เรื่องศิลปของการมีผัว - ตลกสังคม ตอนที่ 37
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ทีแรกผมคิดว่าจะเขียนถึง ศิลปของการมีเมีย ต่อจาก ตลกสังคม ตอนที่แล้ว แต่มาคิดดูว่า มันสนุกสู้ศิลปของการมีผัวไม่ได้ เขียนเรื่องของผู้ชายมามากแล้ว เขียนถึงเรื่องผู้หญิงเสียบ้าง เดี๋ยวคุณผู้อ่านที่เป็นผู้หญิงจะหาว่า ไม่เป็นธรรม
ศิลปของการมีผัว ย่อมต้องเป็นศิลปะที่ผู้หญิงควรมี ไม่ใช่ผู้ชาย ผู้ชายมีผัวก็มี ผมไม่เถียง แต่ผู้ชายพวกนั้นไม่น่าเขียนถึง ผมใช้คำว่า ผัว ดู ๆ ออกจะไม่สุภาพ บางคุณอาจจะว่า ทำไมไม่ใช้คำว่า สามี ดูเป็นผู้ดีกว่า
คำว่า ผัว ดู ๆ อาจจะเป็นภาษาตลาด แต่ผมว่า คำว่า ผัว มันมีความหมายมากกว่าคำว่า สามี ถึงจะค่อนข้างตลาด ๆ ก็เถอะ
คำว่า สามี นั้นแปลว่า เจ้าของ ผมไม่ยืนยันว่าจะเป็นคำแปลที่แท้จริง แต่เคยเรียนรู้มาอย่างนั้น ครูท่านสอนไว้ ฉะนั้น จะเขียนลงไปว่า ศิลปของการมีสามี ก็จะหมายความว่า เป็นศิลปของการมีเจ้าของไป การมีเจ้าของนั้นอาจจะไม่ใช่คน อาจจะเป็นสิ่งของ ทั้งสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์ หรือ มิฉะนั้นก็อาจเป็นสัตว์เลี้ยงไปโน่น ฉะนั้น ผมจึงใช้คำว่า ศิลปของการมีผัว ให้มันชัด ๆ ไปเลยว่า เป็นเรื่องของคนซึ่งมีเพศเป็นผู้หญิงอย่างไม่ต้องสงสัย
ผู้หญิงจะต้องมีผัว จะไปมีเมียไม่ได้ ผู้หญิงบางคนที่ประพฤติตัวเป็นผู้ชายให้ผู้หญิง ด้วยการเป็นผัวนั้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้อีก เช่นเดียวกับผู้ชายที่ไปเป็นเมียเขา
วิธีหาผัวของผู้หญิงย่อมต้องมีศิลป จะไปหาส่งเดชไม่ได้ เพราะอาจจะไปเจอแมงดา ผู้หญิงคนหนึ่งต้องมีผัวได้แค่เพียงคนหนึ่ง จะมีหลายคนก็ได้ แต่ต้องมีทีละคน จึงจะเรียกว่าเป็นผู้หญิงที่ดี ฉะนั้น การที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะมีผัวแต่ละที ก็จะต้องคัดเลือกให้ดี เป็นศิลปที่น่าหนักใจอยู่ ไม่เหมือนผู้ชายจะมีเมีย ยังไง ๆ ก็ได้ มีทีละกี่คนก็ไม่มีกติกาว่าไว้ นี่ผมไม่ได้หมายถึงตามกฎหมาย ยิ่งมีมาก คนยิ่งชมเชยว่าเก่งมาก ตรงกันข้ามกับผู้หญิง ถามีทีละมาก ๆ เขาก็ให้ไปเป็นดอกไม้ที่มีค่าไปเลย
ผู้หญิงจะเลือกผัวชักช้านักก็ไม่ได้ เพราะผู้ชายมีน้อยกว่าผู้หญิง ตามสถิติโลกเขาว่าไว้ ขืนเลือกช้าไป ผู้หญิงคนอื่นที่ค้นคว้าหาอยู่เหมือนกัน ก็จะเอาไปกินเสีย ความจริงไม่ได้เอาไปกินหรอก เขาเรียก เอาไปกก
ผู้หญิงบางคนเป็นคนแสวงโชค คือคอยจ้องหาแต่ผู้ชายที่รวย ๆ หล่อไม่หล่อไม่สำคัญ ถ้ารู้ว่ามีสตางค์ก็คว้าเอาไว้ก่อน จะเป็นผัวใครอยู่ก็ไม่สำคัญอีก พอได้สตางค์มาตั้งหลักได้ หรือไม่ก็ พอผู้ชายคนนั้นสตางค์หมด ก็ปล่อยไป แล้วก็ใช้ศิลปที่มีอยู่จ้องมองหาเอาใหม่ ใครจะทำไม
ศิลปของการมีผัว จึงจำแนกแยกแยะออกไปได้หลายแขนง ความชำนาญย่อมเกิดขึ้นจากประสบการณ์ของแต่ละผู้หญิง ผู้หญิงบางคนที่ไม่เอาไหนก็มี อยู่จนแก่เฒ่าไม่ยอมหาผัว เขาว่าของเขาสบายดีอยู่แล้ว มีลูกกวนตัว มีผัวกวนใจ บางคนว่ายังงั้นก็มี ไอ้ลูกกวนตัวน่ะพอเข้าใจ เพราะเล็ก ๆ ก็กวนจะกินนม โตขึ้นก็กวนแข้งกวนขาขอสตางค์ เพราะจะไปกวนขอพ่อก็อาจจะถูกแข้งขาพ่อ กวนแม่นี่ไม่มีใครโดนแข้งขาและมักจะได้ แค่มีผัวกวนใจนี่ซิ มันไม่แน่ เพราะบางทีก็กวนใจผัวเหมือนกัน หรืออาจแปลว่า มีผัวต่างก็กวนใจกัน ก็อาจเป็นได้
ผู้หญิงบางคนต้องก่อร่างสร้างตัวด้วยตัวเอง เรื่องหาผัวก็ยิ่งสำคัญใหญ่ เพราะมีเวลาหาจำกัด จะหาไปจนแก่ก็ไม่ได้ ต้องรีบ ๆ หาให้ทันเวลาที่มีอยู่ ไม่ถูกใจก็ต้องรีบ ๆ ทิ้งไป จะมาพิรี้พิไรอยู่ไม่ได้ ในสนามนี้ไม่ได้มีแต่ตัวคนเดียว ยังมีอีกหลาย ๆ ผู้หญิงที่มีความจำเป็นเหมือน ๆ กัน ก็ต้องรีบหารีบทิ้ง จนกว่าจะเจอผู้ชายที่เข้าสะเป๊ค แล้วก็ต้องล๊อคให้อยู่ ถ้าล๊อคไม่อยู่ ผุ้หญิงที่หาสะเป็คตรงกัน ก็จะมาแกะเอาไป
สมัยโบราณ ผู้หญิงมักจะไม่ต้องหาผัว เพราะผู้ใหญ่จะหาให้ ที่เรียกกันว่า คลุมถุงชน ไม่รู้ว่ามีความหมายว่ากระไรอีก จะหมายความว่า จับเข้าไปคลุมเอาไว้ในถุงทั้งคู่ ให้ชนกันจนเหนื่อย แล้วก็จะรักกันไปเองหรือเปล่าก็ไม่รู้
สมัยนี้ ถ้าเอามาจับคลุมถุงชน ก็น่ากลัวว่าถุงจะขาด ผู้ใหญ่จึงไม่นิยมทำกัน ปล่อยให้ต่างฝ่ายต่างใช้ศิลปกันเอาเอง
เรื่องนี้ก็ยังจบไม่ได้แค่นี้อีก พักเอาไว้ทีหนึ่งก่อน ตอนหน้าจะเขียนต่อ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเขียนเรื่อง ศิลปของการมีเมียหรือมีผัวก่อน เอาไว้อ่านก็รู้เองแหละครับ
Create Date : 01 ธันวาคม 2553 |
|
5 comments |
Last Update : 3 ธันวาคม 2553 3:22:36 น. |
Counter : 712 Pageviews. |
|
|
|