:: เธอสอนลูกของเธออย่างไร ? ::
:: เธอสอนลูกของเธออย่างไร ? ::
ในช่วงของการเสวนากับสองนักเขียนชื่อดัง คุณลาว คำหอม และคุณจิระนันท์ พิตรปรีชานั้น เหล่าผู้ปกครองของโรงเรียนต้นกล้านั่งล้อมวงฟังกันอย่างตั้งใจ
ผมเองได้จดบางประโยคที่ประทับใจจากการเสวนาครั้งนี้มาด้วย ขอนำมาแบ่งปันเพื่อนๆทุกคน
พร้อมเสริมความคิดเห็นของผมเข้าไปด้วยนะครับ
ประโยคนี้เป็นคำถามที่คุณลาว คำหอมได้ถูกเพื่อนรักชาวยุโรปถาม เมื่อครั้งที่ลูกของคุณลาว คำหอมเรียนอยู่ที่สวีเดน...
ประเด็นที่น่าสนใจคือ เราเคยถามตัวเองบ้างหรือไม่ ในฐานะของคนที่เป็นพ่อแม่ ว่าเราเลี้ยงลูกของเราอย่างไร ?
มันเป็นคำถามที่ท้าทายตัวเราไม่น้อย ว่าทุกวันนี้เราเลี้ยงลูกด้วยความรัก ความห่วงใย ความใส่ใจ ความทะนุถนอม ฯลฯ
แล้วอะไรคือความคาดหวังที่เราตั้งธงไว้กับลูก อะไรที่เราได้พันธนาการลูกเอาไว้ด้วยนามของความรัก เรารักลูก .... พ่อแม่ทุกคนรักลูก แต่ในขณะเดียวกัน เราอาจกำลังสร้างความกดดันและทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัว
ผมเชื่อว่าพ่อแม่เกือบทุกคนไม่ได้มีวัยเด็กที่สมบูรณ์แบบ เอาเข้าจริง...ก็ไม่มีใครที่เกิดมาสมบูรณ์แบบ เราผ่านการเรียนที่ไม่ได้มีคุณภาพนัก เจอครูแย่ๆก็เยอะ เจอระบบการสอบแข่งขันที่กดดัน การสอนในชั้นเรียนที่น่าเบื่อ
แต่สุดท้ายเมื่อต้องเลือก...
ทำไมเรายังเลือกวิธีการสอนลูกแบบเก่า ที่หนักไปทางทำลายมากกว่าสร้างสรรค์
ทำไมเรายังเลือกโรงเรียนที่สอนเด็กด้วยความเข้มงวด กดดัน
ทำไมเรายังจัดตารางชีวิตของลูกให้อัดแน่นและเต็มเอี๊ยด ไปด้วยสิ่งต่างๆมากมายที่เราต้องการจับใส่ลงไปในสมองน้อยๆของลูก จนเด็กยุคนี้แทบจะไม่รู้แล้วว่าความสนุกสนานคืออะไร การเรียนรู้ขณะเล่นคืออะไร ....
ใช่ครับ....วัยเด็กมันผ่านไปเร็วมาก เราเลี้ยงลูก ดูแลลูก แต่เราทันได้สังเกตเห็น “การเติบโตเล็กๆ” ของลูกหรือเปล่า เราหลงลืมวินาทีที่ดอกไม้ที่งดงามเหล่านี้ กำลังผลิดอกออกผลหรือเปล่า
ชีวิตที่เร่งรีบ เร่งร้อนและเต็มไปด้วยการแข่งขัน คำตอบของชีวิตที่ยึดมั่นในเรื่องของการหาเงิน และการประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว
มันทำให้เราเดินถอยห่างไปจากลูกหรือเปล่า
เรารักลูกของเราหรือเปล่า ?
คำถามนี้ไม่ได้เกี่ยวกับความรวยความจนเลยนะครับ แต่เป็นเรื่องของการแบ่งเวลา
นี่คืองาน นี่คือครอบครัว นี่คือความรัก
ในฐานะของคนเป็นพ่อเป็นแม่ เรากำลังพลาด “วินาทีที่สำคัญ” ของลูกหรือไม่ ?
เรามัวยุ่งกับการใช้ชีวิต จนลืมไปว่าดอกไม้ดอกหนึ่งกำลังเบ่งบาน และเติบโตหรือเปล่า ?
เราได้อยู่ข้างๆ คอยช่วยเหลือ คอยดูแล และให้กำลังใจดอกไม้ต้นน้อยๆที่กำลังจะเติบโต อย่างดีที่สุดแล้วหรือยัง ?
ถามตัวคุณเองดูนะครับ
น่าสงสัยนะครับ ว่าทำไมเราจึงมีทัศนคติที่ว่า
การเรียนรู้ที่ดีต้องเข้มงวด จริงจัง ครูที่ดีต้องดุ ต้องสั่ง และสอน เด็กต้องกลัวและเชื่อฟัง ครูคนนั้นถึงจะได้ชื่อว่าเป็นครูที่ดี เด็กจะเก่งทำไมต้องแบกการบ้านกลับมาทำเยอะๆ เราวัดผลเด็กเก่งหรือไม่เก่งจากคะแนนสอบ เราวัดเด็กดีหรือเกเรจากการให้ดาว
ผมสังเกตเพื่อนหลายคน ที่วัยเด็กเคยถูกพ่อแม่บังคับให้เรียนและทำ ในสิ่งที่พ่อแม่อยากให้ทำ โดยที่ตัวเองในตอนนั้นยังไม่แน่ใจว่าชอบในสิ่งนั้นจริงๆหรือเปล่า
ไม่ว่าจะเป็นการให้เรียนพิเศษ เรียนร้องเพลง เรียนกีตาร์ เรียนเปียโน เรียนเต้นรำ ฯลฯ
เมื่อมองย้อนกลับมาในวันนี้
เพื่อนผมที่ “เรียน” ในสิ่งต่างๆที่พูดมา ไม่มีใครทำในสิ่งต่างๆเหล่านั้นอีกเลย.... หลายคนพูดด้วยซ้ำว่า “เกลียด” สิ่งต่างๆเหล่านั้น ไม่ให้ความสนใจอีกเลย เพราะในวัยเด็กถูกบังคับให้ต้อง “เรียน” เรียนเพราะถูกบังคับ ไม่ได้รู้สึกว่าอยากเรียน อยากเล่น อยากทำในสิ่งต่างๆเหล่านั้นด้วยตัวเอง
ในสิ่งเดียวกัน ผมเอง “เล่น” กีตาร์ และเรียนรู้ด้วยตนเอง ไม่รู้โน้ตแม้แต่ตัวเดียว แต่ทุกวันนี้เกือบยี่สิบปีมาแล้วที่ผมไม่เคยห่างจากกีตาร์ ผมยังจับกีตาร์มาเล่นและร้องเพลงอย่างมีความสุข โดยไม่เคยเบื่อหน่ายเลย....
เราไม่ค่อยเชื่อนะครับว่า เด็กสามารถเรียนรู้ได้ดีที่สุดขณะ “เล่น”
แต่ผมเชื่อเสมอว่า แม้แต่การอ่านการ์ตูนขายหัวเราะ ก็มอบการเรียนรู้ที่ดี และอาจทำให้นักเรียนสอบได้คะแนนเต็มจากวิชาฟิสิกซ์ก็เป็นได้ ถ้าเด็กสนุกในการรับรู้ และมีความสุขขณะเรียนรู้
โดยที่เด็กจะเรียนรู้ได้ด้วยตัวเขาเอง โดยมีครูและผู้ปกครองเป็นคนที่คอยสนับสนุน ไม่ใช่แทรกแซงและยัดเยียดชุดความรู้ โดยที่เขาไม่เต็มใจ
ความรู้ที่ดีในความรู้สึกของผม คือความรู้ที่ “ซึม” เข้าไปในตัวเด็กทีละนิดทีละน้อย ไม่ใช่การ “สาด” ความรู้ที่เป็นมวลน้ำขนาดใหญ่ เข้าไปในสมองเด็ก
ซึมทีละหยด แต่ยาวนาน ยั่วให้เด็กคิดด้วยคำถาม กระตุ้นให้เขาหาคำตอบด้วยตัวเอง
เรียนรู้ช้าๆ ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องเร่งเพื่อไปแข่งกับใคร ไม่ต้องเก่งเพื่อให้พ่อแม่ภูมิใจและอวดใครๆได้ว่า ลูกฉันเก่ง ลูกฉันยอดเยี่ยมที่สุด
ผมเคยผ่านชีวิตการเป็นเด็กเก่ง และแบกความคาดหวังนั้นไว้ตลอดหลายปีที่ศึกษาเรียนรู้
มันไม่ใช่เรื่องสนุกเลย
ความรู้ควรจะผ่านกระบวนการการเติบโตอย่างช้าๆ ด้วยความเต็มใจ ด้วยความสนใจจากตัวเด็กเอง
เขาควรรู้เองว่าเมื่อไหร่ที่เขาจะผลิดอกออกผล เราเพียงแต่คอยดูแลสิ่งแวดล้อม คอยสนับสนุน คอยดูแมลงศัตรูพืชบ้าง
แล้วปล่อยให้เขาเติบโตด้วย “ราก” ของเขาเอง
ผมรักการอ่าน ผมอ่านหนังสือไม่ใช่เพราะผมอยากฉลาด หรืออยากรู้อะไรมากกว่าคนอื่น
แต่ผมอ่าน...เพราะผมอยากเรียนรู้ มีอะไรในโลกนี้อีกมากมายที่ผมอยากรู้และยังไม่รู้ แล้วผมจะรู้ได้อย่างไร ผมไม่มีทางเดินทางไปทั่วโลกเพื่อหาคำตอบนั้น ผมไม่มีทางได้พบครูหรือคนที่ถ่ายทอดความรู้ให้ผมได้ทุกคน
แต่หนังสือทำได้
ขอเพียงเรากลั่นกรองเนื้อหาให้ดี หนังสือก็เหมือนครูนับแสนคนที่รอให้เราเดินทางไปพบ ทำความรู้จักและแสวงหาความรู้
ทุกวันนี้... ถ้าจะมีสิ่งใดที่ผมยอมเสียเงินโดยไม่เสียดาย สิ่งนั้นก็คือ หนังสือครับ
*** ขอขอบคุณเป็นพิเศษ
วิทยากรทั้งสองท่านที่แบ่งปันแง่คิดในการเลี้ยงลูก และบอกเล่าประสบการณ์ในการส่งเสริมการอ่านให้กับเด็กๆ เสียดายมากครับ วันรุ่งขึ้นมีการเสวนาย่อย กับคุณลาว คำหอมอีกครั้งแต่ผมไม่สามารถเข้าร่วมฟังได้ เนื่องจากติดงานครับ
ขอบคุณโรงเรียนต้นกล้าและคุณครูทุกท่าน ที่จัดกิจกรรมดีดีแบบนี้ขึ้นมาครับ
Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2555 |
|
106 comments |
Last Update : 27 มกราคม 2556 7:26:47 น. |
Counter : 6222 Pageviews. |
|
|
งานนี้ต้องขอบคุณคุณก๋า
ที่นำความคิดเห็นและรายละเอียดในหัวข้อเสวนามาแบ่งปันกันนะคะ
...