|
|
ความหมายของการคุมกำเนิด ก็คือการป้องกันไม่ให้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น ถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่มีการคุมกำเนิด ก็จะมีโอกาสที่คุณอาจจะมีการตั้งครรภ์ แม้กระทั่งเด็กที่ยังไม่เริ่มมีประจำเดือนหรือคนที่เริ่มเข้าใกล้สู่วัยหมดประจำเดือน ในแต่ละปี มีหญิงที่ตั้งครรภ์โดยที่ไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าถึง 85 % |
|
|
|
แน่นอนว่าทางที่มั่นใจได้มากที่สุดว่าจะไม่ตั้งครรภ์ ก็คือการไม่มีเพศสัมพันธ์ แต่สำหรับผู้ที่มีชีวิตคู่และมีเพศสัมพันธ์ แต่ยังไม่ต้องการที่จะมีบุตร ก็จะต้องวางแผนในการคุมกำเนิด ทางเลือกในการคุมกำเนิด มีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การใช้วิธีทางธรรมชาติ ไปจนถึงการใช้ยาคุมกำเนิด หรือการทำหมัน เพื่อที่จะช่วยเลือกวิธีที่จะใช้คุมกำเนิดที่เหมาะกับคุณ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น lifestyle โรคประจำตัว ความชอบส่วนตัว บางคนอาจจะไม่ชอบที่ต้องทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน บางคนไม่ชอบที่จะต้องมีการใช้อุปกรณ์คุมกำเนิดใส่ไว้ในร่างกาย บางคนต้องการที่จะคุมกำเนิดอย่างถาวร แต่ละวิธีในการคุมกำเนิดมาการทำงานที่แตกต่างกันเช่น |
|
- ป้องกันไม่ให้ sperm ไปถึง ไข่ของฝ่ายหญิง
- ทำลายเชื้อ sperm หรือทำให้ไม่สามารถทำงานได้
- ป้องกันไม่ให้มีการตกไข่ในแต่ละเดือน
- เปลี่ยนแปลงผิวของมดลูกเพื่อไม่ให้ไข่ที่ปฏิสนธิแล้วฝังตัวเข้าไปได้
- เปลี่ยนแปลงมูกให้หนาขึ้นทำให้ sperm ไม่สามารถว่ายผ่านไปได้
|
|
ทางเลือกในการคุมกำเนิด แต่ละวิธีของการคุมกำเนิดจะมีข้อดี ข้อเสียอยู่ในตัวเอง คุณจะต้องค่อย ๆ เลือกดูว่าวิธีใดที่เหมาะกับคุณบ้าง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม - การหลั่งภายนอก Coitus interruptus
วิธีนี้เป็นวิธีฝ่ายชายต้องเอาอวัยวะเพศออกจากช่องคลอดก่อนที่จะมีการหลั่ง เป็นวิธีที่คุมกำเนิดด้วยการป้องกันไม่ให้ sperm ไปสัมผัสกับไข่ของฝ่ายหญิง ประสิทธิภาพ พบว่าวิธีนี้มีอัตราการล้มเหลวในการคุมกำเนิดประมาณ 4%-19% ซึ่งถือว่าไม่มีประสิทธิภาพ และทำให้เกิดการตั้งครรภ์โดยที่ไม่ได้วางแผนค่อนข้างสูง ข้อดีของวิธีนี้คือ ไม่ต้องมีอุปกรณ์ ไม่ต้องได้รับสารเคมีหรืฮอร์โมน แต่ข้อเสียคือ เสี่ยงที่จะตั้งครรภ์สูง และไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ - การใช้วิธีธรรมชาติ Natural Family Planning
เป็นวิธีการที่จะไม่มีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ฝ่ายหญิงมีการตกไข่ เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีรอบเดือนสม่ำเสมอและมาตรงเวลา - การดูอาการและอุณหภูมิของร่างกาย วิธีนี้จะดูลักษณะมูกที่ตรวจพบคือเมื่อตรวจพบว่ามีมูกวันแรก คือวันที่ให้เริ่มงดการมีเพศสัมพันธ์ และตรวจดูอุณหภูมิของร่างกายในตอนเช้า โดยในช่วงครึ่งแรกของรอบเดือน อุณหภูมิของร่างกายจะค่อนข้างต่ำ และสูงขึ้นในช่วงหลังซึ่งเป็นผลจากฮอร์โมน โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้นประมาณ0.2-0.5 องศาหลังจากที่มีการตกไข่ได้ 1-2 วัน เมื่อผ่านไป 3 วันหลังจากอุณหภูมิขึ้น ก็จะสามารถเริ่มมีเพศสัมพันธ์ได้
|
|
- การตรวจดูมูก ผู้หญิงสามารถตรวจดูได้ โดยถ้ามูกมีปริมาณมาก จากฮอร์โมนเอสโตรเจน จนกระทั่งกลางรอบเดือน ซึ่งจะเริ่มแห้งลง จากฮอร์โมน โปรเจสเตอโรน เมื่อนับจากวันที่มีมูกมากที่สุดไปสี่วัน จะเป็นวันที่สามารถเริ่มมีเพศสัมพันธ์ได้ โดยดูอุณหภูมิร่างกายประกอบก็จะช่วยเพิ่มความแม่นยำขึ้นได้
|
|
|
ประสิทธิภาพ แต่บางการวิจัยเช่น FDA ในปี 2002 พบว่า มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น 20 % และสมาคมแพทย์สูตินรีเวชรายงานตัวเลขไว้ที่ 25% สำหรับผู้ที่ต้องการมีบุตร ยังสามารถใช้วิธีนี้ในการเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้อีกด้วย โดยเลือกวันที่ตกไข่ได้แม่นยำขึ้น การใช้อุปกรณ์ Barrier Devices |
|
|
เป็นวิธีในการคุมกำเนิดวิธีหนึ่งที่เป็นที่นิยม นอกจากนั้นยังสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ เช่น AIDS หรือหนองใน ห้ามใช้ร่วมกับ Vaseline หรือ jelly หรือ lotion หรือน้ำมันอื่น ๆ เพราะจะลดประสิทธิภาพของถุงยางอนามัยลง ประสิทธิภาพ อาจมีการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 3 % หากใช้เป็นประจำและใช้อย่างถูกวิธี แต่หากใช้ไม่ถูกวิธีอาจจะเสี่ยงตั้งครรภ์ได้สูงขึ้น 14% เนื่องจากบางคู่ ใช้บ้างไม่ใช้บ้าง และอาจจะเกิดจากการฉีกขาดหรือรั่วของถุงยาง นอกจากอุปกรณ์ Barrier สำหรับผู้ชายแล้ว ยังมีสำหรับผู้หญิงด้วยแต่ในเมืองไทยไม่เป็นที่นิยมใช้ - การใส่ห่วงคุมกำเนิด Intrauterine devices (IUDs)
|
|
เป็นการใส่อุปกรณ์รูปตัว T เข้าไปในมดลูก เป็นวิธีที่ค่อนข้างปลอดภัย และสามารถใช้งานได้นาน 5-10 ปี บางชนิดจะมีการฮอร์โมนอยู่ด้วย ในอเมริกา มีการใช้ IUD ในการคุมกำเนิด ประมาณ 2 % อุปกรณ์นี้มี ชนิด คือ ชนิด copper และ ชนิดฮอร์โมน ชนิด copper จะทำให้ sperm เสียความสามารถในการปฏิสนธิ ส่วนชนิดฮอร์โมน จะทำให้มีเยื่อเมือกที่หนาขึ้นจะ sperm ไม่สามารถผ่านไปได้ ประสิทธิภาพค่อนข้างดี คือข้อมูลจากสมาคมสูตินรีแพทย์สหรัฐพบว่ามีการตั้งครรภ์โดยวิธี IUD ชนิด copper นี้ 8 ใน 1000 คน และชนิด ฮอร์โมน พบเพียง 3 ใน 1000 คน ซึ่งอาจจะเกิดการเลือนหลุด หรืออยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม วิธีนี้เป็นอีกทางเลือกที่ดีมากสำหรับผู้ที่ไม่สามารถใช้ยาฮอร์โมนในการคุมกำเนิด เนื่องจากเหตุผลทางสุขภาพเช่นเป็นความดันโลหิตสูง หรือมีโรคอื่น ๆ ทีเป็นข้อห้ามในการใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิด การใช้ฮอร์โมนและ barrier ใช้มีประสิทธิภาพ จะต้องใช้ให้ถูกวิธี อย่างไรก็ตามอาจจะเกิดอุบัติเหตุข้อผิดพลาดได้เสมอ ดังนั้น ควรที่จะเตรียม ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเอาไว้ด้วยเพื่อเป็นแผลสำรอง การคุมกำเนิดด้วยฮอร์โมน เป็นการใช้ยาฮอร์โมน เพื่อปรับระดับฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้ไม่มีการตกไข่ มีทั้งชนิดยาเม็ด ยาฉีด ยาฝังใต้ผิวหนัง แต่ละวิธีและแต่ละชนิด จะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน |
|
|
มีใช้มาตั้งแต่ ปี 1962 หรือเกือบ 50 ปี เป็นทางเลือกในการคุมกำเนิดในผู้หญิงอายุน้อยกว่า 30 ปี เป็นอันดับหนึ่ง หรือประมาณ 17 % ของการคุมกำเนิดทั้งหมด ในปัจจุบันยาเม็ดคุมกำเนิด มีการพัฒนาสัดส่วนของฮอร์โมนเพื่อลดผลข้างเคียง และเพิ่มประสิทธิภาพให้ดีขึ้น ถ้าหากว่าลืมรับประทานยาไป 1-2 เม็ด ควรรีบทานยาลงไปทันทีหนึ่งเม็ดทันทีที่นึกขึ้นได้ หลังจากนั้นให้ทาน 1 เม็ดวันละสองครั้ง จนกระทั่งทดแทนจำนวนยาที่ลืมไปได้พอดี และทานต่อเนื่องตามปกติ อย่างไรก็ตาม ถ้าลืมรับประทานติดต่อกันสองวัน ควรจะต้องมีการป้องกันด้วยวิธีอื่นด้วย จนกว่ายาแผงนั้นจะหมดไป ประสิทธิภาพ หากรับประทานได้ตรงตามแนะนำทุกครั้งมีการตั้งครรภ์ได้ 0.1 % แต่ถ้าใช้ไม่ถูกวิธีอาจมีโอกาส 5% ข้อดีคือสามารถนำไปรักษาภาวะอื่นได้ เช่นประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือสามารถใช้เพื่อเลื่อนประจำเดือน และป้องกันโรคบางชนิดที่เกี่ยวกับฮอร์โมนได้ ข้อเสีย คือ อาจจะทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เจ็บคัดตึงหน้าอก น้ำหนักขึ้น ปวดศีรษะได้ การตกไข่จะกลับมาเป็นปกติภายในไม่กี่เดือนภายหลังการหยุดยา สิ่งที่ควรระวัง คืออาจะทำให้เกิดเส้นเลือดอุดตันได้ ในผู้หญิงที่สูบบุหรี่ มีความดันโลหิตสูง เป็นเบาหวาน หรืออ้วน |
|
เริ่มมีการใช้ตั้งแต่ปี 1990 แต่ภายหลังปี 2003 ผู้ผลิตได้เลิกทำการตลาดผลิตภัณฑ์ที่ชื่อ norplant แต่ได้มีผู้ผลิตรายใหม่ ผลิตยาลักษณะนี้ใช้ในยุโรป แต่ยังไม่มีใช้ในอเมริกา โดยการฝังเข็มใต้ผิวหนังของตัวใหม่ในยุโรป Implanon แต่ละครั้งจะมีอายุ 3 ปี ประสิทธิภาพ จะพบว่ามีอัตราการตั้งครรภ์ 0.2 % ในปีแรก และเพิ่มขึ้นเป็น 1.1 % ในปีสุดท้าย ข้อดีคือสามารถคุมกำเนิดได้ระยะเวลานาน ข้อเสีย คือต้องทำการฝังเข้าใต้ผิวหนัง และต้องเอาออกเมื่อครบกำหนด ประจำเดือนอาจจะมาไม่สม่ำเสมอ อาจมีน้ำหนักขึ้น ปวดหัว มีสิวขึ้น และไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ |
|
เป็นยาฉีดคุมกำเนิด ที่นิยมใช้อีกชนิดหนึ่งในบ้านเรา โดยสามารถฉีดทุก 3 เดือน เพื่อป้องกันไม่ให้มีการตกไข่ ประสิทธิภาพ จะพบว่ามีการตั้งครรภ์ประมาณ 0.3% ข้อดี เนื่องจากเป็นฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน โดยที่ไม่มีเอสโตรเจนอยู่ด้วย จึงไม่มีความเสี่ยงเรื่องของการแข็งตัวของเลือดผิดปกติที่ทำให้เส้นเลือดอุดตัน ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งมดลูก และมะเร็งรังไข่ ข้อเสียคือ ประจำเดือนจะมาไม่สม่ำเสมอ หรือมากระปริบกระปรอย และอีกเรื่องคือหากต้องการมีบุตร ต้องใช้เวลาหลายเดือน กว่าที่การตกไข่จะกลับมาเป็นปกติ และอาจจะเสี่ยงกับเรื่องน้ำหนักขึ้น ซึมเศร้าและกระดูกบางได้ - ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินEmergency contraception เป็นทางเลือกหนึ่งในกรณีที่ลืมรับประทานยาคุมกำเนิด หรือกรณีใช้ถุงยางอนามัยแล้วเกิดมีการแตกหรือรั่ว
การใช้ฮอร์โมนและ barrier ใช้มีประสิทธิภาพ จะต้องใช้ให้ถูกวิธี อย่างไรก็ตามอาจจะเกิดอุบัติเหตุข้อผิดพลาดได้เสมอ ดังนั้น ควรที่จะเตรียม ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเอาไว้ด้วยเพื่อเป็นแผนสำรอง สุดท้ายคือการทำหมัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิง การให้ความรู้กับเยาวชนเป็นสิ่งสำคัญเพราะตัวเลขแสดงให้เห็นว่า การที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก โดยที่ไม่มีการคุมกำเนิดยังมีต้องให้การดูแลกันต่อไป |
|
|
ในตอนแรกขอคร่าว ๆ เท่านี้ ก่อน คิดว่าเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิดจะมีรายละเอียดอีกมาก ที่หลาย ๆ คนอยากรู้ ทั้งวิธีใช้ วิธีเริ่มทานยา การหยุดยา ผลข้างเคียง และการเลือกยี่ห้อต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมาย |
|
จาำก www.facebook/drcarebear |