|
|
พิษ...ช็อกโกแลตซีสต์
Women’s Health / แพทย์หญิงชโลมขวัญ ประยูรเวชช์ (สูติ-นรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์)
ยังคงเป็นหนึ่งในอาการที่จัดว่าน่ากลัวและอันตรายสำหรับผู้หญิงทั้งที่ชอบและไม่ชอบกินช็อกโกแลต เพราะโรคนี้ไม่เกี่ยวกับช็อกโกแลตแต่อย่างใด “ช็อกโกแลตซีสต์” คือถุงน้ำของรังไข่แบบหนึ่งที่มีของเหลวอยู่ข้างใน ลักษณะคล้ายๆ ช็อกโกแลตเหลว ซึ่งจริงๆ แล้วของเหลวนั้นก็คือ “เลือดเก่า” ที่คั่งค้างสะสมอยู่นั่นเอง
โดยปกติในแต่ละรอบเดือน เยื่อบุโพรงมดลูกจะหนาขึ้นในช่วงแรก และค่อยๆ สลายตัวออกมาเป็นประจำเดือน แต่ผู้หญิงบางคนมีเยื่อบุโพรงมดลูกบางส่วนเจริญผิดที่นอกโพรงมดลูก (Endometriosis) เช่น ที่รังไข่ ท่อนำไข่ กระเพาะปัสสาวะ ลําไส้ หรือเนื้อเยื่อต่างๆ ในอุ้งเชิงกราน ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าเกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกที่อยู่ในเลือดประจำเดือนไหลย้อนผ่านท่อนําไข่เข้าไปฝังตัวอยู่ตามที่ต่างๆ เกิดการหนาตัว มีเลือดออกและคั่งเป็นวงจรทุกเดือน เหมือนกับเยื่อบุที่อยู่ในโพรงมดลูก ซึ่งจะทำให้เนื้อเยื่อโดยรอบระคายเคือง จนเกิดเป็นพังผืดดึงรั้งอยู่ภายในช่องท้อง ถ้าไปเกิดที่รังไข่ก็จะสะสมกลายเป็นถุงน้ำหรือซีสต์ที่มีเลือดคั่งอยู่ข้างใน เรียกว่า “ถุงน้ำช็อกโกแลต” หรือ “ช็อกโกแลตซีสต์” (Chocolate cyst) ส่งผลให้เกิดอาการปวดประจําเดือนมากขึ้น ปวดท้องน้อยเรื้อรัง และยังอาจเป็นสาเหตุของการมีบุตรยากอีกด้วย
ภาวะนี้จะพบบ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ อายุ 30-50 ปี ถ้าอาการยังไม่รุนแรงแพทย์อาจให้ยาแก้ปวดและติดตามอาการเป็นระยะ แต่ถ้าอาการของโรครุนแรงหรือมีปัญหามีบุตรยากร่วมด้วย อาจต้องใช้การรักษาด้วยฮอร์โมน, การผ่าตัด หรือทั้งสองอย่างร่วมกัน ส่วนจะผ่าตัดมากน้อยแค่ไหน (เช่น เลาะเฉพาะถุงน้ำออก, จี้สลายพังผืด, ตัดมดลูกและรังไข่ออกไปเลย) หรือรักษานานเท่าไรนั้น ขึ้นกับระยะของโรคและวัตถุประสงค์ในการรักษาของผู้ป่วยแต่ละราย
ฉะนั้นใครที่มีอาการปวดท้องประจำเดือนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือปวดท้องน้อยเรื้อรัง ควรมาพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที จะได้ไม่เป็นเหยื่อจากพิษ...ช็อกโกแลตซีสต์
Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2555 |
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2555 20:57:56 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1198 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
|