ผงชูรส..คุณ หรือ โทษ ...บล็อกที่ 257
ผ ง ชู ร ส..คุ ณ ห รื อ โ ท ษ
อั น ต ร า ย จ า ก ผ ง ชู ร ส
สาระสุขภาพ จากเว็บ.. thaihealth.or.th ... โพสท์โดย Prawpan Suriwong วันที่ 27 มีนาคม 2558
"ผงชูรสไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ มีประโยชน์เพียงทำให้อาหารมีรสชาติโดยรวมดีขึ้น หากจะใช้ควรใส่ในปริมาณที่เหมาะสม"
อันตรายของผงชูรสแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ
1. พิษภัยและอันตรายที่เกิดจากเกลือโซเดียม กล่าวคือผงชูรสมีโซเดียมที่มาจากโซดาไฟเป็นองค์ประกอบสำคัญเช่นเดียวกับเกลือแกง แต่อันตรายมากกว่า ซึ่งมีพิษภัยอันตรายดังนี้คือ
ทำให้ภูมิต้านทานหรือภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ลดลง
ทำให้เกิดการคั่งในสมองเด็ก ซึ่งเมื่อเด็กโตขึ้นจะเป็นคนปัญญาอ่อน ทำให้เด็กทารกเกิดอาการชักโคม่า ซึ่งบางครั้งแพทย์ไม่รู้สาเหตุ อาจเป็นภัยต่อหญิงมีครรภ์และทารกแรกเกิดด้วย
เพิ่มอันตรายต่อผู้เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ อาทิ เช่น โรคไต ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจเป็นต้น
2. พิษภัยและอันตรายที่เกิดจากตัวผงชูรสแท้ ส่งผลดังนี้
ทำให้เกิดอาการแพ้ผงชูรส ซึ่งจะมีอาการชา และร้อนวูบวาบที่ปาก ลิ้น ใบหน้า แน่นหน้าอก หัวใจเต้นช้าลง หายใจไม่สะดวก เป็นต้น
ทำลายสมองส่วนหน้าซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมการเจริญเติบโตและระบบสืบพันธุ์ของร่างกาย ระบบสืบพันธุ์ผิดปกติ เป็นหมัน อวัยวะสืบพันธุ์เล็กลง
ทำลายระบบประสาทตา สายตาเสียหรือเกิดตาบอด - ทำลายกระดูกและไขกระดูก ซึ่งเป็นส่วนที่ผลิตเม็ดเลือดแดงในร่างกาย ทำให้โลหิตจางได้
ทำให้วิตามินในร่างกายลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินบี 6 แก้โรคแพ้ผงชูรสได้
เกิดโรคมะเร็ง และทำลายระบบประสาทส่วนกลางทำให้เป็นโรคประสาทได้ง่ายขึ้น
เปลี่ยนแปลงโครโมโซม ทำให้ผิดปกติ ปากแหว่ง หูแหว่ง และจมูกวิ่น แขนขาพิการ เป็นต้น
ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
เตือนกินผงชูรสเสี่ยงอ้วนไม่รู้ตัว
สาระสุขภาพ จากเว็บ.. thaihealth.or.th โพสท์โดย mootie วันที่ 01 มิถุนายน 2554
ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าผงชูรสมีไว้ทำอะไร ถ้าไม่ใช่ช่วยชูรสชาติของอาหารให้อร่อยยิ่งขึ้นจนวางช้อนกันไม่ลง เพราะแบบนี้แล้วจะไม่ให้คนรับประทานไม่อ้วนได้อย่างไร จากผลงานการศึกษาวิจัยล่าสุด ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสารโภชนศาสตร์คลินิกของสหรัฐ พบว่า การรับประทานผงชูรสมีส่วนสัมพันธ์กับปริมาณเส้นรอบเอวที่มีแนวโน้มว่าจะขยายออกอย่างมีนัยสำคัญทั้งนี้ สาเหตุหลักๆ ไม่ใช่แต่เพียงเพราะอาหารถูกปากจนทำให้ผู้รับประทานอร่อยจนเผลอรับประทานเยอะกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันเท่านั้น แต่ผงชูรส หรือโมโนโซเดียมกลูตาเมต(เอ็มเอสจี) ยังมีผลกระทบกับการทำงานของฮอร์โมนในร่างกายตัวหนึ่งที่ชื่อว่า เลปติน(leptine) ด้วยฮอร์โมนเลปตินที่ว่านี้มีส่วนสำคัญอย่างมากในการควบคุมความหิวและกระบวนการเผาผลาญอาหารในร่างกาย ซึ่งจากผลการศึกษาได้ค้นพบว่า คนที่รับประทานผงชูรสมาก ร่างกายก็จะยิ่งผลิตเลปตินมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดภาวะต้านเลปติน จนร่างกายไม่สามารถนำพลังงานที่ได้รับจากอาหารไปใช้ได้อย่างเต็มที่ "และนี่คือคำตอบที่อธิบายว่าทำไมคนที่รับประทานผงชูรสจึงมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าเจ้าตัวจะรับประทานแคลอรีน้อยลงแล้วก็ตาม" คา ฮี ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารและโภชนาการจากมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมที่ทำการศึกษาในเรื่องนี้ ได้ใช้ระยะเวลาในการศึกษาเก็บข้อมูลอยู่นานถึง 5 ปีครึ่ง จากกลุ่มตัวอย่างประชากรชาวจีนในวัยผู้ใหญ่ 1 หมื่นราย โดยขอให้ผู้ที่เข้าร่วมงานวิจัยชั่งปริมาณผลิตภัณฑ์เอ็มเอสจีก่อนและหลังการรับประทาน เช่น ขวดซีอิ๊ว เพื่อดูว่าคนเหล่านั้นรับประทานเข้าไปมากน้อยแค่ไหนผลที่ได้ระบุว่า ชายและหญิงที่รับประทานเอ็มเอสจีมากกว่า 5 กรัมต่อวัน มีแนวโน้ม 30%ที่จะมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน เมื่อจบการทดลอง เปรียบเทียบกับกลุ่มที่รับเอ็มเอสจีในปริมาณครึ่งกรัมต่อวัน ทั้งนี้ทั้งนั้น บรรดานักโภชนาการจากมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนาเสริมว่า ทางทีมงานยังคงต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมต่อไปเพื่อให้ข้อสรุปที่ได้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นเอาเป็นว่าในช่วงนี้ผู้บริโภคทั้งหลายก็ควรระมัดระวังในการรับประทานผงชูรสและผงปรุงรสทั้งหลายเอาไว้ให้ดี เนื่องจากในผงเหล่านั้นมีปริมาณเกลือที่ค่อนข้างสูง ส่งผลให้ร่างกายเกิดภาวะบวมน้ำ จนทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นในที่สุด ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
ผงชูรส ทำร้ายดวงตา ส่งผลให้ประสิทธิภาพการมองเห็นลดลง
สาระสุขภาพ จากเว็บ.. thaihealth.or.th โพสท์โดย Araya วันที่ 13 มกราคม 2553
อาหารที่รับประทานกันอยู่ทุกวัน บางครั้งอาจจะเป็นอันตรายต่อดวงตาก็ได้
นักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยฮิโรซากิ ประเทศญี่ปุ่น ได้ทำการทดลองกับหนูพบว่า หนูที่กินอาหารที่มีปริมาณสารโซเดียมกลูตาเมทซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกับผงชูรส มีความสามารถในการมองเห็นลดลงเนื่องจากชั้นเรตินาในดวงตาถูกทำลาย และกิจกรรมการส่งสัญญาณคลื่นไฟฟ้าในเซลล์ประสาทตาลดลง ซึ่งอาจส่งผลเช่นเดียวกันนี้กับมนุษย์ นอกจากนี้ฮิโรชิ โฮกุโร หัวหน้าคณะวิจัยสังเกตว่า สาเหตุที่จำนวนผู้ป่วยโรคต้อหินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ อาจมาจากการนิยมรับประทานอาหารที่ปรุงรสด้วยสารโมโนโซเดียมกลูตาเมท ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามดารา รู้อย่างนี้แล้วหากไม่อยากเสียสุขภาพก็ไม่ควรรับประทานผงชูรสมากจนเกินไป
ขอขอบคุณ
ภาพจาก...อินเตอร์เน็ต สาระสุขภาพ จากเว็บ.. thaihealth.or.th
สวัสดีค่ะ
จาก พรไม้หอม
หากท่านใดประสงค์จะโหวตให้บล็อกนี้ ขอความกรุณาโหวตในสาขาสุขภาพ ขอบคุณค่ะ
Create Date : 23 มีนาคม 2559 |
Last Update : 23 มีนาคม 2559 22:09:46 น. |
|
37 comments
|
Counter : 2722 Pageviews. |
 |
|
ลงชื่อไว้ก่อนนะคะ พรุ่งนี้มาส่งกำลังใจค่ะ
วันนี้หมดตัวแย้วววววววววว
อาหารอร่อย ไม่จำเป็นต้องใส่ผงชูรสก็ได้เนาะคุณป้าพร ^__^