มะขาม … บล็อกที่ 50

มะขาม
มะขาม (Tamarind) เป็นผลไม้พื้นบ้านที่คนไทยรู้จักมาช้านาน เราสามารถนำส่วนต่างๆ ของมะขามมาใช้ประโยชน์ในการรักษาได้ เช่น เนื้อมะขามมี สารแอนทราควิโนน ซึ่งจะช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ นอกจากนั้นกรดอินทรีย์ เช่น กรดทาร์ทาริก และกรดซิตริก มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ เพิ่มกากใยอาหาร ช่วยหล่อลื่นให้ขับถ่ายสะดวก ช่วยขับเสมหะ แก้อาการกระหายน้ำ นอกจากนี้มะขามยังมี วิตามินเอ วิตามินซี-ลดอาการเลือดออกตามไรฟัน แคลเซียม-ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง มะขามยังมีธาตุเหล็ก-ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ส่วนเนื้อเมล็ดมะขาม-สามารถกินเพื่อขับถ่ายพยาธิ
คุณค่าทางอาหารของมะขาม เนื้อมะขามแก่ นำมาทำน้ำมะขามเปียก มีรสเปรี้ยวสามารถนำไปปรุงอาหารได้หลายอย่าง และทำเครื่องดื่ม .. ยอดอ่อนของใบมะขามเป็นส่วนที่มีวิตามิน เอ สูง สามารถนำไปประกอบอาหาร เช่น แกงคั่ว แกงส้ม ต้มส้ม .. ฝักมะขามอ่อน นำมาทำน้ำพริกมะขาม
ยอดมะขามอ่อน

ฝักมะขามอ่อน

มะขามเปียก

มะขามหวาน

มะขามหวานอบแห้ง

มะขามคลุก

เมล็ดมะขาม ใช้ทาแก้แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก วิธีทำ
คั่วเมล็ดมะขามให้สุก กะเทาะเอาแต่เปลือกของเมล็ดมะขาม นำเปลือกของเมล็ดมะขามไปบดให้ละเอียด แล้วคลุกกับน้ำมันละหุ่ง หรือน้ำมันมะพร้าว พอกแผลวันละ 2 - 3 ครั้ง
เมล็ดมะขาม ใช้รักษาฝี และแผลเรื้อรัง วิธีทำ
คั่วเมล็ดมะขามให้สุก กะเทาะเปลือกทิ้ง นำเฉพาะเนื้อเมล็ดไปแช่น้ำจนนิ่ม ตำพอกแผล
เนื้อมะขาม ใช้แก้ไอ ขับเสมหะ วิธีทำ
นึ่งเนื้อมะขามให้สุก คั้นกับน้ำให้ข้น เติมเกลือลงไปเล็กน้อย ใช้จิบบ่อยๆ
เนื้อมะขาม ใช้อาบน้ำแทนสะบู่ช่วยบำรุงผิวพรรณ วิธีทำ
นำเนื้อมะขาม มาคั้นกับน้ำให้ข้น นำน้ำที่ข้นไปถูตัวแทนสบู่ ช่วยให้ผิวสะอาด ขาว เนียน นุ่ม



ข่าวจาก matichon.co.th เผย "เมล็ดมะขาม"มีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็ง-เสริมประสิทธิภาพภูมิคุ้มกัน
เมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่ฮอลล์ 7-8 อิมแพค เมืองทองธานี ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 9 "การนวดไทย มรดกไทยสู่มรดกโลก" รศ.พร้อมจิต ศรลัมภ์ อาจารย์ประจำสำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหดิล แถลงข่าว "รวมพลคนต้านมะเร็งจากสหวิชาชีพ" ว่า ในปี 2555 มีงานวิจัยของต่างประเทศเกี่ยวกับเมล็ดมะขามจำนวนมาก โดยมีนักวิจัยเผยแพร่ผลงานการวิจัยพบว่าในเนื้อเมล็ดมะขามมีไขมันและโพลีแซคคาไลด์ ซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว ไม่ก่อให้เกิดโรคเบาหวานเหมือนน้ำตาลโมเลกุลคู่ อย่างกลูโคสและละลายได้ดีในน้ำ
รศ.พร้อมจิตกล่าวอีกว่า งานวิจัยพบด้วยว่าโพลีแซคคาไลด์จากเมล็ดมะขามมีฤทธิ์เสริมประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งหมายความว่า หากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่องหรือน้อยกว่าปกติ โพลีแซคคาไลด์จากเมล็ดมะขามจะกระตุ้นให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สามารถกำจัดเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่ผ่านเข้าในร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้อไวรัส ที่สำคัญ พบว่าสามารถยับยั้งการเกิดเซลล์เนื้องอกมะเร็งได้
รศ.พร้อมจิตกล่าวว่า “ก่อนหน้ามีงานวิจัยในต่างประเทศเมื่อปี 2007 พบว่าสารสกัดเมล็ดมะขามที่ไม่คั่ว สามารถต้านทานความเป็นพิษต่อตับ กระตุ้นการสร้างเซลล์ตับขึ้นทดแทนส่วนที่เสียไป และมีฤทธิ์ปกป้องไตของหนูทดลองจากสารเคมีที่ก่อมะเร็งต่อไตด้วย”
“มีการทดลองเรื่องความเป็นพิษของเมล็ดมะขามต่อร่างกาย ทั้งพิษแบบเฉียบพลันและพิษระยะยาว 3-4 เดือน พบว่าไม่ปรากฏความเป็นพิษในร่างกายแต่อย่างใด ดังนั้น สามารถกินเมล็ดมะขามเป็นอาหารอย่างหนึ่งได้ แต่ไม่ใช่ว่าทานแต่เมล็ดมะขามเพื่อป้องกันมะเร็งอย่างเดียว โดยไม่ทานอาหารอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายร่วมด้วย ปัจจุบันมีการนำเมล็ดมะขามมาผลิตเป็นสินค้าจำหน่ายหลายรูปแบบ เช่น กาแฟเมล็ดมะขาม หรือชาเมล็ดมะขาม และเท่าที่ทราบขณะนี้เมล็ดมะขามเริ่มขาดตลาด มีการส่งออกไปขายต่างประเทศ"



คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เผยผลงานวิจัย .. เภสัช มช.กระเทาะเปลือกเมล็ดมะขาม วิจัยพบว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
นักศึกษาคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำเปลือกหุ้มเมล็ดมะขามมาทำการสกัดตรวจวิเคราะห์ทางเคมีพบว่า มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงเทียบเท่าสารสกัดจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากต่างประเทศ
โดยงานวิจัยเรื่อง “การพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต้านอนุมูลอิสระชนิดอัดเม็ดจากสารสกัดเปลือกหุ้มเมล็ดมะขาม” เป็นผลงานของนางสาวนันทิดา หมวกเหล็ก, นายบวร บุตรดีสิงห์ และ ผศ.ดร.ทรงวุฒิ ยศวิมลวัฒน์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ผศ.ดร.ทรงวุฒิ ยศวิมลวัฒน์ เผยที่มาของการวิจัยว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเปลือกหุ้มเมล็ดมะขาม จึงได้นำมาศึกษาพบว่า มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงและสารประกอบฟีนอลลิกอยู่ในปริมาณสูง ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ดีต่อสุขภาพ จึงมีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในระดับอุตสาหกรรมของไทย เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่มีอนุมูลอิสระเกิดในร่างกาย และมาจากนอกร่างกาย เช่นจากเชื้อโรค การติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย, จากรังสี เช่น รังสีอัลตราไวโอเลต รังสีเอ็กซ์, จากแก๊สของท่อไอเสียรถยนต์, จากการปรุงอาหารที่ไหม้เกรียม ปิ้ง ย่าง ซึ่งถ้าร่างกายมีอนุมูลอิสระที่มากเกินไป ก็จะก่อให้เกิดโรค เช่น หลอดเลือดตีบและแข็งตัว, โรคอัลไซเมอร์, โรคไขข้ออักเสบ, เกิดการกลายพันธุ์ของเซลล์ทำให้เกิดมะเร็งบางชนิด ทำให้เกิดกระบวนการอักเสบเกิดการทำลายเนื้อเยื่อที่รุนแรงขึ้น ซึ่งระบบป้องกันอนุมูลอิสระจะพบในร่างกายและจากอาหาร เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินอี วิตามินซี สารประกอบฟีนอลลิก และแทนนิน
สารที่มีฤทธิ์ต้านออกซิเดชันจะพบมากในส่วนเมล็ดของพืช ซึ่งในต่างประเทศมีการศึกษาพบว่า เปลือกเมล็ดมะขามมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ดังนั้นทีมวิจัยจึงได้เลือกศึกษาเปลือกเมล็ดมะขามของไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่เหลือจากการบริโภค มีราคาถูก เหมาะสมที่จะนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
สารสกัดเปลือกหุ้มเมล็ดมะขาม พบว่ามีฤทธิ์ต้านออกซิเดชัน ที่ดีกว่าวิตามินอี 3.14 เท่า .. มีฤทธิ์ต้านออกซิเดชัน ที่สูงมากใกล้เคียงกับสารสกัดจากเมล็ดองุ่น.

สวัสดีค่ะ
จาก พรไม้หอม
หากท่านใดประสงค์จะโหวตให้บล็อกนี้ ขอความกรุณาโหวตในสาขาสุขภาพ ขอบคุณค่ะ
Create Date : 21 ตุลาคม 2555 |
Last Update : 21 ตุลาคม 2555 11:16:21 น. |
|
24 comments
|
Counter : 6973 Pageviews. |
 |
|
|
ทริปจีนสนุกไหมครับ
อากาศน่าจะยังไม่หนาวนะครับ