สมุนไพรแก้ท้องผูก ... บล็อกที่ 141
ส มุ น ไ พ ร แ ก้ ท้ อ ง ผู ก

อาการท้องผูกเกิดจากสาเหตุหลายประการ ที่สำคัญ คือ ชอบรับประทานอาหารที่มีกากน้อย ได้แก่ อาหารจำพวกแป้ง เนื้อสัตว์ ข้าวและขนมหวานต่างๆ ไม่ชอบรับประทานผักและผลไม้ ดื่มน้ำน้อยเกินไป ถ่ายอุจจาระไม่เป็นเวลาและชอบกลั้นอุจจาระ ออกกำลังกายน้อยเกินไป ความเครียดในการงาน คนแก่มักท้องผูกเพราะความต้องการอาหารน้อยลงและลำไส้ไม่ค่อยทำงาน คนไข้ที่นอนนานๆไม่ได้ออกกำลังกาย ลำไส้จะไม่บีบตัวและท้องผูก
วิธีแก้ไข รับประทานอาหารที่มีกาก เช่น ผัก ผลไม้ ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ ถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลาทุกวัน ถ้าจำเป็นใช้สมุนไพรที่เป็นยาระบาย
ข้อควรระวังในการใช้ยาระบายหรือยาถ่าย
1 คนไข้อ่อนเพลีย
2 มีอาการปวดท้องรุนแรงหรืออาเจียน
3 ท้องผูกเป็นเวลานาน ใช้ยาระบายไม่ได้ผล ควรสงสัยว่าอาจเป็นเพราะลำไส้อุดตัน
4 มีการอักเสบในช่องท้อง เช่น ไส้ติ่งอักเสบ
ผู้ป่วยข้างต้นควรอยู่ในความดูแลของแพทย์
หลักการเลือกใช้สมุนไพรที่เป็นยาระบาย ควรเลือกให้เหมาะกับสาเหตุของอาการท้องผูก ดังนี้
 ยาระบายชนิดเพิ่มกาก 1 ยาระบายชนิดเพิ่มกาก เป็นสมุนไพรที่มีส่วนประกอบเป็นโพลีแซคคาไลด์ ซึ่งมีโมเลกุลใหญ่ เช่น เม็ดแมงลัก หรือมีเส้นใยมาก ได้แก่ มะละกอสุก เป็นต้น เหมาะกับผู้ที่รับประทานอาหารที่มีกากน้อย
ยาระบายชนิดกระตุ้นลำไส้ใหญ่ให้บีบตัวเพื่อขับถ่าย
2 ยาระบายชนิดกระตุ้นลำไส้ใหญ่ให้บีบตัวเพื่อขับถ่าย เหมาะกับคนสูงอายุ ผู้ป่วยที่นอนนานๆ นักธุรกิจที่เคร่งเครียด หรือท้องผูกด้วยสาเหตุอื่นๆ สมุนไพรในกลุ่มนี้มีสารแอนทราควิโนนกลัยโคไซด์เป็นสารสำคัญ ได้แก่ ชุมเห็ดเทศ มะขามแขก เป็นต้น ยาระบายชนิดนี้นิยมใช้กันมาก แต่ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง ไม่ควรรับประทานติดต่อกันนานเกิน 7 วัน เพราะพบว่ามีการทำลายระบบประสาทที่ควบคุมการบีบตัวของลำไส้ หรือทำให้ลำไส้ชินต่อยาและไม่ยอมทำงานตามธรรมชาติ คนไข้จะต้องรับประทานยาถ่ายชนิดนี้ทุกวันและต้องเพิ่มขนาดขึ้น ห้ามใช้กับเด็กและหญิงมีครรภ์
ในบางกรณีควรแนะนำให้ผู้ป่วยใช้ยาทั้งสองกลุ่มร่วมกันจะได้ผลดีกว่า เช่น คนชราซึ่งท้องผูกเพราะรับประทานอาหารน้อยและลำไส้ไม่ค่อยทำงาน
ยาระบายชนิดเป็นกรดหรือเกลือ 3 ยาระบายชนิดเป็นกรดหรือเกลือ เช่น มะขามเปียก ความเป็นกรดหรือเกลือจะทำให้ระดับความเป็นกรดด่างในทางเดินอาหารเปลี่ยนไป ร่างกายจะขับน้ำเข้ามาในทางเดินอาหารมากขึ้น เพื่อปรับสภาพกรดด่างจึงทำให้ระบายได้
ขี้เหล็ก ใช้ใบอ่อน 2-3 กำมือ หรือแก่นขนาดยาวชิ้นละ 2 องคุลี (4-6 ซม.) 3-4 ชิ้น ต้มกับน้ำ 1 ถึง 1ครึ่งถ้วยแก้ว เติมเกลือเล็กน้อย ดื่มตอนเช้า หรือก่อนอาหารเช้าครั้งเดียว ปัจจุบันมีการผลิตเปฺ็นยาเม็ดสะดวกในการรับประทานมากขึ้น
คูน ใช้เนื้อในฝักก้อนขนาดหัวแม่มือ (4 กรัม) ต้มกับน้ำ 1 ถ้วยแก้ว ใส่เกลือเล็กน้อย รับประทานครั้งเดียว
ชุมเห็ดเทศ ใช้ช่อดอก 1-3 ช่อ ต้มจิ้มน้ำพริก หรือใบสด 8-12 ใบ ปิ้งไฟให้เหลือง หั่นต้มกับน้ำ 1 ถ้วยแก้ว เติมเกลือเล็กน้อย รินเฉพาะน้ำดื่มหรือใบแห้ง ขนาดเท่ากับใบสดต้มหรือชงน้ำดื่ม หรือบดเป็นผงปั้นเป็นยาลูกกลอนขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย รับประทานก่อนนอน หรือเมื่อมีอาการท้องผูก ปัจจุบันมีการผลิต เป็นยาเม็ดสะดวกในการรับประทานมากขึ้น
มะขาม ใช้มะขามเปียก 10-20 ฝัก (70-80 กรัม) จิ้มเกลือ รับประทานหรือดื่มน้ำตามมากๆ หรือทำเป็นน้ำมะขามดื่ม ข้อควรระวัง รับประทานมากไปอาจทำให้ท้องเสียได้
มะขามแขก ใช้ใบ 2 กรัม หรือฝัก 10-15 ฝัก ขิงประมาณ 1 กรัม หรือกานพลู 1-2 ดอก ต้มกับน้ำ 1 ถ้วยแก้ว 5 นาที เติมเกลือเล็กน้อย รับประทานครั้งเดียว
มะละกอ รับประทานเป็นผลไม้
แมงลัก ใช้ผลครึ่งถึง 1 ช้อนชา แช่น้ำให้พอง แล้วรับประทานครั้งเดียวก่อนนอน ข้อควรระวัง อย่ารับประทานมากเกินไปจะทำให้แน่นท้องได้
ขอขอบคุณ ภาพจาก...อินเตอร์เน็ต ข้อมูลจาก...บ้านจอมยุทธดอทคอม //www.baanjomyut.com/library_2/extension-4/herb/05.html
สวัสดีค่ะ
จาก พรไม้หอม
หากท่านใดประสงค์จะโหวตให้บล็อกนี้ ขอความกรุณาโหวตในสาขาสุขภาพ ขอบคุณค่ะ
Create Date : 13 มีนาคม 2557 |
Last Update : 13 มีนาคม 2557 17:33:01 น. |
|
53 comments
|
Counter : 3208 Pageviews. |
 |
|
รูปบนขวาล่างพี่แอบถ่ายผมได้เมื่อไรนะ ..... ที่จริงกำลังง่วงต่างหาก
แต่อ่านแล้วก็ดีนะ จะได้กันไว้ก่อนถูกผูกเงื่อนตายจ้ะ