เมษายน 2550
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
9 เมษายน 2550

เด็กดีของทุกคน

นั่งคุยกับตัวเอง : เด็กดีของทุกคน
เขียนโดย : สิงห์โตหมอบ
9 เมษายน 2550





ฉันเป็นเด็กดี


ฉันเป็นเด็กดีของพ่อแม่
ฉันเรียนเก่ง และสอบได้ที่ 1 ทุกครั้ง
(ฉันจึงต้องสวมแว่นตาหนาเตอะตั้งแต่ยังไม่โตเต็มวัย)


ฉันเป็นเด็กดีของครู
ฉันไม่ดื้อ ไม่ซน ฉันเชื่อฟังครูทุกถ้อยคำ
ฉันเป็นตัวแทนนักเรียนไปแข่งขันทักษะทางวิชาการ
ฉันสร้างชื่อเสียงโด่งดังให้กับโรงเรียน
(ฉันจึงเป็นเด็กที่มีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงนัก
เพราะวันๆมัวแต่นั่งท่องตำรับตำรามากมาย
จนแทบไม่มีเวลาพักผ่อนและออกกำลังกาย)


ฉันเป็นเด็กดีของพ่อแม่
ฉันสอบเทียบได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
เข้าเรียนมหาวิทยาลัยก่อนอายุถึงเกณฑ์ที่เขาบังคับ
(ฉันจึงมีเพื่อนน้อยมาก เพราะปรับตัวเข้ากับเพื่อนอายุมากกว่าไม่ได้)


ฉันเป็นเด็กดีของอาจารย์
ฉันไม่ดื้อ ไม่ซน เรียนเก่งและขยัน
ฉันเรียนเก่งมากระดับได้เกียรตินิยมเหรียญทอง
(แต่สุขภาพร่างกายและจิตใจของฉันกลับสวนทางอย่างสิ้นเชิง
กับตัวเลขในสมุดพก)

ฉันเป็นเด็กดีของพ่อแม่
ฉันไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน
ไม่มีคนรัก ไม่มีเพื่อน
แต่ฉันมีข่าวดีจะบอก....
พ่อกับแม่หาว่าที่เจ้าสาวให้ฉันได้แล้ว
(ฉันมีอายุเกือบสี่สิบ บุคลิกชอบเก็บตัว ทำงานเก่งและมีฐานะที่ดีมาก)


ฉันเป็นเด็กดีของภรรยา
ฉันเชื่อฟังเธอทุกคำ ทำตามทุกอย่าง
ไม่เคยโต้แย้ง ยอมทุกเรื่อง ตามใจทุกสิ่ง
(แต่ฉันก็มีชีวิตคู่ที่ไม่ราบรื่นนัก เหมือนฉันเติมเต็มความรักไม่ได้สักครั้ง
กับสิ่งที่มีอยู่...ฉันไม่กล้าที่จะเรียกมันว่า “ความรัก” ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ)


ฉันเป็นเด็กดีของพ่อแม่
ฉันเริ่มโต้เถียงพ่อแม่ คนใกล้ชิดที่มีน้อย ยิ่งห่างหายไปทีละคนๆ
เพราะทนความเจ้าอารมณ์ของฉันไม่ไหว
บ่อยครั้งฉันด่าพ่อแม่จนร้องไห้ ทุบตีภรรยาและลูกอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
ไล่ลูกน้องออกเป็นว่าเล่นโดยไม่มีเหตุผล
(บางคนบอกว่าฉันมีอาการทางจิตอย่างรุนแรง
สุขภาพของฉันยิ่งย่ำแย่ลงกว่าเดิม
ฉันมีโรคประจำตัว 4-5 โรคสุมอยู่เต็มร่างกาย)



เด็กดีของพ่อแม่กำลังป่วยหนัก
ฉันเครียดและไม่มีความสุขในการใช้ชีวิต

เด็กดีของครูอาจารย์กำลังป่วยหนัก
ฉันเกลียดตัวเอง และไม่รู้ว่าจุดสิ้นสุดของความทุกข์อยู่ตรงไหน


เด็กดีของภรรยากำลังป่วยหนัก
ฉันโกรธและโทษตัวเองที่ไม่รู้จักความรักที่แท้จริง
เธอทิ้งฉันไป ฉันโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงา


ฉันกำลังป่วยหนัก....แต่ฉันเป็นเด็กดี ?
ฉันกำลังป่วยหนัก....
และตอนนี้...ฉันไม่อยากเป็นคนดีเพื่อใครอีกแล้ว

ฉันรู้...ว่าเพราะอะไร ?



20 มกราคม 2543


………………………………



บางครั้งผมแค่นั่งสงสัยว่าทำไมเราต้องคาดคั้นและยัดเยียด
“ความเก่ง” ให้กับเด็กมากมายขนาดนั้น
เรียนในเวลาปกติก็แทบกระอักเลือด
เลิกเรียนยังต้องเรียนพิเศษจนดึกดื่น
เสาร์เรียนเปียโน อาทิตย์เรียนแจ๊ซแด๊นซ์
ปิดเทอมมีซัมเมอร์แคมป์ ฯลฯ

ผมเฝ้ามองพ่อแม่หลายคนพยายามสร้างลูกให้เป็น
“เด็กเก่ง” และ “อัจฉริยะ”
เหมือนพยายามจับยัดความฝันของตัวเองไว้บนบ่าทั้งสองของลูก
ต้อง “เก่ง” พ่อถึงจะรัก
ต้อง “มีความสามารถ” แม่ถึงจะรัก
....พ่อแม่คิดและตัดสินใจแทนลูกไปเสียทุกอย่าง
ว่า “ควร” และ “ไม่ควร” ทำอะไร...


....................................


ผมอาจเป็นเด็กในประเทศนี้เพียงไม่กี่คน
ที่ไม่เคยเรียนพิเศษ ไม่เคยกวดวิชา
ผมชอบอะไรผมก็ทำ โชคดีที่พ่อแม่ไม่เคยบังคับ
ไม่เคยเรียกร้องว่าลูกต้องสอบได้ที่หนึ่งของชั้น
ผมตั้งใจเรียนในห้องมาก
และเมื่อถึงเวลาเล่น ผมก็เล่นจริงๆ
อยากวาดรูปก็วาด โดยไม่ต้องถูกบังคับ
อยากเล่นกีต้าร์ ก็เล่นเพราะอยากเล่นเป็นจริงๆ
นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่า
จนถึงทุกวันนี้ สิ่งต่างๆที่ผมทำ ก็ยังคงทำได้ต่อเนื่องยาวนาน
เพราะเมื่อเราชอบ เราจะอยู่กับมันโดยไม่ฝืนความรู้สึกของตัวเอง

ผมคิดว่าถ้าครูอาจารย์มีจิตวิญญาณของความเป็นครูอย่างแท้จริง
เขาต้องสอนนักเรียนในห้องอย่างหมดภูมิที่ตัวเองมีอยู่
ถ่ายทอดความรู้โดยไม่มิบเม้มเพื่อเปิดคอร์สเอาเงินค่าเรียนพิเศษอีกครั้งจากพ่อแม่ผู้ปกครอง
ถึงจะมีครูแบบนี้อยู่น้อย แต่ผมก็เชื่อว่ามี

ไม่ว่าใครจะมองว่าแปลกแยกหรือไม่
ผลการเรียนของผมเป็นเครื่องยืนยันได้..
“ที่ 1 ของรุ่น” แต่ผมเป็นที่หนึ่งที่มีความสุขในชีวิตเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งเรียนและทำกิจกรรม
โดยไม่ต้องแบกชีวิตไปถมทิ้งอยู่แต่ในห้องเรียนกวดวิชา
หรือกิจกรรมอย่างอื่นที่ผมไม่อยากทำ


.................................


ระบบการศึกษาที่ป่วย
ย่อมผลิตแต่นักเรียน นักศึกษาที่ป่วยไข้ออกมาเกลื่อนกล่นเต็มบ้านเต็มเมือง
เราจึงมีสังคมที่อุดมไปด้วยคนป่วย

....ผมไม่รู้ว่าประเทศชาติจะอยากได้ “คนเก่ง” ออกมาเยอะแยะมากมายทำไม
“คนเก่ง” ในนิยามของการเป็นคนที่ฉกฉวย ช่วงชิง
เอารัดเอาเปรียบ เห็นแก่ตัว และไร้ซึ่งศีลธรรมจรรยา

แทนที่จะคิดสร้าง “คนดี”
....เพื่อเป็นน้ำดีมาชำระล้างสังคมเน่าเหม็นที่เป็นอยู่
ให้สะอาดเอี่ยมอ่องขึ้นมาบ้างสักนิดก็ยังดี.






............................................




 

Create Date : 09 เมษายน 2550
21 comments
Last Update : 12 เมษายน 2550 19:13:17 น.
Counter : 883 Pageviews.

 

คนเราไม่ต้องเก่งอะไรมากมายหรอกค่ะ...ขอแค่เป็นคนดีก็พอค่ะ...

 

โดย: Madam_Hatyai 9 เมษายน 2550 8:20:54 น.  

 

ก็แล้วแต่การเลี้ยงดูแล้วก็การปลูกฝังด้วยนะคะ

อย่างเราโชคดีหน่อยที่พ่อแม่ไม่ได้บังคับอะไรมากมาย แค่บอกให้ตั้งใจเรียน

แล้วเราก็เป็นประเภทที่รู้สึกดี ถ้าเกรดดี ๆ ของเราทำให้พ่อแม่ประทับใจ แม้ไม่เก่งมากมาย แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ

 

โดย: ใบไม้ร่วงในป่าใหญ่ 9 เมษายน 2550 8:36:13 น.  

 

ทุกๆอย่างต้องมีความพอดี


 

โดย: nungmay 9 เมษายน 2550 8:57:00 น.  

 

ขออย่าทำให้พ่อแม่เสียใจก็พอแล้วนะ เมื่อใดที่เรามีความสุขพ่อแม่ก็สุขด้วย วันไหนเราทุกข์พ่อแม่ก็ทุกข์ด้วย

 

โดย: frank3119 9 เมษายน 2550 9:03:22 น.  

 

เราก็เป็นเด็กคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตในกรอบของความเป็น "เด็กดี" มาตลอด มาเสียแล้วเอาตอนแก่นี่แหละ

คุณพูดคล้ายๆ ปะป๊าเรา ปะป๊าเราบอกว่า
ไม่ได้อยากให้ลูกเรียนเก่งหรอก ขอแค่ให้มันมีคุณธรรมก็พอใจแล้ว

การ์ตูน "พี่น้องคู่วุ่น" มีตอนหนึ่งที่ตัวละครบอกกับพระเอกซึ่งเป็นเด็กป. 6 ว่า
เด็กดี ไม่จำเป็นต้องเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย หรือเรียนเก่ง แต่ขอให้เป็นเด็กที่มีหัวใจที่รับรู้ความเจ็บปวดของผู้อื่นได้

-----------------------------------------------------------

เราเชื่อมั่นในการปลูกฝังสิ่งที่ดีงามให้เด็ก พร้อมๆ กันกับเปิดโลกให้เขาเห็นมุมที่โหดร้ายของโลก
เพราะสักวัน เด็กน้อยต้องเลือกทางชีวิตของเขาเอง

เราไม่เชื่อมั่นในความดีงามของคนที่ไม่เคยผ่านการทดสอบของโลกในแง่ที่เลวร้าย

 

โดย: นางสาวอาร์ต 9 เมษายน 2550 9:07:38 น.  

 

ผมอยากเป็นคนดี

 

โดย: พีทคุง (redistuO ) 9 เมษายน 2550 9:14:13 น.  

 

ฝนเป็นคนดี แต่ยังดีไม่ทั้งหมดคะ

 

โดย: fontor 9 เมษายน 2550 9:33:44 น.  

 

ฉันเป็นคนเลวที่แสนดี....

ในครั้งหนึ่งฉันเหมือนคนไม่ดี...ชีวิตพานพบแต่ความเลวร้าย เหมือนเป็นคนเลวในสายตาของใครต่อใคร...จนกระทั่งฉันผ่านพ้นความเลวเหล่านั้นมาได้ วันนี้ฉันกลายเป็นคนเลวที่แสนดี สำหรับคนที่ฉันรัก...และไม่บีบบังคับให้เขาต้องเป็นคนดีที่สุดสำหรับฉัน แต่เฝ้าบอกเขาบ่อยครั้งว่า อย่าได้เป็นคนเลวอย่างฉันในอดีตเลย...เพราะมันจะฝังไว้ซึ่งความเจ็บปวดมากมาย...

 

โดย: คนเลวที่แสนดี 9 เมษายน 2550 9:52:51 น.  

 

ความดีไม่ต้องชนะใจใครทุกคน
ถ้าเธอทำดีที่สุดแล้ว ขอยกย่องว่าเธอเก่งมาก
และถ้าเธอไม่ทำร้ายผู้อื่น เธอเป็นเด็กดีของฉันนะจ๊ะ

 

โดย: หน้าม้าแถวบ้าน 9 เมษายน 2550 10:26:07 น.  

 

จิงๆนะคับ...มันน่ากลัว...สังคมเราบังคับให้ทำ...ไม่ทำแบบนี้...ลูกก็จะอยู่ไม่รอดในโลกแห่งความเป็นจริง...ผมก็เป็นแบบนั้นอ่ะ...

 

โดย: Kurt Narris 9 เมษายน 2550 10:35:52 น.  

 

อ่าเห็นด้วยคะ เราก็คนหนึ่งที่ไม่เคยเรียนพิเศษ หลังเลิกเรียน แต่เราก็ผ่านมาได้ .. แต่ตอนนี้เราเกิดปัญหาในเรื่องความคาดหวังจากผู้ใหญ่เมื่อเราโตขึ้นแทน คือ ตอนนี้ฉันต้องเป็นเด็กดีสอบให้ได้ ...อิอิ ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบสิ่งนั้นจริงๆหรือเปล่า ...... แต่ถือว่าเป็นหน้าที่ละกัน

 

โดย: li_goro 9 เมษายน 2550 12:37:27 น.  

 

ขอใคร่หัวดังๆ หื้อน้อง"คนดี"สักกำเต๊อะ

ความสามารถพิเศษของละอ่อนรุ่นข้าเจ้า(อายุซาวเจ็ด) นั้น ต้องสนใจแต้ๆ ชอบแต้ๆ ทำแต้ๆ จนชำนิชำนาญและโดดเด่น ถึงจะเป็นความสามารถพิเศษ
อย่างข้าเจ้าเนี่ย ถักตุ๊กตา ถักไหมพรม อะหยังจะอี้น่ะ
แต่ละอ่อนสมัยนี้ ต้องใช้ความเงินซื้อความสามารถพิเศษเอา
เต้นบัลเล่ต์ วาดรูป เรียนดนตรี ขี่ม้า ฯลฯ

สะดวกดีแต้ๆ

 

โดย: กากีซ่าส์ 9 เมษายน 2550 13:15:58 น.  

 

ตอนนี้หาวิธีเลี่ยงได้แล้วครับ ดูรูปได้แล้วนะครับ

 

โดย: พีทคุง (redistuO ) 9 เมษายน 2550 13:23:30 น.  

 




แวะเอาเค้กมากฝากค่ะ

จุ๊ ๆ อย่าให้ภรรยาเห็นนะคะ

 

โดย: ใบไม้ร่วงในป่าใหญ่ 9 เมษายน 2550 14:17:08 น.  

 

อ่านแล้วรู้สึกสงสารเด็กดีจังเลยนะค่ะ
สงสัยจะเครียดหนักน่าดู......

 

โดย: fonrin 9 เมษายน 2550 15:51:21 น.  

 



อย่างนี้แหล่ะค่ะ ค่านิยมผิดๆ

ไม่ได้เข้ามาบล็อกซะนาน คิดถึงจังเลยค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เริ่มทำงานใหม่แล้วค่ะ
อีก 3-4 วันก็ได้เน็ต hi speed แล้วคงได้เข้าบล็อกตามปรกติซะที
อากาศร้อนดีจริงๆเลยค่ะ ฟังข่าวบอกจะมีฝนตกเล็กน้อยที่เพชรบุรี
บอกมา 2 วันติดแล้ว ไม่รู้ว่าไปตกเล็กน้อยอยู่แถวไหน ไม่มีเลยสักหยด
เชียงใหม่ ได้ข่าวว่าเริ่มเล่นสาดน้ำกันแล้วนี่คะ

 

โดย: printcess of the moon 9 เมษายน 2550 16:37:39 น.  

 



รบกวนอ่านหลังไมค์ด้วยจ้า

ขอคำปรึกษาอะไรนิดนึง

 

โดย: sunny-low 9 เมษายน 2550 17:26:52 น.  

 

"เด็กดี ไม่จำเป็นต้องเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย หรือเรียนเก่ง แต่ขอให้เป็นเด็กที่มีหัวใจที่รับรู้ความเจ็บปวดของผู้อื่นได้"

ชอบประโยคนี้ในเมนท์นั้นค่ะ

ทุกวันนี้เราอยู่ในสังคมที่ปลูกฝังค่านิยมและทัศนะคติ แปลกประหลาดพิกลพิการให้เด็ก แข่งขันกัน ชิงดีชิงเด่นกัน ลูกๆหลานๆเราเป็นคนรุ่นที่น่าสงาสาร ดูเด็กนักเรียนสมัยนี้สิคะตัวเท่าเมี่ยง แบกกระเป๋าไปโรงเรียน กระเป๋าจะพาล้ม

พวกเขา อยู่และใช้ชีวิต ในสังคมยากขึ้นทุกที เพราะถ้าไม่เก่ง ก็ถูกกันออกนอกระบบไปโดยปริยาย เหมือนมีระบบคัดกรองอยู่ในตัวของมันเอง

ธุรกิจเกี่ยวกับการศึกษา และกวดวิชาเบ่งบานเป็นดอกเห็ด และเป็นธุระกิจที่มีเปอร์เซนต์การแข่งขันสูงมาก ผลตอบแทนสูงมาก มันคือดัชนีชี้วัดอะไร ค่านิยมมือใครยาวสาวได้สาวเอา ของคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ใช่ไหม

ถามว่าเด็กเหล่านี้เรีบยนจบมา เขาไขว่คว้าอะไร ผิดหวังในชีวิตแล้วยึดเหนี่ยวอะไร และอะไรคือสารัตถะในชีวิตของเขา เราเห็นปัญหาเหล่านี้ไหม เห็น...เราทุกคนเห็นถามว่าทางออกของปัญหามีไหม มี..และเราเองตระหนักรู้ว่ามันมีทางออกอยู่ เพียงแต่เราไม่มีเรี่ยวแรงพอ จะฝ่ากระแสของสังคม


หรือจะพูดให้ถูกเราปล่อยตัวเราให้ไหลไปตามกระแสนั้น โดยที่ไม่คิดจะฝืน หรือต่อต้านมัน เดินตามกันไป ใครว่าอะไรดีก็ตามเขาไป เพราะความมีความได้ทางวัตถุมันเป็นรูปธรรมจับต้องสัมผัสได้ แต่ความสุขและการประสบความสำเร็จในชีวิต ทางด้านจิตใจมันเป็นรูปธรรม มันต้องเกิดจากความรู้สึกในใจว่าสุข แล้วมันก็จะสุข

เมนท์เสียยาวเลยค่ะ คุณกิจสบายดีนะ วันนี้ที่บ้านฝนตกค่ะ อากาศดีขึ้นตั้งเยอะ รออ่านบันทึกหน้าต่อไปนะคะ

 

โดย: บรรณภรณ์ 9 เมษายน 2550 19:35:04 น.  

 

ขอแก้คำผิดนิดค่ะ "ทางด้านจิตใจมันเป็นนามธรรม" ประโยคนี้นะคะ

 

โดย: บรรณภรณ์ 9 เมษายน 2550 19:38:21 น.  

 

ดีค่ะ แวะมาติดตามเหมือนเคย ^_^

บีว่าสมัยนี่ การเรียนการศึกษาอย่างเดียวไม่พอแล้วค่ะ น่าจะมีสอบให้เก่งและฉลาดทั้ง IQ, EQ และการเข้าสังคม กิจกรรมไปด้วย เน๊อะ

 

โดย: Beee (Beee_bu ) 9 เมษายน 2550 20:14:58 น.  

 

เราเพิ่งเขียนบันทึกกะไว้ว่าจะเอาลงบล็อกเหมือนกัน
ประมาณว่า
เราจะดีจะเก่งไปทำไม
หรือจะดีจะเก่งในสายตาใครเหรอ
สำหรับเรา เราว่าเราพอแล้วอ่ะ
ไม่รู้หลงตัวเองมากไปป่าว
แต่เราเชื่อมั่นในความดีและมีประโยชน์ของตัวเองนะ
^^

 

โดย: I am just fine^^ 11 เมษายน 2550 11:41:17 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]