จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
26 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 

ทางเสือผ่าน (ตอนที่ 34)

ทางเสือผ่าน โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 34

เสือฝ้ายค่อย ๆ ชันกายขึ้นมองรอบ ๆ แล้วลุกขึ้นยืนเต็มตัว เพ่งมองไปข้างหน้า ในความมืดนั้นพอมองเห็นเงาของร่างที่ไม่มีชีวิตนอนระเกะระกะอยู่ทั่ว

ทวน ทองรุ่ง ชันกายขึ้นมองไปรอบ ๆ อยู่เบื้องหลังพ่อ เขาค่อย ๆ ย่างก้าวข้ามคันนาที่ใช้เป็นที่กำบังอยู่เดิมนั้น ย่างก้าวไปด้วยความระมัดระวัง ปืนในมือพร้อมที่จะทำงานในขณะที่เขาย่างช้า ๆ เข้าไปหาแนวฝ่ายตรงข้าม

เขาเดินผ่านร่างไร้วิญญาณที่เรียงรายอยู่บนพื้นนา ตรงไปที่ที่เขาเห็นนายตำรวจหนุ่มล้มฟุบลงไป ที่ตรงนั้นเขาเห็นร่างของใครคนหนึ่งฟุบหมอบนิ่งอยู่บนร่างของใครอีกคนหนึ่ง เขาผลักร่างที่อยู่ข้างบนนั้นกลิ้งออกไป เจ้าของร่างนั้นยังครวญครางด้วยความเจ็บ ส่วนร่างที่ถูกทับอยู่นั้นนอนนิ่ง ไม่ไหวติง เขาจำได้ว่าเป็นร่างของผู้กองหนุ่มคนนั้น

ทวนสะพายปืนเข้ากับบ่า ก้มลงช้อนร่างนั้นด้วยมืออันแข็งแรงของเขา สอดมือเข้าที่หัวไหล่ของร่างนั้น โอบตวัดร่างนั้นขึ้นพาดไหล่ข้างที่ว่าง ส่วนหัวของร่างนั้นห้อยลงดิน กลับหลัง แบกร่างนั้นอยู่บนไหล่ เดินกลับเข้าหาแนวเดิม

“ เฮ้ย ไปไหนมา ” เสียงเสือฝ้ายไล่หลังมาก้องทุ่ง

ทวนไม่พูด แบกร่างนั้นเดินดุ่ม ๆ ผ่านแถวแนวลูกสมุนไป มุ่งหน้าเข้าหาตัวหมู่บ้าน

“ ไอ้เสือ ถอย ” เสียงเสือฝ้ายสั่งการ “ ช่วยกันแบกศพพวกเรากลับ ศพตำรวจช่างมัน ”

ทวนเดินดุ่มแบกร่างผู้กองหนุ่มบนไหล่ ไม่เอาใจใส่กับเสียงสั่งการนั้น

เขาวางร่างนั้นลงบนแคร่ที่ใต้ถุนบ้าน แสงตะเกียงวอมแวมขึ้นบ้างแล้วตามบ้านต่าง ๆ เมื่อเสียงปืนสงบลง ที่แคร่นั้นมีแสงตะเกียงที่วางอยู่บนตั่งอีกตัวหนึ่งส่องมาถึง ทวนพลิกร่างนั้นให้นอนหงาย เขามองเห็นรอยเลือดที่ไหลรินออกมาจากเบื้องบนของขาข้างขวานั้น คนบางคนเข้ามายืนดูอยู่ข้าง ๆ แคร่

“ ขึ้นไปบนเรือน ยกเอากระเป๋ายาลงมา ” เขาออกคำสั่งกับคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ

ก่อนที่ใครคนนั้นจะหันกลับไปทำตามคำสั่ง ร่างของเด็กสาวคนหนึ่งก็วิ่งมาถึง

ทวนเงยหน้าขึ้นมอง

“ เออ บัว ” เขาเรียก “ เอ็งมาก็ดีแล้ว ขึ้นไปหยิบกระเป๋าของข้าบนเรือนมาให้หน่อย ”

“ ใครน่ะพี่ ” บัวมองดูร่างนั้น

ทวนโบกมือไล่

“ ใครก็ช่างเถอะ เอ็งรีบไปเอากระเป๋ายามาให้ข้าเร็ว ๆ ”

เด็กสาวค้อนขวับก่อนที่จะหันกลับวิ่งไป

ทวนลงมือใช้มีดที่เหน็บอยู่ข้างเอว กรีดขากางเกงข้างนั้นออกเป็นทางยาว เผยให้เห็นแผลรูกระสุนที่บริเวณโคนขา เลือดไหลปรี่ออกมาจากรูแผลเพราะฤทธิ์กระสุนที่ทวนเล็งยิงออกไปอย่างแม่นยำนัดเดียวนั้น

เขาแหวกรอยกรีดกางเกงออกมาเป็นทางกว้าง บัวเอากระเป๋าล่วมยาวางที่ข้างตัวพอดี เด็กสาวชะโงกหน้าเข้ามามองหน้าคนเจ็บซึ่งกำลังครวญครางออกมาเบา ๆ ทั้งที่นัยน์ตายังหลับ

ทวนลงมือจัดการกับบาดแผลนั้นอย่างคนที่มีความชำนาญในทางชำระบาดแผล เขาเอาผ้าพันแผลก้อนหนึ่งยัดเข้าไปในรูแผลนั้น หลังจากที่ใช้ยาราดลงไป แล้วพันผ้าพันแผลรอบ ๆ โคนขา รัดบาดแผลนั้นแน่นพร้อมทั้งใช้ผ้าอีกม้วนหนึ่งรัดโคนขาเหนือบาดแผลขึ้นไป เป็นการห้ามเลือดอีกทีหนึ่ง เขาปล่อยให้ร่างนั้นนอนนิ่งอยู่บนแคร่ ถอยห่างออกมานั่งดูใบหน้าของคนเจ็บซึ่งยังไม่ฟื้นคืนสติ แต่ยังส่งสียงครางเบา ๆ ได้อยู่นั้น

รอบ ๆ ไกลออกไปตามใต้ถุนบ้านอื่น มีแสงไฟสว่างไปทั่ว และยังชุลมุนด้วยการยกร่างของคนเจ็บ และลากศพของคนที่เสียชีวิตไปจัดการกันวุ่นวายไปทุกบ้าน

“ เฮ้ย นี่มันไอ้ตำรวจคนนั้นนี่หว่า ” เสียงห้าว ๆ ดังขึ้นทางเบื้องหลังของทวน พร้อมทั้งใบหน้าของเสือฝ้ายชะโงกข้ามไหล่ทวนมา

ทวนไม่พูด เขายังนั่งนิ่งมองดูร่างนั้นอยู่

“ เอามันไว้ทำไม ” เสือฝ้ายคำรามออกมาอีก

ทวนแหงนหน้าขึ้นมองเสือผู้พ่อซึ่งขยับที่จะเข้ามายังร่างของนายตำรวจหนุ่ม เอื้อมแขนข้ามจะมาคว้าข้อมือของร่างนั้น

ทวนจับข้อมือเสือไว้แน่น

“ อย่า พ่อ ” เขาพูด ยึดข้อมือนั้นแน่น “ ไว้เป็นธุระของฉันเอง ”

“ เอ็งจะเอามันไว้ทำไม ” เสือฝ้ายพูด ทั้งที่มือยังถูกกุมแน่นอยู่ พยายามที่จะสะบัดมือออกจากการเกาะกุม

“ เรายังมีเรื่องที่จะต้องซักถามเขาอีกมาก ” ทวนพูด ยังไม่ปล่อยมือ

“ จะมัวถามอะไรมันอีก ” เสือขบฟันพูด “ เอ็งไม่เห็นหรือว่า มันตามจองล้างจองผลาญเราแค่ไหน ยังงี้เอ็งยังจะปล่อยตัวมันไว้ให้เป็นเสี้ยนหนามเราอีกหรือ ”

“ พ่อไม่สงสัยบ้างหรือว่า ทำไมเขาถึงตามเรามาถูก และรู้ความเคลื่อนไหวของเราทุกครั้ง ฉันสงสัยว่าไส้ของเราจะเป็นหนอน ต้องมีใครที่ส่งข่าวกับเขา เราจะซักถามใครไม่ได้ดีเท่าเขา ”

“ มันจะบอกเราเรอะ ” เสือคำราม

“ ฉันถึงได้บอกพ่อว่า เอาไว้เป็นธุระของฉัน ” ทวนแหงนหน้ามองเสือ “ ฉันมีวิธีที่จะทำให้เขาบอกได้ ”

เสือสะบัดหน้าพรืด

“ เออ เอ็งมันเก่งกว่าพ่อ แต่พ่อหวังว่าคราวนี้ เมื่อซักถามเสร็จแล้ว เอ็งคงไม่ปล่อยมันไปอีกอย่างคราวก่อน ”

“ จ้ะ พ่อ ” ทวนพยักหน้ารับคำ

เสือฝ้ายผละออกไป เดินจ้ำไปอย่างหัวเสีย

“ ใครน่ะ พี่ทวน ” บัวซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เอ่ยถามขึ้น

“ เอ็งก็เห็นอยู่แล้วว่าเขาแต่งเครื่องแบบตำรวจ ” ทวนชี้ไปที่ร่างซึ่งบัดนี้ขยับเขยื้อนร่างได้บ้างแล้ว และกำลังส่งเสียงครางแผ่ว ๆ สะบัดหน้าไปมาช้า ๆ

“ รู้ล่ะว่าเป็นตำรวจ แต่ทำไมพี่ทวนถึงได้คัดค้านพ่อ ” บัวยังสงสัย

“ เอ็งจำหน้าเขาไม่ได้หรือ ” ทวนหันไปถาม

บัวสั่นหน้าช้า ๆ พลางเลื่อนตัวเข้าไปเพ่งมองใกล้ ๆ พิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง สั่นหน้าพูดว่า

“ ฉันไม่เคยเห็น ”

“ หนังสือพิมพ์ที่เด็กมันซื้อมาจากตลาดเคยลงรูปพวกตำรวจที่เขาออกข่าวว่ายกกันมาปราบพ่อนั่นไง รูปเขาลงชัดอยู่หน้าหนึ่ง เป็นคนคุมกำลังมา ”

บัวส่ายหน้าช้า ๆ

“ ฉันไม่ได้สังเกตุ จะไปจำได้ยังไง ว่าแต่ว่าเมื่อเราได้ตัวหัวหน้าที่ยกมาปราบเราแล้ว ทำไมพี่ทวนถึงได้ขัดใจลุงล่ะ ”

“ ถ้าเราทำอะไรเขาลงไป เอ็งไม่คิดหรือว่า ทางตำรวจเขาจะเล่นงานเราหนักขึ้นไปอีก ”

บัวสั่นหน้าอีก

“ ฉันไม่เข้าใจเรื่องอย่างนี้ แต่ที่พี่ทวนบอกพ่อว่า พี่ทวนยังมีเรื่องอะไรที่จะซักถามเขาอีก ฉันก็ยิ่งไม่เข้าใจใหญ่ เราจะไปซักถามอะไรเขาอีกได้ ”

ทวนหัวเราะ ไม่ตอบคำถามนั้น พูดขึ้นว่า

“ เอาเหอะ ไว้เป็นเรื่องของข้าเรื่องนั้น แต่เรื่องของเอ็งก็คือ เอ็งจะต้องดูแลเขาให้ดีแทนข้า เพราะข้าจะให้เอาเขาไปไว้ที่บ้านอากำนัน บ้านเอ็ง แล้วจะฝากให้เอ็งคอยดูแลเขาเรื่องอาหารการกินและหยูกยา ข้าจะให้ไอ้แฉ่งมันไปอยู่ด้วย ให้มีหน้าที่เฝ้าคุมอีกทีไม่ให้แผลงฤทธิ์ แล้วข้าจะหมั่นไปดูแลด้วย ”

“ ก็ทำไมพี่ทวนไม่เอาเขาไว้ที่นี่ จะไม่ใกล้ตากว่าที่บ้านฉันหรือ ”

“ เอาไว้ที่นี่เดี๋ยวไม่พ้นมือพ่อ ”

“ พี่ทวนดูจะเป็นห่วงเขามาก ” เด็กสาวพูดนัยน์ตาจ้องลึกเข้าไปที่นัยน์ตาทวน

ทวนหลบสายตานั้น พลางพูดปนเสียงหัวเราะออกมาว่า

“ ไว้เป็นเรื่องของข้า แล้วเอ็งจะรู้เอง ไม่นานนักหรอก ”

ร่างของนายตำรวจหนุ่มที่ค่อย ๆ ขยับตัวไปมานั้นเริ่มส่งเสียงดังขึ้น ความรู้สึกเจ็บปวดเริ่มรุนแรงขึ้น เขาลืมตากวาดสายตาไปทั่ว ๆ พักหนึ่ง ขยับยันตัวจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่กลับต้องทิ้งตัวลงหงายหลังกลับลงไปส่งเสียงคราง มือจับอยู่ที่ตำแหน่งแผล บิดตัวไปมา

“ นอนนิ่ง ๆ ผู้กอง ” ทวนวางมือลงบนอกของคนเจ็บ “ อย่าดิ้น เดี๋ยวเลือดไม่หยุดจะยุ่ง ”

นายตำรวจหนุ่มลืมตาขึ้นมองดูคนพูด ความสงสัยผุดขึ้นที่สายตาของเขา เขาจ้องหน้าทวนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ขบฟันข่มความเจ็บปวด พูดลอดไรฟันออกมาว่า

“ นี่ ที่ไหน ”

“ บ้านกอไผ่ ” ทวนตอบยิ้ม ๆ “ บ้านเสือฝ้ายที่ผู้กองนำกำลังเข้าโจมตีไงล่ะ ”

สายตาของนายตำรวจหนุ่มกวาดไปมาอยู่บนใบหน้าของทวน เขาขยับตัวจะลุกขึ้นอีก แต่มือของทวนกดตัวเขาไว้เบา ๆ

“ อย่าพยายามที่จะทำอะไรทั้งนั้น ” เขาจ้องตานายตำรวจ “ ผู้กองอยู่ในที่ปลอดภัย เดี๋ยวผมจะให้เขาเอาอาหารมาให้ ผู้กองรีบร้อนจนไม่กินข้าวเย็น - บัว ” เขาหันไปทางเด็กสาวที่ยังคงนั่งมองดูเขาอยู่ที่เก่า “ เอ็งไปหาข้าวมาให้เขาสักจาน อะไรก็ได้ ”

บัวยังมองดูทวนด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ

“ ไปซี ” ทวนตีที่แขนเด็กสาวเบา ๆ “ ไปเอาอะไรก็ได้มาให้เขากิน ”

บัวค่อย ๆ ลุกขึ้น ลงจากแคร่ไป หันมามองดูทวนอย่างไม่เข้าใจแว่บหนึ่งก่อนที่จะค่อย ๆ เดินไปทางทิศทางที่วิ่งมา

“ ผู้กองต้องเชื่อผม ” ทวนพูดเบา ๆ กับนายตำรวจหนุ่ม “ อย่าแผลงฤทธิ์อะไรที่นี่ แล้วผู้กองจะปลอดภัย เดี๋ยวผมจะให้ผู้กองไปพักที่บ้านเด็กคนเมื่อกี้นี้ คืนนี้ผมจะไปนอนกับผู้กองที่นั่นด้วย เรามีเรื่องที่จะคุยกัน ”

ร้อยตำรวจเอกเผชิญนอนนิ่งมองดูทวน เขาลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะ ในสมองของเขาความคิดกำลังวิ่งพล่าน แต่เขาพอมองเห็นความจริงใจในสายตาของทวน

“ ให้ลุกขึ้นนั่งหน่อยได้ไหม ” เขาถามเบา ๆ

“ นอนนิ่ง ๆ สักประเดี๋ยว ” ทวนพูดตบมือเบา ๆ ที่หน้าอกนายตำรวจ
“ ให้เลือดมันหยุดก่อน ผู้กองเสียเลือดมากนะ เดี๋ยวผมจะให้เขามายกผู้กองไปที่บ้านโน้น ตอนนั้นถ้าผู้กองพอมีแรง จะโขยกเขยกไปก็ได้ ”

นายตำรวจหนุ่มนอนนิ่ง ความรู้สึกเจ็บปวดค่อย ๆ จางลงไปแล้ว ที่ยังรู้สึกอยู่เขาพอทนได้

“ พวกตำรวจของอั๊วเป็นยังไงมั่ง ” เขาถามออกมาเบา ๆ

ทวนหัวเราะเบา ๆ

“ อย่าไปห่วงเลยครับพวกนั้น ที่ไม่เจ็บไม่ตายก็คงจะควบม้าหนีกลับไปหมดแล้ว ห่วงแต่ตัวผู้กองเองเถอะตอนนี้ งานของผู้กองยังมีอีกข้างหน้า ”

ผู้กองหนุ่มกวาดสายตาไปมาบนใบหน้าของทวนอีก เขาเห็นรอยยิ้มปลอบใจบนใบหน้านั้น ในรอยยิ้มนั้นเขาเห็นความเป็นมิตร

“ อย่าคิดอะไรมาก ” ทวนพูดออกมาเบา ๆ “ ผู้กองเคยช่วยผมไว้ครั้งหนึ่ง ผมยังไม่ได้ตอบแทน ”

บัวเด็กสาวลูกกำนัน เอาจานข้าวมาวางข้าง ๆ ทวน

“ พอมีแรงหรือยังครับ ผู้กอง ” ทวนพูด “ ค่อย ๆ ชันตัวขึ้นกินข้าวเสียหน่อยจะได้มีแรง ผู้กองรีบเร่งเสียจนลืมกินข้าวเย็น ”

เขาขยับตัวเข้าใกล้ ประคองร่างของนายตำรวจให้ชันตัวขึ้นมาอิงเสาเรือนที่ข้างแคร่ แล้วเลื่อนจานข้าวมาตรงหน้า

นายตำรวจหนุ่มมองดูข้าวในจานนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ค่อย ๆ หยิบช้อนที่วางอยู่ในจานขึ้นมาตักข้าวใส่ปาก เขารู้สึกหิวอยู่เหมือนกัน

“ ไหนพี่ทวนบอกว่ามีเรื่องอะไรที่จะซักถามเขา ” บัวเอ่ยขึ้น มองหน้าทวน

“ ไว้ให้เขาอิ่มข้าวเสียก่อน ” ทวนพูด “ แล้วข้าว่าเอ็งก็ไปขึ้นบ้านได้แล้ว ไปเตรียมที่หลับที่นอนให้เขาที่ชานเรือน เตรียมให้ข้าด้วย คืนนี้ข้าจะไปนอนที่นั่น ”

บัวนั่งมองดูทวนนิ่ง

“ ไปซี บัว ” ทวนโบกมือไล่ “ เดี๋ยวเขากินข้าวเสร็จก็จะไปกัน ”

“ เดี๋ยวก็ได้ ” เด็กสาวพูดเสียงห้วน ๆ “ ฉันจะได้เอาจานกลับด้วย ”

ทวนหัวเราะ ไม่พูด เขานั่งมองดูนายตำรวจหนุ่มตักข้าวเข้าปากด้วยความหิว

“ ไม่เห็นถามอะไรเลย ” บัวบ่นขึ้นมา เมื่อนิ่งกันไปนาน

ทวนมองดูเด็กสาวครู่หนึ่ง พูดว่า

“ ใครใช้ให้เอ็งมาเฝ้าคอยข้าคุยกับเขา ”

“ ไม่มีใคร ” เด็กสาวตอบเสียงสะบัด ๆ “ ฉันอยากอยู่ของฉันเอง อยากฟังพี่ทวนคุยกับเขา ”

“ อีเด็กคนนี้มันสวย ” ทวนพูดกับนายตำรวจหนุ่ม “ ผู้กองชอบมันมั้ยครับ ”

“ บ้า ” บัวสะบัดเสียงขึ้นมาทันที

“ อ้าว ก็เอ็งอยากฟังไง ” ทวนพูดหัวเราะไปด้วย

“ บ้าน่ะซี ถามอะไรบ้า ๆ ” บัวค้อนให้ด้วย

“ ก็เอ็งมันสวยจริง ๆ จริงมั้ยครับ ผู้กอง ” เขาหันไปถามผู้กองหนุ่มตอนท้าย

นายตำรวจหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากจานข้าว มองดูบัวเต็มตา ยิ้ม พยักหน้าช้า ๆ

“ สวยจริง ๆ ” เขาพูดออกมาเบา ๆ

“ ชอบมันมั้ยครับ ” ทวนถามต่อ

“ บ้า บ้า ” เด็กสาวตะโกนออกมา แล้วสะบัดก้นลุกขึ้นเดินหนีออกไปจากที่นั้น

คนทั้งสองหัวเราะขึ้นมาพร้อม ๆ กัน

“ ลูกสาวใครน่ะ ” ผู้กองถามขึ้น

“ ลูกกำนันที่นี่ ” ทวนตอบยิ้ม ๆ “ ผู้กองชักจะชอบมันจริง ๆ ละซี ”

นายตำรวจหนุ่มหัวเราะ ไม่ตอบคำถาม ตักข้าวเข้าปากเฉยอยู่

ทวนนั่งนิ่ง มองดูนายตำรวจหนุ่มตักข้าวเข้าปาก เฉยอยู่เหมือนกัน

ทั้งสองคนไม่พูดจาอะไรกัน จนข้าวในจานของผู้กองตำรวจหมดเกลี้ยง เขาวางจานข้าว หยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม วางแก้วน้ำลง พูดว่า

“ ขอบใจในข้าวนำมื้อนี้ เห็นว่าจะถามอะไร ไม่เห็นพูดอะไร ”

“ ผมเกรงว่าผู้กองจะไม่ตอบ ” ทวนพูดปนเสียงหัวเราะ

“ ก็ยังไม่ถาม จะรู้ยังไงว่าจะตอบหรือไม่ตอบ ”

“ เจ็บแผลที่ขาไหมครับ ” ทวนปล่อยคำถามออกมา

“ เจ็บ ” เป็นคำตอบสั้น ๆ

“ อยากพักผ่อนหรือยังครับ ”

“ อยาก ”

“ งั้นลุกขึ้น ไปที่บ้านกำนัน ” ทมวนพยักหน้ากับผู้กอง “ พอจะเดินไหวไหม ”

นายตำรวจหนุ่มนั่งมองหน้าทวนนิ่งอยู่ เขายิ้ม พยายามที่จะชันกายขึ้นจากท่าเดิม ใช้ขายันพื้น ขยับจะทิ้งน้ำหนักลงบนขาข้างนั้น แต่ก็ต้องทรุดตัวลงกับพื้น ครางออกมาเบา ๆ

ทวนเข้าไปใกล้ สอดแขนเข้าไปที่ช่วงไหล่ อ้อมไปโอบสีข้างอีกด้าน ช่วยพยุงร่างให้ยืนขึ้น แล้วก็ช่วยประคองร่างของผู้กอง ค่อย ๆ โขยกเขยกไปทางเรือนกำนัน

เขาต้องใช้ความพยายามอีกอย่างหนักที่จะช่วยดึงร่างของนายตำรวจก้าวขึ้นบันไดเรือนไปอย่างทุลักทุเล วางร่างนั้นลงบนที่นอนเล็ก ๆ ที่ปูอยู่ชานเรือนนั้น ลากที่นอนมาติดกับระเบียงเรือน เพื่อให้พิงกับระเบียงนั้นได้ถนัด

ร้อยตำรวจเอกเผชิญ ทรงศักดา นั่งพิงระเบียงในท่าที่สบาย มองดูทวนซึ่งนั่งอย่าบนพื้นตรงหน้าเฉยอยู่พักหนึ่ง พูดว่า

“ เลี้ยงดูอิ่มหมีพีมันดีแล้ว ต่อไปลื้อจะทำยังไงกับอั๊วอีก ”

ทวนยิ้ม

“ ก็ให้นอนพักผ่อนสบาย ๆ ไม่ต้องกลัวอะไร ”

“ เมื่อไรลื้อจะเอาอั๊วไปทำอะไรเสียที ” ผู้กองหนุ่มพูด เสียงเรื่อย ๆ

“ แล้วผู้กองจะรู้เอง ” ทวนพูดยิ้ม ๆ อีก

“ ฝีมือใครที่ทำอั๊วจนล้ม ”

“ ผมจะไปรู้ได้ยังไง มันยิงกันทั้งแนว ”

ผู้กองหัวเราะหึ

“ ไหนว่าจะถามอะไร ”

“ ผู้กองรู้ไหมว่า กำลังส่วนใหญ่ของผู้กองอยู่ที่ไหน ”

นายตำรวจหนุ่มหัวเราะอีก ไม่ตอบคำถามนั้น

“ ใครเป็นผู้บังคับบัญชากองกำลังนั้น”

ไม่มีเสียงตอบ นายตำรวจหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเพดาน

“ ผู้กองรู้ไหมว่า ที่นี่อยู่ห่างจากเดิมบาง ฯ เท่าไหร่ ”

คำถามนี้ทำให้ผู้กองหนุ่มเบนสายตามาจับอยู่ที่ใบหน้าของทวนนิ่ง

“ แล้วผู้กองรู้ไหมว่า ถ้าออกจากที่นี่ไปเดิมบาง ฯ จะไปทางไหน ทิศไหน ” ทวนตั้งคำถามต่อ

ความรู้สึกบนใบหน้าของผู้กองหนุ่มเปลี่ยนไปแวบหนึ่ง เขามองหน้าทวนนิ่ง สั่นหน้าข้า ๆ

“ ทางที่จะไปเดิมบาง ฯ จะต้องออกไปทางทิศตะวันออก ไปไกลอีกร่วมร้อยกิโล และต้องใช้ม้า แล้วผู้กองรู้ไหมว่า ทิศตะวันออกมันอยู่ทางไหน ”

ผู้กองหนุ่มสั่นหน้าอีก

ทวนชี้มือไปทางเบื้องหลังของเขา เฉียงไปทางหัวไหล่

“ ตรงไปทางนี้ คือทางที่จะไปเดิมบาง ฯ ขี่ม้าไปเพียงชั่วโมงกว่าก็ถึง ”

ผู้กองหนุ่มพยักหน้าช้า ๆ เขามองหน้าทวนด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

“ เอาละ นอนเหอะ ” ทวนพูดล้มตัวลงนอน หันหัวไปทางที่ผู้กองหนุ่มนั่งพิงอยู่





 

Create Date : 26 ธันวาคม 2552
2 comments
Last Update : 26 ธันวาคม 2552 3:15:50 น.
Counter : 775 Pageviews.

 

เรียน ท่านผู้สนใจติดตามบทประพันธ์นี้

กลับมาแล้วค่ะ
หลังจากที่ไปสนุกสนานที่จังหวัดน่าน และจังหวัดเลย
สวยจริง ๆ และก็อาหารอร่อย จนน้ำหนักขึ้นมา 2-3 กิโล !!

ถ่ายภาพมามากมาย จะหาทางนำมาแบ่งปันกัน ในโอกาสกันควรต่อไป (คือต้องขอความช่วยเหลือจากลูกชายนะ ให้มาช่วยคุณแม่ up รูปภาพมาให้ชม)

ไปไหว้พระมาถึง 11 วัด
เอาบุญมาฝากท่านผู้อ่านทุกคนนะคะ

ขอให้ทุกท่านมีแต่ความสุข และสุขภาพดีทุกคน
ขอความเป็นมหามงคลจงมีแต่ทุกท่านตลอดปีเสือ (ที่เขาว่าจะดุ) นะคะ
ให้โชคดี และปลอดภัย

ธารน้อย


 

โดย: ธารน้อย 26 ธันวาคม 2552 3:29:09 น.  

 

ไม่ว่าจะปีไหน
เรายังมีไฟในใจให้สร้างสรรคื
กาลเวลาหมุนไปล่วงเลยวัน
ยังเก็บฝันไห้ไปไม่รอรี

ขอให้ชีวิตมีแต่ความสุข
ปราศจากทุข์ภัยด้วยหลีกลี้
หายทุกข์โสกโรคภ้ยมีแต่สิ่งดี
ทุกโมงยามราตรีปีใหม่เอย

 

โดย: chabori 26 ธันวาคม 2552 8:25:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.