เล็บขบ ... บล็อกที่ 114

เล็บขบ
ข้อมูลจาก 'วิธีรักษาเล็บขบ...ปัญหาปวดจี๊ดเกินบรรยายของปลายนิ้ว' โดยกระปุกดอทคอม
ใครที่ไม่เคยเป็น "เล็บขบ" ไม่รู้หรอกว่ามันทรมานขนาดไหน จะย่างกรายไปทางไหนก็แสนจะเจ็บปวด ยิ่งหนองแตก ยิ่งปวดหนักเป็นสองเท่า บางคนเป็นหนักๆ ถึงกับต้องถอดเล็บ โอ้ย...แค่คิดก็ทรมานแล้ว ใครที่เป็นเล็บขบ ต้องหาวิธีรักษาแล้วล่ะ ส่วนใครที่ยังไม่อยากเป็นเล็บขบ ต้องอ่านค่ะ!
เล็บขบเกิดจากอะไร
ใครๆ ก็รู้ใช่ไหมว่า "เล็บ" มีหน้าที่ป้องกันอันตรายให้นิ้ว และส่วนนี้จะไม่มีเส้นประสาทอยู่ ทำให้เราไม่รู้สึกเจ็บปวด เมื่อเกิดโรคขึ้นกับเล็บ แต่ถ้าโรคนั้นกินเข้าไปถึงผิวหนังแล้วล่ะก็ "เล็บ" ก็สร้างความปวดร้าวให้เจ้าของเล็บสุดๆ เลย โดยเฉพาะ "เล็บขบ" (Unguis Incarnatus) โรคเล็บที่เกิดขึ้นได้บ่อยมาก ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิด "เล็บขบ" ได้ก็คือ
1. การใส่รองเท้าที่บีบมากเกินไป เพราะจะทำให้เนื้อที่อยู่ด้านข้างของเล็บถูกบีบเข้ามา เล็บก็เลยไปกดเนื้อด้านข้าง เมื่อเล็บงอก มันก็จะงอกลึกลงไปในเนื้อ ทำให้รู้สึกเจ็บปวด นอกจากนี้ การใส่รองเท้าส้นสูงเกินไป ปลายเท้าแหลมเกินไป ก็ทำให้เท้าถูกบีบจนเล็บงอกตามปกติไม่ได้ ต้องกินเข้าไปในเนื้อ
2. การตัดเล็บไม่ถูกวิธี หลายคนตัดเล็บด้านข้างเป็นมุมแหลมชิดเนื้อ หรือลึกเกินไปนั่นเอง ทำให้เล็บงอกใหม่ ไปทิ่มที่ซอกเล็บ จนเกิดแผลและมีอาการปวดตามมา หรือบางคนชอบแต่งเล็บให้โค้งเข้าในซอกเล็บมากเกินไป และชอบแคะ ขูด งัดซอกเล็บบ่อยๆ
3. การติดเชื้อราที่เล็บ
4. อุบัติเหตุ เช่น ปลายนิ้วเท้าชอบไปชนอะไรบ่อย ๆ ทำให้เล็บฉีกขาดแทงเข้าไปในซอกเล็บได้ หรือการเล่นกีฬา เช่น เทนนิส แบดมินตัน ฟุตบอล บาสเกตบอล ซึ่งทำให้กระดูกนิ้วทำงานหนัก
5. การมีเล็บเท้าที่กว้างกว่าปกติ หรือเกิดจากการที่นิ้วเท้ามาซ้อนเกย หรือเบียดกัน


เล็บขบ อาการร้ายแรงขนาดไหน
คนที่เพิ่งเป็น "เล็บขบ" ก็อาจมีอาการแค่บวมแดงบริเวณซอกเล็บ ถ้าไปสัมผัสถูก จะรู้สึกเจ็บ แต่หากติดเชื้อมากขึ้น จะรู้สึกปวดแม้ไม่ได้สัมผัส จะมีหนองไหลออกมาจากขอบเล็บ บางคนปวดทรมานจนไข้ขึ้น ใส่รองเท้าเดินไม่ได้ ซึ่งถ้าเป็นถึงขั้นนี้ ต้องรีบไปพบแพทย์ เพื่อทำการรักษาก่อนจะติดเชื้อมากกว่านี้
เล็บขบควรทำอย่างไร
"เล็บขบ" จะทำให้ปวดเล็บเป็นอย่างมาก แม้จะกินยาแก้ปวดก็บรรเทาได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น จึงต้องทำการรักษา ซึ่งมีทั้งการรักษาด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ในรายที่เป็นไม่มาก แต่ในรายที่เป็นมาก ก็คงต้องไปพบแพทย์
วิธีรักษาเล็บขบด้วยตัวเอง ทำได้โดย
1. แช่เท้าในน้ำอุ่น หรือน้ำเกลืออุ่น ๆ สัก 10 นาที เพื่อบรรเทาอาการปวด
2. ตัดเล็บส่วนเกินที่ไม่เจ็บออก เพื่อไม่ให้มีเศษผง หรืออะไรสกปรกค้างอยู่ เพราะเศษสกปรกนี้จะทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อรุนแรงขึ้น
3. ใช้แอลกอฮอล์ 70% เช็ดเล็บให้สะอาด
4. หาวัสดุอะไรสักอย่างที่เล็กๆ บางๆ แข็งๆ พอสมควร เช่น เส้นด้าย ไม้จิ้มฟันก้านบาง ๆ หรือไหมขัดฟัน สอดเข้าไปใต้เล็บ งัดเอาเล็บขึ้นมา ตรงนี้อาจจะรู้สึกปวดบ้าง ให้ทำอย่างเบามือที่สุด
5. เอาสำลีสอดลงไปบริเวณที่เล็บมันจิกขบอยู่ จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดลงได้ แล้วกินยาปฏิชีวนะ ประเภทเตตร้าซัยคลิน หรือแอมพิซิลลิน และก็กินยาแก้ปวดพวกพาราเซตามอล จะบรรเทาอาการเจ็บปวดและการอักเสบจากการติดเชื้อลงได้มาก
คนไข้ที่ใช้วิธีนี้รักษาเล็บขบ ยังสามารถอาบน้ำล้างเท้าได้ตามปกติ และควรจะถูสบู่ที่ซอกเท้า ซอกเล็บ วันละ 2 ครั้ง เพื่อกำจัดเชื้อโรคออกไปด้วย หลังอาบน้ำเสร็จควรใช้แอลกอฮอล์ 70% เช็ดเล็บให้สะอาด แล้วใช้ผ้าพันไว้ เพื่อจะได้ไม่โดนอะไรสกปรกอีก และที่สำคัญต้องเลิกใส่รองเท้าบีบ และตัดเล็บให้ถูกต้องด้วย


การรักษาเล็บขบด้วยตัวเองที่กล่าวมา สามารถบรรเทาอาการได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น หากต้องการให้เล็บขบหายขาด หรือในรายที่เป็นมากๆ เช่น นิ้วบวมมาก มีหนองไหล เกิดการติดเชื้อ ก็ต้องไปพบแพทย์ ซึ่งแพทย์จะให้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียแบบทา หรือแบบรับประทานมาให้ แต่ถ้าใครเป็นหนัก คือ บวมแดงมาก ปวดมาก หนองไหลมาก หรือมีก้อนเนื้อบริเวณข้างเล็บหนาตัวขึ้น แพทย์ก็จะช่วยถอดเล็บให้
"ถอดเล็บ" ฟังดูแล้วน่ากลัวใช่ไหม จริงๆ แล้ว แพทย์จะถอดเล็บเฉพาะส่วนด้านข้างที่ขบเท่านั้น โดยจะฉีดยาชาให้ก่อน เพื่อที่คนไข้จะได้ไม่รู้สึกเจ็บ จากนั้นก็ใช้กรรไกรตัดเล็บเข้าไปในแนวยาว แต่ไม่ถึงโคนเล็บ และใช้คีมคีบเล็บส่วนที่ขบออกมา หรือหากมีหนอง แพทย์จะเอาหนองออกมาด้วย แล้วทำความสะอาดให้ พร้อมกับจ่ายยาปฏิชีวนะให้ทาน เท่านี้ก็เรียบร้อย แต่พอหมดฤทธิ์ยาชาแล้ว อาจจะรู้สึกปวดนิดหน่อย แต่รับรองว่าไม่เจ็บปวดเท่าตอนที่ถูกเล็บขบกดลงไปในเนื้อแน่ๆ หลังจากถอดเล็บแล้ว คนไข้ต้องพันแผลเอาไว้ และทายาฆ่าเชื้อจนแผลหายสนิท ทำความสะอาดแผลวันละ 2 ครั้ง และพยายามอย่าให้แผลเปียก ซึ่งปกติแผลจะหายได้ภายใน 2-3 สัปดาห์
ป้องกันเล็บขบไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ
ใครที่รักษาเล็บขบหายแล้ว ก็ต้องป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีก ส่วนใครที่ไม่เคยเป็นเล็บขบ ถ้าไม่อยากสัมผัสประสบการณ์ปวดเล็บอันแสนทรมาน ควรจะป้องกันเล็บขบตั้งแต่แรก
1. ตัดเล็บให้เป็นแนวตรง อย่าตัดติดเนื้อ หรือขอบข้างของเล็บออก จนสั้นกว่าตรงกลาง แล้วใช้ตะไบถูขอบเล็บให้หายคม โดยก่อนตัดเล็บอาจแช่เท้าในน้ำสักครู่ เพื่อให้เล็บอ่อนตัว จะช่วยให้ตัดเล็บง่ายขึ้น
2. เลือกใส่ถุงเท้ารองเท้าที่พอดีกับเท้า ไม่คับเกินไป หัวรองเท้าไม่บีบนิ้วเท้าจนเกินไป และหากต้องใส่รองเท้าส้นสูงก็ไม่ควรเลือกรองเท้าที่สูงเกินไป
3. รักษาความสะอาดของเท้าอยู่เสมอ ถูสบู่ให้สะอาด เพื่อป้องกันเชื้อโรค แล้วเช็ดนิ้วเท้าให้แห้ง จะช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคในซอกเล็บได้
4. หลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจทำให้เล็บไปชนกระแทก หรือเกิดการเสียดสีจนเล็บฉีกขาด.

ขอบคุณข้อมูลจาก....กระปุกดอทคอม และภาพจากอืนเตอร์เนต
สวัสดีค่ะ
จาก พรไม้หอม
หากท่านใดประสงค์จะโหวตให้บล็อกนี้ ขอความกรุณาโหวตในสาขาสุขภาพ ขอบคุณค่ะ
Create Date : 13 ตุลาคม 2556 |
Last Update : 13 ตุลาคม 2556 17:41:01 น. |
|
27 comments
|
Counter : 3866 Pageviews. |
 |
|
เล็บขบเคยเป็นครับ
เจ็บมากเลยล่ะครับ