|
|
ปรับพฤติกรรมดูแลหัวใจ ไม่ให้ชํ้าชอก
⁞⁞
เพียงแค่ใช้วิธีปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หรือการรับประทานยาเพื่อควบคุมรักษาระดับแค่นี้เราก็อาจห่างไกลโรคหรือบรรเทาระดับของโรคที่มีความสุ่มเสี่ยงมากขึ้นได้ แต่แรงกระตุ้นอาจต้องเริ่มจากกำลังใจเสมอ นี่ล่ะเรียกว่าพฤติกรรมเดิมๆ ในเมื่อความดันโลหิตสูง จะมีค่าตัวเลขสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท ซึ่งมักจะไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา พอรู้อีกทีก็เป็นแล้วโดยเฉพาะผู้ใหญ่เกือบ 30% พบปัญหานี้ และพบว่า 50-60% จะมีสุขภาพที่ดีขึ้นหากสามารถควบคุมความดันโลหิตให้น้อยลงได้ แต่นั่นเป็นสถิติเฉพาะคนที่รักตัวเอง และต้องการป้องกันสาเหตุการตายก่อนเวลาอันควร 4 ขั้นตอนพิชิตโรค
ไม่ว่าคุณหรือใครก็สามารถป้องกันและรักษาได้ เพียงแค่ใช้หลัก 4 ขั้นตอน ดังนี้ 1. การติดตามตรวจ Monitoring
ควบคุมความดันโลหิตของคุณโดยแพทย์ซึ่งเป็นเรื่องง่ายๆ และรวดเร็ว แต่ว่าการวัดแล้วพบว่าความดันโลหิตสูงเพียงครั้งเดียว ไม่ได้แปลว่าคุณเป็นความดันโลหิตสูง ทุกคนมีระดับความดันโลหิตที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดทั้งวัน ความดันโลหิตสูงจะยืนยันว่าเป็นเมื่อพบว่าตรวจเจอมากกว่า 2 ครั้ง 2. พฤติกรรมสร้างสุขภาพที่ดี Healthy Lifestyle
ลดนํ้าหนักตัว หากพบว่ามีนํ้าหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน เพราะนํ้าหนักตัวที่มากขึ้นความต้องการเลือดและสารอาหารไปเลี้ยงร่างกายก็จะมากขึ้น ปริมาณเลือดในหลอดเลือดจะเพิ่มมากขึ้นและทำให้เกิดแรงที่ผนังหลอดเลือดมากขึ้น ไขมันจะผลิตสารเคมีที่กระตุ้นให้เส้นเลือดและหัวใจทำงาน สุดท้ายแล้วก็จะมีความดันโลหิตสูงในที่สุด หากควบคุมดัชนีมวลกายได้ระหว่าง 18.5-24.9 จะสามารถลดความดันค่าบน systolic ได้ประมาณ 5-20 มิลลิเมตรปรอทต่อนํ้าหนักที่ลดได้ 10 กิโลกรัม
ออกกำลังกายเป็นประจำ จะทำให้หัวใจปั๊มเลือดได้ดีขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงระบบไหลเวียนจะดี และสามารถลดระดับความดันโลหิตและระดับไขมันในเลือดได้ แนะนำให้ออกกำลังกายชนิดแอโรบิกเป็นประจำอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน จะสา
ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณจำกัด ผู้หญิงดื่มเพียงวันละ 1 แก้ว และผู้ชายวันละ 2 แก้ว ถ้ามากกว่านี้แอลกอฮอล์จะเพิ่มระดับความดันโลหิต รบกวนการทำงานของตับทำให้ฮอร์โมนที่มีส่วนต่อการควบคุมความดันเสียสมดุล และรบกวนการสร้างสเตียรอยด์ในร่างกาย ซึ่งเป็นตัวควบคุมความดันโลหิตที่สำคัญ 3. การปรับเปลี่ยนอาหาร Dietary Change
อาหารจะเป็นตัวช่วยสำคัญทำให้ความดันโลหิตดีขึ้นในเวลาไม่นาน โดยเฉพาะจำพวก ธัญพืช ผลไม้ ผัก และผลิตภัณฑ์นมไขมันตํ่า สามารถลดความดันค่าบน systolic ได้ประมาณ 18-14 มิลลิเมตรปรอทอย่าลืมเพิ่มการรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและแมกนีเซียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโพแทสเซียมได้แก่ เต้าหู้ ถั่วเหลือง นํ้านมถั่วเหลือง ผลิตภัณฑ์นมไขมันตํ่า ถั่ว ผักใบเขียว อาหารที่มีโซเดียมก็สำคัญ ถ้าขาดโซเดียมเส้นประสาทและกล้ามเนื้อจะไม่สามารถทำงานได้ร่างกายจะไม่สามารถรักษาสมดุลของนํ้าและเกลือแร่ต่างๆ ได้ ซึ่งโดยปกติโซเดียมจะมีกลไกในร่างกายที่จะนำโซเดียมกลับมาใช้ และมีความจำเป็นจะต้องได้รับเพิ่มเพื่อทดแทนส่วนที่เสียไปจากทางเหงื่อ ทางปัสสาวะหรือการขับถ่าย สัดส่วนปริมาณที่เหมาะสม จึงควรรับประทานวันละ 2.4 กรัม ซึ่งเท่ากับเกลือ 6 กรัมหรือหนึ่งช้อนชา
โซเดียมพบได้จาก เนื้อสัตว์ ถั่ว ธัญพืช ผลไม้ ผัก ผลิตภัณฑ์นมไขมันตํ่าและเครื่องปรุงรสจากเกลือในการถนอมอาหารเช่น ปลาเค็ม ผักดอง และอาหารกระป๋อง สามารถลดความดันค่าบน systolic ได้ประมาณ 2-8 มิลลิเมตรปรอท 4. การรับประทานยาควบคุมความดัน Medication to Lower Blood Pressure
ในขณะที่ความดันโลหิตมีแนวโน้มสูงขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลายๆ อย่าง จะช่วยให้ควบคุมความดันได้ดีขึ้น ดังนั้นจึงควรเริ่มตั้งแต่วันนี้ แต่ถ้าหากคุณพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเดิมๆ แล้วยังไม่สามารถควบคุมความดันได้ หนทางสุดท้ายแต่ไม่ช้าจนเกินไปก็คือการพุ่งตรงไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาและทำการปรับยา รวมถึงการติดตามผลจนระดับความดันปกติจนเป็นที่พอใจ Remark
- systolic pressure คือค่าความดันโลหิตขณะที่หัวใจบีบตัว เวลาวัดความดันจะอ่านผลคู่กันกับค่า diastolic pressure
- diastolic pressure คือค่าความดันโลหิตขณะที่หัวใจคลายตัว ความดันของคนปกติจะอยู่ที่ประมาณ 120/70 ข้อเท็จจริงเรื่องหัวใจ
ความตายใกล้แค่เอื้อม จากภาวะหัวใจวายและเส้นเลือดสมองแตกเฉียบพลัน
หัวใจวายและเส้นเลือดสมอง อาจเกิดขึ้นเฉียบพลัน ซึ่งเป็นผลมาจากความดันโลหิตสูง
มากกว่า 80% ของการตายจากโรคหัวใจ เกิดขึ้นในประเทศกำลังพัฒนาที่ขาดการดูแลเรื่องสุขภาพแม้ชายและหญิงจะมีสัดส่วนใกล้กัน แต่ความเสี่ยงของผู้หญิงจะสูงขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยทอง
การสูบบุหรี่ ไม่ออกกำลังกาย ไม่ระวังเรื่องอาหาร มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้น
ความดันโลหิตสูงอาจจะไม่มีอาการ แต่อาจทำให้เกิดเส้นเลือดในสมองและหัวใจวายได้
เบาหวานเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและเส้นเลือดสมองน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน มีความเสี่ยงเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจ หัวใจวาย และเส้นเลือดสมองมากขึ้น
Free TextEditor
Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2555 |
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2555 20:51:06 น. |
|
0 comments
|
Counter : 780 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
|