ความฝันลมๆแล้งๆ
นั่งคุยกับตัวเอง : ความฝันลมๆแล้งๆ เขียนโดย : สิงห์โตหมอบ 30 เมษายน 2550
สิ่งที่ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะเห็นในระบบการศึกษาของประเทศไทย
ข้าพเจ้าอยากเห็นสิ่งต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้นกับครูผู้สอน อาจารย์
1. เป็นผู้รอบรู้ในวิชาการที่สอน 2. เป็นผู้เปิดประตูแห่งการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน 3. เป็นผู้มีจินตนาการ และไม่ยึดติดกับฐานความรู้เดิมจนไม่ยอมรับสิ่งใหม่ๆ 4. เป็นผู้กล้าตรวจสอบข้อเท็จจริงในวิชาการที่ตนสอนอย่างตรงไปตรงมา 5. เป็นผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของความเป็นครู 6. เป็นผู้ปลูกฝังจริยธรรม ศีลธรรม และแนวคิดในการดำเนินชีวิตที่ดี ตลอดจนทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับศิษย์
ข้าพเจ้าอยากเห็นสิ่งต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้นกับผู้เรียน
1. เป็นผู้มีจิตใจใฝ่รู้ตลอดเวลา 2. เป็นผู้มีความคิดสร้างสรรค์ มีจินตนาการอันเหมาะสมกับวัย 3. เป็นผู้มุ่งมั่นที่จะแก้ไขข้อบกพร่องของตนเอง 4. เป็นผู้ที่ลุกขึ้นโต้แย้งทางความคิดด้วยเหตุด้วยผล 5. เป็นผู้มีมนุษย์สัมพันธ์อันดีกับเพื่อนร่วมชั้น 6. เป็นผู้มีความรับผิดชอบทั้งต่อตนเองและผู้อื่น 7. เป็นผู้ที่มีมรรยาทอันดีงาม มีสัมมาคารวะต่อครูบาอาจารย์
6 มกราคม 2544
……………………………………….
ครั้งหนึ่งในชีวิต ผมเคยฝันและตั้งใจที่จะเป็นครู มุ่งมั่นตั้งแต่ยังไม่ได้เรียนปริญญาตรีด้วยซ้ำ “ครูต้นแบบ” หลายคนในชีวิต ทำให้ผมศรัทธาและรักในวิชาชีพนี้ ผมคิดว่า “อาชีพครู” เป็นอาชีพที่มีเกียรติมาก เป็นอาชีพที่เสียสละ และสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับผู้เรียน ในขณะเดียวกันตัวเราเองก็ได้เติบโตและเรียนรู้ไปพร้อมๆกับผู้เรียนด้วย
ผมเลือกสายครุศาสตร์แบบไม่ลังเลใจ แม้จะเรียนสายสถาปัตยกรรมมาแล้ว 5 ปี ตั้งใจมากที่จะเป็นครูที่ดีหลังจากเรียนจบ ผมจะทำงานสักสองปี ให้มีประสบการณ์จริงด้านวิชาที่ตัวเองสอน จากนั้นจะเอาความรู้ทั้งหมดที่มีถ่ายทอดให้กับผู้เรียน สี่หรือห้าปีค่อยไปเรียนต่อปริญญาโท แล้วก็กลับมาสอนต่อ...
.........................................
ฝันนั้นกลายเป็นลมที่ลอยลับหายไป เพียงไม่ถึงปีหลังเรียนจบ ผมทำงานเป็นสถาปนิกได้ไม่ถึงเดือน ที่บ้านเปิดร้าน เป็นธุรกิจของครอบครัว สิบปีหลังจากนั้น... ผมไม่เคยเดินเฉียดกรายความฝันที่แท้จริงของผมอีกเลย
.........................................
หลายครั้งที่ผมรับฟังสิ่งที่เกิดขึ้นกับบ้านเมือง แล้วนึกย้อนไปถึงวิธีเรียน วิธีสอนในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย อยากให้มีวิชาที่ “ครูสอนครู” จากครูที่แย่ ให้กลายเป็นครูธรรมดา จากครูธรรมดา ให้กลายเป็นครูที่ดี.....
วันนี้ความฝันก็ยังคงเป็นเพียงลมที่เลือนราง ผมหวังว่าใครสักคนจะสัมผัสกับสายลมนี้ได้ ช่วยบอกต่อด้วย... ว่าผมยังหวังว่าใครสักคนจะรับรู้ว่ามันยังคงอยู่ในใจ และหวังให้ใครสักคนรับเอาสิ่งที่ผมหวังไปปฎิบัติแทนตัวผม ผมหวังแค่นั้นจริงๆ....
บันทึกนอกรอบ
เมื่อวานตอนเย็นผมเข้ามาอีกรอบ หลังจากพักผ่อนมาทั้งวัน.... เข้ามาดูบล็อกของเพื่อนๆ รวมถึงนั่งอ่านคอมเม้นท์ในบล็อก มีอยู่หนึ่งคอมมเ้นท์ที่ผมพิมพ์ในบล็อกตัวเอง แล้วก็โดนแบบไปเรียบร้อย
กู้คืนมาแล้ว.....คือ บันทึกความรู้สึกที่คุณจะได้อ่าน ถ้อยคำมีดังนี้ครับ...
...............................
ผมชอบวิธีคิดของคุณนางสาวอาร์ตนะ ดีครับ....มีความคิดแบบสวนกระแสมากๆยิ่งชอบ เพราะอะไร...? ผมถึงชอบ
สองบันทึกที่ผ่านมาเลือกเขียน "สอนด้วยชีวิต" ทั้งสองภาค ด้วยตัวอย่างของพ่อแบบนักธุรกิจ กับพ่อแบบโจร.....
ทำไมผมถึงเลือกพ่อสองแบบนี้มาเขียน รวมถึงครูที่สอนให้นักเรียนวิ่งเข้าเส้นชัยที่ 2
เพื่อนหลายๆคนก็แสดงความคิดเห็นที่หลากหลายแล้วแต่มุมมองของแต่ละคน เพียงแต่ว่าอาจจะคอมเม้นท์ไว้แบบกลางๆ เพราะรักษาความรู้สึกของเจ้าของบล็อก มีอยู่หลายคอมเม้นท์ที่ผมชอบ เพราะเป็นมุมมองที่ผมไม่ได้คิดถึงเลยขณะเขียน ถึงได้บอกว่าชอบ...เพราะความแตกต่างของมุมมอง นั่นก็เป็น ครู สำหรับผมเช่นกัน
......................................
ทั้งสองเรื่อง ของพ่อทั้งสองแบบ ผมกำลังพูดถึงสังคมเราครับ.... ผมกำลังบอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับ "คน" ของเรา มีที่มา "ส่วนหนึ่ง" จากการเลี้ยงดูแบบผิดๆ ให้ลูกเอาตัวรอด จนไม่คำนึงถึง "วิธีการ" เป็นวิธีการสอนแบบ "เห็นแก่ตัว" สำหรับพ่อแบบที่หนึ่ง สอนให้ "ไม่เชื่อใจคน" ซึ่งผมว่ามันต่างจากการสอนให้ "ระมัดระวัง" ในการทำธุรกิจกับคน....
และสอนให้ "เลวสมบูรณ์แบบ" สำหรับพ่อโจรในเรื่องที่สอง
นั่นคือสิ่งที่ผมอยากบอก...... พ่อแม่คิดแบบไหน กระทำตัวแบบไหน ลูกก็มีโอกาสถ่ายทอดพันธุกรรมชั่วๆ เลียนแบบไปด้วย มีวิธีสอนที่หลากหลายมากมาย ที่ไม่ต้องโกหกลูกด้วยการหลอกให้กระโดดลงมาจากโต๊ะ ซึ่งมีโอกาสมากที่เมื่อเติบโตขึ้น ี่เขาจะใช้วิธีคิดแบบนี้ในการทำธุรกิจ
และสำหรับพ่อโจร.... ถ้าฉลาดและกล้าสอนลูกขนาดนี้ น่าจะมีสักมุมของความคิด ที่คิดจะฉุดพาลูกให้พ้นจากสภาพของความเป็นโจรเสียที
..............................
ถ้าพ่อแม่พาลูกไปนั่งคุยกับอาจารย์ใหญ่แล้วต่อรอง ว่าจะมอบเงินเพื่อแลกกับการได้เข้าเรียนต่อในโรงเรียนดีๆ นั่นก็เป็นการสอนภาคปฏิบัติให้กับลูกคุณแล้ว โตขึ้นมามีลูก คุณว่าเขาจะเป็นเหมือนพ่อไหม ? คุณว่าเขาจะเป็นนักต่อรองที่สามารถ "จ่าย" ทุกอย่าง เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตัวเองต้องการหรือเปล่า ?
ทำไมการสอบในทุกระดับของนักเรียน นักศึกษา ถึงมีการโกง การทุจริต จับได้ก็มาก ปรับตกก็เยอะ ต่อให้มีป้าย "ห้ามทุจริต จับได้ปรับตก" แปะไว้ที่หน้าผาก ถ้าคนมันจะโกง มันก็โกง.... และถ้าเรื่องง่ายๆอย่างการทำข้อสอบยังโกงได้โดยไม่รู้สึกผิด โตขึ้นมาคุณจะหวังอะไรได้กับคนที่โตมากับความคิดแบบนี้ครับ
ยกเอาตัวอย่างจริงๆให้เห็นสักเรื่อง... สมัยผมเรียน.... ก่อนสอบผมบอกเพื่อนว่าใครเรียนอ่อนมาบอก จะติวให้ หลายคนมา ผมสอนให้ไม่มีปิดบัง วันสอบจริง บางคนสะกิดหลังจะขอลอกข้อสอบ ทั้งที่บอกแล้วว่าจะติวให้ แต่มันไม่มา ถึงเวลาจะขอลอกอย่างเดียว.....ผมไม่ให้ลอก แล้วเขาก็สอบตก
คุณอยากรู้ไหมครับว่าตอนนี้ชีวิตเขาเป็นยังไง ?
................................
ผมไม่ปฏิเสธการแข่งขันนะ ผมชอบการแข่งขัน ถ้าจะบอกว่าเกื้อกูลแล้วไม่ทำอะไรเลย โลกคงไม่มีความเจริญก้าวหน้า
ผมชอบดูกีฬา.... โดยเฉพาะวิ่ง 100 เมตรชิงแชมป์โลก ถ้าไม่มีคำว่า "แข่งขัน" ทุกวันนี้มนุษย์คงไม่มีใครเชื่อว่า ในระยะทาง 100 เมตร เราสามารถใช้เวลาวิ่งไม่ถึง 10 วินาทีีี สี่สิบปีก่อน หากใครบอกว่ามนุษย์เราจะวิ่ง 100 เมตรโดยใช้เวลาแค่ 9 วินาทีกว่าๆ ถ้าไม่ถูกกล่าวหาว่าบ้า ก็คงถูกมองด้วยสายตาแปลกของผู้คนรอบข้าง
ีแล้วสถิติที่ถูกทำลาย มันเป็นความหมายในทางบวกสำหรับผม วินาทีที่วิ่งออกจากจุดสตารท์...ผมคิดว่าไม่มีนักวิ่งคนไหน สนใจที่จะมองคู่แข่งหรอกครับ ต่างคนต่างวิ่งเพื่อ "เอาชนะตัวเอง" เอาชนะข้อจำกัดของตัวเอง..... ส่วนการทำลายสถิติ..ก็เป็นผลต่อเนื่องมาจาก "ความพยายามเอาชนะตัวเอง" ให้ได้เืท่านั้น...
..............................
จะวิ่งเข้าเส้นชัยที่เท่าไหร่นั่นย่อมไม่ใช่เรื่องสำคัญ คุณมีความสุขขณะซ้อมหรือเปล่า คุณมีความหวังขณะวิ่งหรือเปล่า และเหนือสิ่งอื่นใด... ผมว่าบางครั้งบางหนในชีวิต แค่สามารถวิ่งเข้าเส้นชัยได้ ก็มีความสุขเสียยิ่งกว่าคนที่ชนะที่หนึ่งเสียอีก หากมันเป็นการวิ่งที่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง.
Create Date : 30 เมษายน 2550 |
|
24 comments |
Last Update : 30 เมษายน 2550 7:41:41 น. |
Counter : 6615 Pageviews. |
|
|
ชอบข้อเขียนชุดนี้มากที่สุด อ่านแล้วได้อะไรมาก ๆ เลย
อย่าหาว่าเว่อร์นะคะ
ฉันถือว่าคุณ คือครูของฉันคนนึง
เข้ามาทีไร
ฉันต้องได้อะไรใน"หัว"กลับไปทุกที
มิใช่เห็นด้วยเสียทุกเรื่องหรอกนะคะ
บางทีมุมมองที่แปลกออกไปก็ทำให้เราได้"เห็น"กว้างขึ้นด้วยสายตาผู้อื่น
เป็นภาพจริงหรือไม่จริง นั่นเป็นเรื่องที่เราต้องคิดเอง