<<
กุมภาพันธ์ 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
23 กุมภาพันธ์ 2554
 
 
ปวดหลังจังเลย…






ปวดหลังจังเลย…
ใครบ้างที่ไม่เคยปวดหลัง?
หากถามคำถามนี้ขึ้นมาคงมีคนไม่มากนักที่ตอบว่า “ไม่เคย”


     เพราะว่าร้อยละ 80 ของคนทั่วไปต่างผ่านการปวดหลังกันมาแล้วทั้งนั้น ก็อย่างที่ทราบๆ กัน กระดูกสันหลังนั้นถือว่าเป็นส่วนสำคัญมากส่วนหนึ่งของร่างกาย เพราะเป็นแกนกลางของการเคลื่อนไหว เมื่อมีอาการปวดขึ้นมาย่อมทำให้กังวลใจยิ่งนัก

ทำไมเราถึงปวดหลัง?  แล้วมันอันตรายแค่ไหน? จะระวังและป้องกันอย่างไร?
     นั่นทำให้ต้องไปนั่งคุยกับทีมแพทย์โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์  มี ศาสตราจารย์นายแพทย์เจริญ โชติกวณิชย์ ผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ  นายแพทย์อนุกูล ธารางกูรวงศ์ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ (ออร์โธปิดิกส์) และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์วิศาล คันธารัตนกุล แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู พร้อมด้วยแพทย์หญิงณิฎชธร มติพัฒน์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู

    ที่น่าสนใจกว่านั้น ณ ปัจจุบัน โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ได้รับมาตรฐาน CCPC (Clinical Care Program Certification) ด้านโรคปวดหลังจาก JCI (Joint Commission International) ซึ่งเป็นสถาบันที่ให้การรับรององค์กรที่ให้บริการสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา

หากถามว่าอาการปวดหลังเกิดกับใคร?
      คำตอบคืออาการปวดหลังมักจะเป็นกับวัยทำงานเสียเป็นส่วนใหญ่ นั่นคือคนที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี  สาเหตุจากการพลัดตก นั่งผิดท่า นั่งขับรถนานๆ นั่งหน้าคอมพิวเตอร์นานๆ  การยกของหนักโดยไม่ระมัดระวัง การทำงานเกี่ยวกับดึงรั้งผลักดันสิ่งของหนักๆ  เหล่านี้ทำให้เกิดอาการปวดหลังได้ ส่วนผู้ที่สูงอายุ ตั้งแต่อายุ  50-60 ปี อาการปวดหลัง มักเกิดจากความเสื่อมของข้อต่อ หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน  กระดูกสันหลังคดงอ  กระดูกยุบ หรือหักพรุน  นอกจากนั้นยังสามารถเกิดจากการติดเชื้อ บาดเจ็บรุนแรงจากอุบัติเหตุ เนื้องอกในกระดูกสันหลัง เนื้องอกของเนื้อเยื่อประสาท เป็นมะเร็งที่อื่น เช่น ปอด ตับ ต่อมไทรอยด์ หรือต่อมลูกหมาก แล้วกระจายมาที่กระดูกสันหลัง และสิ่งที่มักไม่มีใครคาดคิด ก็คือบุหรี่นี่แหละ มันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราปวดหลังได้ เพราะสารพิษของมันจะทำให้เกิดการเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลังค่อนข้างเร็ว ทำให้กระดูกบางและพรุน และทำให้ข้อต่อของกระดูกสันหลังเสื่อมเร็ว เช่นเดียวกับคนอ้วน มีน้ำหนักเยอะก็เกิดอาการปวดหลังได้ ตามปรกติผู้ที่มาหาหมอด้วยอาการปวดของร่างกายมักจะมีอาการปวดที่ข้อเข่า ไหล่ คอ และหลัง โดยอาการปวดหลังจะเป็นประมาณ 30% ของอาการปวดของคนที่มีมาหาหมอ

     อาการปวดหลังจะมีสองแบบ คือปวดที่หลัง และปวดร้าวลงขา อาการปวดที่หลังจะปวดตื้อๆ ปวดตึงๆ และอีกอย่างหนึ่ง คือหลังแข็ง ก้มไม่ค่อยลง ส่วนอาการปวดร้าวลงขา จะเกิดจากโพรงหรือช่องกระดูกสันหลังตีบ จะมีอาการปวดชาๆ ถ้าเคลื่อนมากจะกดทับรากประสาทสันหลัง มีผลทำให้ขาชาไม่มีแรง เมื่อหมอตรวจแล้วกล้ามเนื้อไม่อ่อนแรง การวินิจฉัยอาการปวดหลังนั้น จะดูจากประวัติปวดหลัง การตรวจร่างกาย แต่บางครั้งอาจต้องถ่ายภาพรังสี ตรวจด้วยเครื่อง CT.MRI เพื่อการวินิจฉัยที่ละเอียดขึ้น ถ้ามีอาการปวดหลัง ปวดร้าวลงขาร่วมด้วยซึ่งที่นี่ก็มีเครื่องมือที่ทันสมัยและมีความปลอดภัยสูง สำหรับกระบวนการรักษา จะมีทั้งการให้ความรู้คนไข้ ให้ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ยาคลายกล้ามเนื้อ และการผ่าตัด

     หลังจากนั้นจะมีการฟื้นฟูร่างกาย โดยหมอจะแนะนำให้เคลื่อนไหวร่างกายเท่าที่จะทำได้ ไม่ให้นอนพักนานเกินสองสามวัน เพราะหากนอนพักนานจะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง รวมทั้งแนะนำท่านอนท่านั่ง ท่ายกของ การขับรถต้องปรับเก้าอี้นั่งให้ถูกต้อง
เมื่อหายปวดก็จะกระตุ้นกล้ามเนื้อให้แข็งแรง เพราะมิฉะนั้นจะกลับมาเป็นอีก โดยจะยืดกล้ามเนื้อหลังและสะโพก  เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ยืดกล้ามเนื้อลำตัวเพื่อพยุงกระดูกสันหลังหากรักษาอย่างถูกวิธี รู้แนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องจะทำให้กล้ามเนื้อกลับมาใกล้เคียงกับปรกติ แต่หากว่าแพทย์วินิจฉัยแล้วว่ามีข้อบ่งชี้ว่าจำเป็นจะต้องผ่าตัด เช่น มีอาการปวดหลังมากและร้าวลงขา ขาไม่มีแรง ขาชา มีไข้ โดยปรกติจะมีคนไข้ต้องผ่าตัดประมาณ 15%

แล้วเราจะทำอย่างไรที่จะให้กระดูกสันหลังคงสภาพดี ไม่สึกหรอง่าย?
     คำแนะนำของคุณหมอคือ ให้นั่งหลังตรงมีพนักพิง ไม่นั่งผิดท่านานเกินไป เวลายืนให้ขาหย่อน อย่าเอื้อมแขนยกของสูง  ดันดีกว่าดึง  ย่อตัวยกอย่าก้มยกของ หิ้วของหนักพอประมาณด้วยแขนทั้งสองข้าง นอนให้ถูกท่า อย่าปล่อยตัวให้อ้วน ไม่ควรสูบบุหรี่  ออกกำลังกายให้เหมาะสมเป็นประจำ และรีบพบแพทย์ทันทีเมื่อเริ่มปวดหลัง ฉะนั้นจึงพึงระวังไว้เรื่องการปวดหลังไม่ใช่เรื่องล้อเล่นควรจะปรึกษาแพทย์มิฉะนั้นมันอาจจะลุกลามรุนแรงถึงขั้นต้องผ่าตัดกันเลยทีเดียว

.........................................................................................


อาการปวดหลังที่ต้องรีบไปพบแพทย์

1.อาการปวดหลังต่อเนื่องเกิน 4 สัปดาห์ ซึ่งมีสาเหตุจาก
     - หมอนรองกระดูกสันหลังเลื่อน
     - ข้อต่อกระดูกสันหลังเลื่อน
     - หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนกดทับรากประสาทสัมผัส
     - ช่องไขสันหลังตีบแคบ มีอาการปวดหลัง ชาลงขาเวลาเดิน เมื่อหยุดพักอาการดีขึ้น
     - กระดูกสันหลังเคลื่อน ปวดร้าวลงขา โดยเฉพาะเวลายืนหรือเดิน
     - กระดูกสันหลังคด
2.อาการปวดหลัง ภายหลังก้มยกของ เกิดจากกระดูกสันหลังพรุนหักยุบ
3.อาการปวดหลัง ปวดร้าวลงขา ชาขา
4.อาการปวดหลังและปวดขา เป็นมากขึ้นเมื่อเหยียดเข่า ยกขาสูง หรือก้มหลัง
5.อาการปวดหลังมากเมื่อหกล้ม ก้นกระแทกพื้น
6.เคยมีประวัติเป็นเนื้องอก มะเร็ง แล้วมีอาการปวดหลัง ประกอบกับมีน้ำหนักตัวลด
7.ปวดหลังและมักมีไข้ตอนกลางคืน น้ำหนักตัวลด
8.มีอาการผิดปกติในระบบขับถ่าย กลั้นปัสสาวะไม่ได้ มีอาการชารอบๆ ทวารหนัก

ด้วยความปรารถนาดีจาก โรงพยาบาลสมิติเวช
//www.samitivejhospitals.com/healtharticle_detail/ปวดหลังจังเลย…_471/th


Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2554 18:09:05 น. 0 comments
Counter : 1243 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

samitivej
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Follow Samitivejclub on Twitter

[Add samitivej's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com