:: โรงเรียนทางเลือก...ความสุขของใคร ? ::
:: โรงเรียนทางเลือก...ความสุขของใคร ? ::
*** เฉพาะภาพหมิงหมิงที่ รร.ต้นกล้า บันทึกภาพโดยคุณครู
คำถามที่ผมต้องตอบบ่อยมากในช่วงนี้ เมื่อเจอเพื่อนๆหรือคนรู้จักก็คือ
“หมิงหมิงเรียนที่ไหน ? โรงเรียนอะไร ? สอนดีไหม ? ค่าเทอมเท่าไหร่ ?”
ฯลฯ
เมื่อผมตอบว่า
“หมิงหมิงเรียนที่ต้นกล้า เป็นโรงเรียนทางเลือก”
คำถามที่ตามมาทันทีก็คือ
“โรงเรียนทางเลือกเป็นอย่างไร ?”
พ่อแม่แต่ละคนคงมี “ทางเลือก” ในใจอยู่แล้ว ก่อนคิดที่จะส่งลูกตัวเองไปเรียนที่โรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่ง เป็น “ความคาดหวัง” ของพ่อแม่ซึ่งหวังว่าโรงเรียนจะช่วยขัดเกลา อบรมสั่งสอนลูกของตัวเองให้ดีที่สุด เท่าที่พ่อแม่คนหนึ่งจะคาดหวังได้
ครั้งแรกที่ผมเลือกโรงเรียนต้นกล้าเป็นโรงเรียนของหมิงหมิงนั้น ผมประทับใจอะไรที่นี่…..
ผมคิดว่าผมชอบตึกเรียน อาคาร และสนามหญ้ากว้างๆ นั่นเป็นภาพแรกที่ผมเห็นด้วยสายตา
ทำไมถึงชอบ....
ผมชอบเพราะผมคิดว่า “สิ่งแวดล้อม” เป็นส่วนที่สำคัญมากสำหรับเด็ก
ผมเชื่อว่าเด็กเรียนรู้จากนอกห้องเรียนมากกว่าในห้องเรียน เด็กเรียนรู้จากคนรอบตัวมากกว่าเรียนรู้จากตำราและการเรียนแบบเข้มงวด
ผมไม่คาดหวังว่าลูกผมจะต้องเรียนเก่ง สอบได้ที่ 1 ของชั้น หรือเขียนอ่าน ก.ไก่ ข.ไข่ เอบีซี นับหนึ่งสองสาม บวกลบคูณหารได้เร็วๆ.....
ผมอยากให้ลูกมี “ความสุข”
“ความสุขระหว่างการเรียนรู้”
ผมอยากเห็นหมิงหมิง “สนุก” ที่จะได้เรียนรู้
“เมื่อเด็กได้เรียนรู้อย่างสนุกสนาน เด็กจะมีความสุขในการเรียนรู้”
ซึ่งผมคิดว่านี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเรียนรู้ของมนุษย์
น่าแปลกนะครับ.... เราโตมากับระบบการเรียนการสอนที่ไม่มีความสุขเอาเสียเลย พ่อแม่หลายคนเมื่อครั้งเป็นเด็ก เป็นเด็กที่ไม่มีความสุขในการเรียน เรียนไม่เก่ง ไม่ขยัน ถูกบังคับให้เรียน ต้องท่องตำรา ต้องนั่งทำการบ้านด้วยความเครียดและกดดัน
แต่พอมีลูกเรากลับยัดเยียด “ความหวัง” และ “ความฝัน” ใส่ตัวลูก อะไรที่เราไม่เคยชอบและไม่เคยรักที่จะทำ เรากลับมอบสิ่งนั้นให้ลูกของตนเอง พร้อมแนบท้ายไปด้วยคำพูดที่ว่า
“ก็พ่อกับแม่รักลูก ถึงให้ลูกทำแบบนี้”
“ลูกต้องขยันและตั้งใจเรียนให้มากๆ พ่อแม่ถึงจะรัก”
“ลูกต้องเรียนให้เก่งที่สุดในห้องนะลูก โตมาจะได้เป็นเจ้าคนนายคน”
“ลูกต้องเชื่อฟังพ่อแม่นะ อะไรที่พ่อแม่เลือกให้ สิ่งนั้นดีที่สุด”
ฯลฯ
เรากำลังใช้คำว่า “รัก” ทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า ?
เราชอบพูดว่า “เด็กตัวแค่นี้ มันจะไปรู้อะไร ?” เราเลยคิดและตัดสินใจแทนลูกไปเสียทุกสิ่ง ว่าลูกควรชอบหรือไม่ชอบอะไร
เราเคยฟังเสียงของลูกบ้างไหม ? เราเคยมองแววตาของเขาหรือเปล่า ? เราเคยปล่อยให้เขาเติบโต และมีชีวิตชีวาแบบที่เด็กคนหนึ่งพึงจะเป็นหรือไม่ ?
ทุกวันนี้เราพยายามทำเพื่อลูก แต่ใช้ “ความสุข” ของตัวเองเป็นที่ตั้งหรือเปล่า
เราเลี้ยงลูกเพื่อความสุขของตัวเราเอง หรือเราอยากเห็นลูกมีความสุขอย่างที่เขาอยากเป็นจริงๆ....
ผมคิดว่าการเรียนรู้ที่แท้จริงของเด็กตัวน้อยๆ เกิดจาก
1. สิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเด็ก
2. ครูและการจัดการเรียนการสอน
รวมทั้งสิ่งที่สำคัญมากนั่นคือ....
3. การหล่อหลอมทัศนคติในการใช้ชีวิตจากคนเป็นพ่อเป็นแม่นี่เอง
อย่าผลักความรับผิดชอบทั้งหมดทั้งมวลไปให้ครูและโรงเรียน
พ่อแม่เป็นต้นแบบที่ดีที่สุดของลูก
ลูกจะโตขึ้นมาเป็นแบบไหน พ่อแม่นั่นแหละ...ที่ต้องรับผิดชอบด้วย เราจะปฏิเสธความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงนี้ไม่ได้เลย
โรงเรียนทางเลือกทำให้ผมต้องคอยตอบคำถามอยู่เสมอ ว่าเป็นอย่างไร ? จัดการเรียนการสอนแบบไหน ? ทำไมถึงไม่มีการสอบวัดผล ? แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเด็กเก่งหรือไม่เก่ง ?
ทุกครั้งที่อธิบายและตอบคำถามไป ผมคิดว่าหลายคนคงยังเกิดคำถามค้างคาใจมากมาย....
“ทำไมหมิงหมิงยังไม่หัดเขียนชื่อตัวเองเลย”
“จบจากที่นี่แล้วจะสอบต่อโรงเรียนในระบบได้เหรอ ?”
“อ้าว—ไหนว่ามีครูฝรั่ง ทำไมยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย”
ฯลฯ
เวลาไปรับลูกกลับจากโรงเรียน ผมไม่ค่อยถามลูกว่าวันนี้เรียนอะไรมาบ้าง ? ผมจะถามหมิงหมิงว่า
“วันนี้ไปเรียนสนุกไหมครับลูก ?”
หมิงหมิงจะตอบว่า “สนุกมาก” เสมอ....
สิ่งนี้ผมคิดว่าโรงเรียนได้ตอบโจทย์ของผมแล้ว....
“สนุกที่จะเรียนรู้ แล้วเด็กจะรักในการเรียนรู้”
ผมเชื่อว่าเด็กจะเรียนรู้เมื่อพร้อม ไม่ใช่เรียนรู้เมื่อถูกยัดเยียดและบังคับ
ผมเชื่อว่าหน้าที่ของครูและพ่อแม่ คือการ “เตรียมความพร้อม” เพื่อกระตุ้นให้เด็ก เกิดความอยากรู้ อยากเห็น อยากแสวงหาคำตอบด้วยตัวของเขาเอง โดยมีเราเป็น “ผู้ช่วย” ไม่ใช่ “ผู้ชี้นำ” หรือ “ผู้สอนสั่ง”
ผมจึงคิดว่าการให้ “ความรัก” สำคัญกว่าการให้ “ความรู้” การให้ “ความศรัทธา” จำเป็นกว่าการให้ “คาดหวัง”
ผมไม่รู้หรอกครับว่าลูกผมจะโตขึ้นมาเป็นอะไร แต่ผมรู้ว่าเขาจะโตขึ้นมาอย่างคนที่มีความสุขในชีวิตแน่นอน
*** 5 ภาพนี้ถ่ายมาจากสวนรถไฟครับ
Create Date : 15 พฤศจิกายน 2554 |
Last Update : 1 มกราคม 2555 7:54:16 น. |
|
106 comments
|
Counter : 12638 Pageviews. |
|
|
|
อ่านแล้วประทับใจ และกลับมาย้อนคิดถึงตัวเอง
ความสุขของลูกสำคัญที่สุดจิงๆค่ะ