จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
10 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 

ทางเสือผ่าน (ตอนที่ 32)

ทางเสือผ่าน โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 32

ร้อยตำรวจเอกเผชิญบังคับม้าเร่งฝีเท้าเป็นควบเบา ๆ เมื่อเขานำขบวนออกมาพ้นชายหมู่บ้านมากแล้ว เขาหันมามองทางม้าที่ทวนนั่งกุมอยู่ที่ตัวอาน ทวนนั่งนิ่งอยู่บนอาน ไม่ได้มีท่าทีที่จะลำบากในการเลี้ยงตัวอยู่บนอานม้าโดยที่มือไม่ได้กุมบังเหียน ผู้กองหัวเราะหึ หันหน้ากลับ เขารู้แล้วว่าทวน ทองรุ่ง ต้องเป็นนักขี่ม้าที่ชำนาญ และหัวเข่าแข็งพอที่จะบังคับม้าได้ แม้มือไม่ต้องจับบังเหียน เขาเร่งฝีเท้าม้าขึ้นอีก หันกลับไปมองทางด้านข้างที่ทวนนั่ง ม้าที่ถูกจูงโดยเชือกสายยาว มีสิบตำรวจเอกจูงควบมานั้น มือของทวนยังคงกุมนิ่งอยู่กับหัวอาน ร่างของเขาโยกไปตามจังหวะก้าวของม้าที่เร็วขึ้นนั้นอย่างไม่มีกังวล และเกาะนิ่งอยู่บนอานในท่าควบที่ชำนาญ

แถวขบวนม้านั้นวิ่งควบไปในความมืด ตะบึงไปข้างหน้า จุดหมายปลายทางอยู่ที่บ้านกอไผ่ ผ่านหมู่บ้านอีกสองสามหมู่บ้านโดยไม่แวะพัก ความมืดเข้ามาปกคลุมหนาขึ้นจนแทบมองไม่เห็นกัน อาศัยความอ้างว้างของท้องทุ่ง ทำให้พอมองเห็นแถวริ้วขบวนที่ควบตามกันไปยาวเหยียด เสียงกระทบของเครื่องม้าดังเป็นจังหวะไปในความเงียบบนเส้นทางนั้น

สิบตำรวจเอกที่ควบม้าคุมตัวทวนอยู่ข้าง ๆ หันมาพูด

“ พ้นหมู่บ้านนี้ไปก็เข้าเขตบ้านกอไผ่แล้วครับ ผู้กอง ”

ทิวไม้ของหมู่บ้านข้างหน้าอยู่ไม่ห่างไกลนัก เพียงชั่วแค่ไม่ถึงนาทีก็จะถึงชายไม้นั้น ผู้กองหนุ่มยกมือเป็นสัญญาณให้ขบวนชะลอฝีเท้าม้าจนค่อย ๆ หยุดนิ่ง เขานั่งอยู่บนหลังม้า หันไปมองรอบ ๆ ตัว แล้วหันมาทางผู้หมู่ของเขา

“ เทียบ หิวมั้ย ”

สิบตำรวจเอกใต้บังคับบัญชา หัวเราะเบา ๆ

“ ผู้กองหิว ผมก็หิว ถ้าผู้กองไม่หิว ผมก็ไม่ ”

ผู้กองหนุ่มหันกลับไปมองดูลูกแถวที่ยืนม้าอยู่เบื้องหลังเป็นแถวยาวสงบนิ่งอยู่นั้น ครู่หนึ่ง เขาขบฟันสะบัดหน้า

“ เราจะไปกินข้าวเย็นที่บ้านกอไผ่ ถึงมันจะเป็นข้าวมื้อดึก ” เขาตะโกนออกมาเสียงหนัก ๆ “ ตามข้าพเจ้า ”

เขากระแทกส้นเท้าเข้าที่ชายโครงม้าแรง ๆ มันโจนเผ่นออกไปด้วยแรงกระแทก สาดเท้าโผนออกไปเต็มเหยียด ขบวนม้าทั้งแถวเผ่นโผนออกตามไป ทวนกระชับเข่าเข้ากับอานม้า เมื่อถูกกระชากด้วยเชือกที่ติดอยู่กับมือของสิบตำรวจเอกที่คุมเขาอยู่นั้นออกไป มือที่อยู่ในเครื่องพันธนาการนั้นเกาะแน่นอยู่กับหัวอาน เขายกขึ้นในท่าโหย่งตัวควบม้าด้วยความชำนาญ

ทวนนึกถึงครูที่ฝึกบังคับม้าให้เขาเมื่อเขายังเป็นนักเรียนทหาร ที่ให้นั่งกอดอกบนหลังม้าที่ไม่มีอาน แล้วครูใช้แส้ตีม้าให้วิ่งเป็นวงกลม มีสายเชือกผูกบังเหียนอยู่ในมือครู นักเรียนต้องเลี้ยงตัวให้อยู่บนหลังม้านั้นให้ได้โดยใช้แต่เพียงกำลังเข่าหนีบหลังม้าเท่านั้น หลาย ๆ คนหมดกำลังเข่า ตกลงมาคลุกฝุ่น และถูกจับบังคับให้ขึ้นหลังม้าใหม่ในท่าเดิม จนกว่าจะบังคับม้าได้

ณ บัดนี้ เขาได้ใช้วิชาที่ได้รับการฝึกมานั้นอย่างเต็มที่ เขานึกขอบคุณครูที่ฝึกให้เขาไม่ต้องลงมาคลุกฝุ่นในท้องทุ่ง

ผู้กองหนุ่มหันมามองดูร่างของทวนที่นั่งนิ่งอยู่บนหลังม้า ในท่ายกก้นพ้นอานนั้นอย่างฉงน ในขณะที่ตัวเขาเองยังต้องใช้มือจับบังเหียนกระชับแน่น โยกม้าให้วิ่งควบอยู่นั้น เขาสะบัดหน้ากลับ เร่งฝีเท้าม้าเร็วขึ้นอีก อ้อมผ่านชายไม้หมู่บ้านนั้นไป ไม่แวะเฉียดกรายเข้าไปใกล้

ความรู้สึกหิวโหยทำให้เขารีบเร่งฝีเท้าม้าหนักขึ้น เพื่อให้ถึงที่หมายเร็วขึ้น เขารู้ดีว่า ความหิวโหยแบบเดียวกับที่เขากำลังรู้สึกอยู่นี้ต้องเกิดขึ้นกับความรู้สึกของผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเช่นกัน เขาตำหนิความหุนหันของเขาในตอนเย็นอยู่ในใจเงียบ ๆ สลัดความคิดนั้นออกไป หันมามองทางด้านข้าง ๆ ตัวอีกแวบหนึ่ง ร่างของทวนยังนั่งยกก้นนิ่งอยู่บนหลังม้าที่ควบไปด้วยแรงดึงของเชือกในมือของผู้คุม เขาสะบัดหน้ากลับ

เงาตะคุ่ม ๆ ของม้าที่มีคนขี่อยู่บนหลังม้าตัวหนึ่งออกมาจากหมู่บ้านวิ่งผ่านกลุ่มม้าของผู้กองตำรวจไปอย่างเร่งรีบ เงาตะคุ่มของม้าตัวนั้นห้อตะบึงไปอย่างรวดเร็ว ผู้กองหนุ่มร้องตะโกนออกไป

“ เฮ้ย หยุด ”

ม้าตัวนั้นไม่หยุดตามคำตะโกนสั่ง ห้อตะบึงทิ้งระยะห่างออกไป ผู้กองกระแทกส้นเข้ากับท้องม้ากระโจนเผ่นติดตามไป

“ ผู้กอง อย่า – อย่าตามไป ” ทวนตะโกนสุดเสียงไล่หลังไป

เสียงของทวนไม่ได้ทำให้นายตำรวจหนุ่มลดละ กลับเร่งฝีเท้าม้าตามไป แถวขบวนม้าทั้งหมดต้องเร่งฝีเท้าตามม้าตัวนั้นไปด้วย ทวนนั่งหนีบเข่าอยู่บนหลังม้าที่ถูกดึงไปด้วยนั้นอย่างมีกังวล

ฝีเท้าม้าเดี่ยวตัวนั้นเร็วกว่าฝีเท้าม้าของขบวนที่ต้องติดตามกันมานั้นมาก พักเดียวม้าตัวนั้นก็ถูกความมืดกลืนหายไป

ผู้กองหนุ่มดึงม้าให้หยุด เขาสะบัดหน้าอย่างหัวเสีย รอบ ๆ ตัวมีแต่ความมืด เขาไม่อาจจะเดาได้ว่าม้าตัวนั้นจะหันเหไปในทิศทางใด ขบวนทั้งหมดมาหยุดอยู่ข้าง ๆ ผู้กองหนุ่มหันไปมองทวนที่ยังนั่งสงบนิ่งอยู่บนหลังม้าที่ถูกจูงมาอยู่ข้าง ๆ เขา ในความมืด นายตำรวจหนุ่มไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของผู้ที่นั่งม้านิ่งอยู่ข้าง ๆ เขานั้นว่าเป็นอย่างไร

“ ไอ้ม้าตัวนั้นมันคงจะไปบอกข่าว ” ผู้กองพูดออกมาดัง ๆ “ มันรู้ได้ยังไงว่าเรามา ”

“ แถวนี้เป็นถิ่นของเสือฝ้าย ” ทวนพูดออกมาในความมืด

“ เทียบ ” ผู้กองเรียกสิบตำรวจเอกลูกน้อง “ ไขกุญแจมือผู้ต้องหาออก ”

สิบตำรวจเอกผู้ได้รับคำสั่งปล่อยเชือกจูงในมือ ล้วงกระเป๋าหยิบลูกกุญแจมือออกมา ขยับม้าเข้าไปข้าง ๆ ม้าของทวน เอื้อมมือไปจัดการไขกุญแจมือคู่นั้นออกจากข้อมือ ทวนสลัดมือขจัดความเมื่อยล้า เขายังไม่เข้าใจความประสงค์ของนายตำรวจหนุ่ม

“ ลื้อนำหน้าไป ” เขาสั่งการกับทวน “ ไม่ต้องใช้ความเร็วมาก ถ้าอั๊วสั่งหยุด ต้องหยุด ไม่งั้นอั๊วไม่รับผิดชอบที่จะต้องทำอะไรสักอย่างให้ลื้อหยุด ”

ทวนเพิ่งจะเข้าใจในความคิดของผู้กอง เขาคว้าบังเหียนม้าเข้าไว้ในมือ

“ ผู้กองจะให้ผมนำไปทางไหน ” เขาหันมาถาม

“ ตรงหน้า เข้าหาบ้านกอไผ่ ”

ทวนหัวเราะหึ

“ ถ้าผู้กองคิดจะกำจัดผมด้วยวิธีง่าย ๆ อย่างนี้ ผู้กองก็คิดผิด ”

“ อั๊วไม่เคยคิดอะไรผิด ” ผู้กองกระแทกเสียงออกมา “ ไปได้ นำหน้าไป ”

ทวนหัวเราะเบา ๆ อีก คราวนี้เขาไม้พูด กระแทกส้นเท้าเข้ากับท้องม้ายะยานออกไป เขาบังคับม้าให้วิ่งควบเต็มฝีเท้า ไม่ได้หันมามองข้างหลัง ตัวก้มต่ำ บังเหียนดึงเร่งม้านิ่งในท่านั้น

ขบวนม้าขยายแถวออกเป็นปีกกา ตามหลังม้าของทวนมาติด ๆ ฝีเท้าม้าของทวนเป็นฝีเท้าของม้าที่ได้รับน้ำเลี้ยงอย่างดี มันเร็วกว่าฝีเท้าม้าของตำรวจ ม้าของทวนจึงค่อย ๆ ทิ้งระยะห่างออกไป ในความมืดเกือบจะสนิทนั้น ร่างของเขาค่อย ๆ จะลับหายไปจากสายตาของคนที่อยู่บนม้าที่ตามหลังมา

ผู้กองหนุ่มกระชากปืนออกมาจากซองข้างเอวเหนี่ยวไกเปรี้ยงออกไปทางร่างของทวนที่กำลังทิ้งระยะห่างออกไปนั้น ทวนหมอบนิ่งก้มตัวลงต่ำ ในท่านั้นเขายิ่งถนัดที่จะเร่งฝีเท้าม้าที่เร็วกว่าอยู่แล้วให้เร็วยิ่งขึ้น ครู่เดียวร่างของเขาก็หายไปกับความมืด

นายตำรวจหนุ่มชูมือขึ้นสูงก่อนที่จะออกคำสั่งให้ขบวนม้าในบังคับบัญชาของเขาหยุด แถวขยายนั้นหยุดล้อมรอบตัวเขาอยู่

“ เตรียมประจัญบาน ” เขาออกคำสั่ง “ อาวุธพร้อมเข้าโจมตี ”

เสียงลูกเลื่อนปืนถูกกระชากดังไปทั่วกลุ่ม

“ เทียบ เข้ามาหาอั๊ว ” เขาออกคำสั่งเรียกตัวตำรวจมือดีของเขา
ผู้ถูกเรียกชักม้าเข้ามาเคียงข้าง

“ เทียบ ลื้อคุมกำลังสิบคน แยกออกไป อ้อมเข้าทางด้านซ้าย เข้าตีทางปีก อย่ายิงจนกว่าจะได้ยินเสียงปืนจากด้านอั๊ว ” ผู้กองออกคำสั่ง

“ ผู้กองครับ ” ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเรียกด้วยเสียงหนัก ๆ

“ ว่ายังไง ”

“ ผมขออนุญาตออกความเห็น ”

“ ได้ – ว่ามา ”

“ ผมคิดว่า การเข้าจู่โจมของเราครั้งนี้จะเป็นอันตราย ” หมู่เทียบพูด “ ทางที่หมายต้องรู้ตัวแล้ว และผู้กองให้ผมไขกุญแจมือผู้ต้องหาทำไม ”

ผู้กองหนุ่มหยุดไปชั่วครู่ พูดออกมาว่า

“ ลื้ออย่าคิดบ้า ๆ อย่างไอ้หมอนั่น ” เขาชี้ไปที่เงาตะคุ่มของทิวไม้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงกี่ร้อยเมตรตรงหน้า “ นั่นคือที่หมายของเรา หมู่บ้านกอไผ่ อั๊วต้องการให้มันหนีเหมือนกัน เพื่อมุ่งเข้าหาที่หมาย แล้วเราจะตามติดเข้าไปในขณะที่พวกมันคิดว่า ไอ้เสือนั่นหนีเรามาได้ ”

เขาหยุดพูด ส่ายหัวช้า ๆ

“ อั๊วคิดไม่ถึงว่า ฝีเท้าม้าของมันจะเร็วอย่างนี้ มันเร็วไม่น่าเชื่อ ”

“ เสียงปืนที่ผู้กองยิงไล่หลังมันไป ก็เป็นเสียงที่สนับสนุนการเตือนอีกด้วย ”

“ เรามาถึงขั้นนี้แล้ว เทียบ ถอยไม่ได้ ”

“ เรายังพอมีทางขยับขยายครับ ”

“ ไม่ต้องขยับขยายอะไรอีก ตามอั๊วมา ” เขาสะบัดหน้าพรืด กระตุ้นม้ากระโจนออกไป

“ ตำรวจหนุ่ม เฮ้อ ” ผู้หมู่เทียบถอนหายใจพึมพำออกมาก่อนที่จะกระตุ้นม้า นำแถวขยายปีกกาตามไป




 

Create Date : 10 ธันวาคม 2552
0 comments
Last Update : 10 ธันวาคม 2552 23:13:55 น.
Counter : 741 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.