จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 
24 เมษายน 2553
 
All Blogs
 

13 ปีกับบุรุษเหล็กแห่งเอเชีย (ตอนที่ 5)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 5

ผมถูกแต่งตั้งให้เป็นกรรมการสอบสวนตำรวจสันติบาลที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริตต่อหน้าที่ โดยเป็นกรรมการร่วมกับทางตำรวจภูธรที่ฉะเชิงเทรา

ผมต้องไปอยู่ที่นั่นหลายวัน เพราะจะต้องฟังให้แน่ชัดว่า คนของเราผิดจริงหรือเปล่า เพราะทางสันติบาลส่งชื่อผมไปให้เป็นกรรมการร่วมในฐานะเป็นต้นสังกัดของผู้ถูกกล่าวหา

ระหว่างที่ผมทำงานอยู่ที่แปดริ้ว ผมก็ได้ข่าวว่า ทางกรุงเทพ ฯ เกิดมีการจับกุมกบฏกันขึ้นในวันที่ ๑ ตุลาคม ปีนั้นเป็นปี ๒๔๙๐ พวกที่ถูกจับเป็นพวกนายทหารเสนาธิการที่คบคิดกันจะล้มล้างรัฐบาลคณะรัฐประหาร เป็นพวกเดียวกันกับที่ผมเคยสอบสวนร้อยเอกผู้นั้นไว้คราวนั้น

ผมเสร็จจากงานที่แปดริ้วก็กลับกรุงเทพ ฯ หลังจากที่ทางสันติบาลและตำรวจภายใต้การนำของผู้ช่วย อ.ตร. เผ่า ฯ ได้จับกุมและดำเนินการสอบสวนเรื่องกบฏวันที่ ๑ ตุลาคมแล้ว ประมาณสองสามวัน ทางตำรวจผู้มีหน้าที่สืบสวนสอบ สวนเรื่องนี้ ได้จัดตั้งกองสอบสวนขึ้นในบริเวณที่ตั้งของกองตำรวจสันติบาล โดยใช้บ้านพักของผู้บังคับการตำรวจ สันติบาล ที่อยู่ตรงหัวมุมถนนสนามม้าปทุมวัน ตัดกับถนนพระรามที่ ๑ เป็นที่ตั้งของหน่วยสอบสวน

ผมแวะบ้านผลัดเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเสื้อผ้า แล้วก็เลยมาที่หน่วยสอบสวนกลาง เพื่อมาช่วยเขาสอบสวนเรื่องกบฏนี้ ในตอนเช้าของวันที่ผมมาถึงนั่นเอง ผมมาถึงหน่วยสอบสวน ก็จะเข้าไปรายงานผู้บังคับการตำรวจสันติบาลว่า ผมกลับมาแล้ว ผมรู้ว่าผู้บังคับการของผมอยู่ที่นั่น ผู้บังคับการของผมตอนนั้นชื่อว่า พ.ต.อ. หลวงสัมฤทธิสุขุมวาท และท่านเป็นผู้ลงนามสั่งให้ผมไปแปดริ้ว

พอผมก้าวเข้าไปในห้องสอบสวน จะผ่านไปที่ห้องผู้บังคับการของผมอยู่ ผมก็ได้ยินเสียงแผดสนั่นมาจากโต๊ะสอบสวนโต๊ะหนึ่ง

“ เ.. ดแม่ มึงหายไปไหนมา ”

ผมสะดุ้งเฮือก หันไปมองเจ้าของเสียง

“ พี่เผ่า ” ของผมนั่นเอง กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะสอบสวนตัวหนึ่งที่ว่างที่ผมกำลังจะเดินผ่านไป ทำนัยน์ตาถลนเข้าใส่ผม เมื่อแผดเสียงทักทายผมแล้ว

“ มึงหายไปไหนมาหือ ” พี่เผ่าสัมทับมาอีก นัยน์ตายังไม่กลับเข้าเบ้า

นั่นเป็นทำทักทายคำแรกจากพี่เผ่า เป็นการเปิดรายการที่ได้พบกันอีกที

“ ผมไปเป็นกรรมการสอบสวนตำรวจที่แปดริ้วมาครับ ” ผมตอบ ตัวงอ ประสานมือที่เป้ากางเกง สาบานให้ก็ได้ ผมทำท่ายังงั้นไม่ใช่เพราะกลัวหรอก ทำไปยังงั้นเอง

“ จริงหรือคุณหลวง ” พี่เผ่าหันไปถามผู้บังคับการของผม ซึ่งเดินออกมาดูพอดี อาจจะออกมาเพราะเสียงแผดนั้นก็ได้

“ ครับ ” คุณหลวงตอบ “ ผมตั้งเขาไปเอง ให้ไปเป็นกรรมการสอบสวนตำรวจ เสร็จแล้วหรือพุฒ ? ” ประโยคหลัง ผู้การ ฯ หันมาพูดกับผม

“ เรียบร้อยแล้วครับ ” ผมตอบ “ ผมกำลังจะมารายงานตัว ”

“ ไปช่วยเขาสอบสวนโน่น ไป ” พี่เผ่าสั่งการในทันที ยังไม่ทันผู้การ ฯ ของผมจะว่ายังไง นัยน์ตาพี่เผ่ายังถลึงใส่ผม

“ ผมก็กำลังจะมาช่วยเขานี่แหละครับ ” ผมอดที่จะตอแยไม่ได้ พูดจบผมก็ไม่ได้มองตาพี่เผ่า รีบโค้งแล้วก็เดินเข้าไปในห้องอีกห้องหนึ่ง ไปช่วยพรรคพวกเขาสอบสวนบุคคลต่าง ๆ ที่นั่งรออยู่อีกหลายคน

ผมไม่ได้คิดอะไรมากกับคำทักแหวกแนวของพี่เผ่า ผมนั่งทำงานอยู่พักใหญ่ ท่านผู้ช่วย อ.ตร. เผ่า ฯ ก็ออกจากที่นั่นไปโดยรถจี๊ปประจำตัวสีเลือดหมู

ผมทำงานอยู่จนถึงเย็น ถึงเวลากินข้าวเย็น ผมก็วางมือจากงานไปหาข้าวซึ่งทางกอง ฯ จัดมาเลี้ยง ช้าไม่ได้ เดี๋ยวอด

ผมนั่งกินข้าวราดแกงอยู่ที่ม้ายาวหน้าบ้านที่ใช้เป็นหน่วยสอบสวนนั้น กำลังกินไปได้ครึ่งจาน รถจี๊ปแดงของท่านผู้ช่วย อ.ตร. ก็เข้ามาจอดที่หน้าบ้าน พี่เผ่าโดดลงมาจากรถ มีพี่ต่อศักดิ์ ยศตอนนั้นเป็น ร้อยตำรวจเอก และเป็นผู้ติดตาม ก้าวตามหลังลงมา เดินตามพี่เผ่าเข้าไปในห้องสอบสวนข้างใน

ผมไม่ได้ลุกขึ้นทำความเคารพ เพราะระเบียบวินัยว่าด้วยการทำความเคารพ ผู้ที่กำลังรับประทานอาหารอยู่ไม่ต้องทำความเคารพผู้ใด นอกเสียจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราและธงชาติ

สักประเดี๋ยว พี่เผ่าก็เดินกลับออกมา คราวนี้เดินออกมาคนเดียว พี่ต่อศักดิ์ ฯ ไม่ได้ตามออกมาด้วย เดินผ่านผมไปขึ้นรถจี๊ปแดงคันที่จอดอยู่หน้าบ้าน ผมก้มลงตักข้าวใส่ปากต่อ

“ เฮ้ย ขึ้นรถซิวะ ” พี่เผ่าแผดเสียงมาจากรถจี๊ปคันนั้น

ผมเลยหน้าขึ้นมองดูว่า พี่เผ่าพูดกับใคร นัยน์ตาพี่เผ่ามองมาทางผม แต่ผมนึกว่าท่านพูดกับคนข้างใน เพราะที่ที่ผมนั่งอยู่นั้นอยู่ตรงปากประตูทางเข้าไปข้างในพอดี

ผมหันไปข้างหลัง มองเข้าไปในประคูบ้านก็ไม่เห็นใคร มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นมีใครอยู่แถว ๆ นั้น

“ มึงนั่นแหละ หันไปมองใครอีกล่ะ ” เสียงแผดมาอีก ครานี้ดังกว่าเก่า

ผมหันไปมองเจ้าของเสียง คราวนี้นัยน์ตาพี่เผ่าจับมาที่นัยน์ตาผมเขม็ง แน่นอนไม่ใช่คนอื่นเสียแล้ว พูดกับผมนี่เอง ผมลุกขึ้นยืน ในมือถือจานข้าว ยังงง ๆ อยู่

“ ยังจะเป็นห่วงแดกอะไรอยู่อีก ขึ้นรถ ” เสียงกำชับมาอีกที

ผมรีบวางจาน น้ำท่าไม่ต้องกิน เดินเป็นวิ่งไปที่รถจี๊ปคันนั้น แปะหมวกลงบนหัวแล้วก็โดดขึ้นนั่งด้านหลัง แล้วจี๊ปคันนั้นก็กระชากออกไปจากที่นั่นทันที

จากวินาทีนั้น ผมก็ติดอยู่กับเจ้าของรถจี๊ปคันนั้นไป ๑๓ ปี

นั่นเป็นลักษณะการที่ผมถูกเรียกเข้าไปรับใช้เป็นครั้งแรก มันวิจิตรพิสดารอย่างไรก็ดูเอาก็แล้วกัน น่ารักออก !




 

Create Date : 24 เมษายน 2553
8 comments
Last Update : 24 เมษายน 2553 0:15:42 น.
Counter : 3439 Pageviews.

 

อ่านต้องตามไปอ่านตอนแรกก่อน

 

โดย: shusei 24 เมษายน 2553 0:32:19 น.  

 

อ่านควบ 2 ตอนเลย (4 กับ 5)..ยังไงก็อ่าน ไม่เบื่อหรอก รับรองได้...

ขอบคุณมากๆ..

 

โดย: ก้นกะลา 24 เมษายน 2553 1:49:04 น.  

 

ใช่ไม่เคยเบื่อเลยเวลาว่างก็ไปอ่านตอนเก่าๆที่ผ่านตามาเพลินดี

 

โดย: ศรชัย IP: 112.142.124.45 24 เมษายน 2553 7:31:27 น.  

 

เข้ามาอ่านเรื่องงานเขียนของ คุณพ่อ จขบ. ค่ะ ... อ่านแค่ตอนที่บล็อกนี้ ก็รู้สึกสนุกแล้ว .... บางทีอ่านสำนวนภาษาผู้ชายคุยกัน แม้จะห้าวหน่อย ก็ได้อรรถรสดีนะคะ :))

ถือโอกาสอ่านข้อความบริเวณ profile ของ จขบ. ด้วยค่ะ
จขบ. มีประสบการณ์การทำงานเยอะจริง ๆ น่าสนุกดีนะคะ ได้ทำงานหลากหลายแบบดี

ขอบคุณที่ไปทักทายที่บล็อกด้วย ค่ะ ....

 

โดย: Tristy 24 เมษายน 2553 10:21:08 น.  

 

อ่านกี่รอบ ก็ยังชอบใจ....

วันเสาร์ - อาทิตย์ ขอเยอะๆนะครับ ^^

 

โดย: บักบุญเถิง IP: 58.8.120.174 24 เมษายน 2553 13:31:53 น.  

 

 

โดย: thanitsita 24 เมษายน 2553 13:52:59 น.  

 

 

โดย: Loveaddicted8 24 เมษายน 2553 14:14:05 น.  

 

ต้องตามไปอ่านตอนแรกเน๊าะ

 

โดย: นาฬิกาสีชมพู 24 เมษายน 2553 21:30:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.