<<
สิงหาคม 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
20 สิงหาคม 2555
 
 
ผู้ชายควรรู้

ใครว่ามีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่อยากดูดี อ่อนกว่าวัย ผู้ชายสมัยนี้ก็รู้จักรักตัวเองมากยิ่งขึ้น และอยากดูอ่อนกว่าวัย จะเห็นได้ว่าจำนวนโฆษณาผลิตภัณฑ์ของผู้ชายเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ

ไอเกิล ได้คิวทองสัมภาษณ์พิเศษจากคุณหมอไพศิษฐ์ ตระกูลก้องสมุท แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ ของโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท มาฝากคุณผู้ชายที่ต้องการดูแลตัวเองให้ดูดีและดูอ่อนกว่าวัยมาฝากค่ะ

คุณหมอไพศิษฐ์บอกว่า “การที่จะให้ตัวเองดูดีทำได้หลายแบบ แต่ถ้าจะให้ดีจริงๆ ทั้งระบบของร่างกายแล้วควรดูแลลึกลงไปถึงระดับเซลล์ซึ่งเป็นที่เก็บความลับเกี่ยวกับสุขภาพและการมีชีวิตที่ยืนยาวของเราทุกคน ทั้งยังมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับความจำ ระบบภูมิคุ้มกัน การเคลื่อนไหว และหน้าที่ทุกอย่างในร่างกาย หากเซลล์ทำงานได้ดี ร่างกายย่อมทำงานได้ดีไปด้วย หากเซลล์เสื่อมสภาพย่อมจะส่งผลให้ร่างกายแก่ชรา เกิดโรคแห่งความเสื่อมตามมา ดังนั้น การป้องกันความเสื่อมของเซลล์คือการป้องกันโรคนั่นเองครับ”

คุณหมออธิบายต่อไปว่าจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่าสาเหตุของความเสื่อมสภาพที่มีต่อเซลล์ในร่างกาย น่าจะเกิดจากสาเหตุหลัก ดังนี้

1.การทำลายจากอนุมูลอิสระ (Oxidative Stress)
ปัจจุบันนี้มีคนพูดถึงคำว่า “อนุมูลอิสระ (Free Radicals; Reactive Oxygen Species)” กันมาก อนุมูลอิสระเปรียบเสมือนผู้ร้ายที่คอยเข้าทำลายเซลล์ต่างๆในร่างกาย อนุมูลอิสระเป็นผลพลอยได้จากกระบวนเมทาบอลิซึมในร่างกาย คือ อาหารที่รับประทานทานเข้าไปถูกเผาผลาญที่โรงงานของเซลล์ที่เรียกว่า “ไมโตคอนเดรีย” โดยอาศัยออกซิเจนที่เราหายใจเข้าไปเป็นตัวช่วยได้เป็นพลังงานออกมา แต่ในขณะเดียวกันจะได้อนุมูลอิสระออกมาด้วย อนุมูลอิสระเป็นโมเลกุลที่มีอิเล็กตรอนไม่ครบคู่ จึงต้องออกไปแย่งอิเล็กตรอนจากโมเลกุลอื่นๆ เปรียบดั่งหัวขโมย คอยขโมยอิเล็กตรอนไปจากเยื่อหุ้มเซลล์ และสารพันธุกรรมของเซลล์ที่เรียกว่า “ดีเอ็นเอ (DNA)” ทำให้เซลล์ เกิดความเสียหาย อนุมูลอิสระมักออกอาละวาดทำลายเซลล์ในร่างกายต่อเนื่องกันแบบโดมิโน คือสามารถเข้าทำลายเซลล์ในทุกที่ที่มันเคลื่อนไป ปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ คือ การรับประทานอาหารแคลอรี่สูง ปรุงอาหารที่ใช้ความร้อนสูงพวกทอดปิ้งย่าง บุหรี่ แอลกอฮอล์ ควันพิษ ยาฆ่าแมลงที่ปนเปื้อนในอาหาร แสงแดด ความเครียด อนุมูลอิสระถือได้ว่าเป็นต้นตอของปัญหาที่เลวร้าย เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง อัลไซเมอร์ พาร์คินสัน ต้อกระจก โดยธรรมชาติร่างกายเรามีสารต้านอนุมูลอิสระหรือแอนตี้ออกซิเดนท์ (antioxidants) ทำหน้าที่ดั่งพระเอกขี่ม้าขาวคอยต่อสู้กับอนุมูลอิสระ ไม่ให้มันออกอาละวาดทำลายเซลล์ในร่างกายของเรา แต่เมื่ออายุมากขึ้นสารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติทั้งซูเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเทส และ คาทาเลส ที่ร่างกายสร้างเองนั้นลดน้อยลง ร่างกายจึงมีแนวโน้มที่จะมีอนุมูลอิสระล้นกลายเป็นรังของอนุมูลอิสระ

2.ภาวะน้ำตาลสะสม (Advanced Glycation End Products) คนส่วนใหญ่ไม่ออกกำลังกาย และไม่ได้ใช้พลังงานมากนัก รับประทานคาร์โบไฮเดรตมากเกิน เช่น ข้าวสวย แป้งขัดขาว ขนมปัง น้ำหวาน น้ำอัดลม และผลไม้ แป้งที่ทานเข้าไปจะถูกย่อยไปเป็นน้ำตาล และเกินอยู่ในร่างกายเป็นจำนวนมาก น้ำตาลที่เกินนี้จะไปทำปฏิกิริยากับโปรตีนในร่างกาย เกิดเป็นสารชนิดหนึ่งชื่อ Advanced Glycation End Products หรือ เรียกย่อๆว่า AGEs”ทำให้โปรตีนเกิดการเปลี่ยนสภาพ เซลล์ร่างกายจึงไม่สามารถทำงานตามปกติได้ เช่น ถ้าน้ำตาลทำปฏิกิริยากับโปรตีนคอลลาเจนและอิลาสตินที่ผิวหนังทำให้ผิวหนังขาดความยืดหยุ่น ถ้าน้ำตาลทำปฏิกิริยากับโปรตีนของผนังหลอดเลือดทำให้หลอดเลือดแดงแข็ง

3. การอักเสบเรื้อรัง (Chronic Inflammation) เซลล์ไขมัน จะผลิตสารก่อการอักเสบตัวร้ายชื่อ pro-inflammatory cytokines ที่จะก่อให้เกิดการอักเสบขนาดน้อยๆ อยู่ตลอดเวลา เรียกว่า การอักเสบเรื้อรัง ทำให้หลอดเลือดอักเสบ ต่อมาไขมันจะไปเกาะอยู่ที่หลอดเลือด เรียกว่าเกิดเป็นภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (atherosclerosis) ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคหลอดเลือดตีบ ที่หัวใจและที่สมอง การอักเสบเรื้อรังยังทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน และเบาหวาน ความอ้วนยิ่งมากเท่าใด การอักเสบก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น โอกาสจะเกิดโรคก็ยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย การอักเสบเรื้อรังนี้ถือได้ว่าเป็น Silent Killer ของชีวิตสมัยใหม่ก็ว่าได้

คุณหมอไพศิษฐ์บอกต่อไปว่า “เมื่อเรารู้แล้วว่าอะไรคือ สาเหตุที่ทำให้เซลล์เราเสื่อมเร็วแล้ว เราควรจะรู้วิธีป้องกันก็จะดี ปัญหาที่พบมากคือ คนทั่วไปรู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง แต่ไม่รู้รู้ว่าทำอย่างไรถึงจะดีหรือพอดี วันนี้หมอขอให้แนวทางที่สามารถปฏิบัติกันได้ง่ายๆ นะครับ”

5H For Healthy Life ทำได้ในทุกช่วงอายุ ยิ่งเริ่มต้นเร็ว ก็ยิ่งเห็นผลต่อสุขภาพ
• การรับประทานอาหาร (Healthy diet)
• การออกกำลังกาย (Healthy exercise)
• ดูแลน้ำหนักให้อยู่ในระดับที่ดี (Healthy weight)
• ไลฟ์สไตล์ที่ดี (Healthy lifestyle)
• การตรวจพบก่อนเกิดโรค (Health check-up)

1.Healthy Diet
•จำกัดแคลอรี่ (Caloric Restriction) ไม่ได้หมายถึงอดอาหารแต่เป็นเพียงการลดปริมาณอาหารที่มีแคลอรีสูงลงเพื่อช่วยลดอนุมูลอิสระในร่างกาย เช่น แป้งขัดขาว และไขมันอิ่มตัว แต่ต้องได้รับสารอาหารจำเป็นและวิตามินเกลือแร่อย่างเพียงพอ มีการศึกษาพบว่าสามารถลดน้ำหนักตัวลง 30-40% ความดันโลหิตและน้ำตาลในเลือดลดลง 20% ไขมันเลว (LDL) ที่เป็นตัวพาไขมันไปเกาะตามหลอดเลือดลดลง 35%
•รับประทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ที่มีใยอาหารมาก เช่น ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท พาสต้าโฮลเกรน ธัญพืชเต็มเมล็ด ถั่วต่างๆ ซึ่งมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (ไกลซีมิกอินเด็กซ์ต่ำ, low glycemic index) ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เพื่อป้องกันความเสื่อมของเซลล์จากสาเหตุของน้ำตาลสะสม (AGEs) หลีกเลี่ยง ข้าวขาว ข้าวเหนียว ขนมปังขาว มันฝรั่ง สปาเกตตี โดนัท ขนมเค้ก น้ำหวาน น้ำอัดลม
•รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน ผู้ชายควรได้รับโปรตีนให้เพียงพอวันละอย่างน้อย 0.8-1 กรัมต่อน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม ถ้าคิดง่ายๆคือเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดไขมันและหนัง มื้อละ 5-7 ช้อนโต๊ะ โปรตีนจากสัตว์อุดมไปด้วยฟอสฟอรัส ที่จำเป็นสำหรับสร้างพลังงานพื้นฐานของเซลล์ นอกจากนั้นโปรตีนยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เลือกรับประทานโปรตีนคุณภาพดีจากเนื้อปลา เนื้อไก่ หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์แปรรูปและเนื้อสัตว์ที่มีสีแดง เช่น เนื้อหมู และเนื้อวัว ซึ่งมีปริมาณไขมันชนิดอิ่มตัวแทรกและมีสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบสูง
•รับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น ควรรับประทานผักให้ได้อย่างน้อยวันละ 5 หน่วยบริโภคหรือ 5 ทัพพี หรือ 5 อุ้งมือ เลือกผลไม้ที่มีรสหวานน้อยมื้อละ 1-2 หน่วยบริโภค ( 1 หน่วยบริโภค หมายถึง ฝรั่งลูกใหญ่ครึ่งลูก, ส้ม 1 ผลใหญ่, ชมพู่ 4 ผล, มะละกอชิ้นพอคำ 6-8 คำ) ผักมีใยอาหารสูงช่วยชะลอการดูดซึมของน้ำตาล ควรรับประทานผักหลากสีเนื่องจากอุดมไปด้วยสารไฟโตนูเทรียนท์ (phytonutrients) สารนี้ไม่ใช่วิตามินและเกลือแร่ แต่เป็นสารชีวเคมีที่ทำให้พืชผักมีกลิ่นสีและรส เฉพาะตัว จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี เช่น ไลโคพีน (lycopene)ในมะเขือเทศสีแดง, อินโดลทรีคาร์บินอล (indole-3-carbinol)ในผักวงศ์กะหล่ำ (cruciferous vegetable) มีการศึกษาใน Journal of the National Cancer Institute พบว่าการรับประทานบรอกโคลี่ กะหล่ำดอกหรือมะเขือเทศสัปดาห์ละ 3 หน่วยบริโภค ช่วยลดโอกาสเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากลง
•หลีกเลี่ยงไขมันแปรรูปหรือไขมันทรานซ์ (Trans Fat) หันมารับประทานน้ำมันที่มีประโยชน์ ไขมันทรานซ์เกิดจากกระบวนการเติมไฮโดรเจนให้น้ำมันพืช เพื่อให้น้ำมันเก็บรักษาได้นาน พบมากในเค้กเบเกอรี่ คุกกี้ แครกเกอร์ โดนัท เฟรนช์ฟราย มาการีน คอฟฟี่เมท ครีมเทียม มายองเนส อาหารที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำๆหลายครั้ง เช่น กล้วยทอด มันทอด การรับประทานไขมันกลุ่มนี้มากทำให้ไขมันตัวร้ายคือ LDL สูงขึ้น และระดับไขมันตัวดีคือ HDL ลดลง ควรหันมารับประทานน้ำมันที่มีประโยชน์ เช่นน้ำมันปลา การรับประทานน้ำมันปลา (Fish Oil omega-3) อาจช่วยปรับสมดุลของสารก่อการอักเสบและลดการอักเสบลง น้ำมันปลายังเป็นส่วนประกอบหลักของสมอง อีกทั้งช่วยลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ ได้ด้วย
•การให้วิตามินและสารเสริมอาหาร จริงๆแล้วการรับประทานอาหารธรรมชาติดีที่สุดแล้ว แต่ในบางคนที่กลัวว่าไม่พอเพราะวิถีชีวิตที่เร่งรีบ ทานอาหารไม่เหมาะสม ต้องการอาหารเสริมบำรุงก็ควรจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อที่จะได้เสริมอย่างถูกต้อง ร่างกายเรามีความต้องการวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อให้ระบบเคมีในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดความสมดุล การขาดวิตามินหรือแร่ธาตุในระยะสั้นๆ อาจไม่ก่อให้เกิดโรคหรืออาการที่ชัดเจน เช่น อาการอ่อนเพลียง่าย ไม่กระฉับกระเฉง ไม่สดชื่น นอนไม่หลับ เป็นต้น

2.Healthy Exercise
•การออกกำลังกายแบบแอโรบิค (Aerobic exercise) เป็นการออกกำลังกายที่มีการเคลื่อนไหวเป็นจังหวะต่อเนื่อง ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่เช่นกล้ามเนื้อขาจะดีที่สุด ช่วยส่งเสริมความแข็งแรงของปอดและหัวใจ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยเพิ่มระดับไขมันตัวดี (HDL) ช่วยส่งเสริมการลดน้ำหนัก ลดความเครียด ลดอาการท้องผูก American College of Sport Medicine ได้แนะนำให้ผู้ใหญ่ที่แข็งแรงดี ออกกำลังกายหนักปานกลาง คือเหนื่อยปานกลาง มีหายใจเร็วขึ้นยังพอพูดคุยได้ แต่ถ้าต้องการทราบความหนักปานกลางที่แน่ชัด ให้ดูอัตราการเต้นหัวใจเป้าหมาย คือให้อยู่ระหว่าง 65-75% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด (อัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด = 220 – อายุเป็นปี) ยกตัวอย่างเช่น เดินออกกำลังกาย 3 ไมล์ต่อชั่วโมง, วิ่งจ๊อกกิ้ง, ปั่นจักรยานพื้นราบ 10 ไมล์ต่อชั่วโมง, เล่นกีฬาแบบไม่แข่งขัน เช่น แบดมินตัน ว่ายน้ำ บาสเกตบอล ออกรอบตีกอล์ฟ หรือถ้าไม่มีเวลาออกกำลังกาย การกวาดถูบ้าน ล้างรถ ก็สามารถช่วยได้ ความถี่การออกกำลังกายประมาณ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ นานครั้งละ 20 – 60 นาที สำหรับคนที่ขาดการออกกำลังกายมานาน อาจไม่สามารถออกกำลังกายต่อเนื่องได้นานถึง 30 นาที แนะนำให้แบ่งการออกกำลังกายเป็น 3 ช่วงๆละ 10 นาที คือ 10-10-10
•การออกกำลังกายแบบออกแรงต้าน (Strength training หรือ Resistive exercise) ได้แก่ การยกเวท ใช้ยางยืด มีจุดประสงค์หลักเพื่อช่วยส่งเสริมความแข็งแรงและความทนทานของกล้ามเนื้อ ช่วยเพิ่มมวลกระดูก ช่วยป้องกันเบาหวานช่วยให้การเผาผลาญกลูโคสของร่างกายเป็นไปอย่างปกติ การออกกำลังกายแบบนี้มีประโยชน์มากในผู้ชายสูงอายุเพราะเมื่อมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงจะช่วยพยุงร่างกาย ทดแทนความอ่อนแอของกระดูกและข้อ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหกล้มกระดูกหัก แนะนำให้ออกกำลังกายแบบนี้เสริมการออกกำลังกายแบบแอโรบิค สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

3.Healthy Weight
เราป้องกันการอักเสบเรื้อรังได้ ด้วยการลดน้ำหนักตัว ลดการกินแป้งและไขมันร่วมกับเพิ่มการออกกำลังกาย พยายามรักษาน้ำหนักให้คงที่อยู่ในระดับที่ทำให้สุขภาพดีตลอดชีวิต อย่าให้ “อ้วนลงพุง” เพราะภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนนั้นเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่างๆตามมาเป็นขบวน เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคกรดไหลย้อน โรคข้อเสื่อม โรคนอนกรน ฮอร์โมนเพศผิดปกติ เป็นหมัน โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งถุงน้ำดี ปัจจุบันผู้ชายมีอ้วนแฝง ส่วนมากดัชนีมวลกายอยู่ในเกณฑ์ดี แต่มีเปอร์เซนต์ไขมันในร่างกายเยอะ มวลกล้ามเนื้อน้อยเพราะไม่ออกกำลังกาย ก็ถือเป็นโรคอ้วนได้เหมือนกัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพิจารณาเปอร์เซนต์ไขมันต่อน้ำหนักตัวร่วมด้วย การตรวจด้วยเครื่อง In-body ที่ใช้วัดองค์ประกอบร่างกาย บอกปริมาณน้ำ เกลือแร่ โปรตีน มวลกล้ามเนื้อ และที่สำคัญมวลไขมันสามารถบอกได้ (ในผู้ชายค่ามวลไขมันปกติควรอยู่ที่ 10-20%) การที่จะเปลี่ยนไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อต้องได้รับโปรตีนที่เพียงพอและออกกำลังกายสม่ำเสมอ

4.Healthy Lifestyle
• งดสูบบุหรี่ บุหรี่มวนเล็กๆนี้อานุภาพร้ายแรง มีสารก่อมะเร็งเช่น ทาร์ ฟีนอล และเบนโซไพรีน การสูบบุหรีทำให้เสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจสูงขึ้นเป็น 2 เท่า อัตราเสี่ยงของการเกิดโรคถุงลมโป่งพองสูงขึ้นเป็น 6 เท่า อัตราเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งปอดสูงขึ้น 10 เท่า
• ควบคุมปริมาณแอลกอฮอล์ ผู้ชายไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์เกิน 2 ดริงค์ต่อวัน (1 ดริงค์คือ 12 ออนซ์ของเบียร์ หรือ 5 ออนซ์ของไวนซ์; 1 ออนซ์ประมาณ 30 ซีซี) มีการยืนยันว่าการดื่มแอลกอฮอล์เล็กน้อยถึงปานกลางช่วยลดความเสี่ยงการเป็นกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด แต่ก็ไม่มีเหตุผลเพียงพอสำหรับผู้ชายที่ไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์จะหันไปดื่มเพื่อป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เพราะในความเป็นจริงมีหลายปัจจัยที่ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือดได้
• จิตใจ ผ่อนคลายความเครียด นั่งสมาธิ

5.Health Check-up
• การตรวจสุขภาพประจำปี เป็นส่วนหนึ่งของการชะลอวัยทำให้เราเฝ้าระวังโรค หากพบว่าเริ่มเป็นโรคแล้วก็จะพบได้ไว โอกาสรักษาหายก็ง่ายขึ้น โดยทั่วไปจะมีการตรวจร่างกาย วัดความดันโลหิต เจาะเลือดตรวจวัดระดับน้ำตาล ระดับไขมัน การทำงานตับและไต สารบ่งชี้มะเร็ง ตรวจปัสสาวะ เอกซเรย์ปอด ตรวจคลื่นหัวใจ การตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูก
•การตรวจเวชศาสตร์ชะลอวัย
1. การตรวจระดับสารอนุมูลอิสระ และสารต้านอนุมูลอิสระ
2. การตรวจดูสารอาหารเพื่อดูระดับวิตามินและเกลือแร่ต่างๆในร่างกายป็นประโยชน์ในการจัดอาหาi เสริมเฉพาะบุคคล เพื่อรับเฉพาะสารที่ร่างกายต้องการจริงๆ ในปริมาณที่เหมาะสม
3. การตรวจระดับฮอร์โมนต่างๆ เนื่องจากร่างกายผลิตฮอร์โมนน้อยลงเมื่ออายุมากขึ้น ฮอร์โมนมีความสำคัญในการควบคุมการทำงานและซ่อมแซมส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น การเพิ่มปริมาณกล้ามเนื้อ การทำงานของสมอง และ อารมณ
4. การตรวจพันธุกรรม (Genetic testing) เพื่อประเมินความเสี่ยงหรือแนวโน้มการเกิดโรค เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นความเสี่ยงต่างๆ

คุณหมอไพศิษฐ์อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรับประทานวิตามินเสริมสำหรับผู้ที่คิดว่าตนเองได้รับสารอาหารไม่เพียงพอว่า “ในหลักของเวชศาสตร์ชะลอวัย มีจุดประสงค์การให้วิตามินเสริม คือ

1.ทดแทนวิตามินที่เราอาจได้ไม่เพียงพอ ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ชอบทานแต่แป้งและขนม ทานผักผลไม้น้อย ยิ่งอายุมากขึ้นก็มักจะมีปัญหาการบดเคี้ยวร่วมด่วย เคี้ยวเนื้อสัตว์ไม่ค่อยได้ กินได้แต่ผักต้มเปื่อย ทำให้ทานผักและเนื้อสัตว์ได้น้อยลง น้ำย่อยในกระเพาะอาหารลดปริมาณลง การดูดซึมอาหารไม่ดี ทำให้มีโอกาสขาดวิตามินสำคัญๆ หลายชนิด เช่น ขาดวิตามินบีได้ง่าย แหล่งของวิตามินบีที่ดีคือ ผักนานาชนิด เนื้อสัตว์ ข้าวกล้อง การขาดวิตามินดีก็พบมากขึ้นในปัจจุบัน เรามักคิดว่าน่าจะได้เพียงพอแล้วจากแสงแดด แต่คนส่วนใหญ่มักอยู่กลางแจ้งน้อยกว่าแต่ก่อน จึงมีโอกาสเสี่ยงต่อการขาดวิตามินดี การขาดวิตามินดี ไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดภาวะกระดูกบางเท่านั้นปัจจุบันมีข้อมูลการศึกษาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงความสัมพันธ์ระหว่างวิตามินดีต่ำและความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆที่เพิ่มขึ้น เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคแพ้ภูมิคุ้มกันของตนเอง แต่อย่างไรก็ตามยังไม่ได้สรุปได้อย่างชัดเจนว่าการขาดวิตามินดีเป็นสาเหตุของโรคดังกล่าว
2.วิตามินใช้เพื่อรักษาโรค เช่น ใช้วิตามินซีรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน วิตามินบี6 เพื่อรักษาปลายประสาทอักเสบ วิตามินบี 9 หรือโฟเลทใช้รักษาโรคโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงใหญ่ วิตามินเคใช้เพื่อรักษาโรคกระดูกบาง เป็นต้น
3.วิตามินเพื่อเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ แม้ได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจากอาหาร แต่คนจำนวนมากต้องการสารต้านอนุมูลอิสระปริมาณที่มากเกินกว่าที่ได้รับจากอาหารเพียงอย่างเดียว เช่น คนสูบบุหรี่ อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีมลพิษในอากาศ ทานอาหารทอดความร้อนสูง อาหารปิ้งย่าง มีภาวะเจ็บป่วยเรื้อรัง ภาวะเครียด การให้วิตามินและสารเสริมอาหาร จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง”

คุณหมอไพศิษฐ์สรุปตอนท้ายว่า “ทุกคนสามารถดูอ่อนกว่าวัย และมีสุขภาพที่ดีได้หากไม่ตามใจปากและตัวเองจนเกินไปนัก จริงๆแล้วการดูแลสุขภาพตามแนวเวชศาสตร์ชะลอวัย จะเน้นให้ความสำคัญของการปรับไลฟ์สไตล์เป็นหลัก ทั้งการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย ดูแลน้ำหนักตัว ผ่อนคลายความเครียด ส่วนการตรวจด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ การเสริมวิตามินเป็นองค์ประกอบย่อยรองลงมา เป้าหมายไม่ใช่หนีความแก่ชรา แต่เป็นการดูแลสุขภาพให้ดี เพื่อป้องกันก่อนเกิดโรค ทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง มีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งน่าจะดีกว่าปล่อยให้เกิดโรคแล้วค่อยรักษาตามมาครับ (Prevention is better than cure)”


นพ. ไพศิษฐ์ ตระกูลก้องสมุท
ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ
โรงพยาบาลสมิติเวชสุขุมวิท

“คุณหมอคนเก่งของไอเกิลฉบับนี้คือ นายแพทย์ ไพศิษฐ์ ตระกูลก้องสมุท หรือ คุณหมอ (ชื่อเล่นคุณหมอค่ะ) ได้รับเกียรตินิยมอันดับ 1 จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงและ Certified American Board of Anti-aging and Regenerative Medicine ในปี 2010
คุณหมอ…ไม่ใช่แค่รักษาคนไข้ทั่วไปให้ปรับไลฟ์สไตล์และมีสุขภาพดีขึ้นเท่านั้น แต่คุณหมอยังปรับพฤติกรรมการรับประทานของคุณพ่อของตัวเองเพื่อให้มีสุขภาพดีเป็นผลสำเร็จด้วยล่ะค่ะ ตัวคุณหมอเองก็ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและพยายามไม่เครียด วิธีคลายเครียดง่ายๆ ของคุณหมอคือการวาดรูปค่ะ ใครจะเอาไปใช้บ้างก็ได้นะคะ คุณหมอฝากย้ำนักย้ำหนาให้ไปบอกท่านผู้อ่านด้วยนะคะว่า“จำไว้นะครับอ้วนเกินพิกัดทำให้แก่เร็วและตายเร็ว” บทจะโหดคุณหมอก็เชือดเฉือนจริงๆค่ะ แต่ก็ด้วยรักและหวังดีนะคะ”

WHAT MEN WANT
Nowadays, men are taking better care of themselves! That’s why there are an increasing number of men’s personal care products. But are they the only things that will make men look better and younger?

Aigle had an interview with Doctor Phaisit Trakulkongsmut, specialist of Anti-aging and Regenerative Medicine at Samitivej Sukhumvit, about how to look younger.
Doctor Phaisit believes that the holistic approach of the health system goes as deep as your cell level. Here are the factors that you should be aware of in order to look young and remain so:
1. Oxidative Stress-the damage made to a cell through the oxidative process. Everybody has been talking about free radicals or reactive oxygen species. So, let’s understand about it or how it functions. When our metabolic system works, it’s like a factory that lets out energy as well as waste. Free radicals are the waste from that factory with uneven electron. This waste goes around to the perfect cells or our DNA and steals its electron, thus, weakening that cell or our DNA. Now you may visualize the picture. The main factors that cause free radicals are food with high calories, grilled and fried food, cigarette smoking, stress, sunlight, etc. These free radicals cause Cancer, Heart diseases, Alzheimer, Parkinson disease, Glaucoma, etc. Fortunately, we all have natural anti-oxidant but it lessens as we age. Thus, our body becomes the ‘piggy bank’ of these free radicals!
2. Advanced Glycation End Product or AGEs are the end-products of glycation reactions, in which a sugar molecule bonds to either a protein or lipid molecule without an enzyme to control the reaction. In other words, when you eat too much carbs, it will turn into sugar which will react with the protein in your body, preventing it to work properly. If it reacts with the protein on the skin surface, your skin will be less resilient. If it reacts with the protein in your blood vessels, it may harden your arteries (Atherosclerosis).
3. Chronic Inflammation-your fat cells create consistent inflammation called pro-inflammatory cytokines in your body. This chronic inflammation will inflame your blood vessels and facilitate the fat to cling on to the wall of your blood vessels and harden it (Ath-erosclerosis). This is the main cause of heart diseases. So the more weight you put on, the more risks you face.
Those are the 3 main causes that prevent you from looking better and feeling younger as well. So now you know what to do, right? If not, here is Dr. Phaisit’s summarized recommendation on the “5Hs For Healthy Life”?
1. Healthy diet-caloric restriction, high fiber and less carb to prevent Oxidative Stress and AGEs
2. Healthy exercise-do you need more explanation?
3. Healthy weight-check your BMI and fat mass by the In-body machine to prevent chronic inflammation
4. Healthy lifestyle-stay away from any behavior that increase free radicals in your body
5. Health check-up-prevents the ailment or disease before it attacks you.
There are many people who feel that they may not have enough nutrients and need some vitamin supplements. Dr. Phaisit said that in terms of Anti-aging and Regenerative Medicine, he will only prescribe vitamin supplements for the following reasons:
1. Supplementing those vitamins that we may not have enough.
2. Adding high dose of certain vitamins to treat the diseases.
3. Providing vitamins as anti-oxidants.

“Everyone can look younger and healthier if they don’t indulge themselves too much. The Anti-aging and Regenerative Medicine is the art of lifestyle modification that helps you to take better care of your weight and diet. Like they said ‘prevention is better than cure’,” Dr. Phaisit concluded.




Create Date : 20 สิงหาคม 2555
Last Update : 20 สิงหาคม 2555 22:34:06 น. 0 comments
Counter : 1452 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

samitivej
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Follow Samitivejclub on Twitter

[Add samitivej's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com