ความรักคือ “ไมเกรน”
Love is a universal migraine, A bright stain on the vision, Blotting out reason. (Robert von Ranke Graves ,1895-1985)
อาการปวดศีรษะจากไมเกรนนะคะ เป็นที่ขึ้นชื่อในเรื่องความรุนแรงมาก จนกระทั่ง Robert Graves กวีชาวอังกฤษ ใช้อาการของไมเกรนในการบรรยายความรักในบทกวีชื่อ Symptoms of Love ดังข้อความข้างต้น ซึ่งแปลได้ว่า ความรักทำให้ปวดศีรษะได้เหมือนไมเกรน ทำให้ตาพร่ามัว และเกิดขึ้นอย่างไร้สาเหตุค่พ ซึ่งก็นับว่าถูกต้องทีเดียว แต่ถ้า Robert Graves เป็นแพทย์ เขาคงจะอธิบายอาการไมเกรนไว้มากกว่านี้แน่ๆ ค่ะ
เมื่อมีอาการปวดศีรษะ คนส่วนใหญ่จะคิดว่าตัวเองเป็นไมเกรนซึ่งในทางการแพทย์ก็สนับสนุนความเชื่อนี้โดยระบุว่า ไมเกรนเป็นสาเหตุหลักของการปวดศีรษะ โดยทำให้ประชากรหญิงมีอาการปวดศีรษะถึง 15% และชายมีการปวดศีรษะถึง6% แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่ปวดศีรษะจะต้องเป็นไมเกรน ดังนั้นเราจึงควรทำความรู้จักไมเกรนสักนิด
อาการปวดศีรษะจากไมเกรน(Migraine) นั้นจะมีลักษณะจำเพาะ คือการปวดตุบเป็นจังหวะซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นไปตามจังหวะการขยายตัวของหลอดเลือดในสมอง ส่วนใหญ่เป็นการปวดศีรษะข้างเดียว เป็นมากขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหวหรือออกแรง มักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย และผู้ป่วยมักไวต่อแสง เสียง หรือกลิ่น มีอาการเจ็บที่หนังศีรษะ ระยะเวลาปวดนานเป็นชั่วโมงหรืออาจนานถึง 2-3 วัน อาการปวดศีรษะไมเกรนจะเกิดซ้ำได้เรื่อยๆ และมีลำดับขั้นการเกิดอาการเป็นรูปแบบเฉพาะสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน แต่อาจสลับข้างปวดได้
ไมเกรนแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือแบบมาตรฐาน (Classic Migraine หรือ Migraine with aura) ซึ่งจะมีอาการนำมาก่อน เช่น การมองเห็นแสงวูบวาบ การมองเห็นจุดแสงบริเวณกลางจอภาพและค่อยๆขยายตัวขึ้น หรือการเห็นแสงสีสเปคตรัมต่างๆ ซึ่งเกิดจากการศูนย์เสียหน้าที่ชั่วคราวของเซลล์ประสาทสมองส่วนที่แปรผลการมองเห็น ก่อนเกิดอาการบางคนอาจจะมีอาการนำมาก่อนช่วงสั้นๆ คืออาการ เบื่ออาหาร กระสับกระส่าย หงุดหงิด หรือซึมเศร้า เวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นต้น ส่วนไมเกรนอีกแบบหนึ่งคือแบบทั่วไป (Common Migraine) จะไม่มีอาการนำมาก่อน
ปัจจุบัน เรายังไม่ทราบกลไกการเกิดไมเกรนที่ชัดเจน แต่เชื่อว่า ไมเกรนเกี่ยวข้องกับระบบหลอดเลือดในสมอง ระบบสารสื่อประสาท และระบบฮอร์โมนเพศหญิงซึ่งแปรปรวน ทำให้เพศหญิงมีอาการไมเกรนมากกกว่าชาย โดยเกิดอาการมากในช่วงอายุ 10-40 ปี และไมเกรนอาจเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของพันธุกรรม
อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยที่เราสามารถควบคุมเพื่อป้องกันการกระตุ้นไมเกรนได้ คือ 1 การหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ 2 หลีกเลี่ยงอาหารบางประเภท ซึ่งแต่ละคน อาจมีอาหารที่กระตุ้นการเกิดไมเกรนไม่เหมือนกัน ตัวอย่างอาหารที่อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นไมเกรน เช่น ช็อคโกแล็ต เนยแข็ง ผงชูรส สารกันบูด หรือสารกลุ่มไนเตรทซึ่งใช้ถนอมอาหารประเภทเนื้อ 3 หลีกเลี่ยงการอดอาหาร 4 หลีกเลี่ยงการอดนอน หรือการนอนยาวนานกว่าปกติ 5 หลีกเลี่ยงกลิ่นหรือน้ำมันระเหย 6 ไม่ออกกำลังกายอย่างหักโหม 7 ควบคุมอารมณ์เพื่อลดความเครียด และหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนอารมณ์อย่างฉับพลัน จะช่วยให้ความถี่ของการปวดศีรษะลดลง เทคนิคที่สามารถปฏิบัติได้เช่น การนั่งสมาธิ การเล่นโยคะ 8 หลีกเลี่ยงแสงวูบวาบ ไฟกระพริบต่างๆ 9 การเตรียมตัวเมื่อต้องเดินทางไกลโดยเฉพาะการข้าม time zone, 10 การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอากาศ, ความดันอากาศ, หรือระดับความสูง อาจกระตุ้นไมเกรนได้
เมื่อมีอาการปวดศีรษะเกิดขึ้น การใช้ยาแก้ปวดตั้งแต่เริ่มมีอาการจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ ซึ่งชนิดและปริมาณของยาแก้ปวดสำหรับแต่ละคนอาจแตกต่างกันตามระดับความรุนแรง และโดยทั่วไป ไม่จำเป็นต้องกินยาหากไม่มีอาการ แต่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องพกยาที่เคยกินแล้วหายปวดไว้
มีผู้ป่วยบางรายที่อาการปวดรุนแรงมากอาจจำเป็นต้องกินยาป้องกัน คือ มีอาการปวดรุนแรงมากกว่า 3 ครั้งใน 1 เดือน, คลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรง และมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ซึ่งประเภทของยาป้องกันนั้นควรปรึกษาแพทย์
นี่คือความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับไมเกรน อ่านแล้วเชื่อหรือยังครับว่า ไมเกรนเป็นอาการของความรัก แต่เป็นความรักที่ค่อนข้างจะรันทดไปสักหน่อยนะครับ
ขอบคุณแหล่งข้อมูลจากโรงพยาบาลสมิติเวช //www.samitivejhospitals.com/healtharticle_detail/ความรักคือ_“ไมเกรน”_595/th
Create Date : 22 มิถุนายน 2554 |
Last Update : 22 มิถุนายน 2554 10:19:24 น. |
|
1 comments
|
Counter : 664 Pageviews. |
|
|
|
แวะชมบล็อกของน้ำชาได้ค่ะ อย่าลืม Vote ให้ด้วยนะค่ะ
ThaiLand Travel สถานที่ท่องเที่ยว