จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 
16 เมษายน 2553
 
All Blogs
 

ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 74)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 74

ท่านจอมพล สฤษดิ์ ฯ มองเห็นเจ้านายยืนอยู่ที่ตรงชานหน้าห้อง ก็ผลักบานประตูกระจกออกมา แต่ผลักบานประตูผิด ไปผลักเอาบานที่มันไม่เปิด ดันไม่ออก นายทหารคนหนึ่งมาผลักบานประตูอีกบานที่เปิดได้ให้

ท่านหัวหน้าคณะปฏิวัติ ออกมาจับมือท่านอธิบดี แล้วสวมกอด พลางพูดรำพันว่า

“ ไอ้เผ่า กูดีใจที่เห็นมึง เข้ามาข้างใน คุยกัน ”

แล้วท่านก็ดึงเอาเพื่อนรักเข้าไปข้างใน ทิ้งผมและพันศักดิ์ไว้ตรงนั้น ผมสองคนก็ยืนจิบเหล้าอยู่กับพรรคพวกที่ตรงชานหน้าห้องกระจกนั้น คุยกันสนุกสนาน เหมือนไม่มีอะไร

สักครู่ก็มีนายทหารคนหนึ่งเปิดประตูออกมาบอกว่า ท่านข้างในให้เชิญผมทั้งสองคนเข้าไปในห้อง ผมทั้งสองคนก็ตามนายทหารเข้าไปที่โต๊ะที่ท่านผู้ใหญ่นั่งอยู่ ที่โต๊ะนั้น นอกจากท่านจอมพล สฤษดิ์ ฯ แล้ว ก็ยังมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่อีกหลายท่าน เท่าที่จำได้ก็มี

พลจัตวา กฤษณ์ สีวรา พลโท ถนอม กิตติขจร พลโท จิตต์ นาวีเสถียร พลโท ประภาส จารุเสถียร นอกจากนั้น ผมจำชื่อไม่ได้

พอเข้านั่งโต๊ะ ผมก็เห็นเจ้านายเอาเท้าเขี่ยท่านพลโท ประภาส ฯ เล่น แล้วสัพยอกว่า

“ ว่าไง ไอ้ตุ๊ มึงจะเอายังไงกะกู ”

พี่ตุ๊ ปัดป้อง

“ เอ้า มาเตะกันอยู่ได้ โน่น พูดกับคนโน้น ” แล้วชี้มือไปที่ท่านจอมพล สฤษดิ์ ฯ

ท่านจอมพล หัวหน้าคณะปฏิวัติ หันมาพูดกับท่านอธิบดีกรมตำรวจ

“ เฮ้ย ไอ้เผ่า มึงจะไปเมืองนอก หรือจะบวช ”

ท่านอธิบดี ฯ หัวเราะ “ บวชมันจะตลกมากไปหน่อยโว้ย กูจะไปเมืองนอก ”

“ มึงอยากไปที่ไหนล่ะ ” ฝ่ายปฏิวัติถาม

“ มึงจะให้กูไปที่ไหนล่ะ ” คนแพ้ย้อนถาม

“ ไปสวิตเซอร์แลนด์มั้ย ” คนชนะบอก “ แล้วมึงจะเอาใครไปด้วย ”

“ กูเอาไอ้อ้วนไป ” คนแพ้ตอบ ตบที่เข่าไอ้อ้วนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

“ แล้วไอ้พุฒล่ะ ” หัวหน้าคณะปฏิวัติถาม หันมาชี้ที่ผม ที่นั่งอยู่ต่อจากไอ้อ้วน

“ ไอ้พุฒ มึงอยู่เถอะวะ ” ผู้แพ้ตอบ

“ มึงไปด้วย ” เสียงท่านหัวหน้าคณะปฏิวัติสวนมาทันที พยักหน้ากับผม

ผมยังมาทันคิดอะไร ถ้าให้ผมตอบ ผมคงไม่ต้องไป เพราะผมมีวิธีตอบที่แนบเนียนกว่านั้น ผมมีพี่เขยที่เป็นนายทหารคนสนิทคนหนึ่งของท่านจอมพลหัวหน้าคณะปฏิวัติ และท่านหัวหน้า ฯ เองก็เคยพบกับผมมาแล้วอย่างถึงอกถึงใจ ท่านเชื่อผมพอดู แต่เมื่อท่านอธิบดีชิงตอบเสียก่อน ก็เลยโดนกระแทกกลับทันควัน เพราะน่าจะไว้ใจยาก อาจจะทิ้งผมไว้ให้สร้างปัญหาทีหลังได้

ผมมองหน้าท่านหัวหน้าคณะปฏิวัติ แล้วว่า
“ พาสปอร์ตผมไม่มีครับ ”

“ เดี๋ยวกูทำให้ ” เสียงสวนมาทันที

“ รูปถ่ายผมก็ไม่มีครับ ”

“ เดี๋ยวกูถ่ายให้ ” เสียงสวนออกมาทันทีอีกเหมือนกัน แล้วท่านหัวหน้า ฯ ก็หันไปสั่งการกับนายทหารที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ให้ไปตามช่างถ่ายรูปของทหารมา

ชั่วประเดี๋ยวเดียว ก็มีทหารยกกล้องถ่ายรูปขนาดใหญ่เข้ามา ผมก็ต้องยืนพิงกำแพงถ่ายรูปเดี๋ยวนั้น แล้วท่านก็เรียกปลัดกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาพบ ตัวปลัดกระทรวงการต่างประเทศตอนนั้นคือ หม่อมหลวงปีกทิพย์ มาลากุล ท่านอยู่ในห้องประชุมนั้นด้วย เพราะต้องมารายงานตัวในฐานะที่ตอนนั้น ไม่มีรัฐมนตรีแล้ว คณะปฏิวัติล้มรัฐบาลไปแล้ว รัฐมนตรีทุกท่านก็หมดหน้าที่ไปในตัว

ม.ล. ปีกทิพย์ ฯ ถูกสั่งให้ทำหนังสือเดินทางให้ผมให้เสร็จโดยเร็วที่สุด เป็นหนังสือเดินทางทูตเสียด้วย

แล้วก็มีการพิมพ์คำสั่งแต่งตั้งผมและพันศักด์ให้ไปประจำสถานทูตไทยที่กรุงเบิรน์ ในสวิตเซอร์แลนด์ ในตำแหน่งเลขานุการเอกทั้งสองคน ส่วนพลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ นั้น ให้ไปประจำสถานทูตก่อนตำแหน่งที่แท้จริง จะแจ้งมาให้ทราบภายหลัง

แล้วให้ ม.ล. ปีกทิพย์ ฯ ส่งโทรเลขไปทางสถานทูตไทยที่สวิส ฯ แจ้งให้ท่านทูตที่นั่นทราบว่า คำสั่งนั้นด่วน เพราะพวกผมจะออกเกิดทางพรุ่งนี้เช้าตรู่

ขณะนั้น ท่านทูตไทยที่กรุงเบิรน์ก็คือ คุณหลวงวิจิตรวาทการ

สำเนาวิทยุสั่งการอันนั้น ผมยังมีสำเนาเก็บไว้ ยังอยู่จนบัดนี้

ผมและคณะได้รับคำสั่งเปลี่ยนวิถีชีวิตฉับพลันในคืนวันนั้น ทางหัวหน้าคณะปฏิวัติจัดให้ซื้อตั๋วเครื่องบินชั้นหนึ่งให้สามใบ และให้ติดต่อสายการบินที่จะบินไปสวิส ฯ เที่ยวแรกของเช้าวันรุ่งขึ้นให้ได้ มันสำคัญที่ว่า ตั๋วทั้งสามใบนั้น เป็นตั๋วที่เรียกว่า วันเวย์ติ๊คเก้ต คือบินไปเที่ยวเดียว ไม่ใช่ตั๋วไป-กลับ

ผมได้หนังสือเดินทางดีโพลแมต มีวีซ่าเข้าสวิส ฯ และได้ตั๋วเครื่องบินชั้นหนึ่งครบถ้วนในเวลาไม่กี่ชั่วโมง คือตั้งแต่ตอนตีสามถึงหกโมงเช้า เพียงสามชั่วโมงเท่านั้น

เป็นการทำหนังสือเดินทางและได้รับวิซ่าเข้าประเทศสวิส ฯ ที่เร็วที่สุดเท่าที่มีมา และเป็นการแต่งตั้งทางการทูตที่เฉียบขาดฉับพลัน ชนิดไม่เคยมีมาก่อน

ผมกับพรรคพวกถูกนำตัวไปพักผ่อนบนตึกกองทัพที่ 1 โดยมีพี่ชุบ หรือ พลจัตวา กฤษณ์ สีวรา พาตัวไป

สถานที่พักผ่อนก่อนออกเดินทางของคณะผมอยู่บนตึกกองทัพที่ 1 ซึ่งอยู่ทางผ่านที่ผมผ่านมาเมื่อกี้นี้ มีนายทหารของพี่ชุบนำคณะผมไปที่นั่น

ห้องที่พักเป็นหน้าหน้ามุขของตึก มีเตียงกางอยู่แล้วสามเตียง คงจะมีการเตรียมการไว้ต้อนรับก่อนแล้ว ผมทั้งสามถูกปล่อยตัวไว้ที่ห้องนั้นให้อยู่กันตามสบาย หน้าห้องมีบังตาปิด-เปิดไว้ เขาวางยามไว้คนหนึ่ง สะพายคาร์บินยืนเฝ้าอยู่ตรงบานบังตาหน้าห้องนั้น

เจ้านายล้มตัวลงบนเตียงเมื่อมาถึง โรคหัวใจคงทำท่าจะเล่นงานเอาอ่อน ๆ แล้ว พอล้มตัวลงนอนก็ปิดตานิ่ง

ผมกับไอ้อ้วนนั่งบนเตียงเฝ้าอาการของเจ้านายอยู่ แล้วมองไปทางบานบังตาหน้าห้อง เห็นหลังของทหารยามสะพายคาร์บิน ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

ก็ยังไม่รู้ว่า ทางคณะปฏิวัติเขาจะมีลูกเล่นอะไรกับเรา ไอ้ที่ว่าจะส่งไปสวิส ฯ นั้น มันก็อาจไม่แน่ และที่เอามาพักไว้ที่นี่ก่อน เขาบอกว่าเครื่องบินไปสวิส ฯ ตอนเช้าไม่ว่าง ต้องรอตอนสายอีกหน่อย ใกล้ ๆ เที่ยง

เหตุการณ์มันยืดเยื้อออกไป ความคิดอาจเปลี่ยนแปลงไปได้ มีหลายคนในคณะปฏิวัติที่มีเรื่องไม่กินเส้นกับพวกเราอยู่หลายเรื่อง ทั้งทางการเมือง และการค้าฝิ่น พวกนี้เขาอาจเกิดความคิดอะไร ๆ ที่แผลง ๆ เกิดขึ้นมาในระหว่างเวลาพักนี้ก็ได้

ผมปรึกษากับพันศักดิ์เงียบ ๆ ว่า ถ้ามีอะไรไม่เข้าที จะทำยังไง ไอ้ที่จะยอมให้เถือกันง่าย ๆ เห็นจะยอมไม่ได้ ยังไง ๆ ก็ต้องสู้กันสักพักหนึ่ง ก่อนที่จะสิ้นฤทธิ์

ผมหมายตายามหน้าห้องและไอ้คาร์บินกระบอกนั้นไว้แล้ว เดินไปชะโงกหน้าที่หน้าต่าง ข้างล่างตรงหน้าประตูทางเข้า เป็นกองรักษาการณ์ มีปืนกลเบาตั้งอยู่บนแท่นหนึ่งกระบอก เสร็จจากยามหน้าห้องแล้ว ที่หมายต่อไปคือกองรักษาการณ์ และปืนกลเบากระบอกนั้นต้องยึดไห้ได้ก่อนที่เขาจะตั้งตัวกัน ยังไง ๆ ก็เล่นได้หลายศพอยู่ ดีไม่ดีอาจจะเล็ดลอดออกไปในขณะที่กำลังวุ่นวายชุลมุนกันก็ได้ ของอย่างนี้มันเดาไปไม่ถูก ต้องมีเรื่องแล้วถึงจะรู้ว่า จะแก้อย่างไร

คิดสะระตะ กำหนดทางหนีทีไล่ได้ตามมีตามเกิดแล้ว ก็นั่งคอยเหตุการณ์ เวลามันก็ช่างเดินไปอย่างเชื่องช้าเสียจริง ๆ มองไปทางเจ้านายตอนนี้กำลังส่งเสียงกรน คงหลับสนิทแล้ว

อีกครู่เดียวก็ได้ยินเสียงฝีเท้าย่ำหนัก ๆ ขึ้นมาบนที่ห้องควบคุม พี่ชุบ เปิดบังตาเข้ามา

พี่ชุบ ตอนนั้นดูเหมือนจะเป็น ผบ.พล หรือผู้ช่วยแม่ทัพก็จำไม่ได้แล้ว เปิดบังตาเข้ามา หันไปเห็นเข้านาย ก็ออกเสียงมาว่า

“ อ้าว พี่เผ่าหลับเสียแล้ว ไปกันเหอะ พุฒ พันศักดิ์ ไปจัดกระเป๋า ได้เครื่องบินแล้ว เครื่องจะออกตอนใกล้เที่ยง ”

พี่ชุบเดินไปเขย่าตัวเจ้านายเบา ๆ เมื่อลืมตาขึ้นมา ก็บอกความที่พูดเมื่อกี้นี้

“ เดี๋ยวผมจะไปกับพี่เผ่า ไปบ้านราชครู สองคนนี่ ” พี่ชุบชี้มาทางผมสองคน “ เดี๋ยวจะให้นายทหารลุกศิษย์พุฒ เขาพาตัวไปจัดกระเป๋า แยกกันไป พบกันที่บ้านเผ่าที่ราชครู ออกจากที่นั่นไปสนามบินเลย ”

มีนายทหารสองคนตามหลังพี่ชุบเข้ามา คนหนึ่งเข้ามาหาผม ผมจำเขาได้ เพราะตอนเป็นนักเรียนนายร้อย เขาเป็นลูกหมวดที่ผมเป็นผู้ช่วยผู้บังคับหมวดของเขา

ชื่อ ร้อยเอก ประเสริฐ โมกขสมิต

ก็เป็นอันว่าคงได้ไปสวิส ฯ จริง ๆ

ผมลงจากตึกพร้อมกับร้อยเอก ประเสริฐ ฯ ผู้มีหน้าที่คุมตัวผมไปจัดกระเป๋าเดินทาง พันศักดิ์ก็มีนายทหารอีกคนหนึ่งคุมตัวไป เจ้านายไปกับพี่ชุบ ต่างคนต่างมีรถที่ทางทหารจัดให้คนละคัน

บ้านผมอยู่ที่ซอยประสานมิตร สุขุมวิท ผมลงมาขึ้นรถที่คุณประเสริฐ ฯ ทำหน้าที่เป็นคนขับเอง ให้ผมนั่งหน้า มีทหารถือปืนคุมอยู่ข้างหลังคนเดียว

ผมขอให้เขาไปที่สันติบาลก่อน เพื่อรวบรวมเอกสารในห้องทำงานของผมให้เรียบร้อยก่อน ไหน ๆ ก็ไม่ได้ใช้ห้องอีกแล้ว

ผู้คุมตัวผมไม่ขัดข้อง ตามใจผมแล้วแต่จะทำอะไร เขาไว้ใจผมมากในฐานะที่เคยเป็นผู้ที่อยู่ในบังคับบัญชาของผมมาก่อน

นักเรียนนายร้อยเขามีประเพณีเคารพนับถือรุ่นพี่อย่างนี้สืบต่อกันมานานแล้ว ยิ่งเคยเป็นผู้ช่วยบังคับหมวดของเขามาก่อนด้วย ก็ยิ่งนับถือกันยิ่งขึ้นไปอีก

ผมแวะไปที่กองสันติบาล ทางสันติบาลยังอยู่ในสภาพปกติ ไม่มีใครมาควบคุม ผมเปิดห้องทำงานเข้าไป ร้อยเอกประเสริฐ ฯ นั่งคอยผมอยู่นอกห้อง เขามีความเป็นสุภาพบุรุษมาก ไม่เข้าไปยุ่งในขณะที่ผมอยู่ในห้อง ปล่อยให้ผมทำอะไรของผมคนเดียวตามสบาย

ผมรื้อเอกสาระสำคัญ ๆ ออกมาเข้ากระเป๋าถือ และแยกเอกสารที่เป็นเรื่องลับออกต่างหาก แบ่งเรื่องที่ควรทำลายออก จัดสรรเรื่องเอกสารทุกอย่าง ไม่ให้เหลือความลับที่ไม่ควรจะเปิดเผย จนแน่ใจแล้ว ผมก็ล็อคกุญแจตู้เอกสารทุกตู้ เตรียมมอบกุญแจทุกดอกให้นายตำรวจคนสนิท ที่ควบคุมห้องปฏิบัติการของผมเพียงตนเดียว เขาคือ

ร้อยตำรวจเอก สัจจา จันทนเสวี

ผมเขียนคำสั่งติดเรื่องทุกเรื่องไว้ อะไรที่ควรทำลาย และอะไรที่ควรจะเก็บไว้ส่งให้ผู้ที่จะมารับหน้าที่ต่อจากผมจะได้สืบสาวเรื่องต่อไป เพราะเรื่องส่วนมากเป็นเรื่องการต่อสู้ทางการเมือง และการทำลายคอมมิวนิสต์ ที่เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลสมัยนั้น

เสร็จจากเรื่องที่สันติบาลแล้ว ผมก็พาเขามาที่บ้าน

พอเลี้ยวรถเข้าประตูบ้าน โดยมีตำรวจประจำตัวผมออกมาเปิด ตำรวจหน่วยปฏิบัติการของผม ที่เอามาเข้าเวรที่เรือนหลังเล็กหน้าบ้านคนหนึ่ง ก็วิ่งออกมา ในมือถือปืนกลมือ ปราดเข้ามาที่รถ

เขาคือ ส.ต.ต. แนบ นิ่มรัตน์

ผมต้องยกมือปราม เพราะแนบเข้ามาทำท่าเอาจริง เขาคงฟังวิทยุรู้เรื่องดีแล้ว ผมบอกให้หมู่แนบถอยไป ไม่ต้องยุ่ง

ผู้ควบคุมผมมาหัวเราะหึ เขาคงรู้สึกแปลก ๆ เหมือนกัน เมื่อเห็นหมู่แนบปราดเข้ามา มือถืออาวุธเตรียมพร้อมปฏิบัติการ เขาไว้ใจผมว่า จะไม่ทำอะไรเขา

ทางบ้านผมตื่นแล้วทุกคน เขาฟังข่าวทางวิทยุรู้เรื่องทุกระยะดีอยู่แล้ว ลูกสาวคนโตของผมอายุเพิ่งจะได้ 13 ปี ยืนดูพ่อถูกคุมตัวเข้าบ้านอยู่เงียบ ๆ

ผมสั่งจัดกระเป๋าเร่งด่วน แล้วขึ้นบ้านไปอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวสำหรับเดินทาง ทางบ้านก็จัดกระเป๋าให้อย่างเงียบ ๆ ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา กระเป๋าถูกจัดเสร็จภายในไม่กี่นาที ผมก็ให้ยกขึ้นรถอีกคันซึ่งเป็นรถของบ้านผม ผมควักกระเป๋าล้วงเงินที่ผมหยิบมาจากห้องทำงาน เป็นเงินราชการลับที่เหลืออยู่เพียงสามพันบาท ผมส่งเงินสามพันบาทนั้นให้เมีย บอกเขาว่าให้เอาไว้ใช้ ทั้งเนื้อทั้งตัวมีอยู่แค่นั้นจริง ๆ

ทั้งเนื้อทั้งตัว ผมมีเงินอยู่สามพันบาทเท่านั้นจริง ๆ ไม่ได้เตรียมตัวไว้ และผมก็ไม่มีเงินเก็บที่ไหน เรื่องฝากแบงค์นั้นไม่ต้องพูดถึง ไม่เคยมีในสมัยนั้น ใช้แต่เงินเดือนก็พอแล้ว แล้วงานสันติบาลก็ไม่มีช่องทางให้หาเงิน เคยมีคนจะเอาเงินมาให้ เรื่องขอให้ระงับการเสนอเนรเทศ อย่างที่เขียนไว้ตอนต้น ๆ นั่น ก็ไม่ยอมรับเขาเสียนี่ มันก็เลยจนอยู่อย่างนั้น ดีที่ยังมีปัญญาปลูกบ้านหลังเล็ก ๆ ในเนื้อที่สองร้อยกว่าตารางวา ซึ่งเป็นบ้านหลังที่มาจัดกระเป๋า นั่นได้เพราะซื้อมาได้ถูก และมีช่างปลูกบ้านที่รู้จักกัน เสียเงินไปไม่ถึงสามแสนบาท

เสร็จเรื่องทางบ้านแล้ว ผมก็ขอเขาขึ้นรถของผมที่บรรทุกกระเป๋าเดินทาง พร้อมกับลูกเมียที่ขอไปส่งที่สนามบินด้วย ผู้คุมตัวผมเขาก็อนุญาต เขาจะขับรถตามไปข้างหลัง อย่าขับเร็วนักก็แล้วกัน

ผมกับลูกเมียก็ออกจากบ้าน มีคนขับรถประจำของผม ขับรถไปให้ เป็นการทำหน้าที่ครั้งสุดท้ายของเขา ตำรวจติดตามไม่ต้อง ตามธรรมดาผมจะมีตำรวจติดตามไปด้วยอีกคนนอกจากคนขับ เพื่อเอาไว้ใช้ระหว่างทาง หากไปพบเหตุอะไรเข้า จะได้ให้เขาจัดการได้ทันที

ผมมาถึงบ้านราชครูก็พบอยู่กันพร้อมหน้าแล้ว ทั้งลูกเมียพันศักดิ์ก็ตามมาที่บ้านราชครูเหมือนของผม เจ้านายเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะเดินทางออกไปยังสนามบิน จวนจะถึงเวลาเครื่องบินออกแล้ว

พี่ดมจัดการให้ขนของของท่าน อ.ตร. ขึ้นรถ บอกลูกเมียพวกผมว่า ไม่ต้องตามไปที่สนามบิน ส่งกันที่บ้านราชครูก็พอแล้ว ปล่อยให้พวกผมออกเดินทางไปอย่างสงบ จะได้ไม่มีการร้องไห้กระจองอแงที่สนามบินอีก ลากันเสียที่นี่ พี่ดมก็ไม่ไปเหมือนกัน

ก็มีการสั่งเสียกันที่บ้านราชครู ไม่มีการร่ำไห้อะไร ทุกคนอยู่ในความสงบก่อนจะจากกัน พี่ดมให้คำมั่นว่า ขบวนลูกเมียจะตามไปทีหลัง เมื่อทางสวิส ฯ ตั้งหลักได้เรียบร้อยแล้ว ก็ให้ส่งข่าวมาเมืองไทย ทางนี้จะได้อพยพกันตามไปรวมกันที่นั่น สู้อนาคตต่อไป

การไปคราวนี้ไปดี มีตำแหน่งทางการทูตทั้งสามคน ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะตกงาน

ตกลงก็ออกจากบ้านราชครูไปเพียงพวกผมและพี่ชุบผู้คุม สำหรับตัวท่านนั้น นอกจากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ๆ สอง-สามกระเป๋าแล้ว ยังมีกระเป๋าหิ้วแบบกระเป๋าหมออีกใบหนึ่ง แต่ค่อนข้างใหญ่ เจ้านายส่งมาให้ผมถือ บอกว่า

“ ใบนี้มันหนัก ไอ้พุฒ มึงถือไว้ให้กูที ”

ผมรับกระเป๋าใบนั้นมา มันก็ไม่หนักอะไร ทั้ง ๆ ที่ใบใหญ่ ดูน่าจะหนัก ก็พอเดาออกว่าในกระเป๋าใบนั้นน่าจะมีอะไร ผมก็ถือกระเป๋าใบนั้น ทำท่าอย่างถือของหนัก ๆ ไม่ให้ใครสงสัย คงจะคิดว่ามันหนักจริง ๆ เพราะผมทำไหล่เอียง ๆ เวลายกที ทำท่าเหมือนยกของหนัก

ลาจากเมืองไทย

เดินทางมาถึงสนามบิน ก็ไม่ต้องตรวจตราอะไร พี่ชุบเดินพาออกไปเข้าห้อง วี ไอ พี เลยทีเดียว เมื่อเช็คตั๋วเรียบร้อยแล้ว ผมหิ้วกระเป๋าใบนั้นไปกับตัว ไม่เอาลงรถเข็น เดินออกจากห้องวี ไอ พี เมื่อทางสนามบินเรียกให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่อง พี่ชุบเดินตามไปส่งถึงบันไดเครื่อง ล่ำลากันที่นั่น แล้วก็เดินขึ้นเครื่องไปอย่างสบาย เข้าที่นั่งชั้นหนึ่งทั้งสามคน

ประตูเครื่องปิด เครื่องเริ่มแท็กซี่ไปตามทางรันเวย์ ตั้งหลักแล้วค่อย ๆ เคลื่อนลำไปช้า ๆ ตามรันเวย์ ค่อย ๆ ยกล้อขึ้น เร่งเครื่องเร็วขึ้น ผมมองดูแนวรันเวย์ที่วิ่งสวนเครื่องไปทางเบื้องล่าง

รันเวย์วิ่งผ่านไปที่ใต้เครื่องเร็วขึ้น เร็วขึ้น จนเห็นเป็นเพียงลายทางวิ่งสวนไปอย่างลายตา แล้วเครื่องก็ค่อย ๆ ยกหัวขึ้นตั้ง ลำตัวลอยขึ้น เห็นทิวไม้ข้างสนามวิ่งผ่านไปจนลายตา ในที่สุดก็ขึ้นไปตั้งลำลอยอยู่บนอากาศ ตีวงเลี้ยวเข้าสู่เส้นทางไปทางตะวันออก ที่หมายอันแรกก็คือ กรุงการาจี

เจ้านายทิ้งหัวลงพิงพนักเบาะที่นั่ง ถอนหายใจยาว รำพึงออกมาพอได้ยินว่า

“ เออ ได้ไปแน่แล้วโว้ย ”

ตลอดทางคงจะคิดแต่ว่า จะได้เดินทางจริง ๆ หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ ไม่รู้ว่าเขาจะเกิดเปลี่ยนใจเอาตอนไหน เรียกเครื่องกลับเสียเฉย ๆ จะทำยังไง

เรื่องก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ผมได้ข่าวทีหลังว่า มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งในคณะปฏิวัติ เมื่อได้รับทราบว่า ทางคณะปฏิวัติโดยคำสั่งของหัวหน้าคณะ ฯ สั่งให้ผมทั้งสามไปมีตำแหน่งทางการทูตที่สวิส ฯ ก็ตีอกชกหัว ระบายออกมาว่า

" โธ่ ปล่อยมันไปทำไม ปล่อยมันไปทำไม ”

นายทหารชั้นผู้ใหญ่คนนั้น ผมรู้จักดี เขาเคยมาสนิทสนมกับท่านอธิบดีเผ่า ฯ แทบทุกวัน ก่อนที่จะเกิดเรื่อง

วันที่เกิดเรื่องตัว เขาไม่รู้หายไปไหน ไม่เจอในกองบัญชาการคณะปฏิวัติที่หอประชุมกองทัพบก ในขณะที่ผมยกกันไปพบท่านจอมพล สฤษดิ์ ฯ ไม่รู้เขาไปอยู่เสียที่ไหน เพิ่งจะมารำพันเอาหลังจากที่พวกผมออกไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่ารำพันไปทำไม จะอาใจใครก็ไม่รู้

เขาเป็นนายทหารอากาศชั้นนายพลครับ อย่าไปออกชื่อเขาเลย รกหน้ากระดาษ

ผมลืมเขียนถึงบุคคลสำคัญไปคนหนึ่ง ในวันที่ผมไปถึงสนามบินวันนั้น มีนายทหารอากาศชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง เข้ามาพบที่ห้อง วี ไอ พี ท่านบอกว่าจะมาส่ง “ พี่เผ่า ” เพราะได้ทราบข่าวว่าจะเดินทางไป ตอนนั้นท่านเข้ามากราบไหว้ท่านอธิบดี แล้วพูดว่า

“ ผมมาส่งพี่เผ่าด้วยคน เพิ่งรู้เมื่อกี้นี้ เด็กมันวิ่งไปบอก ขอให้พี่เผ่าเดินทางโดยสวัสดิภาพครับ ที่สนามบินที่นี่ ผมรับรองในความปลอดภัยทุกประการ มีอะไรที่จะให้ผมรับใช้ก่อนเดินทางไหมครับ ”

ท่านอธิบดีตบไหล่ท่านผู้นั้น แล้วกล่าวขอบใจ บอกว่าไม่มีอะไร ท่านผู้นั้นเดินออกไปส่งถึงบันไดเครื่องพร้อมกับพี่ชุบด้วย และยืนโบกมือให้เมื่อเครื่องถอยไปเข้ารันเวย์ กอนที่จะถลาขึ้นจากสนามบิน

ท่านผู้นั้น ผมยินดีที่จะเอ่ยชื่อท่าน ท่านคือ

พลอากาศตรี เฉลิมเกียรติ วัฒนางกูร

เรียกท่านว่า พี่เหลิมเกียรติ เมื่อพบปะสนทนากันทุกครั้ง และผมเคารพนับถือพี่เหลิมเกียรติคนนี้ของผมมาตลอด ท่านเป็นบุคคลน่านับถือที่หายากคนหนึ่ง ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามลมเหมือนผู้ใหญ่อีกหลายคนที่ผมรู้จัก




 

Create Date : 16 เมษายน 2553
1 comments
Last Update : 17 เมษายน 2553 0:20:22 น.
Counter : 1266 Pageviews.

 

ถ้า ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเป็นแบบพี่เหลิมเกียรติคือ มีจุดยืนของตัวเองที่แน่นอน บ้านเมืองเราคงสงบกว่านี้

 

โดย: บักบุญเถิง IP: 180.8.5.227, 203.146.217.35 19 เมษายน 2553 11:58:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.