ทางเสือผ่าน (ตอนที่ 26 )
ทางเสือผ่าน โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ ตอนที่ 26
ทวน ทองรุ่ง หรือ ร้อยตำรวจเอกเทพ พงษ์พิมาน ก้าวลงจากบ้านพักเช้ามืดของวันรุ่งขึ้น เขาสะพายย่ามอันเดิม เดินไปที่ม้าประจำตัวที่ผูกอยู่ราวหน้าบ้าน มีตำรวจกำลังให้ข้าวให้น้ำอยู่ เขาหยุดยืนดูการปฏิบัติงานของตำรวจคนนั้น นี่ก็คงเป็นคำสั่งของผู้การที่ให้ที่การดูแลพาหนะของเขาเป็นอย่างดีเพื่อการเดินทางต่อไป เขายืนรอจนการทำงานของตำรวจผู้นั้นเสร็จลงเรียบร้อย เครื่องม้าถูกนำมาผูกครบถ้วน คนปฏิบัติงานจึงถอยออกมาจากม้าตัวงามนั้น เขาชิดเท้าตรงในท่าทำความเคารพเมื่อทวนเดินเข้ามา
ทวนตบไหล่ตำรวจคนนั้นเบา ๆ
ขอบใจ ไอ้น้องชาย
ตำรวจผู้นั้นถอยออกไปห่าง เมื่อทวนแก้บังเหียนที่ผูกอยู่กับราวไม้ออก จูงม้าย่างก้าวไปทางด้านทางออกของหมู่บ้าน เขาเหยียบโกรน โหนตัวขึ้นนั่งบนอานพาพ้นหมู่บ้านเป็นแถวเรียงรายนั้นออกไปสู่ที่ว่าง บังคับม้าออกสู่ท้องทุ่ง ชักม้าบ่ายหน้าออกสู่แสงตะวันยามเช้า ควบตะบึงออกไปตามทางแคบ ๆ ที่ทอดอยู่ชายทุ่งนั้น
ชายในวัยกลางคนยืนกอดอกอยู่ที่หน้าต่างเรือนชายหมู่บ้าน มองดูร่างของทวนบนหลังม้าที่ควบออกไป พลางยิ้มอย่างชอบใจ หันหน้ากลับผละจากหน้าต่างนั้นช้า ๆ เขาคือ
พันตำรวจเอก พิชัย พิทักษ์มนตรี ผู้บังคับการของหน่วยเฉพาะกิจหน่วยนั้น
ร่องรอยของการถูกทำลายเสียหายยังมีปรากฏให้เห็นอยู่ที่บ้านหนองตากลับเมื่อทวนย่างม้าเข้าไป บ้านช่องที่ถูกทำลายหลายหลังยังอยู่ในสภาพที่พังราบ เจ้าของบ้านบางหลังที่ยังเหลืออยู่ตั้งวงนั่งล้อมรอบกันอยู่บนที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีบ้านปลูกอยู่ มีเพิงที่ทำขึ้นมาอย่างไม่แข็งแรงอะไรนัก เป็นที่คุ้มแดดคุ้มฝนตามมีตามเกิด เด็กเล็ก ๆ สามสี่คนวิ่งเล่นอยู่รอบ ๆ เสาเรือนที่ถูกไฟไหม้ยังไม่ได้รับการรื้อถอนออกไป มีควันไฟกรุ่น ๆ ออกมาจากบ้านบางหลังที่ได้รับการซ่อมแซมบ้างแล้วเป็นหย่อม ๆ ใบหน้าของผู้คนที่เดินไปมาอยู่ไม่กี่คนนั้นดูเศร้าหมอง ทั้งหมู่บ้านดูเสมือนหนึ่งบ้านร้างที่นับตัวบุคคลได้ อยู่ในสภาพเงียบเหงาไปทั่ว ทวนวาดขาลงจากหลังม้า เขาจูงมันเดินเรื่อย ๆ เข้าไปในหมู่บ้าน เขาจำบ้านหลังที่เขาเคยถูกจองจำหลังนั้นได้ และลานกว้างที่เขาเคยถูกพันธนาการอยู่กลางแดดนั้น เขาก็ยังจำมันได้ เขาจูงม้าผ่านลานนั้นไปช้า ๆ เสาอันที่เขาถูกมัดล่ามก็ยังอยู่ที่เดิมของมัน
เด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งลงมาจากบ้านหลังที่เขากำลังมุ่งหน้าเข้าไปหา
พี่ทวน พี่ทวน เด็กหนุ่มคนนั้นตะโกนก้องมา พี่ทวนกลับมาแล้ว
ทวนหยุดอยู่ตรงนั้นเมื่อเด็กหนุ่มเข้ามาถึงตัว และกระโดดเข้ากอด
พี่ทวนมารับข้าจริง ๆ ด้วย เด็กหนุ่มละล่ำละลักด้วยความดีใจ
โทน ทวนเรียกชื่อเด็กคนนั้น พลอยยังอยู่ที่นี่หรือเปล่า
อยู่จ้ะ พี่ทวน อยู่บนบ้านนั่น โทนชี้มือขึ้นไปทางเรือนที่ตัวเองพึ่งจะวิ่งตื๋อลงมา
ทวนแหงนหน้ามองไปที่บ้านหลังนั้น เด็กสาวคนหนึ่งยืนนิ่งมองดูเขาอยู่ที่ลูกกรงระเบียงบ้านนั้น ทวนจูงม้าข้างหน้า จูงมือเด็กหนุ่มด้วยมืออีกข้างหนึ่ง ก้าวช้า ๆ เข้าไปที่บ้านหลังนั้น เขาผูกม้าไว้ที่เสาเรือนแล้วจูงมือโทนก้าวขึ้นบันไดบ้านหลังนั้นขึ้นไป
เด็กสาวยกมือไหว้เมื่อทวนก้าวขึ้นมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย ไม่มีคำพูดออกจากปากของพลอย
ทวนเดินเข้าไปนั่งลงบนเสื่อที่ปูอยู่บนพื้น ปลดย่ามลงจากบ่า
เป็นไงมั่ง พลอย เอ็งยังสบายดีอยู่หรือ
ก็ตามมีตามเกิดแหละจ้ะพี่ พลอยนั่งลงตรงหน้าห่าง ๆ
ข้าน่ะนึกว่าจะอพยพกันไปหมดแล้วเสียอีก ทวนพูดเสียงเนิบ ๆ กลับมานี่ก็เพื่ออยากรู้ว่าเป็นยังไงมั่ง ดีที่ยังอยู่กัน โดยเฉพาะเอ็ง แล้วนี่ทำมาหากินอะไรกันล่ะ "
ก็ปลูกผักปลูกหญ้ากันตามมีตามเกิด ที่เหลือกินอยู่อีกไม่กี่บ้านก็ยังไม่รู้จะไปทางไหน ช่วย ๆ กันไปนี่แหละ พี่ทวน หญิงสาวพูดเสียงเครือ
ข้ามานี่ก็ตั้งใจว่าจะมาช่วยตามมีตามเกิดเหมือนกัน มาแก้ชื่อพ่อของข้าที่ถูกหาว่ามาปล้นที่นี่ ตอนนั้นข้าเองก็โดนจับมาทรมานที่นี่ แล้วได้น้ำใจของเอ็งช่วยข้าไว้ครั้งนั้น ข้าไม่มีวันลืม
พลอยก้มหน้านิ่ง ไม่มีคำพูด
ข้าจะอยู่ที่นี่ช่วยพวกชาวบ้านสร้างหนองตากลับขึ้นมาใหม่ ทวนพูดช้า ๆ เน้นคำ ข้าพอมีอะไรที่พอจะเป็นกำลังช่วยกันได้ในยามนี้ หมู่บ้านนี้ไม่ได้ถูกปล้นด้วยฝีมือพ่อข้า ข้าอยากจะให้พี่น้องที่นี่เข้าใจเสียด้วย พวกที่มาปล้นที่นี่คือพวกที่ทรยศต่อพ่อ มันชื่อไอ้ช้วย มันเข้าปล้นแล้วอ้างชื่อพ่อข้า พ่อได้ตามไปเจอตัวมันแล้ว และจัดการสำเร็จโทษมันเรียบร้อยไปแล้ว ไอ้ช้วยสิ้นชื่อดับไปแล้วด้วยฝีมือพ่อข้าเอง ทีนี้ก็ถึงทีข้าที่จะต้องมาสร้างที่นี่ให้ฟื้นขึ้นมาใหม่
พลอยเงยหน้าขึ้นมองดูคนพูดแวบหนึ่งแล้วก้มหน้าพูด
เราก็ช่วยตัวเราเองกันอยู่แล้ว แต่มัน ...
เอ็งไม่ต้องกังวลแล้วต่อไปนี้ ทวนพูดขึ้นเมื่อเสียงนั้นขาดหายไปด้วยความตันใจ ข้าจะอยู่ที่นี่จนกว่าข้าจะแน่ใจแล้วว่า พวกพี่น้องที่นี่ช่วยตัวเองต่อไปได้
พี่จะทำยังไง พลอยเงยหน้าขึ้นถาม มันไม่เรื่องเล็ก ๆ
ข้าจะทำตามกำลังที่ข้าจะทำได้ ทวนพูดเสียงหนักแน่น ข้าจะเข้าไปอำเภอ หาซื้อพันธุ์ข้าวพันธุ์ไม้มาลงบนดินที่นี่ เราจะช่วยกันเพาะปลูกข้าว ผัก และขุดบ่อปลา หาพันธุ์ปลามาปล่อย ข้าว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถ้าเราจะช่วยกันทั้งหมู่บ้านเท่าที่เหลือนี่ ข้าจะพูดกับพวกพี่น้องที่เหลืออยู่นี่เอง "
พวกผู้ชายเหลืออยู่แต่คนแก่ ๆ ไอ้ที่หนุ่มก็โดนฆ่าไปแทบหมดแล้ว พี่ทวนก็เห็นแล้ว
เอาพวกที่ยังเหลืออยู่นี่แหละให้มันช่วยกัน จะมานั่งงอมือ-งอตีนกันอยู่ได้ยังไง ข้าพอมีข้าวของทองหยองพอที่จะเอาไปแลกเปลี่ยนเป็นเงิน แลกพันธุ์ข้าวพันธุ์ผักพันธุ์ปลาได้มากอยู่ แล้วข้าก็มีของฝากสำหรับเอ็งมาด้วย
ทวนล้วงลงไปในย่าม ควานหาอยู่พักหนึ่งก็ล้วงเอากำไลทองอันงามนั้นออกมา
กำไลอันนี้ข้าได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของข้า เอ็งใส่ไว้ที่ข้อมือเอ็ง มันคือน้ำใจของข้าที่ตอบแทนน้ำใจของเอ็งครั้งนั้น
ฉันไม่ได้หวังอะไรตอบแทนนี่ พี่ทวน พลอยเงยหน้าขึ้นมองตาทวน ฉันสงสารพี่เท่านั้นตอนนั้น
เออ ข้ารู้ น้ำใจเอ็งนั้นประเสริฐนัก ทวนยื่นกำไลอันสวยนั้นออกไป เอ็งรับไว้เถอะ ถ้าเอ็งไม่รับ ข้าจะเสียใจ และข้าจะเสียใจไปอีกไม่รู้นานเท่าไร
พลอยค่อย ๆ ยื่นมือออกมารับกำไลไปจากมือทวน มาวางไว้ข้าง ๆ ตัว
ใส่มันเสียซี พลอย ทวนพูด ข้าอยากเห็นมันอยู่ที่ข้อมือเอ็งตลอดไป
พลอยหยิบกำไลขึ้นมาสวมเข้ากับข้อมือ
เออ มันเหมาะกับข้อมือเอ็งยังกับวัดเอาไว้ ทวนพูด หัวเราะชอบใจ เอ็งชอบมันมั้ย
ชอบจ้ะ พลอยพูดเสียงเบา ๆ เลือดสีชมพูเรือ ๆ ปรากฏขึ้นที่แก้มทั้งสอง ก้มหน้าหลบตา
ทวนลุกขึ้นช้า ๆ
เอาละ ข้าจะเข้าไปอำเภอเสียเลย ไปหาอะไรต่ออะไรให้ครบ
ฉันไปด้วย พี่ทวน เสียงตะโกนอยู่ที่ริมบันไดนั้นเป็นเสียงของโทน
โทน เสียงพลอยเรียกดุ ๆ เอ็งจะไปได้ยังไง อย่านะ
ข้าจะไป โทนโดดเข้าเกาะแขนทวน เอาข้าไปด้วยนะ พี่ทวน
ทวนหัวเราะ โอบไหล่เด็กหนุ่มพาลงบันไดไป
Create Date : 03 ธันวาคม 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 3 ธันวาคม 2552 1:59:29 น. |
Counter : 645 Pageviews. |
|
|
|