จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 
2 เมษายน 2553
 
All Blogs
 

ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 58)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 58

4 จังหวัดภาคใต้ปั่นป่วน

ดินแดนสี่จังหวัดภาคใต้นั้น เป็นดินแดนที่มีปัญหาอยู่ตลอดเวลา ชาวไทยภาคใต้ที่มีเชื้อสายมลายูอยู่ในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้คือ ยะลา-สตูล-ปัตตานีและนราธิวาสนั้น เขาถือว่าเขาเป็นมลายู และเขาถือว่าดินแดนสี่จังหวัดนั้น เราไปแย่งของเขามาผนวกไว้ในดินแดนไทย ฉะนั้น การเคลื่อนไหวในทางแยกดินแดนให้ไปขึ้นกับมลายูจึงมีอยู่เสมอ ๆ

คอมมิวนิสต์ภาคใต้ จึงถือเอาสาเหตุนี้เข้ามาฉวยโอกาสร่วมในการปฏิบัติการนี้ด้วย การเคลื่อนไหวทางภาคใต้จึงค่อนข่างจะรุนแรง พอทางเราปราบปรามหนัก ก็ถอยเข้าไปในดินแดนมลายู ไปแอบอยู่ที่นั่น ก่อหวอดต่อไป โดยทางมลายไม่ได้เอาใจใส่ในการปราบปรามแต่อย่างใด พอได้กำลังเพิ่มขึ้นก็ข้ามมาอาละวาดต่อไปในดินแดนสี่จังหวัดนั้น

ข้อตกลงระหว่างเรากับมลายูก็มีอยู่ แต่เป็นข้อตกลงที่มลายูเป็นฝ่ายได้มากกว่า เราจะข้ามเข้าไปติดตามในแดนของเขาไม่ได้ แต่เขาเข้ามาในดินแดนเราได้ ก็ไม่ทราบว่าทางฝ่ายเราไปทำข้อตกลงเสียเปรียบเขาไว้ได้อย่างไร ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร

ข้อตกลงอันนี้เองที่ดึงเอาคนไทยเชื้อสายมลายูในดินแดนสี่จังหวัดนั้นไปเข้าเป็นมลายูหลายพวก การปราบปรามคอมมิวนิสต์ในภาคนี้จึงเป็นงานที่หนักมาก และอาจกระทบกระเทือนถึงสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศได้ง่าย ๆ แต่รู้สึกว่ามันเป็นการรักษาสัมพันธไมตรีที่ฝ่ายเรายึดถือฝ่ายเดียว ทางมลายูนั้น เขาไม่ค่อยจะยึดถือเท่าไรถ้าจะทำให้เขาเสียประโยชน์

บุคคลสำคัญที่เป็นหัวหน้าในการก่อกวนทางภาคใต้นั้น เป็นที่รู้จักกันดี เขามีชื่อว่า หะยีสุหรง คำว่า ‘หะยี’ นั้นเป็นตำแหน่งในทางศาสนาอิสลาม ระดับเดียวกับท่านเจ้าอาวาสของเราในทางศาสนาพุทธ ผิดกันอยู่ที่หะยีของเขาเล่นการเมืองได้ แต่ท่านเจ้าอาวาสของเราไม่เล่นการเมือง มีข้อห้ามเด็ดขาด

ความเคลื่อนไหวของหะยีสุหรงผู้นี้เป็นไปอย่างกว้างขวาง รู้กันดีในทางข่าว และผมมีประวัติของหะยีผู้นี้อยู่ครบถ้วนในแฟ้มงานของผม หัวหน้าหน่วยของผมคือ พี่เลิศ นั้นรู้ดีแน่นอน เพราะคลุกคลีอยู่ในแถบนั้นมานานตั้งแต่เริ่มออกรับราชการ ผมวางตัวเขาไว้ที่นั่นก็เพราะความรอบรู้อย่างกว้างขวางของเขาในภาคนั้น

หะยีสุหรงเดินงานของเขาอย่างไม่เกรงกลัวอะไร จนดินแดนภาคใต้ปั่นป่วนไปทั่ว ผู้คนในสี่จังหวัดก็ให้ความร่วมมือด้วย เพราะส่วนมากถือว่าตนเป็นคนมลายู ไม่ใช่ไทย พวกที่ขัดขวางการดำเนินงานของหะยีสุหรง ถูกฆ่าตายไปหลายคนอย่างไม่รู้สาเหตุ และจับคนร้ายไม่ได้

ข่าวนี้เข้ามาถึงกรุงเทพ ฯ ผมถูกเจ้านายเรียกตัวเข้าพบ ถามถึงรายละเอียดของเรื่องนี้ ผมก็รายงานให้ทราบตามที่ได้รับข่าวมา และให้ความเห็นว่า เหตุการณ์จะรุนแรงถึงขนาดหนักต่อไปแน่ ถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่าง มัวแต่เกรงใจเพื่อนบ้านที่เอาแต่ได้อยู่อย่างนี้

“ มึงไปจัดการ ” เจ้านายสั่งการสั้น ๆ แค่นั้น

คำสั่งนั้นเป็นคำสั่งสั้น ๆ แต่...มันมีความหมายยาว

พฤติการณ์ของหะยีสุหรง ขยายกว้างออกไปอย่างไม่เกรงกลัวทางเจ้าหน้าที่ทางรัฐบาลเลย และดูท่าทีจะเป็นภัยอย่างร้ายแรงทางภาคใต้หนักขึ้นเรื่อย ๆ เกิดความวุ่นวายทั่ว ๆ ไปบ่อยครั้งขึ้น กำลังเจ้าหน้าที่ที่ฝ่ายปกครองนั่น ไม่สามารถที่จะระงับเหตุได้ ยิ่งกว่านั้น เจ้าหน้าที่บางคนที่มีเชื้อสายมลายู ยังแตกแยกออกไปเข้าพวกหะยีสุหรงก็มี

ผมจะต้องลงใต้ด่วน ไปพบพี่เลิศ หัวหน้าหน่วยสันติบาลพิเศษภาคใต้ของผมที่นั่น ผมล่องลงไปใต้สุดถึงยะลา ปัตตานี นราธิวาส ไปในที่ที่ผมวางคนไว้เพื่อฟังข่าวด้านนี้ ก็ได้ข่าวเต็มอกว่า สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจเสียแล้ว กำลังจะมีการลุกฮือของชาวภาคใต้ในอีกไม่กี่วัน เพราะฝ่ายหะยีสุหรงได้เตรียมการที่จะเดินหมากสุดท้ายในอีกไม่กี่อาทิตย์

ผมปรึกษากับพี่เลิศของผมเพียงสองคน มีประตูเดียวที่เราจะต้องทำก่อนที่เหตุร้ายจะเกิดขึ้น เราไม่มีทางเลือก การที่ตกลงกันด้วยสันติ ทำไม่ได้เสียแล้ว เหตุการณ์เลยไปไกลกว่าที่จะเดินแผนสกัดกั้นใด ๆ ทั้งสิ้น

ผมกลับกรุงเทพ ฯ หลังจากที่ได้รวบรวมข่าวคราวมาเรียบร้อยแล้ว งานด้านนั้นปล่อยให้พี่เลิศของผมรับทำไป ตามแผนที่ปรึกษาหารือมาแล้ว

ผมกลับกรุงเทพ ฯ ได้ไม่กี่วัน ก็มีข่าวจากภาคใต้ว่า หะยีสุหรงหายตัวไปเฉย ๆ ไม่มีใครได้ข่าวว่าเขาหายไปไหน สถานที่ที่หะยีสุหรงเคยไปปรากฏตัว พบปะราษฎรทางภาคใต้ ก็ไม่ปรากฏตัวหะยีผู้นั้น พรรคพวกหัวหน้ากลุ่มต่าง ๆ เที่ยวตามหาตัวหะยีสุหรงกันในที่ต่าง ๆ ก็ไม่พบ แม้แต่ที่บ้านของเขา เมียคนหนึ่งของเขาบอกว่า หะยีออกไปกับเพื่อนคนหนึ่งหลายวันมาแล้ว ไม่รู้ว่าพากันไปไหน แล้วก็ไม่กลับบ้านจนป่านนี้ ทางบ้านออกตามตัวกันทุกแห่งที่เขาน่าจะไป ก็ไม่พบ ไม่มีใครได้ข่าวว่า หะยีสุหรงหายไปไหน

หนังสือพิมพ์ทางภาคใต้ระดมออกข่าวนี้กันอย่างครึกโครม กล่าวหาว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นตัวการเรื่องนี้ และระบุว่า คนที่หะยีสุหรงออกไปด้วยนั้น เป็นตำรวจคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนสนิทของเขา และไปมาหาสู่กันที่บ้านบ่อย ๆ เป็นคนมารับหะยีสุหรงไปจากบ้านในคืนวันนั้น แล้วก็พากันหายไป ไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองหายไปไหน

เจ้านายเรียกตัวผมเข้าถามเรื่องนี้
“ เฮ้ย ไอ้หะยีสุหรงมันหายไปไหนวะ หนังสือพิมพ์ลงข่าวกันวุ่น ”

“ ผมไม่ทราบครับ ” ผมตอบไป

“ เขาว่า ตำรวจรู้เรื่องนี้ดี เพราะมันไปกับตำรวจ ” ท่านถามต่อ

“ ผมก็ไม่ทราบเรื่อง ว่ามันไปยังไง มายังไงกัน ”

“ กูให้มึงรับผิดชอบเรื่องนี้ มึงมาบอกว่าไม่รู้ได้ยังไง ” เสียงชักจะดุ ๆ

“ ผมกลับมากรุงเทพ ฯ แล้ว เขาก็หายไป ” ผมว่าของผมยังงั้น “ อีกไม่กี่วันคงโผล่ออกมามั้งครับ เขาอาจจะทำเรื่องให้ตื่นเต้นเล่น ๆ ก็ได้ ”

หะยีสุหรงโผล่ออกมาจริง ๆ หลังจากนั้นอีกราว ๆ อาทิตย์กว่า ๆ แต่เขาโผล่ออกจากผิวน้ำ ในลำน้ำยะลา ลอยมาตามสายน้ำ ในชุดนุ่งโสร่งปาเต๊ะลายสวย ตัวที่เขาชอบนุ่งเป็นประจำ ตัวขึ้นอืด !

หะยีสุหรงลอยขึ้นมาเพื่อก่อปัญหาให้ตำรวจ เขาหายตัวออกจากบ้านไปกับเพื่อนซึ่งเป็นตำรวจที่เคยชอบพอเที่ยวเตร่กัน และตำรวจคนนั้นเป็นช่องทางที่เขาจะเจาะเข้ามาในวงการตำรวจทางภาคใต้อยู่ด้วย หะยีสุหรงหมายจะแทรกซึมเข้าสู่วงการของรัฐในทางปราบปรามอย่างมีแผนกันแยบยล แค่ทำไมเขาจึงกลับมาด้วยลักษณะอาการที่แปลกประหลาดอย่างนั้น

หนังสือพิมพ์ลงข่าวนี้อย่างครึกโครมอีก โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ในเครือข่ายที่อยู่ตรงข้ามกับตำรวจ ไม่มีการแก้ข่าวจากทางฝ่ายตำรวจ แม้แต่ในหนังสือพิมพ์ในเครือข่าย เหมือนกับจะยอมรับ

ผมไม่มีหน้าที่ในการแก้ข่าวนี้ เพราะไม่ได้ยุ่งกับหนังสือพิมพ์มานานแล้ว ไม่มีเวลา ผมเรียกคนในหนังสือพิมพ์ของตำรวจมาถาม เขาบอกว่า ไม่เห็นใครให้แก้ข่าว เขาก็ไม่รู้ว่าจะแก้อย่างไร เป็นคำตอบที่ง่าย ๆ

เจ้านายเรียกตัวเข้าไปถามอีก

“ เฮ้ย มันทำกันยังไงวะ ไอ้นั่นถึงลอยมาตามน้ำได้ ฉิบหายหมด ”

ผมไม่มีคำตอบให้ท่าน ไม่รู้จะให้คำตอบอย่างไร ผมเพียงแต่บอกท่านว่า ผมจะลองถามพี่เลิศดู เขาอาจจะรู้อะไร ๆ บ้าง

พี่เลิศตอบคำถามของผมว่า เขาไม่รู้เรื่องนี้เลย ตำรวจคนที่ไปรับหะยีสุหรงออกจากบ้านนั้น ก็ไม่ใช่ตำรวจของเขา เป็นตำรวจท้องที่ที่ชอบพอกับหะยีสุหรงเป็นการส่วนตัว และตอนที่เขาหายกันไปนั้น ก็ไม่มีใครสงสัยอะไร แม้แต่เมียทางบ้าน ตำรวจคนนั้นก็หายตัวไปด้วย ไม่กลับกรมกอง ไม่มีใครได้รับข่าวจากเขา แม้แต่ทางบ้าน ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร ทางกอง ฯ ก็จำหน่ายบัญชี หายหนีราชการ เมื่อหายไปเกินกำหนด ตามข้อบังคับและระเบียบการกรม ฯ

ผมรายงานให้ท่านทราบถึงผลที่ได้รีบจากการสอบสวาราวเรื่องมา

เจ้านายหัวเราะหึ “ เรื่องมันก็คงไม่พ้นกู ” ท่านพูดได้เพียงแค่นั้น

ตั้งแต่หะยีสุหรงหายไป และกลับมาทางน้ำในลักษณะอย่างนี้ เหตุการณ์ยุ่ง ๆ ทางภาคใต้ก็สงบลง ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรที่เป็นภัยกับดินแดนนั้นในเขตไทยอีก ไม่มีใครตั้งตัวเป็นหัวหน้าชาวมุสลิมทางภาคใต้เป็นเรื่องเป็นราว ตัวบุคคลที่อยู่ในอันดับรองจากหะยีสุหรง ก็ขึ้นมารั้งตำแหน่งผู้นำทางศาสนาแทน โดยทางกรมศาสนารับรู้ตามหลักการ แต่ก็ไม่มีการเคลื่อนไหว อันเป็นการชักจูงทางการเมืองอีก

สี่จังหวัดทางภาคใต้ก็อยู่ในความสงบ ไม่ทำให้ทางส่วนกลางต้องวุ่นวายอีกเลย

ทางมาเลเซียเชิญเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของเมืองไทยไปประชุมพบปะกันที่ กัวลาลัมเปอร์ เพื่อร่วมมือในการส่งเสริม สัมพันธไมตรี ฉันเพื่อนบ้านที่มีอาณาเขตติดต่อกัน

เจ้านายเรียกผมไปถาม เขาเชิญมา จะว่ายังไง

ผมตอบท่านไปว่า เราก็ควรจะไปตามคำเชิญ

“ งั้นมึงไปเป็นหัวหน้าคณะไป เลือกคนที่จะเอาไปด้วยของมึงเอง ” เจ้านายสั่งการกับผม ท่านจะตอบรับเขาไปตามพิธีการ

ผมเดินทางไปพบกับฝ่ายมาเลเซียด้วยตัวเอง คัดเอาตำรวจที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไปด้วยสองคน เอาพวกที่พูดภาษาอังกฤษได้จากกอง 1 ซึ่งเป็นกองที่ทำงานเกี่ยวกับต่างประเทศไปที่กัวลาลัมเปอร์ ผมได้พบกับนายตำรวจมาเลเซียที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการป้องกันคอมมิวนิสต์ทั้งคณะ ที่เขาคัดเอามาเข้าประชุม

สาระในการประชุม เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการร่วมมือกันป้องกันการเคลื่อนไหวของคอมมิวนิสต์ทางชายแดนของสองประเทศเป็นส่วนใหญ่ เรื่องที่พูดกันในที่ประชุมไม่มีเรื่องของหะยีสุหรงเข้ามาปะปน มีแต่เรื่องป้องกันทางดินแดนที่ติดต่อกันเท่านั้น เขารู้ดีว่า ผมมีตำแหน่งอะไรในกรมตำรวจ และสันติบาลของไทยนั้น มีใครเป็นคนคุมเรื่องงาน

หัวหน้าตำรวจมาเลเซียเป็นนายตำรวจอังกฤษ เขารู้ว่าผมเคยไปดูงานที่สก๊อตแลนต์ยาร์ดมาแล้ว และรู้สึกว่าเขาจะมีประวัติการทำงานของผมอยู่ในมืออย่างพอควร

การกระชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่เมื่อถึงงานเลี้ยงรับรองในตอนค่ำที่ทางเขาจัดขึ้น เป็นงานค็อกเทลพาร์ตี้ เดินถือแก้วเหล้าคุยกันก่อนเข้าโต๊ะ ก็มีฝ่ายมาเลเซียที่ได้รับเชิญมาในงาน เข้ามาคุยกับผม ผลัดหน้ากันเข้ามา แต่ละคนถามถึงหะยีสุหรงเป็นเรื่องคุยกันฉาบฉวย เหมือนไม่มีความสำคัญอะไร เพียงแต่พูดว่า ได้ข่าวทางหนังสือพิมพ์เรื่องนี้ว่า มีศพของหะยีลอยตามน้ำตรงพรมแดน และรู้สึกว่าหะยีคนนี้จะเป็นคนไทยที่มีชื่อทางภาคใต้ ผมรู้เรื่องนี้บ้างหรือเปล่า

เขาพูดคุยกันเหมือนคุยเรื่องเหตุการณ์ธรรมดา ไม่ใช่เป็นการหาคำตอบอะไรที่สำคัญ นี่แหละเป็นวิธีการของฝ่ายการหาข่าวที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี เขาจะคุยเรื่องสำคัญเหมือนเรื่องฉาบฉวยที่ยกเอามาพูดคุยไปยังงั้น ถ้าเราตอบออกไป ก็จะมีการซักถามต่ออย่างเรื่อย ๆ จนถึงแก่น

พวกที่เข้ามาคุยกับผมเยี่ยงเจ้าบ้านนั้น ต้องเป็นบุคคลที่เขาคัดเลือกมาแล้ว ที่จะให้มาประกบตัวคนที่เขาต้องการหาข่าว เขาไม่ได้อะไรจากผม นอกจากการพูดคุยสนุกสนานไปเรื่อย ๆ

“ นี่ถ้าหะยีสุหรงลอยทวนน้ำไปคงจะแปลกดี ” ผมพูดตลกกับเขา “ เขาน่าจะลอยมาเพื่อให้คนแปลกใจยิ่งกว่านี้ ”

เท่านั้นการคุยเรื่องนี้ก็หยุดลง เป็นเรื่องตลกอื่น ๆ ไป

ผมเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น เมื่อหมดวาระแล้ว มาคิดดูว่า ถ้าเราไปตามคำเชิญ ก็เท่ากับเป็นการรับว่าเรามีอะไรในใจ ต้องเดินเข้ามาอย่างไม่รู้เรื่อง เชิญมาก็ไปอย่างคนมีมิตรไมตรีต่อกัน ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาระแวงระวังกัน เรื่องมันก็จบลงง่าย ๆ ความระแวงก็เก็บเอาไว้ในใจเงียบ ๆ วิสัยของคนที่อยู่ในวงงานอย่างนี้ก็ต้องเป็นอย่างนั้น ความในใจกับสีหน้านั้น มันเดินคนละทาง

เจ้านายถามผมถึงเรื่องที่ไปประชุมมา ผมก็รายงานให้ทราบอย่างที่เป็นไป

“ เรื่องหะยีคนนั้น มันไม่ถามมึงหรือวะ ” ท่านอยากรู้

“ เขาไม่พูดในที่ประชุมให้เกิดความสำคัญจากฝ่ายเขาหรอกครับ ” ผมตอบ “ เขาเอามาคุยกันในงานเลี้ยงรับรอง ส่งคนมาคุยกับผมเรื่องนี้อย่างเรื่องธรรมดา ๆ ระหว่างดื่มเหล้าก่อนเข้าโต๊ะ เหมือนเรื่องคุยเล่น ”

“ แล้วยังไง ”

“ ผมก็คุยเล่นกับเขาว่า ถ้าหะยีคนนั้นลอยทวนน้ำได้ คงจะน่าดูพิลึก ”

เจ้านายหัวเราะ

“ แล้วเขาว่ายังไงวะ ”

“ ก็เลิกคุยกับผมไป ” ผมว่า “ ไม่มีใครมาตอแยอีก หลังจากนั้น ”

เรื่องทางชายแดนด้านใต้ก็จบลง ไม่มีอะไรยุ่งยากอีก แต่ผมยังไม่จบ เรื่องทางด้านอื่นมีมากวนต่ออีก ทีนี้ทางด้านตะวันตก ทางพม่าส่งจดหมายเชิญอธิบดีกรมตำรวจไทยให้ไปเยี่ยมเยียนผูกสัมพันธไมตรีกับตำรวจพม่ามาอีก หลังจากกลับมาจากมาเลเซียเพียงเดือนเดียว
เขาขอเชิญคณะตำรวจที่ทำงานทางการเมืองของสันติบาลไทย เพื่อร่วมปรึกษาหารือเหตุการณ์ทางชายแดน และร่วมมือกันปราบปรามการเคลื่อนไหวของพวกที่คิดร้ายกับรัฐบาลพม่า ที่อยู่ในเขตไทยที่ติดต่อกับชายแดนของเขา




 

Create Date : 02 เมษายน 2553
5 comments
Last Update : 2 เมษายน 2553 5:18:52 น.
Counter : 1221 Pageviews.

 

ติดตามจ้ะ..ขอยคุณมาก...

 

โดย: ก้นกะลา 3 เมษายน 2553 3:05:09 น.  

 

ผมกำลังหาข้อมูลประวัติศาสตร์บ้านเราช่วงนี้พอดีเลยครับ

อ่านผลงานนี้ของคุณ พุฒ แล้ว อยากอ่านนิยายสืบสวนของท่านบ้างจัง

 

โดย: บักบุญเถิง IP: 124.157.253.42 3 เมษายน 2553 18:34:36 น.  

 

เรียน คุณบักบุญเถิง
ขอบคุณที่ติดตาม
นวนิยายสืบสวนชื่อ "นักสืบพราน" น่าจะมีที่หอสมุดแห่งชาติ เพราะเมื่อก่อนนี้ หาอ่านได้ที่ห้องสมุดของกรมตำรวจ แต่เคยมีเหตุไฟไหม้ที่ห้องสมุด และมีหนังสือเสียหายไปมาก จึงจะหาอ่านยากสักหน่อย
รออีกนิดนะคะ จะไปขอคัดมาให้ (ยังไม่แน่ใจว่า จะได้มาครบถ้วน)
เห็นเคยมีขายใน internet แต่มีคนประมูลซิ้อไปแล้วค่ะ


 

โดย: ธารน้อย 4 เมษายน 2553 3:34:48 น.  

 

กลายเป็นของหายากแล้วนะเนี่ย

ถ้าได้มาจะเอาขึ้นหิ้ง

 

โดย: บักบุญเถิง IP: 124.157.253.42 4 เมษายน 2553 15:42:25 น.  

 

หากหาได้ บอกกันบ้างนะคะ จะประมูลกลับมาเป็นสมบัติครอบครัวค่ะ

 

โดย: ธารน้อย 5 เมษายน 2553 3:47:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.