31 พฤษภาคม 2556
:: ก๋าราณีตอบคำถามในเว็บ a thing::
:: ก๋าราณีตอบคำถามในเว็บ a thing::เขามีครอบครัวแล้ว มีลูก 2 คน แต่แยกอยู่กันคนละบ้าน ภรรยาบอกว่าไม่ได้รักเขา ที่แต่งงานด้วยเพราะเขาดีกับเธอ แต่เธอไม่ได้รักเขา ภรรยาเคยบอกขอหย่า ผ่านมา 2 เดือนบอกว่าไม่หย่า ทุกวันนี้เขาบอกว่าอยู่อย่างทรมานใจ อยู่ทน หรือทนอยู่ก็ไม่รู้ เขานอนคนละห้อง อยู่บ้านเดียวกัน แต่ไม่พูด ไม่คุย ลูกๆ ไม่ค่อยคุยกับเขาสักเท่าไหร่ อยู่รวมกันเป็นครอบครัว แต่ไม่มีกิจกรรมที่จะชวนทำร่วมกัน ต่างคน ต่างทำ เขารู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน เป็นคนที่คอยรับใช้ให้ทำนู้นนี่ ไปนู่นนี่ เใจหนึ่งก็อยากไปอยู่บ้านของเขาเอง แต่กังวลของความรู้สึกของลูกๆ เพราะลูกเชื่อฟังแม่มากกว่า พ่อสอนลูก ตักเตือนลูก ลูกบอกพ่อมาอยู่แล้วเขาอึดอัด ขอคำแนะนำค่ะ ว่าเขาควรคิดหรือทำยังไงดี คำถามโดย : คุณจัน ทุกๆครั้งที่เกิดปัญหาภายในครอบครัว มันไม่ได้มีผลกระทบแค่คู่กรณี แค่สามีภรรยา แต่คนที่ต้องรับผลแห่งความบาดหมางนี้ไปเต็มๆ คือ ลูก..... ผมเคยคุยกับเพื่อนหลายคนที่มีปัญหาพ่อแม่หย่าร้าง น่าแปลก....ที่ส่วนใหญ่เมื่อเติบโตขึ้นและมีความรัก มักไม่ค่อยประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ เกือบทั้งหมดจบลงด้วยการหย่าร้าง.... เรามักทำสิ่งที่เราเคยเกลียด ยิ่งเกลียด ยิ่งไม่ชอบสิ่งไหน ดูเหมือนสิ่งนั้นจะถูกดึงดูดเข้ามาสู่จิตใจของเราโดยไม่รู้ตัว แต่ถ้ามองย้อนกลับไปที่ต้นตอของปัญหา เราจะพบว่า ทุกคู่ที่มีปัญหากัน มักแสดงออกให้ลูกเห็น มีการด่าทอ มีการทำร้ายร่างกาย มีการทำร้ายจิตใจ ในรูปแบบต่างๆให้เด็กๆซึมซัมรับรู้อยู่ตลอดเวลา สิ่งนี้ไม่ต่างจากการรับ ข้อมูล เข้าสู่ ความคิด เหมือนคนดูละครมากๆ แล้วเผลอไปคิดตาม ไปทำตาม ไปเห็นดีงามด้วยกับสิ่งที่ละครนำเสนอ เหมือนคนที่บ้าการเมือง ติดตามข่าวสารโดยไม่กลั่นกรอง ที่สุดความคิดความเชื่อก็ถูกลากจูงไปกับข้อมูลที่ตนเชื่อถือรับฟัง จนสุดท้ายกลายเป็นคนขาดสติ และงมงายอยู่กับความคิดความเชื่อสุดโต่งของตนเอง ............................................. เราใส่ ข้อมูล ใดใดลงไปให้ลูกรับรู้ เขาก็จดจำ ย้ำเตือนตนอยู่ตลอดเวลาด้วยข้อมูลนั้น ถึงไม่ชอบ แต่พอข้อมูลถูกเติมลงไปในใจทุกเมื่อเชื่อวัน วันหนึ่ง...ข้อมูลเหล่านั้นถูกส่งผ่านไปยังตัวลูก และส่งผ่านไปยังคนรอบตัวที่เด็กแวดล้อม เหมือนแม่ปู ที่พยายามสอนลูกให้เดินตรงๆ โดยที่ตัวเองไม่เคยเดินได้ตามที่ตัวเองสอนลูกเลย .............................................. การที่คู่ชีวิตคู่หนึ่งจะหมดรักและเลิกร้างกันไป ไม่ใช่เรื่องผิดบาป ไม่ใช่บาดแผลในชีวิต ชีวิตคู่เป็นเพียง ช่วงเวลาหนึ่ง ที่คนสองคนได้นำชีวิตของตนเองมาทดลองใช้ร่วมกัน ถ้าวันหนึ่ง ช่วงเวลานั้น ไม่ได้สร้างความสุขกายสุขใจ ผมไม่เห็นประโยชน์ที่ใครคนใดจะต้องทนทุกข์ หรือปล่อยชีวิตให้จมอยู่อย่างเจ็บปวดด้วยคำว่าต้องอดทน ต้องอดทนเพื่อลูก เพราะสงสารลูก บางทีเราอาจแค่สงสารตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าจะหาทางออกให้ชีวิตยังไง เพราะการเลิกราหย่าร้างจะตามมาด้วยคำถามมากมาย ที่เราต้องตอบกับคนรอบข้างเวลาที่คนเหล่านั้นถามมา ถ้าเรากล้าหาญพอที่จะตอบคำถาม ผมคิดว่าการตอบคำถามว่าเราเลิกรากับคู่รัก ไม่ใช่คำตอบที่ผิดบาปอะไรเลย ชีวิตเราไม่ได้จบลง ไม่ได้เป็นจุดสิ้นสุด อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความหวัง ความสุข และสิ่งใหม่ที่ดีกว่าก็ได้..... การเยียวยาตัวเองออกจากความเจ็บปวดเป็นสิ่งสำคัญและควรทำ ใช่...มากพอๆกับที่เราต้องคิดด้วย ว่าเราจะบอกสอนลูกอย่างไร จะทำให้ลูกเข้าใจได้อย่างไร ว่าเขาไม่ได้เป็นต้นเหตุของความบาดหมางของพ่อแม่ เพราะเด็กจะชอบคิดว่าตัวเองไม่ดี ถึงทำให้พ่อแม่ต้องเลิกร้างห่างกัน ที่สุดเมื่อไม่เห็นคุณค่าตนเอง เด็กจะโทษตัวเอง จะทำร้ายตัวเองด้วยพฤติกรรมด้านลบ และทุกสิ่งจะส่งต่อไปยังชีวิตของเขาเมื่อเติบโตขึ้นมา .................................................. วันนี้พ่อแม่อาจไม่ได้รักกันแล้ว หรืออาจกำลังแยกทางห่างกัน เพื่อไปมีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น อย่าลืมบอกลูก อย่าลืมทำให้ลูกรู้สึกด้วยนะครับ ว่าลูกไม่ได้เป็นคนผิด ลูกไม่ได้เป็นจุดเริ่มต้นของความบาดหมาง พ่อแม่อาจเลิกกัน ไม่ได้เป็นสามีภรรยา แต่ลูกคือลูก ยังเป็นลูกของพ่อแม่ไปตลอดชีวิต เราไม่รู้จริงๆนะครับ ว่าการรักใครสักคนจะจบลงตรงไหน ตรงความรัก ความสุขสม ตรงเงินทองหรือความมั่นคง ตรงการแต่งงาน ครองคู่กันไปจนแก่เฒ่า หรือแค่รักกันอย่างเร่าร้อน แต่จบลงตรงการเลิกราหย่าร้าง รักกันให้ดีในวินาทีนี้ เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียใจเวลาพรากจาก ดูแลกันให้ดีที่สุด เพื่อจะได้ไม่ต้องมาถามในวันที่สายเกินไป ว่าฉันได้ทำสิ่งต่างๆอย่างดีที่สุดเพื่อความรักแล้วหรือยัง จบแล้วเริ่มใหม่ได้เสมอ ชีวิตก็เป็นอย่างนี้นะครับ เราเริ่มต้นใหม่ในทุกๆเรื่อง ทำให้ดีกว่าเดิมได้ ขอเพียงเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เคยมี แต่อย่าลืม ดูแล บางสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาท่ามกลางความรักความเกลียดชังด้วย เพราะสิ่งนั้นคือ ลูก ของคุณทั้งสองคนครับ น้องรินทำบล็อกสัมภาษณ์ กะว่าก๋า เอาไว้ ติดตามอ่านกันได้ กดที่ชื่อลิ้งค์บล็อกได้เลยครับ :: Interview .. the Blogger :: ~ กะว่าก๋า ~
Create Date : 31 พฤษภาคม 2556
51 comments
Last Update : 31 พฤษภาคม 2556 6:19:22 น.
Counter : 5670 Pageviews.
โดย: แม่น้องไอแอมค่ะ (dogamania ) 31 พฤษภาคม 2556 6:25:43 น.
โดย: แม่น้องไอแอมค่ะ (dogamania ) 31 พฤษภาคม 2556 6:32:34 น.
โดย: แม่น้องไอแอมค่ะ (dogamania ) 31 พฤษภาคม 2556 6:36:53 น.
โดย: อุ้มสี 31 พฤษภาคม 2556 6:42:43 น.
โดย: ธูปหอม IP: 110.77.181.22 31 พฤษภาคม 2556 6:43:17 น.
โดย: แม่น้องไอแอมค่ะ (dogamania ) 31 พฤษภาคม 2556 6:48:26 น.
โดย: กะว่าก๋า 31 พฤษภาคม 2556 6:57:19 น.
โดย: เนินน้ำ 31 พฤษภาคม 2556 7:58:04 น.
โดย: พรไม้หอม 31 พฤษภาคม 2556 8:02:34 น.
โดย: d__d (มัชชาร ) 31 พฤษภาคม 2556 8:34:50 น.
โดย: mambymam 31 พฤษภาคม 2556 9:31:26 น.
โดย: กะว่าก๋า 31 พฤษภาคม 2556 9:38:02 น.
โดย: ญามี่ 31 พฤษภาคม 2556 10:06:15 น.
โดย: น้ำใส...ไหลเย็น IP: 203.113.0.206 31 พฤษภาคม 2556 11:06:33 น.
โดย: mambymam 31 พฤษภาคม 2556 11:13:29 น.
โดย: แม่ไก่ 31 พฤษภาคม 2556 11:18:20 น.
โดย: ~ ริมน้ำ_voUฟ้า ~ (rimnam_kobfa ) 31 พฤษภาคม 2556 11:52:24 น.
โดย: กะว่าก๋า 31 พฤษภาคม 2556 12:44:00 น.
โดย: ~ ริมน้ำ_voUฟ้า ~ (rimnam_kobfa ) 31 พฤษภาคม 2556 13:17:59 น.
โดย: ดรสา 31 พฤษภาคม 2556 14:38:17 น.
โดย: ^^ IP: 49.231.118.183 31 พฤษภาคม 2556 14:44:33 น.
โดย: sawkitty 31 พฤษภาคม 2556 15:38:29 น.
โดย: คมไผ่ 31 พฤษภาคม 2556 20:00:29 น.
โดย: NENE77 31 พฤษภาคม 2556 20:37:52 น.
โดย: minporee 31 พฤษภาคม 2556 22:20:52 น.
โดย: **mp5** 31 พฤษภาคม 2556 23:43:32 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 1 มิถุนายน 2556 0:56:00 น.
โดย: แม่น้องไอแอมค่ะ (dogamania ) 1 มิถุนายน 2556 2:14:40 น.
กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [? ]
มองฉันอีกครั้ง เธออาจเห็นฉัน หรืออาจไม่เห็นฉัน ฉันแค่แวะผ่านทางมา และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว เราเคยรู้จักกัน และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป มองดูฉันอีกครั้ง เธออาจเห็นฉัน และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.
เจิม