จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 
5 เมษายน 2553
 
All Blogs
 

ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 60)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 60

เสร็จจากการส่งแขกเหรื่อแล้ว นายเป็ดเทศก็มาหาพวกผม พาขึ้นรถอีกคันไปด้วยกัน

รถนายเป็ดเทศพาเราวนเวียนไปตามถนนที่ค่อนข้างจะว่าง แล้วก็มาหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งปิดเงียบ นายเป็ดเทศชวนเราลงจากรถ พาเข้าไปในบ้านหลังนั้น จัดการให้คนของเขาเปิดบ้าน เปิดไฟในบ้าน นำเราขึ้นบ้าน พาไปนั่งที่ห้องรับแขก แล้วหันไปพูดอะไรกับลูกน้องที่ขับรถมา เป็นภาษาพม่า ไม่รู้ว่าสั่งอะไร

ลูกน้องหายไป นายเป็ดเทศก็พาเราเดินดูบ้าน มีห้องนอนอยู่สามห้อง เขาให้เราแยกกันเข้าไปในห้อง ห้องละคน ภายในห้องมีที่นอนปูผ้าเรียบร้อย แต่กลิ่นออกอับ ๆ ไม่มีหน้าต่างเสียอีก เครื่องทำความเย็นอะไรก็ไม่มี มีแต่ห้องลุ่น ๆ ก็ต้องเข้าไปในห้องตามคำเชิญของเขา ห้องละคน ต่างคนต่างคอยดูว่า นายเป็ดเทศจะเล่นอะไรกับเรา

ผมนั่งเงียบ ๆ อยู่ในห้องคนเดียว ฝันหวานว่าคงได้รู้จักพม่าดีแน่คราวนี้ เห็นผู้หญิงพม่าเดินตามถนน แต่งตัวนุ่งโสร่ง เดินนวยนาด ผิวขาวเนียนสวย สาวพม่านี่สวยพอดู และผิวขาวเนียนน่าลูบไล้จริง ๆ อย่างเขาว่า ผิวพม่า นัยน์ตาแขก คงจะได้ศึกษาของจริงคราวนี้

ผมนั่งอยู่ครู่ใหญ่ กำลังฝันหวาน ประตูก็ค่อย ๆ เปิดออก ผู้ที่ย่างเข้ามาเป็นผู้หญิงในชุดโสร่งเสื้อแขนยาวบาง แบบผู้หญิงพม่าแต่ง แสงสว่างในห้องสลัว ๆ ไม่เห็นหน้าตาชัดเจนว่าเป็นยังไง ผู้หญิงคนนั้นหันไปปิดประตูเบา ๆ แล้วเดินมาหาผม นั่งแมะลงข้าง ๆ

ผมหันไปมอง ขยับจะกอดก็ต้องชะงัก กลิ่นกายของเจ้าหล่อนฉุนเหมือนกับไม่ได้อาบน้ำมาเป็นปี ผิวดำสนิท ยิ้มเห็นฟันขาวตัดกับสีใบหน้า ส่งภาษาอะไรผมก็ฟังไม่ออก

แขกกะลิงเราดี ๆ นี่เอง ทั้งดำ ทั้งเหม็น

นายเป็ดเทศทำเสียแล้ว นึกว่าถึงพม่าจริง ๆ กลับเป็นจะถึงแขกกะลิงเอา

สาวกะลิงคนนั้นนั่งมองหน้าผมนิ่ง เมื่อเห็นผมทำท่าไม่เอาไหน ส่งภาษาอะไรออกมาก็ฟังไม่รู้เรื่องอีก ผมส่งภาษาอังกฤษออกไป แกก็เห็นจะพอฟังออก ส่งภาษาตอบมากระท่อนกระแท่น จับความได้แต่ว่าเรื่องนอน ผมโบกมือสั่นหน้า นอนลงไปยังไงไหว ทั้งเหม็นทั้งผิวก็หยาบเหมือนกระสอบ ผมนั่งด่าบุพการีนายเป็ดเทศอยู่ในใจ แต่จะไล่ออกจากห้องก็จะเป็นการเสียมรรยาทเกินไป เพราะไหน ๆ เขาก็พามาต้อนรับแบบ วี ไอ พี แล้ว จะขับไล่ไสส่งก็จะผิดพิธีการ แต่จะให้ร่วมหอลงโลงด้วยนั้น ไม่ไหวจริง ๆ

ผมนั่งส่งภาษากับแม่กะลิงคนนั้นทั้ง ๆ ที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่องกันอยู่พักใหญ่ ก็ล้วงกระเป๋าควักเงินออกมาให้ร้อยหนึ่ง เป็นเงินพม่าที่แลกเอาไว้ ส่งให้แม่คนนั้นแล้วโบกมือให้ออกไปได้ แม่กะลิงรับเงินแล้วพูดอะไรออกมาก็ไม่รู้ คงจะขอบใจ แล้วเปิดประตูออกไป

นายเป็ดเทศเปิดประตูสวนเข้ามา คงจะคอยนั่งเฝ้าอยู่แถวนั้น เขาถามว่า

“ เป็นยังไง เคอร์แนล ”

“ วิเศษ ” ผมตอบไปตามมรรยาท

“ ทำไมเร็วนักล่ะ ” เป็ดเทศยังสงสัย “ ทำไมไม่เอาไว้นาน ๆ

แค่นี้ อั๊วก็จะอ้วกแตกอยู่แล้ว ผมตอบเงียบ ๆ ในใจ

พรรคพวกออกมาจากห้อง ผมแอบกระซิบถาม แต่ละคนทำหน้าเบ้ คงจะเจอกะลิงเหมือน ๆ กัน นี่เป็นการต้อนรับแบบ วี ไอ พี ของพม่า

ผู้หญิงพม่า จริง ๆ แล้ว เท่าที่เห็นเดินตามถนน ผิวสวย แต่งตัวน่ารักแม้จะดูรุ่มร่าม เพราะโสร่งกรอมขา ก็ดูน่ารัก ส่วนมากที่เห็นเดินตามถนนคงจะเป็นผู้หญิงชั้นดี หรือไม่ก็นักศึกษา เห็นบางคนเดินถือหนังสือในมือเป็นเล่ม ๆ นึกว่าจะได้ถึงพม่าแบบนั้น ต้องผิดหวังอย่างหนัก ดันเอาแขกกะลิงตัวดำกลิ่นฉุนมาสังเวยแขกชั้นเราเสียนี่ นายเป็ดเทศทำเจ็บ

ผมแก้เผ็ดพวกนี้ เมื่อตอนที่เราเชิญเขามาเมืองไทยเป็นการตอบแทน ผมไปคัดเอาอีตัวแถวสะพานถ่าน ชนิดโรคงอมมาให้เข้าห้อง ผมมีบ้านรับรองอยู่แถวบางเขน จัดห้องให้พวก วี ไอ พี ของพม่าใช้ออกกำลังกับพวกสะพานถ่านครบถ้วนทุกคน

ก็ไม่ทราบว่า กลับถึงพม่า จะเอายาอะไรฉีดแก้โรคกัน

การไปเยี่ยมพม่าคราวนั้น ไม่มีอะไรผิดหูผิดตา เขาคงจะเชิญไปเพื่อดูท่าทีของเรา และเอาใจนิดหน่อย เพื่อไม่ให้ไปยุ่งกับกระเหรี่ยงแถว ๆ ชายแดนนัก ไม่มีการพูดถึงกระเหรี่ยง นอกจากการขอความช่วยเหลือในการตรวจตราชายแดนของทั้งสองฝ่าย

เป็นการเดินทางที่น่าเบื่อหน่ายที่สุด วันหนึ่ง เขาพาขึ้นเข้าไปเมืองมัณดาเลย์ ซึ่งอยู่บนยอดเขาสูง ต้องนั่งรถไต่เขาขึ้นไป เขาคุยว่าเป็นสถานที่ตากอากาศชั้นดีของเขา ระหว่างรถไต่เขาขึ้นไปกับไอ้อ้วน (พันศักดิ์) ซึ่งนั่งอยู่คันเดียวกับผมสองคน มีทหารพม่านั่งหน้าไปคู่กับคนขับคนเดียว ตามหลังรถผู้ใหญ่ไป ไอ้อ้วนคงจะหงุดหงิด รำคาญอะไรของมันก็ไม่รู้ มันพึมพำออกมาเบา ๆ พอได้ยินว่า

“ ทุงยาหม่าเว้ ข้าหมาบี้ ขี้หมาบ้า พม่าไม่กินบะหมี่ ”

เสียงข้างหน้าส่งภาษาพม่าข้ามไหล่ พร้อมกับหันหน้ามายิ้มกับเรา เขาคงนึกว่าเราส่งภาษาพม่ากับเขา ก็หันมาจะคุยด้วย

ไอ้อ้วนเลยนั่งซึมไป เสียงมันคงเหมือนภาษาพม่าจริง ๆ

อยู่ที่พม่าสามสี่วัน เหมือนกับเป็นปี พอจบรายการเดินทางกลับ เหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์ หลุดออกมาจากแดนทรมานเสียได้ มีดีอย่างเดียวก็คือ ได้ดูเจดีย์ชะเวดากอง ที่ก่อด้วยทองทั้งองค์ ดูอร่าม สวยงาม แต่จะเป็นทองจริงหรือเปล่าก็ยังสงสัยอยู่ แล้วก็ได้ซื้อของแปลก ๆ ของพม่า กลับมาเป็นที่ระลึกถึงความเซ็งตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่น

มีอยู่วันหนึ่ง มีรายการนายพลเนวินเชิญไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้าน เราก็ไปกันตามคำเชิญ นายพลเนวินออกมาต้อนรับแขกตามหมายกำหนดการ เดินทักทายแขกเหรื่ออยู่พักเดียว เจ้าภาพก็หายตัวไปเสียเฉย ๆ ปล่อยให้แขกเดินคุยกับนายทหารพม่าชั้นผู้ใหญ่ในงาน งานเลิกเฉย ๆ โดยไม่ได้เห็นเจ้าภาพมาล่ำลาแขก และในงานนี้ก็ไม่มีนายกรัฐมนตรีอูนุมาในงาน เป็นงานของกองทัพโดยเฉพาะ ก็แปลกดีเหมือนกัน

มาหายแปลกใจก็เมื่อนายพลเนวินปฏิวัติเอาอูนุลงในภายหลัง แล้วตัวเองขึ้นมาเป็นนายก ฯ แทน

สัมพันธไมตรีระหว่างไทยกับพม่า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เป็นประเทศเพื่อนบ้านด้านเดียวที่ไม่มีอะไรคืบหน้าในทางสัมพันธไมตรี การเดินทางไปพม่าครั้งนั้น ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทางพม่าเชิญเราไปทำไม เป็นการลองเชิงอย่างธรรมดาเท่านั้น

ตอนที่เราเชิญพม่าตอบแทน อูนุมาด้วยตัวเอง นายพลเนวินนั้นไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ในบ้านเขาเอง ทั้ง ๆ ที่เป็นเจ้าภาพ ตัวนายพลเนวินยังเดินไปเดินมา ประเดี๋ยวเดียวก็หายตัวไป แขกเหรื่อจะล่ำลาก็ไม่รู้จะลาใคร ต่างคนต่างเดินออกจากบ้านเจ้าภาพไปเฉย ๆ ฉะนั้น เรื่องที่จะรับเชิญไปนอกประเทศก็เห็นจะไม่รับเชิญ ทำตัวเป็นบุรุษลึกลับเสียยังงั้น ใครจะทำไม แล้วก็ขึ้นครองเมืองเสียเองเฉย ๆ อย่างว่า

อูนุมาเมืองไทยคราวนั้น กรมตำรวจเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำที่ตึกกรมตำรวจ วันหนึ่งอูนุเดินขึ้นชั้นบนตึก พอก้าวขึ้นบันไดตึกถึงชั้นบน เท้าเหยียบพื้นก็ลื่นทำท่าจะล้มเอา พอดีผมยืนอยู่ตรงเชิงบันไดทางขึ้นพอดี คว้าแขนเอาไว้ได้ พยุงตัวขึ้นมา ไม่งั้นก็ก้นกระแทกพื้นแน่ เพราะรองเท้าที่อูนุใส่นั้น เป็นรองเท้าแบบรองเท้าแตะพม่า อูนุอาจลื่นตกบันไดไปก็ได้ คงสนุกกันใหญ่

พื้นชั้นบนตึกกรมตำรวจนั้น ถูกขัดเป็นมันทุกวัน เพราะเจ้านายใช้เป็นที่นอนและทำงาน เรื่องความสะอาดนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ประการแรก พื้นสกปรกวันไหน คนรับผิดชอบก็มีหวังโดนเล่นงาน คนที่ขึ้นไปบนตึกกรม ฯ หกล้มก้นกระแทกกันมาหลายคนแล้ว ถ้าไม่ระวัง

หลังจากกลับจากพม่าแล้ว ทีนี้ก็ได้รับเชิญไปที่อื่น ๆ อีกตามกันมา ชะรอยแต่ละประเทศจะคิดว่า ถ้าไม่ได้เชิญท่านบุรุษเหล็กแห่งเอเชีย ไปเยี่ยมบ้านของตน ก็จะน้อยหน้าไป

สิงค์โปร์เป็นประเทศที่ส่งคำเชิญต่อมา ตอนนั้นสิงคโปร์มีนายกรัฐมนตรีชื่อ นายลิมยู่ฮก ผมก็ต้องติดตามเจ้านายไปอีก ไปอยู่สามวัน มีการเลี้ยงรับรองกันเป็นประเพณี บ้านพักของนายก ฯ ลิมยู่ฮกนั้น อยู่ในเนื้อที่ประมาณไร่เดียว เล็ก ๆ เป็นบ้านชั้นเดียวเหมือนบังกะโล มีอยู่ในกี่ห้อง เมื่อไปถึง ท่านนายก ฯ ก็มารับถึงสนามบิน พาไปเยี่ยมบ้านอันกะทัดรัดหลังนั้น รับแขกได้พอดีที่ไป ก็ประมาณห้าหกคน ตกค่ำก็ไปงานเลี้ยงรับรองที่โรงแรมใหญ่ เป็นการนั่งโต๊ะตามรายชื่อที่วางไว้ที่หน้าเก้าอี้ที่นั่ง ก่อนเข้าโต๊ะก็มีการดื่มที่บาร์ก่อนนิดหน่อยเป็นการอุ่นเครื่อง พอได้เวลาก็มีคนแต่งตัวราตรีหางยาวมายืนเรียกชื่อแยกเข้าโต๊ะ แขกรับเชิญนั้นแต่งตัวสากลธรรมดา เขาขานชื่อใคร เจ้าของชื่อก็เดินออกมา จะมีคนนำไปเข้าที่นั่ง

ผมยืนจิบเหล้าคุยอยู่กับพรรคพวกทางสถานทูต และมีเจ้าบ้านร่วมวงอยู่ด้วย ได้ยินเสียงเขาเรียกชื่อใครก็ไม่รู้ซ้ำอยู่สองสามหน คนเรียกส่ายตาหาเจ้าของชื่อ ไม่มีใครเดินออกมาตามเสียงเรียก ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะแขกทุหคนที่มาจะลงนามในสมุดรับเชิญแล้ว ก่อนเข้าห้อง เสียงเรียกออกมาว่า

“ เคอร์แนลฟัด ”

เสียงเรียกชื่อนั้นดังอีกซ้ำ ๆ “ เคอร์แนลฟัด ” อยู่นั่น คนเรียกก็ส่ายตามองไปตามแขกที่ยืนอยู่ เสียงเรียกชื่อนั้นดังอยู่อีกสองสามหน เจ้าหน้าที่สถานทูตคนหนึ่งที่ยืนอยู่กับพวกผมก็พูดกับผมว่า

“ ท่านรอง ฯ ครับ สงสัยว่าจะเป็นชื่อท่านรอง ฯ นะครับ ”

ผมหันไปมองดูคนเรียกชื่ออีก เขายังเรียก “ เคอร์แนลฟัด ” อยู่นั่น สายตาก็มองไปทั่ว ผมชักเอะใจขึ้นมา มันอาจเป็นชื่อผมก็ได้ เพราะเขาชอบสะกดชื่อผมเป็นภาษาอังกฤษว่า PHUD อ่านออกมา มันก็เป็น ฟัด ไม่ใช่ พุฒ

ผมก็เดินออกไป คนที่มีหน้าที่พาแขกเข้าโต๊ะ เข้ามานำผมไปที่โต๊ะ แต่นัยน์ตาเขามองดูผมอย่างพิลึก ๆ คนเรียกชื่อก็มองผมด้วยสายตาแปลก ๆ เหมือนกัน

มาถึงที่นั่งที่โต๊ะ ก็จริงอย่างว่า บัตรที่นั่งของผม เขาพิมพ์ไว้ว่า
“ Col. Phud ”

ก็คงจะใช่ชื่อผม ไม่ทราบว่าใครเป็นคนสะกดชื่อผมว่ายังงั้น ตัว Ph. ของฝรั่งนี่ เขาออกเสียงเป็น ฟ.ฟัน ต่อมา ผมเลยเปลี่ยนการสะกดชื่อผมเสียใหม่เป็น “ PUT ” เอามันง่าย ๆ ยังงี้ ไม่ให้ใครเรียกผมผิดได้อีก สะกดยังงี้มันออกเสียง พุฒ ตรงตัวดี ไม่มีออกสียงเป็นฟัด อีก

แต่เขียนอย่างงี้ ภาษาอังกฤษมันแปลว่า วาง หรือ ใส่ ทีนี้พอไปอังกฤษ คนอังกฤษก็เรียกชื่อผมแล้วอมยิ้ม โดยเฉพาะผู้หญิง เขาว่า ชื่อผมน่ากลัว เขาถามว่า ชื่อนี้ ภาษาไทยมีความหมายว่าอะไร ผมก็ตอบไปว่า ผิดกับอังกฤษ ภาษาไทยแปลว่า เจริญ ดีงาม ผมเปิดพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานดูแล้ว ชื่อผมที่เขียนว่า พุฒ นั้น แปลว่า เจริญ ดีงาม จริง ๆ

ใคร ๆ เขาเปลี่ยนชื่อให้ไพเราะเพราะพริ้ง ผมจึงไม่ยอมเปลี่ยน ชื่อผมดีอยู่แล้ว ความหมาย ดีงาม จะไปเปลี่ยนให้มันยุ่งยากทำไม

ทีนี้ เมื่อไปเป็นแขกรับเชิญในงานเป็นพิธีการทีไร ผมก็ส่งชื่อผมเป็นภาษาอังกฤษไปยังงั้น ไม่มีการเรียกชื่อผมผิดอีก เรียบร้อยดี ไม่ว่าจะไปเมืองไหน เขาเรียกชื่อออกมาเป็น “ พุฒ ” ได้ถูกต้อง แต่บางแห่ง คนเรียกชื่อก็เลิกคิ้วเมื่อออกชื่อผม คงจะนึกยังไง ๆ อยู่ในใจเหมือนกันตอนเรียกชื่อ

จากสิงค์โปร์ ทีนี้ก็ถูกจีนไต้หวันเชิญไป สาเหตุที่เชิญก็เพราะ ผมไปจับเอาคนจีนมาเป็นผู้ต้องหาสี่คน เป็นเจ้าของโพยก๊วนแถว ๆ เยาวราชมาในความผิดฐานส่งเงินออกนอกประเทศโดยผิดกฎหมาย และโดยเฉพาะ เขาส่งเงินไปให้ญาติพี่น้องทางจีนแดง โดยส่งทางโพยก๊วนไปฮ่องกง แล้วทางฮ่องกงส่งผ่านเข้าไปในจีนแดงอีกที จะส่งไปให้พี่น้องจริง ๆ หรือเป็นการส่งเงินไปช่วยรัฐบาลจีนแดงก็ไม่แน่




 

Create Date : 05 เมษายน 2553
2 comments
Last Update : 5 เมษายน 2553 4:04:27 น.
Counter : 1304 Pageviews.

 

ขอบคุณมาก..

 

โดย: ก้นกะลา 6 เมษายน 2553 3:05:59 น.  

 

สาวพม่า น่ากลัว

 

โดย: บักบุญเถิง IP: 124.157.253.42 6 เมษายน 2553 8:44:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.