ทางเสือผ่าน (ตอนที่ 23)
ทางเสือผ่าน โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ ตอนที่ 23
ขบวนกองม้ากองใหญ่ของตำรวจในเครื่องแบบครบเครื่องขยายแถวเข้าสู่หมู่บ้านที่เห็นทิวไม้ทอดอยู่ข้างหน้า ม้าสองตัวที่ควบคู่กันอยู่ข้างหน้าแนวปีกขยายนั้น คนที่นั่งอยู่บนหลังเป็นชายฉกรรจ์ คนหนึ่งอยู่ในเครื่องแบบร้อยตำรวจเอก อีกคนอยู่ในชุดชาวบ้าน
ร้อยตำรวจเอกเผชิญ ทรงศักดา และผู้ใหญ่ดำเกิง
ม้าคู่นำ เร่งเข้าสู่ทิวไม้ชายบ้าน ควบลุยเข้าไป แถวปีกขยายที่ตามมาข้างหลัง โอบล้อมตีปีกเข้าสู่หมู่บ้านที่เรียงรายกันอยู่นั้น ฝูงคนทั้งเด็กผู้หญิงที่ออกมาดูอยู่วิ่งแตกฮือ เสียงร้องหวีดว้ายดังไปทั่ว ต่างแตกตื่นวิ่งหนีขึ้นเรือนไม่เป็นขบวน
ร้อยตำรวจเอกหนุ่มโดดลงจากหลังม้า ในมือกำปืนประจำตัวกระชับ เขาวิ่งลัดเลาะไปตามเสาเรือน ผู้ใหญ่ดำเกิงวิ่งตามไปติด ๆ
ไม่มีการต่อสู้ขัดขวางจากคนมนหมู่บ้านนั้น ทุกคนที่ออกมายืนอยู่ ซึ่งมีแต่ชายฉกรรจ์เท่านั้น ต่างก็ยืนกอดอกมองดูกำลังที่บุกเข้ามานั้นเฉยอยู่
เสือฝ้ายอยู่ที่ไหน ร้อยตำรวจเอกหนุ่มตะโกนก้อง
เงียบ ไม่มีเสียงตอบ
ชายในวัยกลางคนคนหนึ่งก้าวออกมารับหน้า
ที่นี่ไม่มีเสือฝ้าย เขาพูดกับนายตำรวจหนุ่มด้วยเสียงเรียบ ๆ
คุณเป็นใคร ฝ่ายตำรวจถาม
ผมเป็นผู้ใหญ่บ้านที่นี่ ชื่อเฟี้ยม เป็นคำตอบเสียงเรียบ ๆ จากชายคนนั้น
เสือฝ้ายผ่านมาทางนี้หรือเปล่า
เสือฝ้ายไม่ได้ผ่านมาทางนี้ เสียงตอบนั้นเป็นสำเนียงเดิม
นายตำรวจหนุ่มยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น หันไปมองผู้ใหญ่ดำเกิงที่เข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ กองกำลังอันมากมายยืนเรียงรายกันอยู่เบื้องหลัง รอฟังคำสั่ง
ขึ้นค้นทุกบ้าน คำสั่งหลุดออกมาจากปากนายตำรวจหนุ่ม
คนในกองกำลังแยกย้ายกันไปทั่ว เสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้นอีก เมื่อคนในกองนั้นแยกย้ายกันขึ้นไปตรวจค้นบนบ้านแต่ละหลัง
พักใหญ่คนทั้งหมดนั้นก็กลับลงมารายงาน ไม่มีครับ ไม่มีวี่แววอะไรเลย ออกเดินทางต่อ นายตำรวจหนุ่มโบกมือสั่ง ฝูงม้าร่วมห้าสิบนั้นควบออกสู่ชายบ้านด้านหลัง เสียงโห่ขับไล่ของชายฉกรรจ์ของหมู่บ้านที่ลงมายืนกอดอกดูการทำงานของตำรวจดังขึ้นลั่นไปทั่ว ฝูงม้าควบตะบึงพ้นชายไม้ออกไปโดยไม่เอาใจใส่กับเสียงโห่นั้น ครู่เดียวเสียงฝีเท้าม้าก็ลับไปในท้องทุ่ง ผู้ใหญ่เฟี้ยมแหงานหน้าหัวเราะสียงก้อง
ขบวนม้าขบวนเดียวกันนั้นควบห้อเหยียดมาโดยไม่ได้หยุดยั้ง จนทิวไม้ของหมู่บ้านข้างหน้าปรากฏให้เห็นอีกหมู่บ้านหนึ่ง ขบวนใหญ่นั้นมุ่งเข้าสู้บ้านตรงหน้า ผู้บังคับกองหนุ่ม สั่งพลพรรคขยายแถวออกเป็นปีกกาโอบล้อมเป็นรูปเข้าตี ทุกคนบนหลังม้าอยู่ในสภาพเตรียมพร้อม อาวุธประจำกายอยู่ในท่าพร้อมลั่นไก ร้อยตำรวจเอกเผชิญ โดดลงจากหลังม้าอย่างว่องไว เมื่อม้าของเขาควบเข้าสู่ชายบ้าน วิ่งนำหน้าบุกเข้าไป ไม่มีความเคลื่อนไหวในทางต่อต้านที่นั่น ชาวบ้านแต่ละหลังคาเรือนยังอยู่ในสภาวะที่สงบเงียบ ไม่มีใครที่จะรู้ถึงการบุกเข้ามาของกองกำลังร่วมครึ่งร้อยกองนี้ เพียงแต่ต่างคนต่างลงมาจากบ้านเมื่อได้ยินเสียงผิดปกติอึกทึก ทั้งหญิงและชายเด็กเล็กลงมาดูการขยายแถวของบุคคลในเครื่องแบบด้วยอาการสงบนิ่ง มองดูการเคลื่อนไหวอันสับสนนั้นด้วยสายตาแปลกใจเท่านั้น ใครเป็นผู้ใหญ่บ้านที่นี่ ผู้บังคับกองหนุ่มหยุดถามกับชาวบ้านคนหนึ่งที่ประจันหน้าอยู่ ที่นี่ไม่มีผู้ใหญ่บ้าน เป็นเสียงตอบจากคนคนนั้น เฮ้ย ผู้กองร้องออกมาคำเดียว มันยังไงกันวะ ผมพอจะรู้ว่า ผู้ใหญ่บ้านที่นี่ชื่อม้วน ผู้ใหญ่ดำเกิงเข้ามาพูดเบา ๆ ที่ข้างหูผู้กอง ผู้ใหญ่ม้วนอยู่ไหน ผู้กองหนุ่มถามกับลูกบ้านที่ยังอยู่ข้างหน้า ผู้ใหญ่ม้วนถูกยิงตายแล้ว วะ ผู้กองหนุ่มอุทานออกมาอีก ใครยิงล่ะ
เสือฝ้าย พวกเราเพิ่งจะจัดการเผากันเองไปไม่กี่วันมานี้ ชายคนนั้นตอบ ชาวบ้านเริ่มจะพากันเข้ามาห้อมล้อมทีละคนสองคน
เสือฝ้ายไปเสียที่ไหนล่ะเวลานี้ ผู้กองขยับปืนในมือ
เสือฝ้ายออกไปทางโน้น คนตอบชี้มือไปทางที่กองกำลังเพิ่งจะสวนเข้ามา
ไม่มีใครเป็นผู้ใหญ่แทนหรอกหรือ
ยังไม่มี พวกเราจะให้ลูกชายเขาเป็น เขาก็ยังไม่ยอมรับ เสียงใครคนหนึ่งที่ล้อมอยู่นั้นตอบ
อุวะ ผู้กองอุทานออกมาอีก แล้วจะอยู่กันยังไง ไม่มีผู้ใหญ่รับผิดชอบ ไปตามตัวลูกชายมาหน่อย
คนพูดเดินหายไปพักใหญ่ พาเอาเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาด้วย
เราเป็นลูกชายผู้ใหญ่ม้วนเหรอ ผู้กองถาม
ครับ เสียงตอบสั้น ๆ แค่นั้น
ทำไมถึงไม่ยอมรับเป็นผู้ใหญ่บ้านแทนพ่อ
ผมไม่อยากเป็น ไม่รู้จะเป็นไปทำไม ถูกฆ่าตาย ไม่เห็นใครเอาใจใส่
แล้วบ้านนี้จะอยู่กันยังไง ไม่มีผู้ใหญ่บ้านปกครอง
เราอยู่กันได้ เสียงตอบนั้นห้วน ๆ ต่างคนต่างก็ต้องช่วยตัวเองอยู่แล้ว หมดตัวกันทุกบ้าน
ทำไมล่ะ
เสือฝ้ายปล้นเอาไปหมดทุกครัวเรือน ไม่มีอะไรเหลือ ผู้กองหนุ่มกวาดสายตาไปทั่วใบหน้าของผู้คนที่เข้ามาล้อมซึ่งชักจะหนาแน่นขึ้น ใบหน้าของแต่ละคนเป็นใบหน้าของคนหมดหวังหมดอาลัยตายอยาก ผู้ใหญ่ดำเกิงก้าวเข้ามายืนข้าง ๆ ผู้กอง
แบ่งข้าวของเสบียงของพวกเราให้ไปบ้างก็ได้ครับ เขาพูด พอจะช่วยกันได้บ้าง เราจะย้อนกลับติดตามไปแล้วใช้ไหมครับ
เราต้องย้อนกลับแน่ ผู้กองหนุ่มขบฟันพูด แต่เราจะพักอยู่ที่นี่ก่อน ถ้าจะกลับไปเดี๋ยวนี้จะเหน็ดเหนื่อยกันมากไป
ถ้าพัก เราอาจตามไม่ทัน ผู้ใหญ่ท้วง
เราจะมุ่งเข้าบ้านกอไผ่เลย ผู้กองขบฟัน กรามขึ้นเป็นสัน เสือฝ้ายต้องกลับเข้าถิ่นแน่ เราจะบุกเข้าหาที่นั่น
ถ้าเราจะพักที่นี่ เราก็ต้องแบ่งอาหารการกินให้เขาด้วย ผู้ใหญ่ดำเกิงกระซิบเบา ๆ ที่หูผู้กอง เราจะนั่งดูพวกเขาอดอยากได้ยังไง
เราต้องแบ่งอยู่แล้ว ผู้กองเถียง เราจะพักสักคืนหนึ่งเอาแรง ผมว่าพวกเราก็ต้องการเช่นนั้น ผู้ใหญ่ไปสั่งคนของผู้ใหญ่ ผมจะสั่งคนของผม
ผู้ใหญ่ดำเกิงหมดทางทัดทาน แยกออกไปสั่งการกับคนของตัวตามความต้องการของผู้กอง ทั้งสองคนต่างไปสั่งปลดม้า ขนข้าวของออกแจกจ่ายชาวบ้านตามมีตามเกิด เหลือเสบียงไว้พอตัว ชาวบ้านพากันมารับแจกข้าวของด้วยความดีใจ พวกที่ไม่ได้รับเพราะอาหารเสบียงมีไม่มากก็ต้องพาใบหน้าที่แห้งแล้งนั้นกลับไป ผู้กองหนุ่มมองดูอาการของพวกนั้นด้วยใบหน้าเวทนา เขาส่ายหน้าช้า ๆ ขบฟัน ในใจอัดแน่นไปด้วยไฟแค้น
เสือฝ้าย เราจะต้องเจอกัน เขาพึมพำออกมาเบา ๆ
แสงไฟจากกองไฟไม่กี่กองที่ชายหมู่บ้านส่งแสงวอมแวมเมื่อยามเข้าไต้เข้าไฟ ทุกชีวิตในที่นั้นอยู่ในความสงบเงียบ ฝูงม้าที่ถูกผูกไว้เรียงรายอยู่ตามต้นไม้ชายหมู่บ้าน บ้างก็นอนส่งเสียงครืดคราด อาหารของมันบางส่วนถูกแบ่งไปให้คนเหมือนกัน พวกมันไม่ได้กินอิ่มอย่างเคย เสียงขยับตัวของมันเป็นเสียงเดียวที่ได้ยินเป็นพัก ๆ ในยามสงบเงียบอย่างนั้น
ชายฉกรรจ์ที่คุมกันมาแยกย้ายกันเอนหลังลงนอนด้วยความอ่อนเพลีย จากการไล่ติดตามอย่างไม่หยุดยั้งเมื่อตอนกลางวัน ต่างพากันหลับใหลด้วยความเหนื่อยอ่อน
ร้อยตำรวจเอกเผชิญ ทรงศักดา นอนหงายลืมตาดูแสงเดือนครึ่งเดือนที่ส่องอยู่บนฟ้า ลอดลงมาตามช่องใบไม้บนศีรษะ กรามของเขาขบกันเป็นสัน แค้นของเขายังสุมอก
ผู้ใหญ่ดำเกิงที่นอนอยู่ข้าง ๆ พลิกตัว กระสับกระส่าย เขาลืมตามองดูผู้กองหนุ่มที่นอนถอนหายใจยาวลึก ๆ อยู่ข้าง ๆ เป็นพัก ๆ พยายามที่จะบังคับตัวเองให้หลับอยู่เหมือนกัน
Create Date : 29 พฤศจิกายน 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2552 22:17:17 น. |
Counter : 1060 Pageviews. |
|
|
|