ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 56)
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 56
ประชุมลับสุดยอด วันหนึ่ง มีการประชุมลับเฉพาะสำหรับท่านผู้กุมอำนาจในฝ่ายต่าง ๆ และพวกทำงานที่มีหัวหน้าหน่วยเป็นทหาร การประชุมมีที่วังสวนกุหลาบ อันเป็นที่เฉพาะกิจการลับ ไม่มีคณะรัฐบาลร่วมด้วย วันนั้น ผมถูกเรียกตัวให้ไปติดตาม เพราะมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานสันติบาลด้วย ผมติดตามไปตามคำสั่ง เข้าที่ประชุมที่ห้องโถงวังสวนกุหลาบ วันนั้น มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ทั้งสามเหล่าทัพเข้าประชุม พร้อมด้วยผู้บังคับหน่วยระดับแม่ทัพ การประชุมเริ่มตอนค่ำ ผมนั้นไม่ได้เข้าประชุมกับเขาหรอก เป็นแค่ติดตามไปอารักขา แต่ได้ขึ้นไปชั้นบนที่เป็นห้องประชุม ให้ผมดูแลช่องทางรอบ ๆ ระเบียงห้องประชุม อารักขาผู้ใหญ่ที่เข้าร่วมประชุมนั้น ท่านจอมพล ป. เป็นประธานในที่ประชุม เมื่อถึงเวลาประชุมผู้ที่เข้าประชุม เข้านั่งที่พร้อมทุกคน แล้วผมก็ทำหน้าที่อารักขารอบห้องที่ประชุม มีฝ่ายอารักขาของผู้ใหญ่สามเหล่าทัพมาร่วมอารักขาด้วย ต่างหน่วยก็มีกำลังคนของตนมาทำหน้าที่อารักขานายของตัว ผมเดินเตร่อยู่ที่ระเบียง ห้องประชุมนั้นเปิดประตูกว้างให้ลมโกรก เพราะเป็นห้องโถงใหม่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ ผมก็ต้องเดินตรวจตรารอบ ๆ ระเบียงซึ่งปีนขึ้นมาข้างบนได้สูงเพียงชั้นที่สามเท่านั้น การประชุมวันนั้นเป็นเรื่องลับจริง ๆ วาระสำคัญของที่ประชุมก็คือ การทำลายล้างขบวนการคอมมิวนิสต์ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างมาก รอบ ๆ ประเทศ ตามข่าวกรองของทุกฝ่าย ก็ต้องมีข่าวของสันติบาลเข้าไปร่วมอยู่ด้วย จุดมุ่งหมายของการประชุมก็ว่าด้วยเรื่องที่จะหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของขบวนการคอมมิวนิสต์นี้อย่างไรให้เด็ดขาด ประเทศไทยนั้นมีนโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์ทุกรูปแบบ และมีจุดมุ่งหมายที่จะทำลายล้างให้หมดสิ้นไปจากผืนแผ่นดินไทย ระหว่างที่ผมเดินเตร่ไปรอบ ๆ ระเบียงนั้น หูก็บังเอิญได้ยินเสียงพูดจากโต๊ะประชุม ผ่านมาทางระเบียง ผมก็หยุดฟังเพราะมันเกี่ยวกับเรื่องของผม
คอมมิวนิสต์มันฆ่าลูกเดียว เสียงที่พูดออกมาให้ได้ยินเป็นเสียงของผู้ใหญ่ฝ่ายทหารบก ผมไม่รู้จัก รู้ว่าเป็นทหารบกเพราะ ท่านผู้นั้นแต่งเครื่องแบบ เราก็เล่นวิธีเดียวกับมันเสียไม่ได้เรอะ ฆ่ามันลูกเดียวเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องมาคอยระวังตามดูมัน
ก็ดี เสียงอีกท่านหนึ่งพูด หากฆ่าแบบนี้ก็ต้องให้แนบเนียน ต้องให้คนมีฝีมือทางนี้ ใครละจะรับหน้าที่นี้
ก็ไอ้เผ่านั่นไง เสียงนั้นเป็นเสียงของท่านพันเอก สฤษดิ์ ตอนนั้นท่านเป็นรอง ผบ.ทบ. อยู่ ลูกน้องมันแยะ มือฆ่าทั้งนั้น เออ จริงซิ เสียงนั้นเป็นเสียงท่านจอมพล ป. ว่าไง คุณเผ่า คุณเผ่าไม่พูดอะไร นั่งนิ่ง คงกำลังคิดว่า จะเอายังไงกัน เอ้า งั้น คุณเผ่ารับไป เสียงท่านจอมพล ป. พูดต่อ งานทางนี้ เป็นเรื่องของตำรวจอยู่แล้ว จะได้ไม่ผิดตัว เพราะมีรายละเอียดอยู่ในมือแล้ว ทางสันติบาลก็มีอยู่ ไม่ใช่หรือ ท่านจอมพล ป. นั่งอยู่หัวโต๊ะ หันมาเห็นผมที่กำลังยืนอยู่ตรงระเบียงพอดี ก็หันไปพูดกับท่านอธิบดี เอาคนมาอารักขาถึงบนนี้เชียวหรือ คุณเผ่า ท่านอธิบดีนั่งอยู่ข้าง ๆ ท่านแม่ทัพ หันมามองผม แล้วหันไปพูดกับท่านจอมพล ป. มันเดินรอบ ๆ นี่แหละครับ เผื่อมีอะไรจะใช้ จะได้เรียกตัวได้ง่าย ท่านจอมพล ป. หัวเราะ รอบคอบดี คุณพุฒใช่ไหมนี่ เตยไปนอนที่บ้านชิดลมเหมือนกันนี่ ใช่ไหม ผมเคยถูกส่งไปอารักขาท่านจอมพล ป. เมื่อเหตุการณ์กบฏแมนฮัตตันสงบลงใหม่ ๆ ผลัดเปลี่ยนกันกับ อรรณพ วิชิต และพันศักดิ์ เจ้านายส่งไปเฝ้าท่านจอมพล ป. เพราะตอนนั้นยังไม่น่าไว้วางใจ ผลัดกันไปนอนเฝ้าตอนกลางคืน นอนอย่างเดียว ไม่มีอาหารเลี้ยง ตื่นเช้ามาก็กลับบ้าน ตอนท่านจอมพล ป. ท่านไปทำงานแล้ว ใช่ครับ ท่านอธิบดีรับ ทำไม คุณเผ่าไม่เสนอชื่อตั้งพวกนี้เป็นรัฐมนตรีมั่งละ ท่านจอมพล ป. หยอดลูกเล่น ผมรู้ว่า พวกนี้เขาทำงานหนักมาตลอด ไม่ใช่เหรอ น่าจะมีรางวัลให้มั่ง ทีนี้ท่านอธิบดีนิ่ง ผมก็เลยเดินออกมาจากบริเวณนั้น ลงมาชั้นล่าง มาคุยกับพวกเด็ก ๆ ที่มากับท่านผู้ใหญ่ และนายทหารที่เข้าประชุม ส่วนมากก็รู้จักกัน เห็นกันบ่อย สักครู่การประชุมก็เสร็จ พวกผู้ใหญ่เดินลงมากันเป็นแถว ท่านอธิบดีเดินลงมาทีหลังเพื่อน กวักมือเรียกผมขึ้นรถ รถออกจากวังสวนกุหลาบ เจ้านายก็พูดกับผมว่า
เล่นกูเข้าแล้วไง จะให้กูเสนอพวกมึงเป็นรัฐมนตรีต่อหน้าที่ประชุม ให้เขาหมั่นไส้เล่น
เป็นรัฐมนตรีก็คงดีเหมือนกันนะครับ ผมหยอดลูกเล่นมั่ง
เท้าสวมเกือกข้างซ้าย ดีดมาที่หน้าแข็งผมค่อนข้างแรง จนเจ็บ
คนอย่างมึงนะเรอะ เป็นรัฐมนตรีได้ จับนั่งกระทรวงพักเดียว มึงก็เฉาตาย อยู่นิ่ง ๆ เป็นกับเขาด้วยหรือ มึงน่ะ ขนาดมาอยู่กับกู มึงยังหายหัวไปจนกูด่า อยู่กับที่ของมึงนี่แหละ เหมาะแล้ว
นั่งนิ่งกันอยู่นานพอดู ท่านก็พูดว่า
กูต้องรับหน้าที่ทำลายล้างคอมมิวนิสต์เข้าให้อีกแล้ว มึงคงได้ยินไอ้สฤษดิ์มันโยนมาที่กูในที่ประชุมแล้ว ตอนที่มึงลงมาแล้วนั่น เขาวางนโยบายให้ทำลายด้วยวิธีเดียวกับที่คอมมิวนิสต์มันทำลายฝ่ายตรงข้าม กูต้องรับ ท่านจอมพล ป. ท่านสั่งมา กำชับแน่นแฟ้นเมื่อกี้นี้ ให้ได้ผลภายในปีสองปีนี่
ท่านนิ่งไปอีกพัก ถอนหายใจลึก ๆ ก่อนที่จะพูดว่า
มันก็คงตกหน้าที่พวกมึง พวกมึงล่าฆ่าคนมามากแล้ว กี่ศพแล้ววะ มึงน่ะ
ไม่ได้นับครับ ผมตอบไป นั่นมันเป็นการไล่ฆ่ากันในหน้าที่ปราบปราม ไม่ใช่การเมือง
มันก็เหมือนกันแหละวะ จะการเมือง หรือไม่การเมือง มันก็ฆ่าเหมือนกัน
แล้วท่านจะเอายังไงครับ ผมถาม
มึงรับไป หน้าที่ของมึงอยู่แล้ว มึงมีบัญชีรายชื่อพวกคอมมิวนิสต์ตัวสำคัญ ๆ อยู่ในมือแล้ว ไม่ใช่หรือ คนอื่นทำเดี๋ยวก็ผิดตัว เสร็จแล้วก็บอกให้กูรู้มั่งก็แล้วกัน เป็นคำสั่งง่าย ๆ ที่ห้ามการปฏิเสธ
การล่าสังหาร งานชิ้นนี้ก็ต้องตกมาอยู่ในมือผมอีก การฆ่าคนเป็นงานที่ไม่ยาก ลักษณะของคนที่จะฆ่าคนได้อย่างใจสงบนั้น เป็นลักษณะของบุคคลสองประเภท
1. เป็นสันดานมาแต่เดิม สันดานนี้อาจจะเกิดขึ้นมาด้วยความรู้สึกทางใจ หรือไม่ก็เกิดขึ้นหลังจากที่ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ชักชวนให้เกิดสันดาน อย่างเช่น ในหมู่โจรที่มีแต่การฆ่า ทั้งจากการที่ต้องการทรัพย์สิน หรือจากการแก้แค้น หรือจากการคะนองมือ
2. เกิดจากการจำเป็นต้องทำ เพราะหน้าที่ เช่น ทหารในแนวรบ หรือ ตำรวจที่ต้องผจญกับการฆ่า อันอาจเกิดจากการต่อสู้ในหน้าที่ จนเป็นความเคยชิน
ลักษณะของบุคคลสองประเภทนี้ เป็นลักษณะพิเศษ ซึ่งบุคคลประเภทอื่นจะทำให้เกิดขึ้นได้ยาก หรือไม่ก็ไม่มีทางทำให้เกิดขึ้นได้ บางคนแค่เห็นเลือดเข้าก็พาลเป็นลมเอา นี่มิใช่เฉพาะที่เป็นสตรีเพศ แม้ในบุรุษเพศก็มีให้พบบ่อย ๆ สตรีเพศบางคนเสียอีก ที่เห็นเลือดเข้ายังทำเฉยได้ และบางคนฆ่าเสียเองก็ยังได้ อันอาจเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ ที่เกิดจากได้รับการกดดันอย่างรุนแรง
แต่สำหรับนักฆ่าที่เป็นมืออาชีพนั้น ย่อมเห็นการฆ่าเป็นเรื่องง่าย เสมือนหนึ่งเปิบข้าวเข้าปาก ไม่มีความรู้สึกผิดปกติอันใด บางรายฆ่าเพื่อหาเงินก็มีไม่น้อย พวกมือปืนรับจ้างนั่นไง ผมไม่ใช่บุคคลที่อยู่ในสองประเภทนั้นมาก่อน ผมไม่ปฏิเสธว่า ผมไม่เคยฆ่าคน ผมเคย แต่เป็นการฆ่าในระหว่างที่มีการต่อสู้กันในหน้าที่ ไม่ใช่เจาะจงเอามาฆ่าโดยไม่ได้มีเรื่องวิวาทบาดหมางกันมาก่อน งานของผมมันเป็นงานที่มีการฆ่ากันบ่อยก็จริง แต่มันเป็นการฆ่าที่มีเหตุผล และจำเป็นต้องทำ ถ้าเราไม่ทำเขา เขาก็ทำเรา ใครไวกว่าก็กินไป และบังเอิญผมไวกว่าเขา มันก็เท่านั้น สักวันหนึ่ง ผมอาจช้ากว่าเขาก็เป็นได้ เราอาจถูกฆ่าเท่า ๆ กับได้ฆ่าเหมือนกัน ผมชินกับงานนี้มานานนับปี ตั้งแต่ยังอยู่ในหน้าที่ สมัยเป็นตำรวจเด็ก ๆ ตั้งแต่เมืองชลบุรีมาถึงสมัยหลังสงคราม มาถึงสมัยโจรกำเริบในยุคต่อมา นั่นมันเป็นความจำเป็นที่จะต้องทำ เอาตัวของเราเองเข้าไปรับแทนประชาชนทั้งหลาย ที่อาจจะได้รับความเดือดร้อนจากบุคคลพวกนั้น เมื่อเกิดเรื่องการประทุษร้ายต่อทั้งร่างกายและทรัพย์สินของเขา มันเป็นการเอาตัวเข้าไปรับแทน ชนิดที่บุคคลที่เราเข้าไปรับแทนนั้น ไม่ได้รู้ตัวเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะไม่มีการบอกเล่าให้เขารู้ก่อน หรือให้เขาได้รับรู้อะไรทั้งสิ้น จะเรียกว่าเป็นเสือก (ขอโทษ) ก็ได้ แต่ตำรวจในฝ่ายปราบปรามย่อมมีการ เสือก ในทุกรูปแบบ เขาเรียกให้ฟังโก้ ๆ ว่า หน้าที่ แต่ว่ามันเป็นหน้าที่ที่ไม่ได้รับการรับทราบจากบุคคลที่เราเข้าไปป้องกันเขา ตัวอย่างที่เห็นได้ง่าย ๆ ในบางเรื่อง เราสืบรู้มาว่า มีบุคคลคณะหนึ่งว่าจ้างมือปืนคนหนึ่ง ให้สังหารคู่อริคนหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นปรปักษ์กับเขาอย่างรุนแรงทางใดทางหนึ่ง เราสืบไปพบเข้า เราก็สังหารมือปืนคนนั้นเสีย เพื่อตัดไปต้นลม และบางครั้งมันก็ทำให้ฝ่ายว่าจ้างต้องคิดหนัก ในการที่จะเที่ยวไปจ้างมือปืนคนอื่นมารับงานต่อ เขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป และเรื่องจะถึงตัวเขาหรือไม่ บางครั้งมันก็หยุดเรื่องได้แค่นั้นอย่างชะงัด นี่ก็เรียกว่า เป็นการเสือกของเราอีกเรื่องหนึ่ง มันเป็นการเสือกเพราะหน้าที่และสำนึก แต่ที่เรียกว่า หน้าที่สำนึก นั้น มีแต่เราฝ่ายเดียวที่สำนึก แล้เมื่อสำนึกแล้ว จะไปบอกเล่าให้ใครรับรู้ด้วยก็ไม่ได้ นี่เป็นสำนึกของตำรวจที่เป็นตำรวจด้วยจิตใจและสันดาน มันเป็นสันดานที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจของตำรวจประเภทนั้น อธิบายออกมาเป็นวาจาให้เข้าใจยาก จะมีคนที่เข้าใจก็คือพวกที่อยู่ในประเภทเดียวกัน เราเข้าใจกันดี ผมไม่ได้ระบายความนี้ออกมา เพื่อเป็นการแก้ตัวให้ท่าน ๆ ผู้อ่านเห็นใจ เพียงแต่ว่า ขอให้อ่านเรื่องนี้ด้วยความพยายามที่จะทำความเข้าใจในแก่นแท้ของตำรวจประเภทหนึ่งเท่านั้น ประเภทที่ทำงานด้วยความรู้สึกสำนึกในงานอันเป็นหน้าที่ ที่เรียกว่า พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่เราได้รับมอบหมายจากผู้สั่งการ ซึ่งจะเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง หรือตามสายงาน หรือนโยบายเบื้องสูง เขาว่ากันว่า คนที่สมัครเข้ามาเป็นตำรวจนั้น เป็นคนที่มีสติไม่เหมือนบุคคลประเภทอื่น เข้ามาเลือกทำงานที่หาเวรให้ตัวเอง ผมหมายถึงตำรวจประเภทถือเอาหน้าที่เป็นจุดมุ่งหมายจริงจัง ไม่ใช่ประเภทที่เข้ามาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง ในหมู่คนหมู่มากก็ย่อมมีคนประเภทนี้ เข้ามาแอบแฝงอยู่ในทุกวงการ ตำรวจก็ย่อมต้องมี เพราะอำนาจหน้าที่ของตำรวจนั้น ถือกฎหมายหลายฉบับในมือ พร้อมที่จะใช้อำนาจนั้นได้เสมอ ผิดกันอยู่ที่ ประเภทหนึ่งใช้อำนาจเพื่อประชาชนส่วนรวม แต่อีกประเภทหนึ่ง ใช้มันเพื่อประโยชน์แก่ตนเองและพรรคพวก งานฆ่าคน การฆ่าคนก็เหมือนกัน ตำรวจมีกฎหมายอยู่ในมือ ที่จะหาเรื่องฆ่าคนได้ โดยอาศัยกฎหมายเป็นเครื่องมือคุ้มกัน มันอยู่ที่ว่า เรามีศีลธรรมแค่ไหน การกระทำฆาตกรรมของตำรวจนั้น มีกรณีพิเศษที่เรียกชื่อในกฎหมายว่า วิสามัญฆาตกรรม เป็นการฆ่าผู้ร้ายในหน้าที่ ในการต่อสู้ ในขณะทำการจับกุม กฎหมายให้อำนาจไว้ที่จะกระทำได้ แต่ก็ต้องถูกสอบสวนโดยคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งระบุไว้ในกฎหมายว่า ต้องประกอบด้วย นายแพทย์ที่ชันสูตรพลิกศพ พร้อมผู้พิพากษาและอัยการ ทั้งสามท่านนี้ต้องลงความเห็นว่า เป็นวิสามัญฆาตกรรม ตำรวจจึงจะพ้นผิดได้ ขั้นตอนมันมีมากมายอย่างนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะทำกันได้ง่าย ๆ หรือทำเล่น ๆ ได้ เมื่อทางคณะกรรมการในที่ประชุมเขาเห็นว่า การปราบปรามคอมมิวนิสต์จะต้องใช้วิธีอันรุนแรงตอบโต้ความรุนแรง แล้วเขาก็โยนมาให้ตำรวจรับหน้าที่นี้ไป คำสั่งของท่านจอมพล ป. นั้น เป็นคำสั่งที่ พลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ ไม่เคยปฏิเสธอยู่แล้ว ในหน้าที่อธิบดีกรมตำรวจก็ต้องรับ แต่ว่าทำไมต้องโยนมาให้ผมคนเดียว แล้วผมก็ปฏิเสธคำสั่งนี้ไม่ได้เช่นเดียวกัน ผลอันเกิดจากการกระทำนี้ ย่อมตกแต่ประเทศชาติที่มีการปกครองแบบประชาธิปไตยอย่างประเทศไทย ได้อยู่อย่างสงบ ภายใต้การปกครองที่เรานิยมนับถือกันอยู่ นโยบายของรัฐบาลตั้งไว้อย่างนั้น ฝ่ายรับผิดอบในการปกครองได้รับผลไป แต่ฝ่ายที่ลงมือปฏิบัติการ ที่ต้องเสี่ยงทำงานนี้ให้ได้ โดยไม่มีใครรับผิดชอบให้ มันเป็นงานที่ผิดกฎหมาย ใครก็ไม่กล้าออก มารับผิด แต่รับชอบนั้น เอา ได้อยู่ปกครองบ้านเมืองอย่างปกติสุข ได้รับการสรรเสริญเยินยอว่า ปกครองประเทศได้เรียบร้อย ปราศจากภัยคอมมิวนิสต์ ผู้คนได้ทำมาหากินกันอย่างสงบทั่วหน้า ฝ่ายคนที่ทำหน้าที่ไล่ฆ่าคอมมิวนิสต์ต้องรับผิดชอบตัวเอง แก้ปัญหาเอาเอง อันนี้เป็นปัญหาที่ต้องขบคิด แต่ผมไม่ยักคิดถึงมัน อาจเป็นเพราะความเคยชินที่ต้องผจญกับงานอย่างนี้มาตลอด จนมานั่งในหน้าที่และตำแหน่งรองผู้บังคับการ ก็ยังต้องมารับหน้าที่นี้อีก ยังกับว่า ทั้งกรมตำรวจ หาคนทำไม่ได้ เจ้านายท่านโยนมาให้ ผมก็ต้องรับ ถึงแม้ว่าออกจะเบื่อ ๆ ผมมีมือดี ๆ อยู่ในงานของผมมาก ที่เคยใช้สอยได้ผลมาแล้ว และยังต้องใช้อยู่ในบางกรณี คนพวกนี้เป็นบุคคลประเภทที่ไม่ต้องถามหาเหตุผล และเมื่อเขาได้รับคำสั่งจากผม เขาก็ทำ เพราะเขารู้ดีว่า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ผมรับผิดชอบให้เขาเต็มที่ เขาเชื่อและมอบกายถวายชีวิตให้เรา อยู่ที่จะสั่งให้ทำ เป็นทำทันทีโดยไม่ถามเหตุผล นี่เป็นงานของสันติบาลแก่นแท้ เราไม่ถามเหตุผลกันเมื่อถูกสั่งให้ปฏิบัติ จะทำหรือไม่ทำเท่านั้น ถ้าไม่ทำก็ลาออกไป จากไปหางานหน่วยอื่น นี่เป็นคติที่ถือกันอยู่ในหน่วยสันติบาลในสมัยนั้น เดี๋ยวนี้ ผมไม่ทราบ แต่คิดว่าคงไม่เปลี่ยน ผมเริ่มทำงานของผมหลังจากที่ได้รับคำสั่งมอบหมาย ส่งคนออกไปทั่วทิศที่มีข่าวการเคลื่อนไหวของฝ่ายคอมมิวนิสต์ แม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านรอบข้าง อย่างใน ลาว เขมร พม่า และมาเลเซีย ทางใต้ชิดแดนไทย แถวนั้น คอมมิวนิสต์มาเลเซีย เข้ามาเคลื่อนไหวในดินแดนติดต่อกับไทยเป็นขบวนเหมือนกัน งานนี้ จึงทำให้ผมต้องตระเวนไปทั่วทิศด้วยตัวเอง ทั้งภาคเหนือ ตะวันออก ตะวันตก และใต้ ผมมีหน่วยสันติบาลพิเศษตั้งไว้ทั้งสี่ภาค ภาคเหนือตั้งอยู่ที่ลำปาง ภาคตะวันออกตั้งอยู่ที่หนองคาย ภาคใต้ที่สงขลา ส่วนภาคตะวันตกนั้น เข้าไปตั้งหน่วยปฏิบัติการอยู่ในแดนกระเหรี่ยง ซึ่งอยู่ในดินแดนของพม่าเลยทีเดียว ผมต้องตระเวนไปตรวจงานในหน่วยต่าง ๆ เหล่านี้เป็นพัก ๆ เมื่อมีเวลาว่างจากงานทางกอง ฯ ในกรุงเทพ ฯ เรียกว่า แทบจะไม่มีเวลาอยู่บ้าน ทางกรม ฯ อนุมัติเงินราชการลับให้ผมอย่างไม่จำกัด เบิกเท่าไหร่ได้เท่านั้น งานของผมส่งตรงถึงท่านอธิบดี แล้วแต่ท่านจะส่งต่อไปทางหน่วยไหน ผลงานที่ตามมาเป็นสิ่งพิสูจน์ว่า งานของผมเดินไปอย่างไร ถ้าไม่ได้ผลตามเป้าก็คงไม่ได้รับอนุมัติเงินง่าย ๆ ง่านประเภทนี้เป็นงานที่ต้องใช้เงิน ถ้าขาดเงินงานก็เดินไม่ได้ ฉะนั้น ผู้ใหญ่ต้องไว้ใจคนที่เป็นผู้ดำเนินงานนี้ มันเป็นงานที่ไม่ต้องส่งใบเสร็จรับเงิน หรือแจ้งในใบเบิก ไม่ต้องมีการชี้แจงในเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะชี้แจงออกมาไม่ได้ เรียกว่า ต้องไว้ใจกันร้อยเปอร์เซ็นต์ เราใช้คนไปฆ่าคน ก็ต้องให้เงินเขาไป เมืองานสำเร็จก็ต้องให้ความคุ้มครองเขาเต็มที่ ถึงคราวที่เขาทำงานพลาด เขาก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง จะมา กล่าวหาพาดพิงถึงเราก็ไม่ได้ เราก็ไม่รับรู้ด้วย คนพวกนี้ตายไปเงียบ ๆ หลายคนแล้ว ตายไม่มีใครรู้ เราต้องรับผิดชอบต่อครอบครัวเขา เลี้ยงดูจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางครอบครัว นี่เป็นหลักการของงานราชการลับ ไม่ว่าที่ไหนในโลก เป็นความเสียสละอันสูงที่ไม่มีใครมองเห็น นอกจากคนในกลุ่มเดียวกัน ผมมีนายตำรวจที่ไว้วางใจได้ ทั้งทางด้านจิตใจและฝีมือ ในทั้งสี่ภาคที่ตั้งหน่วยสันติบาลพิเศษไว้นั้น พวกที่วางไว้ในดินแดนกระเหรียงนั่นต้องหนักกว่าเพื่อน สมัยนั้น กระเหรี่ยงกำลังทำการสู้รบกับพม่า เพื่อที่จะแยกดินแดนมาปกครองตัวเอง เราก็อาศัยเหตุนี้เข้าไปช่วย มันเป็นเรื่องผิดกฎบัตรสหประชาชาติก็จริง แต่เมื่อฝ่ายคอมมิวนิสต์ทำได้ เราก็ต้องทำได้ ของเราไม่เปิดเผย จับได้ก็ตายไป - ก็เท่านั้น เหตุการณ์อย่างนี้ ในหมู่ที่ทำงานลับในทุกประเทศเขารับรู้กัน และถือว่าเป็นการต่อสู้ในทางการเมืองระหว่างประเทศอย่างหนึ่ง เขาไม่ถือสากัน คนของใครตายไปเพราะความผิดพลาดในการทำงานก็ต้องตายเปล่า เขาก็หาคนมาแทนใหม่ ไม่มีการทิ้งงาน อาจหยุดชะงักได้ชั่วคราวเมื่อเกิดการสะดุด ด้วยเหตุผลใดก็ตาม แล้วก็เริ่มใหม่เมื่อช่องว่างเปิด งานที่หน่วยสันจิบาลพิเศษภาคต่าง ๆ ของผมที่ทำไปนั้น ได้ผลในทางการเมืองสูงในระยะนั้น ยิ่งได้รับการช่วยเหลืออย่างไม่อั้นจากอเมริกา ที่ได้รับผลพลอยได้จากเราด้วย งานก็ยิ่งเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เป็นธรรมดาของงานที่มีขอบเขตกว้างขวางอย่างนี้ ย่อมมีการผืดพลาดเกิดขึ้นบ้าง คนที่ใช้ไปงานประเภทนี้ย่อมมีคนที่อาศัยงานเป็นเครื่องแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวหรือพรรคพวก การฆ่าคนที่ไม่ใช่เป้าหมายหลัก ก็ย่อมมีบ้าง จากการกระทำของบุคคลที่เป็นมือของงาน ในหน่วยของผม คนเป็นร้อยเป็นพันก็ว่าได้ ย่อมต้องมีคนฉวยโอกาสเข้ามาปะปนบ้าง ก็ต้องปล่อยไป แต่ไม่ใช่เป็นการปล่อยให้กำเริบ คนพวกนั้นถูกทำลายไปก็มี เป็นการทำลายที่จำเป็น เรื่องอย่างนี้เราไม่ถามหาเหตุผลกัน ด้วยเหตุที่เขียนมายืดยาวนี้ การฆาตกรรมทางการเมืองจึงเกิดขึ้นหลายราย เรื่องที่อยู่ในความรับรู้ของหน่วยงานของผม มีอยู่ไม่มากรายนัก รายที่ปรากฏออกมาอย่างโจ่งแจ้งนั้น ส่วนมากเป็นเรื่องของหน่วยอื่นที่ก่อขึ้นอย่างไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะตามมาภายหลัง ข่าวที่ออกมาบางราย มันก็กลับเข้ามาโยงถึงความรับผิดชอบของผมเข้าให้ ต้องรับเอาไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
Create Date : 29 มีนาคม 2553 |
|
2 comments |
Last Update : 29 มีนาคม 2553 21:06:54 น. |
Counter : 1731 Pageviews. |
|
|
|