มีผลข้างเคียงน้อย ได้ผลดีในการรักษา 3. การฉีดยารักษาภูมิแพ้ (Allergy shot/Immunotherapy) เป็นการรักษาโดยการฉีดสารก่อภูมิแพ้เข้าไปในร่างกายของผู้แพ้ทีละน้อยๆ และค่อยๆเพิ่มจำนวนขึ้นจนผู้ป่วยมีความต้านทานต่อสิ่งที่แพ้ วิธีนี้จะต้องใช้เวลา 3 – 5 ปี เป็นวิธีที่สามารถควบคุมอาการแพ้ได้ดี ผู้ป่วยจำนวนมากสามารถลดหรือหยุดการใช้ยารับประทานหรือยาพ่นได้
ด้วยความปรารถนาดีจากโรงพยาบาลสมิติเวช //www.samitivejhospitals.com/allhealth_article_detail.aspx?id=513&lid=th
Create Date : 30 กันยายน 2553 |
Last Update : 30 กันยายน 2553 11:27:07 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1086 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
|