สมิติเวชให้ความรู้ในการดูแลตัวเองทั้งร่างกายจิตใจให้ปลอดภัย รับมือวิกฤติน้ำท่วม
สมิติเวช กลุ่มโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วย สมิติเวช สุขุมวิท สมิติเวช ศรีนครินทร์ สมิติเวช ศรีราชา กลุ่มโรงพยาบาลที่ให้บริการด้วยมาตรฐานด้านการแพทย์ที่ได้รับการรับรองคุณภาพจากทั้งในประเทศไทยและมาตรฐานสากล Joint Commission International หรือ JCI ประเทศสหรัฐอเมริกา ห่วงใยและอยากให้คนไทยทุกคนเตรียมพร้อมรับมือและป้องกันตัวเองจากวิกฤตการณ์น้ำท่วม ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบมากที่สุดในตอนนี้ นำความรู้เรื่องการดูแลป้องกันสุขภาพทั้งกายและจิตใจมาฝาก เตรียมพร้อมรับมือวิกฤติที่เกิดขึ้น
Dr.Carebear หมอหมีใจดีตัวแทนสมิติเวชบนโลกแห่งออนไลน์ภายใต้ Facebook/drcarebear ได้เขียนบทความความรู้ในการดูแลตัวเองให้ปลอดภัยทั้งร่างกายและภาวะจิตใจเพื่อรับมือกับวิกฤติน้ำท่วมที่กำลังเกิดขึ้น ว่า การจัดการกับความเครียดจากวิกฤตการณ์น้ำท่วม หรือการตอบสนองทางอารมณ์จากภัยน้ำท่วม ไม่ว่าใครที่ต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นพายุ หรือภัยน้ำท่วมที่กำลังเกิดขึ้น อาจจะทำให้มีความเครียดขึ้นมาจากสาเหตุต่าง ๆ เช่นทรัพย์สินเสียหาย การเจ็บป่วย การเสียคนในครอบครัว ซึ่งความเครียดที่เกิดขึ้นนี้อาจมีผลต่อสุขภาพของเราได้ หากเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว และไม่ได้จัดการอย่างถูกวิธี การจัดการกับความเครียด โดยทันทีจะสามารถลดปัญหาที่อาจจะเกิดตามมาในระยะยาวได้ การจัดการกับความเครียดได้ดีจะทำให้เราได้พบกับความท้าทายในการที่จะฟื้นฟูภายหลังอุทกภัย และสร้างความเชื่อมันในความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินกลับมาได้ อย่าลืมว่า คุณไม่ได้โดดเดี่ยว ยังมีกำลังใจและคนที่พร้อมจะส่งความช่วยเหลือไปให้คุณอยู่ตลอด อย่าเพิกเฉยต่อความเครียดที่เกิดขึ้น และสามารถร้องขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ชิดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เสมอ การตอบสนองที่พบได้เป็นปกติในเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ ขั้นแรกในการจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกที่เป็นผลตามมาจากภัยธรรมชาติ คือการรู้จักว่า การตอบสนองแบบไหน ระดับไหน ที่เกิดขึ้นได้ในคนทั่วไปเมื่อมีสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ความวิตกกังวลเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดา แต่ถ้ามันมากเกินไปอาจบอกถึงความผิดปกติที่ควรจัดการแก้ไขเช่นกัน ความเครียดที่เกิดจากภัยธรรมชาติในแต่ละคนจะมีความแตกต่างกัน ความเครียดที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จะเกิดเพียงชั่วคราว และหายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป การย้ำคิดถึงเหตุการณ์อุทกภัยหรือพายุที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว อาจจะเกิดขึ้นได้ ในหลาย ๆ คน ความคิดเหล่านี้ถ้ามีมากเกินไปหรือนานเกินไป บ่งถึงว่าคุณควรจะพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับความช่วยเหลือ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณต้องระลึกไว้ว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียว หรือไม่ได้เป็นแบบนี้คนเดียว การพูดคุยแบ่งปันวิธีการจัดการกับความคิด และอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับคนอื่น ๆ จะสามารถช่วยคุณได้ หรือคุณอาจจะปรึกษานักจิตวิทยา หรือแพทย์ เพื่อช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้
มีปฏิกิริยาหลายอย่างที่อาจเกิดขึ้น แต่ทุกอย่างก็สามารถจัดการได้ สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ การตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แบบต่าง ๆ เกิดขึ้นได้ แต่ละคนจะมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันออกไป แม้แต่ในคนคนหนึ่ง อาจจะมีอารมณ์ความรู้สึกหลาย ๆ อย่างเกิดขึ้นในหนึ่งวัน การตอบสนองต่อเหตุการณ์ร้าย ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต จะเป็นตัวที่พอจะบอกได้ว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้ คน ๆ นั้นจะมีปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์อย่างไร และการจัดการกับความเครียดที่เกิดขึ้นก็คือ การดูว่าความเครียดที่เคยเกิดขึ้นในอดีตได้รับการแก้ไขจัดการด้วยวิธีใด แต่แน่นอนว่าคุณควรจะเลือกวิธีการที่สร้างสรรในการจัดการกับความเครียดที่เกิดขึ้น เตรียมพร้อมรับมืออารมณ์ที่จะเกิดขึ้น เมื่ออยู่ในภาวะอุทกภัยที่ทำให้บ้านเรือนทรัพย์สินเสียหายอย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อน การแสดงออกทางอารมณ์ที่อาจจะพบได้ ได้แก่
· มีอาการฝันร้ายหรือฝันซ้ำ ๆ เกี่ยวกับเรื่องน้ำท่วม
· ไม่สามารถมีสมาธิหรือจดจำสิ่งต่าง ๆ
· รู้สึกเฉยชา เบื่อ เหนื่อย แยกตัวออกจากสังคมหรือคนรอบข้าง
· มีอารมณ์ฉุนเฉียว โกรธ แสดงออกอย่างรุนแรง
· มีอาการไม่สบายทางกาย เช่น ปวดหัว อาหารไม่ย่อย ปวดเมื่อยตามตัว
· มีลักษณะที่แสดงออกถึงการระวังความปลอดภัยของคนในครอบครัวอย่าเกินเลย
· หลีกเลี่ยงที่จะจดจำเรื่องน้ำท่วม
· ร้องไห้โดยไม่มีสาเหตุ
เทคนิคในการจัดการกับความเครียดที่เกิดขึ้น
· จำกัดการได้รับข่าวสารที่เกี่ยวกับอุทกภัย หรือภัยธรรมชาติต่าง ๆ แต่พอควร
· รับข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้
· เรียนรู้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและความปลอดภัย
· พยายามกลับไปใช้ชีวิตปกติให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็ก
· ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และพักผ่อนให้เพียงพอ
· หากิจกรรมทำเพื่อไม่ปล่อยให้มีเวลาว่างมากเกินไป
· พยายามติดต่อสื่อสารกับเพื่อน ครอบครัว หรือผู้ทีคอยให้ความช่วยเหลือ
· อาศัยหลักศาสนาเข้ามาช่วย
· พยายามสร้างอารมณ์ขันอยู่เรื่อย ๆ
· แสดงความคิดของตัวเองออกมา ไม่ว่าจะเป็นทางการพูดคุย การเขียน หรือการวาดรูป
· พูดคุยและแบ่งปันความรู้สึกของตัวเองกับคนอื่น ๆ
ในภาวะน้ำท่วมอาจมีความเสี่ยงในการเกิดโรคต่อไปนี้เพิ่มมากขึ้น ได้แก่
· โรคติดต่อเนื่องจากน้ำไม่สะอาด ได้แก่ ไทฟอยด์ อหิวาห์ โรคฉี่หนู และไวรัสตับอักเสบ เอ
· โรคติดต่อเนื่องจากมีแมลงเป็นพาหะ ได้แก่ ไข้มาลาเรีย ไข้เลือดออก
· รวมถึงอุบัติเหตุ และการบาดเจ็บต่าง ๆ เช่นการจมน้ำ
โรคติดต่อเนื่องจากน้ำไม่สะอาด Water-borne diseases ภาวะน้ำท่วม จะสัมพันธ์กับความเสี่ยงในการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ยิ่งถ้าเกิดขึ้นในชุมชนใหญ่ หรือขาดแคลนน้ำสะอาด เนื่องจากน้ำดื่มที่ไม่สะอาดและติดเชื้อ น้ำที่ไม่สะอาดอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ ไม่ว่าจะเป็นผิวหนังอักเสบ แผลติดเชื้อ ตาอักเสบ หรือการติดเชื้อทางเดินอาหาร ซึ่งเชื้อโรคที่สามารถติดต่อทางน้ำได้แก่
1. เชื้อไวรัส เช่น เชื้อไวรัสตับอักเสบ A หรือเชื้อโปลิโอ
2. เชื้อ แบคทีเรีย เช่น เชื้อ อหิวาต์ ไทฟอยต์ เชื้อ Coliform ที่ทำให้มีอาการท้องเสีย
3. เชื้อโปรโตซัว เช่น cryptosporidiosum, amebae, giardia
ส่วนใหญ่แล้วการติดต่อเชื้อโรคจะมาจากการดื่มน้ำที่ไม่สะอาด แต่มีบางโรคที่สามารถระบาดได้มากโดยการติดต่อทางการสัมผัสทางผิวหนังเช่น โรคฉี่หนู leptospirosis ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่สามารถติดต่อผ่านทางผิวหนังหรือเยื่อของร่างกายที่สัมผัสกับน้ำที่ปนเปื้อนจากฉี่หนูหรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ติดเชื้อ แบบที่เคยมีการระบาดในประเทศไทยในปี 2000
Leptospirosis หรือโรคฉี่หนู เป็นโรคติดเชิ้อที่เกิดจากเชื้อชื่อ leptospira ซึ่งหากติดเชื้อคนไข้จะมีอาการไข้สูง ปวดหัวมาก ปวดเมื่อยตามตัว ถ้าเป็นรุนแรงอาจจะมีอาการตัวเหลืองตาเหลือง ตับวาย ไตวาย หรือระบบทางเดินหายใจล้มเหลวได้ หากมีอาการดังกล่าวควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน ผู้ได้รับเชื้ออาจจะมีอาการหลังได้รับเชื้อ 2 4 วันอาการที่เริ่มต้นอาจจะมีไข้เฉียบพลัน ระยะแรกจะมีอาการไข้ หนาวสั่น ปวดหัว ปวดตามตัว คลื่นไส้ และท้องเสีย อาการอาจจะดีขึ้นได้เอง และจะกลับมามีอาการอีกรอบและรุนแรงขึ้นหากไม่ได้รับการรักษา อาการจะมีได้ตั้งแต่ไม่กี่วันจนถึงเป็นเดือน บางคนอาจจะหายได้เอง แต่ใช้เวลาเป็นเดือน แต่ถ้ามีอาการรุนแรงอาจจะถึงแก่ชีวิตได้ การรักษาคือการให้ยาแก้อักเสบเช่น Doxycycline หรือ penicillin ฉีดเข้าเส้นเลือด ดังนั้นหากมีไข้ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจและให้การรักษา
ไวรัสตับอักเสบ A เป็นโรคที่มีอาการอักเสบของตับ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ A จากการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อน ระยะฟักตัวประมาณ 15-45 วันก่อนจะมีอาการ อาการเริ่มต้นจะมีอาการปวดเมื่อยตามตัว ไม่อยากอาหาร คลื่นไส้ ไข้ต่ำ ๆ อุจจาระสีซีด และปัสสาวะสีเข้ม มีอาการตัวเหลืองตาเหลืองดีซ่าน แพทย์จะทำการตรวจเลือดเพื่อยืนยันการติดเชื้อ และให้การรักษาโดยการพัก
ให้น้ำเกลือ หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และอาหารมัน การพักฟื้นอาจจะใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน สำหรับไวรัสตับอักเสบ A สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน
การป้องกันโรคติดเชื้อที่มาจากน้ำ ส่วนใหญ่แล้วโรคกลุ่มนี้จะมาจาการปนเปื้อนของอาหารและน้ำ ดังนั้นการป้องกันคือการพยายามดื่มน้ำที่สะอาด และต้องพยายามดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ
· ดื่มน้ำที่สะอาด
· ใช้น้ำที่ต้มสุก หรือผ่านคลอรีน
· ถ้ามีอาการท้องเสียขาดน้ำ ควรดื่มน้ำเกลือแร่เสริม
· หากมีอาการไข้ หรืออาการผิดปกติควรพบแพทย์
· สามารถใช้ยาลดไข้ บรรเทาอาการไข้ได้
· ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำสะอาด
· ทำความสะอาดอาหารและปรุงอาหารให้สุกทุกครั้ง
โรคอื่น ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในภาวะน้ำท่วม
· เรื่องของอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการจมน้ำ หรืออุบัติเหตุการบาดเจ็บอื่น ๆ ถ้ามีบาดแผลอย่าลืมฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก และรับยาแก้อักเสบเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
· ภาวะอุณหภูมิในร่างกายต่ำผิดปกติ hypothermia มักจะพบในเด็กเล็ก ถ้าติดอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน ๆ และทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินหายใจมากขึ้น
ท้ายนี้ขอขอบคุณ Dr.Carebear นามปากกาของหมอหมีใจดี อีกหนึ่งช่องทางการสื่อสารให้ความรู้ทุกเรื่องสุขภาพของสมิติเวชบนโลกออนไลน์ ผู้โด่งดังบน Facebook โลก Social Network ซึ่งในวันนี้มีสมาชิก Fan page และ Personal page รวมแล้วกว่า 5,000 ราย ที่นำความรู้อันเป็นประโยชน์มาบอกเล่าให้เราฟัง ท่านสามารถอ่านและค้นหาบทความเรื่องสุขภาพดีๆ และมีประโยชน์อีกมากมายที่ //www.facebook.com/DrCareBear
Create Date : 06 ตุลาคม 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 7 ตุลาคม 2554 11:50:25 น. |
Counter : 1199 Pageviews. |
|
|
|