ทางเสือผ่าน (ตอนที่ 34)
ทางเสือผ่าน โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ ตอนที่ 34
เสือฝ้ายค่อย ๆ ชันกายขึ้นมองรอบ ๆ แล้วลุกขึ้นยืนเต็มตัว เพ่งมองไปข้างหน้า ในความมืดนั้นพอมองเห็นเงาของร่างที่ไม่มีชีวิตนอนระเกะระกะอยู่ทั่ว ทวน ทองรุ่ง ชันกายขึ้นมองไปรอบ ๆ อยู่เบื้องหลังพ่อ เขาค่อย ๆ ย่างก้าวข้ามคันนาที่ใช้เป็นที่กำบังอยู่เดิมนั้น ย่างก้าวไปด้วยความระมัดระวัง ปืนในมือพร้อมที่จะทำงานในขณะที่เขาย่างช้า ๆ เข้าไปหาแนวฝ่ายตรงข้าม เขาเดินผ่านร่างไร้วิญญาณที่เรียงรายอยู่บนพื้นนา ตรงไปที่ที่เขาเห็นนายตำรวจหนุ่มล้มฟุบลงไป ที่ตรงนั้นเขาเห็นร่างของใครคนหนึ่งฟุบหมอบนิ่งอยู่บนร่างของใครอีกคนหนึ่ง เขาผลักร่างที่อยู่ข้างบนนั้นกลิ้งออกไป เจ้าของร่างนั้นยังครวญครางด้วยความเจ็บ ส่วนร่างที่ถูกทับอยู่นั้นนอนนิ่ง ไม่ไหวติง เขาจำได้ว่าเป็นร่างของผู้กองหนุ่มคนนั้น ทวนสะพายปืนเข้ากับบ่า ก้มลงช้อนร่างนั้นด้วยมืออันแข็งแรงของเขา สอดมือเข้าที่หัวไหล่ของร่างนั้น โอบตวัดร่างนั้นขึ้นพาดไหล่ข้างที่ว่าง ส่วนหัวของร่างนั้นห้อยลงดิน กลับหลัง แบกร่างนั้นอยู่บนไหล่ เดินกลับเข้าหาแนวเดิม เฮ้ย ไปไหนมา เสียงเสือฝ้ายไล่หลังมาก้องทุ่ง ทวนไม่พูด แบกร่างนั้นเดินดุ่ม ๆ ผ่านแถวแนวลูกสมุนไป มุ่งหน้าเข้าหาตัวหมู่บ้าน ไอ้เสือ ถอย เสียงเสือฝ้ายสั่งการ ช่วยกันแบกศพพวกเรากลับ ศพตำรวจช่างมัน ทวนเดินดุ่มแบกร่างผู้กองหนุ่มบนไหล่ ไม่เอาใจใส่กับเสียงสั่งการนั้น เขาวางร่างนั้นลงบนแคร่ที่ใต้ถุนบ้าน แสงตะเกียงวอมแวมขึ้นบ้างแล้วตามบ้านต่าง ๆ เมื่อเสียงปืนสงบลง ที่แคร่นั้นมีแสงตะเกียงที่วางอยู่บนตั่งอีกตัวหนึ่งส่องมาถึง ทวนพลิกร่างนั้นให้นอนหงาย เขามองเห็นรอยเลือดที่ไหลรินออกมาจากเบื้องบนของขาข้างขวานั้น คนบางคนเข้ามายืนดูอยู่ข้าง ๆ แคร่ ขึ้นไปบนเรือน ยกเอากระเป๋ายาลงมา เขาออกคำสั่งกับคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อนที่ใครคนนั้นจะหันกลับไปทำตามคำสั่ง ร่างของเด็กสาวคนหนึ่งก็วิ่งมาถึง ทวนเงยหน้าขึ้นมอง เออ บัว เขาเรียก เอ็งมาก็ดีแล้ว ขึ้นไปหยิบกระเป๋าของข้าบนเรือนมาให้หน่อย ใครน่ะพี่ บัวมองดูร่างนั้น ทวนโบกมือไล่ ใครก็ช่างเถอะ เอ็งรีบไปเอากระเป๋ายามาให้ข้าเร็ว ๆ เด็กสาวค้อนขวับก่อนที่จะหันกลับวิ่งไป ทวนลงมือใช้มีดที่เหน็บอยู่ข้างเอว กรีดขากางเกงข้างนั้นออกเป็นทางยาว เผยให้เห็นแผลรูกระสุนที่บริเวณโคนขา เลือดไหลปรี่ออกมาจากรูแผลเพราะฤทธิ์กระสุนที่ทวนเล็งยิงออกไปอย่างแม่นยำนัดเดียวนั้น เขาแหวกรอยกรีดกางเกงออกมาเป็นทางกว้าง บัวเอากระเป๋าล่วมยาวางที่ข้างตัวพอดี เด็กสาวชะโงกหน้าเข้ามามองหน้าคนเจ็บซึ่งกำลังครวญครางออกมาเบา ๆ ทั้งที่นัยน์ตายังหลับ
ทวนลงมือจัดการกับบาดแผลนั้นอย่างคนที่มีความชำนาญในทางชำระบาดแผล เขาเอาผ้าพันแผลก้อนหนึ่งยัดเข้าไปในรูแผลนั้น หลังจากที่ใช้ยาราดลงไป แล้วพันผ้าพันแผลรอบ ๆ โคนขา รัดบาดแผลนั้นแน่นพร้อมทั้งใช้ผ้าอีกม้วนหนึ่งรัดโคนขาเหนือบาดแผลขึ้นไป เป็นการห้ามเลือดอีกทีหนึ่ง เขาปล่อยให้ร่างนั้นนอนนิ่งอยู่บนแคร่ ถอยห่างออกมานั่งดูใบหน้าของคนเจ็บซึ่งยังไม่ฟื้นคืนสติ แต่ยังส่งสียงครางเบา ๆ ได้อยู่นั้น รอบ ๆ ไกลออกไปตามใต้ถุนบ้านอื่น มีแสงไฟสว่างไปทั่ว และยังชุลมุนด้วยการยกร่างของคนเจ็บ และลากศพของคนที่เสียชีวิตไปจัดการกันวุ่นวายไปทุกบ้าน เฮ้ย นี่มันไอ้ตำรวจคนนั้นนี่หว่า เสียงห้าว ๆ ดังขึ้นทางเบื้องหลังของทวน พร้อมทั้งใบหน้าของเสือฝ้ายชะโงกข้ามไหล่ทวนมา ทวนไม่พูด เขายังนั่งนิ่งมองดูร่างนั้นอยู่ เอามันไว้ทำไม เสือฝ้ายคำรามออกมาอีก ทวนแหงนหน้าขึ้นมองเสือผู้พ่อซึ่งขยับที่จะเข้ามายังร่างของนายตำรวจหนุ่ม เอื้อมแขนข้ามจะมาคว้าข้อมือของร่างนั้น ทวนจับข้อมือเสือไว้แน่น อย่า พ่อ เขาพูด ยึดข้อมือนั้นแน่น ไว้เป็นธุระของฉันเอง เอ็งจะเอามันไว้ทำไม เสือฝ้ายพูด ทั้งที่มือยังถูกกุมแน่นอยู่ พยายามที่จะสะบัดมือออกจากการเกาะกุม เรายังมีเรื่องที่จะต้องซักถามเขาอีกมาก ทวนพูด ยังไม่ปล่อยมือ จะมัวถามอะไรมันอีก เสือขบฟันพูด เอ็งไม่เห็นหรือว่า มันตามจองล้างจองผลาญเราแค่ไหน ยังงี้เอ็งยังจะปล่อยตัวมันไว้ให้เป็นเสี้ยนหนามเราอีกหรือ พ่อไม่สงสัยบ้างหรือว่า ทำไมเขาถึงตามเรามาถูก และรู้ความเคลื่อนไหวของเราทุกครั้ง ฉันสงสัยว่าไส้ของเราจะเป็นหนอน ต้องมีใครที่ส่งข่าวกับเขา เราจะซักถามใครไม่ได้ดีเท่าเขา มันจะบอกเราเรอะ เสือคำราม ฉันถึงได้บอกพ่อว่า เอาไว้เป็นธุระของฉัน ทวนแหงนหน้ามองเสือ ฉันมีวิธีที่จะทำให้เขาบอกได้ เสือสะบัดหน้าพรืด เออ เอ็งมันเก่งกว่าพ่อ แต่พ่อหวังว่าคราวนี้ เมื่อซักถามเสร็จแล้ว เอ็งคงไม่ปล่อยมันไปอีกอย่างคราวก่อน จ้ะ พ่อ ทวนพยักหน้ารับคำ เสือฝ้ายผละออกไป เดินจ้ำไปอย่างหัวเสีย ใครน่ะ พี่ทวน บัวซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เอ่ยถามขึ้น เอ็งก็เห็นอยู่แล้วว่าเขาแต่งเครื่องแบบตำรวจ ทวนชี้ไปที่ร่างซึ่งบัดนี้ขยับเขยื้อนร่างได้บ้างแล้ว และกำลังส่งเสียงครางแผ่ว ๆ สะบัดหน้าไปมาช้า ๆ รู้ล่ะว่าเป็นตำรวจ แต่ทำไมพี่ทวนถึงได้คัดค้านพ่อ บัวยังสงสัย เอ็งจำหน้าเขาไม่ได้หรือ ทวนหันไปถาม บัวสั่นหน้าช้า ๆ พลางเลื่อนตัวเข้าไปเพ่งมองใกล้ ๆ พิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง สั่นหน้าพูดว่า ฉันไม่เคยเห็น หนังสือพิมพ์ที่เด็กมันซื้อมาจากตลาดเคยลงรูปพวกตำรวจที่เขาออกข่าวว่ายกกันมาปราบพ่อนั่นไง รูปเขาลงชัดอยู่หน้าหนึ่ง เป็นคนคุมกำลังมา บัวส่ายหน้าช้า ๆ ฉันไม่ได้สังเกตุ จะไปจำได้ยังไง ว่าแต่ว่าเมื่อเราได้ตัวหัวหน้าที่ยกมาปราบเราแล้ว ทำไมพี่ทวนถึงได้ขัดใจลุงล่ะ ถ้าเราทำอะไรเขาลงไป เอ็งไม่คิดหรือว่า ทางตำรวจเขาจะเล่นงานเราหนักขึ้นไปอีก บัวสั่นหน้าอีก ฉันไม่เข้าใจเรื่องอย่างนี้ แต่ที่พี่ทวนบอกพ่อว่า พี่ทวนยังมีเรื่องอะไรที่จะซักถามเขาอีก ฉันก็ยิ่งไม่เข้าใจใหญ่ เราจะไปซักถามอะไรเขาอีกได้ ทวนหัวเราะ ไม่ตอบคำถามนั้น พูดขึ้นว่า เอาเหอะ ไว้เป็นเรื่องของข้าเรื่องนั้น แต่เรื่องของเอ็งก็คือ เอ็งจะต้องดูแลเขาให้ดีแทนข้า เพราะข้าจะให้เอาเขาไปไว้ที่บ้านอากำนัน บ้านเอ็ง แล้วจะฝากให้เอ็งคอยดูแลเขาเรื่องอาหารการกินและหยูกยา ข้าจะให้ไอ้แฉ่งมันไปอยู่ด้วย ให้มีหน้าที่เฝ้าคุมอีกทีไม่ให้แผลงฤทธิ์ แล้วข้าจะหมั่นไปดูแลด้วย ก็ทำไมพี่ทวนไม่เอาเขาไว้ที่นี่ จะไม่ใกล้ตากว่าที่บ้านฉันหรือ เอาไว้ที่นี่เดี๋ยวไม่พ้นมือพ่อ พี่ทวนดูจะเป็นห่วงเขามาก เด็กสาวพูดนัยน์ตาจ้องลึกเข้าไปที่นัยน์ตาทวน ทวนหลบสายตานั้น พลางพูดปนเสียงหัวเราะออกมาว่า ไว้เป็นเรื่องของข้า แล้วเอ็งจะรู้เอง ไม่นานนักหรอก ร่างของนายตำรวจหนุ่มที่ค่อย ๆ ขยับตัวไปมานั้นเริ่มส่งเสียงดังขึ้น ความรู้สึกเจ็บปวดเริ่มรุนแรงขึ้น เขาลืมตากวาดสายตาไปทั่ว ๆ พักหนึ่ง ขยับยันตัวจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่กลับต้องทิ้งตัวลงหงายหลังกลับลงไปส่งเสียงคราง มือจับอยู่ที่ตำแหน่งแผล บิดตัวไปมา นอนนิ่ง ๆ ผู้กอง ทวนวางมือลงบนอกของคนเจ็บ อย่าดิ้น เดี๋ยวเลือดไม่หยุดจะยุ่ง นายตำรวจหนุ่มลืมตาขึ้นมองดูคนพูด ความสงสัยผุดขึ้นที่สายตาของเขา เขาจ้องหน้าทวนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ขบฟันข่มความเจ็บปวด พูดลอดไรฟันออกมาว่า นี่ ที่ไหน บ้านกอไผ่ ทวนตอบยิ้ม ๆ บ้านเสือฝ้ายที่ผู้กองนำกำลังเข้าโจมตีไงล่ะ สายตาของนายตำรวจหนุ่มกวาดไปมาอยู่บนใบหน้าของทวน เขาขยับตัวจะลุกขึ้นอีก แต่มือของทวนกดตัวเขาไว้เบา ๆ อย่าพยายามที่จะทำอะไรทั้งนั้น เขาจ้องตานายตำรวจ ผู้กองอยู่ในที่ปลอดภัย เดี๋ยวผมจะให้เขาเอาอาหารมาให้ ผู้กองรีบร้อนจนไม่กินข้าวเย็น - บัว เขาหันไปทางเด็กสาวที่ยังคงนั่งมองดูเขาอยู่ที่เก่า เอ็งไปหาข้าวมาให้เขาสักจาน อะไรก็ได้ บัวยังมองดูทวนด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ ไปซี ทวนตีที่แขนเด็กสาวเบา ๆ ไปเอาอะไรก็ได้มาให้เขากิน บัวค่อย ๆ ลุกขึ้น ลงจากแคร่ไป หันมามองดูทวนอย่างไม่เข้าใจแว่บหนึ่งก่อนที่จะค่อย ๆ เดินไปทางทิศทางที่วิ่งมา ผู้กองต้องเชื่อผม ทวนพูดเบา ๆ กับนายตำรวจหนุ่ม อย่าแผลงฤทธิ์อะไรที่นี่ แล้วผู้กองจะปลอดภัย เดี๋ยวผมจะให้ผู้กองไปพักที่บ้านเด็กคนเมื่อกี้นี้ คืนนี้ผมจะไปนอนกับผู้กองที่นั่นด้วย เรามีเรื่องที่จะคุยกัน ร้อยตำรวจเอกเผชิญนอนนิ่งมองดูทวน เขาลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะ ในสมองของเขาความคิดกำลังวิ่งพล่าน แต่เขาพอมองเห็นความจริงใจในสายตาของทวน ให้ลุกขึ้นนั่งหน่อยได้ไหม เขาถามเบา ๆ นอนนิ่ง ๆ สักประเดี๋ยว ทวนพูดตบมือเบา ๆ ที่หน้าอกนายตำรวจ ให้เลือดมันหยุดก่อน ผู้กองเสียเลือดมากนะ เดี๋ยวผมจะให้เขามายกผู้กองไปที่บ้านโน้น ตอนนั้นถ้าผู้กองพอมีแรง จะโขยกเขยกไปก็ได้ นายตำรวจหนุ่มนอนนิ่ง ความรู้สึกเจ็บปวดค่อย ๆ จางลงไปแล้ว ที่ยังรู้สึกอยู่เขาพอทนได้ พวกตำรวจของอั๊วเป็นยังไงมั่ง เขาถามออกมาเบา ๆ ทวนหัวเราะเบา ๆ อย่าไปห่วงเลยครับพวกนั้น ที่ไม่เจ็บไม่ตายก็คงจะควบม้าหนีกลับไปหมดแล้ว ห่วงแต่ตัวผู้กองเองเถอะตอนนี้ งานของผู้กองยังมีอีกข้างหน้า ผู้กองหนุ่มกวาดสายตาไปมาบนใบหน้าของทวนอีก เขาเห็นรอยยิ้มปลอบใจบนใบหน้านั้น ในรอยยิ้มนั้นเขาเห็นความเป็นมิตร อย่าคิดอะไรมาก ทวนพูดออกมาเบา ๆ ผู้กองเคยช่วยผมไว้ครั้งหนึ่ง ผมยังไม่ได้ตอบแทน บัวเด็กสาวลูกกำนัน เอาจานข้าวมาวางข้าง ๆ ทวน พอมีแรงหรือยังครับ ผู้กอง ทวนพูด ค่อย ๆ ชันตัวขึ้นกินข้าวเสียหน่อยจะได้มีแรง ผู้กองรีบเร่งเสียจนลืมกินข้าวเย็น เขาขยับตัวเข้าใกล้ ประคองร่างของนายตำรวจให้ชันตัวขึ้นมาอิงเสาเรือนที่ข้างแคร่ แล้วเลื่อนจานข้าวมาตรงหน้า นายตำรวจหนุ่มมองดูข้าวในจานนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ค่อย ๆ หยิบช้อนที่วางอยู่ในจานขึ้นมาตักข้าวใส่ปาก เขารู้สึกหิวอยู่เหมือนกัน ไหนพี่ทวนบอกว่ามีเรื่องอะไรที่จะซักถามเขา บัวเอ่ยขึ้น มองหน้าทวน ไว้ให้เขาอิ่มข้าวเสียก่อน ทวนพูด แล้วข้าว่าเอ็งก็ไปขึ้นบ้านได้แล้ว ไปเตรียมที่หลับที่นอนให้เขาที่ชานเรือน เตรียมให้ข้าด้วย คืนนี้ข้าจะไปนอนที่นั่น บัวนั่งมองดูทวนนิ่ง ไปซี บัว ทวนโบกมือไล่ เดี๋ยวเขากินข้าวเสร็จก็จะไปกัน เดี๋ยวก็ได้ เด็กสาวพูดเสียงห้วน ๆ ฉันจะได้เอาจานกลับด้วย ทวนหัวเราะ ไม่พูด เขานั่งมองดูนายตำรวจหนุ่มตักข้าวเข้าปากด้วยความหิว ไม่เห็นถามอะไรเลย บัวบ่นขึ้นมา เมื่อนิ่งกันไปนาน ทวนมองดูเด็กสาวครู่หนึ่ง พูดว่า ใครใช้ให้เอ็งมาเฝ้าคอยข้าคุยกับเขา ไม่มีใคร เด็กสาวตอบเสียงสะบัด ๆ ฉันอยากอยู่ของฉันเอง อยากฟังพี่ทวนคุยกับเขา อีเด็กคนนี้มันสวย ทวนพูดกับนายตำรวจหนุ่ม ผู้กองชอบมันมั้ยครับ บ้า บัวสะบัดเสียงขึ้นมาทันที อ้าว ก็เอ็งอยากฟังไง ทวนพูดหัวเราะไปด้วย บ้าน่ะซี ถามอะไรบ้า ๆ บัวค้อนให้ด้วย ก็เอ็งมันสวยจริง ๆ จริงมั้ยครับ ผู้กอง เขาหันไปถามผู้กองหนุ่มตอนท้าย นายตำรวจหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากจานข้าว มองดูบัวเต็มตา ยิ้ม พยักหน้าช้า ๆ สวยจริง ๆ เขาพูดออกมาเบา ๆ ชอบมันมั้ยครับ ทวนถามต่อ บ้า บ้า เด็กสาวตะโกนออกมา แล้วสะบัดก้นลุกขึ้นเดินหนีออกไปจากที่นั้น คนทั้งสองหัวเราะขึ้นมาพร้อม ๆ กัน ลูกสาวใครน่ะ ผู้กองถามขึ้น ลูกกำนันที่นี่ ทวนตอบยิ้ม ๆ ผู้กองชักจะชอบมันจริง ๆ ละซี นายตำรวจหนุ่มหัวเราะ ไม่ตอบคำถาม ตักข้าวเข้าปากเฉยอยู่ ทวนนั่งนิ่ง มองดูนายตำรวจหนุ่มตักข้าวเข้าปาก เฉยอยู่เหมือนกัน ทั้งสองคนไม่พูดจาอะไรกัน จนข้าวในจานของผู้กองตำรวจหมดเกลี้ยง เขาวางจานข้าว หยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม วางแก้วน้ำลง พูดว่า ขอบใจในข้าวนำมื้อนี้ เห็นว่าจะถามอะไร ไม่เห็นพูดอะไร ผมเกรงว่าผู้กองจะไม่ตอบ ทวนพูดปนเสียงหัวเราะ ก็ยังไม่ถาม จะรู้ยังไงว่าจะตอบหรือไม่ตอบ เจ็บแผลที่ขาไหมครับ ทวนปล่อยคำถามออกมา เจ็บ เป็นคำตอบสั้น ๆ อยากพักผ่อนหรือยังครับ อยาก งั้นลุกขึ้น ไปที่บ้านกำนัน ทมวนพยักหน้ากับผู้กอง พอจะเดินไหวไหม นายตำรวจหนุ่มนั่งมองหน้าทวนนิ่งอยู่ เขายิ้ม พยายามที่จะชันกายขึ้นจากท่าเดิม ใช้ขายันพื้น ขยับจะทิ้งน้ำหนักลงบนขาข้างนั้น แต่ก็ต้องทรุดตัวลงกับพื้น ครางออกมาเบา ๆ
ทวนเข้าไปใกล้ สอดแขนเข้าไปที่ช่วงไหล่ อ้อมไปโอบสีข้างอีกด้าน ช่วยพยุงร่างให้ยืนขึ้น แล้วก็ช่วยประคองร่างของผู้กอง ค่อย ๆ โขยกเขยกไปทางเรือนกำนัน
เขาต้องใช้ความพยายามอีกอย่างหนักที่จะช่วยดึงร่างของนายตำรวจก้าวขึ้นบันไดเรือนไปอย่างทุลักทุเล วางร่างนั้นลงบนที่นอนเล็ก ๆ ที่ปูอยู่ชานเรือนนั้น ลากที่นอนมาติดกับระเบียงเรือน เพื่อให้พิงกับระเบียงนั้นได้ถนัด
ร้อยตำรวจเอกเผชิญ ทรงศักดา นั่งพิงระเบียงในท่าที่สบาย มองดูทวนซึ่งนั่งอย่าบนพื้นตรงหน้าเฉยอยู่พักหนึ่ง พูดว่า
เลี้ยงดูอิ่มหมีพีมันดีแล้ว ต่อไปลื้อจะทำยังไงกับอั๊วอีก
ทวนยิ้ม
ก็ให้นอนพักผ่อนสบาย ๆ ไม่ต้องกลัวอะไร
เมื่อไรลื้อจะเอาอั๊วไปทำอะไรเสียที ผู้กองหนุ่มพูด เสียงเรื่อย ๆ
แล้วผู้กองจะรู้เอง ทวนพูดยิ้ม ๆ อีก
ฝีมือใครที่ทำอั๊วจนล้ม
ผมจะไปรู้ได้ยังไง มันยิงกันทั้งแนว
ผู้กองหัวเราะหึ
ไหนว่าจะถามอะไร
ผู้กองรู้ไหมว่า กำลังส่วนใหญ่ของผู้กองอยู่ที่ไหน นายตำรวจหนุ่มหัวเราะอีก ไม่ตอบคำถามนั้น ใครเป็นผู้บังคับบัญชากองกำลังนั้น ไม่มีเสียงตอบ นายตำรวจหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเพดาน ผู้กองรู้ไหมว่า ที่นี่อยู่ห่างจากเดิมบาง ฯ เท่าไหร่ คำถามนี้ทำให้ผู้กองหนุ่มเบนสายตามาจับอยู่ที่ใบหน้าของทวนนิ่ง แล้วผู้กองรู้ไหมว่า ถ้าออกจากที่นี่ไปเดิมบาง ฯ จะไปทางไหน ทิศไหน ทวนตั้งคำถามต่อ ความรู้สึกบนใบหน้าของผู้กองหนุ่มเปลี่ยนไปแวบหนึ่ง เขามองหน้าทวนนิ่ง สั่นหน้าข้า ๆ ทางที่จะไปเดิมบาง ฯ จะต้องออกไปทางทิศตะวันออก ไปไกลอีกร่วมร้อยกิโล และต้องใช้ม้า แล้วผู้กองรู้ไหมว่า ทิศตะวันออกมันอยู่ทางไหน ผู้กองหนุ่มสั่นหน้าอีก ทวนชี้มือไปทางเบื้องหลังของเขา เฉียงไปทางหัวไหล่ ตรงไปทางนี้ คือทางที่จะไปเดิมบาง ฯ ขี่ม้าไปเพียงชั่วโมงกว่าก็ถึง ผู้กองหนุ่มพยักหน้าช้า ๆ เขามองหน้าทวนด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เอาละ นอนเหอะ ทวนพูดล้มตัวลงนอน หันหัวไปทางที่ผู้กองหนุ่มนั่งพิงอยู่
Create Date : 26 ธันวาคม 2552 |
|
2 comments |
Last Update : 26 ธันวาคม 2552 3:15:50 น. |
Counter : 775 Pageviews. |
|
|
|
กลับมาแล้วค่ะ
หลังจากที่ไปสนุกสนานที่จังหวัดน่าน และจังหวัดเลย
สวยจริง ๆ และก็อาหารอร่อย จนน้ำหนักขึ้นมา 2-3 กิโล !!
ถ่ายภาพมามากมาย จะหาทางนำมาแบ่งปันกัน ในโอกาสกันควรต่อไป (คือต้องขอความช่วยเหลือจากลูกชายนะ ให้มาช่วยคุณแม่ up รูปภาพมาให้ชม)
ไปไหว้พระมาถึง 11 วัด
เอาบุญมาฝากท่านผู้อ่านทุกคนนะคะ
ขอให้ทุกท่านมีแต่ความสุข และสุขภาพดีทุกคน
ขอความเป็นมหามงคลจงมีแต่ทุกท่านตลอดปีเสือ (ที่เขาว่าจะดุ) นะคะ
ให้โชคดี และปลอดภัย
ธารน้อย