เมษายน 2550
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
27 เมษายน 2550

สอนด้วยชีวิต


นั่งคุยกับตัวเอง : สอนด้วยชีวิต
เขียนโดย : สิงห์โตหมอบ
27 เมษายน 2550




เศรษฐีชาวอิสราเอลคนหนึ่งอยากสอนวิธีทำธุรกิจให้กับลูกชายวัยสิบห้าขวบของตนเอง
“ลูกอยากทำการค้าเก่งๆเหมือนพ่อมั้ย ?”
“อยากครับ” เด็กชายตอบ
“เอาล่ะ...ไปยืนบนโต๊ะนั่น”
ลูกชายปีนขึ้นไปบนโต๊ะอย่างว่าง่าย
พ่อพูดขึ้นมาว่า
“ลูกจำได้ไหม สมัยก่อนพ่อชอบจับลูกขึ้นไปยืนบนโต๊ะ
แล้วให้ลูกกระโดดลงมา แล้วพ่อก็รับลูกเอาไว้”
ลูกชายพยักหน้า
“เอาล่ะ...วันนี้เราจะทำอย่างนั้นกันอีก” พ่อบอก “โดดได้เลยลูก”
เมื่อลูกชายเห็นพ่อกางแขนรอรับ เขากระโดดลงมาจากโต๊ะนั่นทันที
“พลั่ก !!!” ผู้เป็นพ่อฉากหลบอย่างตั้งใจ ผลก็คือเด็กชายกลิ้งโค่โร่เป็นลูกขนุน
ด้วยความโมโหเด็กชายต่อว่าพ่อทันที
“ทำไมพ่อทำอย่างนี้กับผมล่ะครับ โอย....บอกว่าจะสอนวิธีทำธุรกิจให้ผมแล้วก็มาหลอกให้ผมเจ็บตัว”
พ่อยืนหัวเราะด้วยความพึงพอใจ
“นี่แหละบทเรียนแรกที่พ่ออยากให้ลูกจำไว้....
ในการทำธุรกิจ….
จงอย่าเชื่อที่ใครพูด อย่าเชื่อใจใคร แม้คนๆนั้นจะเป็นพ่อของเราเองก็ตาม”









บันทึกนอกรอบ


เที่ยงตรง...



สารภาพตามตรง...
ผมไม่ชอบวิธีคิดแบบที่พ่อคนนี้สอนลูกเท่าไหร่
ถ้ามองจากหลายมุม....และหลากวิธีคิด
มันเป็นรูปแบบทางธุรกิจที่ผมไม่เคยเชื่อ
“ความเชื่อใจ” นั่นแหละ คือ สิ่งที่สำคัญในการทำธุรกิจ
เล่ห์เหลี่ยมหรือชั้นเชิงทางธุรกิจก็ว่ากันไป
ใครดีใครได้ ใครแน่ใครอยู่
แต่หากเป็นวิธีสอนประเภท
“ฆ่าแม่งให้หมด” รับรองได้ว่า ธุรกิจแบบนี้ “ไม่ตายดี” แน่นอน

เคยเห็นร้านทองที่ตั้งขายอยู่เป็นกลุ่มเป็นก้อนไหมครับ
สิบร้านยี่สิบร้าน สินค้าเหมือนกัน แต่ขายด้วยกันได้โดยไม่ต้องทะเลาะกัน
ไปแข่งกันเรื่องคุณภาพสินค้า การบริการ และการบริการหลังการขาย
แม่น้ำสายเดียว แบ่งปันกันตักมาดื่มกิน
ไม่ใช่ใช้ความโลภและความเห็นแก่ตัว
เทยาพิษลงไปในแม่น้ำ เพื่อไม่ให้ทุกคนได้กิน
สุดท้ายตัวเองก็ตายตามไปด้วย เพราะไม่มีน้ำให้ดื่มกิน


.........................


มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมชอบคิดตาม
เรื่องนี้อยู่ในหนังสือแนวธุรกิจเต็มตัว
"พ่อรวยสอนธุรกิจ" ของ Robert Kiyosaki
เมื่อพ่อรวยแนะนำลูกให้จ้างนักทำบัญชี
“จงอย่ารับนักทำบัญชีที่พูดว่า 1+1 = 2
เพราะนักบัญชีคนนี้ซื่อเกินไป
จงอย่าจ้างคนที่บอกว่า 1+1 = 3
เพราะเขาไม่ฉลาดพอ
แต่จงรับนักทำบัญชีที่พูดว่า
“สำหรับผม 1+1 เท่ากับเท่าไหร่นั้น
...มันขึ้นอยู่กับท่านเจ้าของจะให้เป็นเท่าไหร่นั่นแหละครับ”

ดูผิวเผินเหมือนเรื่องของไหวพริบในการทำธุรกิจ
มองอีกทีคำสอนนี้ไม่มีเรื่องไหนที่หลุดไปจากคำว่า
“คดโกง เอาเปรียบ ฉกฉวย” ไม่ว่าจะมองในมิติใดก็ตาม

เหมือนนักเรียนที่ไม่อ่านหนังสือ ไม่ตั้งใจเรียน
แต่เวลาสอบพร้อมที่ลอกข้อสอบเพื่อน
พร้อมที่จะโกงทุกรูปแบบ เพียงแค่คำว่า “สอบผ่าน”
โดยไม่คำนึงถึง “คุณภาพ” และ “วิธีการ”


.............................


เมื่อสักครูฟังข่าว…
นักดาราศาสตร์สหรัฐค้นพบดาวเคราะห์ดวงใหม่ที่มีคุณสมบัติ
ทางกายภาพใกล้เคียงกับโลกมาก
ภายใน ค.ศ.2020 นี้ อาจขึ้นไปสำรวจ
และดูท่าว่าในอนาคตอันไม่ไกลนี้
มนุษย์โลกอาจจะย้ายถิ่นฐานไปอยู่ “โลกใหม่”
และทอดทิ้งโลกอันผุๆพังๆที่มนุษย์เราช่วยกันถลุงทรัพยากรธรรมชาติจนเหี้ยนเตียนไม่เหลือหรอ

แล้ววันหนึ่งเมื่อพบสถานที่ใหม่ที่ดีกว่า
เราก็ทอดทิ้ง “บ้านเกิด” และ “บ้านเก่า” อย่างไร้เยื่อใย

ผมไม่โทษวัฒนธรรมแดกด่วน หรือระบบทุนนิยม
ที่หล่อหลอมให้เรามีวิธีคิดแบบนี้
แต่จะโทษอะไรได้เล่า...ถ้าไม่ใช่ “ครอบครัว”
และ “ระบบการศึกษา” ที่เป็นเบ้าหลอมในมนุษย์ผู้ที่เรียกตนเองว่า “ผู้เจริญแล้ว”
เอาแต่คิดแบบ “ง่าย” และ “มักง่าย” จนหลอมเป็นเนื้อเดียวกัน

ถึงเวลานั้นมาถึงจริงๆ
คนบนโลกคงได้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กัน
เพื่อแย่งครองพื้นที่บนดางดวงนั้น
อาจต้องมานั่งพิพาทกันไม่สิ้นสุด ว่าใครไปถึงดาวดวงนั้นก่อน
แล้วจะปักหมุดเขตกันยังไงตามขนาดความโลภในใจตน

สารภาพตามตรง.....
ผมเองไม่รู้จะอยู่ถึงวันนั้นหรือเปล่า
และถ้าอยู่ถึง...
ผมอาจเป็นคนหนึ่งที่ขออยู่กับ “โลกเดิม” ของผม
คงไม่ไปกับ “คนผู้เจริญ” เหล่านั้น
เท่าทุกวันนี้ผมก็ฉกฉวยเอาจากโลกและสังคมมากพอแล้ว
และถ้าร่างกายเน่าๆของผมจะเป็นปุ๋ยให้กับต้นไม้บนโลกเก่าของผมได้งอกเงยขึ้นมาใหม่ได้บ้าง
ผมก็ขอให้ร่างนี้ทำประโยชน์คืนแก่โลกบ้างก็ยังดี.








Create Date : 27 เมษายน 2550
Last Update : 27 เมษายน 2550 12:23:58 น. 25 comments
Counter : 1012 Pageviews.  

 
ฮือๆ...มันเจ็บอ่ะ...เหมือนๆผมโดนพ่อสอนเลย...ไม่อาวแล้วไม่อยากเก่งๆ


โดย: Kurt Narris วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:8:08:40 น.  

 
โอ้...วิธีการสอนนี่เฉียบจริงๆ


โดย: fonrin วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:8:10:52 น.  

 
เพิ่มเพลงพี่ปั่นอีก 4 เพลงครับ
ชอบชอบใครรักเพลงโรแมนติก เชิญนะครับ
ที่ห้องฟังเพลงเก่า (แต่คนฟังไม่ยอมแก่)


โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:8:12:45 น.  

 
เรียนรู้จากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น...อย่างนั้นหรือ?


โดย: คนเลวที่แสนดี วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:8:13:12 น.  

 
แหงละ ยิ่งสมัยนี้มีคนเป็นพ่อเป็นแม่ทั้งที่ตัวเองยังไม่พร้อมเยอะไปน่ะ

- - ธุรกิจ กะ มิตรภาพ มักจะเดินสวนทางกันอยู่เสมอ



โดย: กากีซ่าส์ วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:8:23:25 น.  

 
ในการทำธุรกิจ

" จงอย่าเชื่อที่ใครพูด อย่าเชื่อใจใคร " อันนี้เห็นด้วยค่ะ

" จงอย่าเชื่อที่ใครพูด อย่าเชื่อใจใคร แม้คนๆนั้นจะเป็นพ่อของเราเองก็ตาม " อันนี้ไม่เห็นด้วยทั้งหมดค่ะ เพราะว่าเชื่อพ่อค่ะ ก็พ่อเก่ง ถึงแม้จะจบแค่ ป.4 ก็ตาม เรียกได้ว่า ประสบการณ์ชีวิตเป็นครูที่สอนพ่อได้ดีกว่าใคร

จบมาสักพักก็เริ่มเบื่องานประจำ เลยอยากมีธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง

ด้วยความที่ยังอยากอยู่ กทม เลยเปิดที่นั่นก่อน ซึ่งใจจริง พ่อก็อยากให้มาทำแถวบ้าน แต่พ่อก็ไม่โต้แย้งอะไรในตอนแรก เพราะรู้ว่ายังไงเราก็ยังไม่อยากกลับมา

จนกระทั่งล้มหัวคำมำเลยค่ะ พ่อเลยเข้ามาช่วยเหลือ ที่มีทุกวันนี้ได้ก็เพราะพ่อคนเก่งนี่แหละค่ะ

พ่อเก่งค่ะ เราทำงานทั้งเดือน บางครั้งยังสู้พ่อทำแค่วันเดียวไม่ได้เลย

ภูมิใจ ๆๆ


โดย: ใบไม้ร่วงในป่าใหญ่ วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:8:40:19 น.  

 
แฟนบิลลี่ เข้ม เชิญห้องฟังเพลงครับ
10 เพลงแรกเสร็จเรียบร้อย อีก 4 เพลงที่เหลือจะตามมาในภายหลัง
ที่ห้องเพลงเก่านะครับ

เชิญ...


โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:9:04:57 น.  

 
หุๆๆๆ เชื่อใครไม่ได้แม้แต่ตัวเองหรือป่าวเนี่ยะ


โดย: rainoflove วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:9:30:18 น.  

 

เพลงบิลลี่เติมไปอีก 4 เพลงเรียบร้อย

.....................

ท่านใดคิดถึงนพเก้า และเพลงเก่าๆหาฟังยาก
เชิญห้องเพลงเก่าครับ ลงไว้ 5 เพลง



โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:10:23:07 น.  

 

สวัสดีค่ะ...

เราคงจะไม่เก่งในเชิงธุรกิจ เพราะวิธีคิดไม่เหมือนกัน ดูเหมือนจะโหดร้ายนิดๆ เราคงถูกสอนให้ช่วยเหลือคนที่ถูกทำร้ายมากกว่าที่จะไปทำร้ายเขาเสียเอง จึงไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับคำสอนของพ่อคนนั้นเท่าใดนัก แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นจริงๆ อาชีพเราคงเหมาะกับการดูแลเด็กที่ตกจากโต๊ะตัวนั้นมากกว่า...และช่วยเหลือเขาให้สามารถลุกขึ้นยืนและเดินต่อไปได้อีกครั้ง...นั่นแหละสิ่งที่เราทำได้...


โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:14:11:09 น.  

 

มาเก็บเกี่ยวบทความดีๆกลับบ้านเช่นเคย

ขอบคุณที่นึกถึงกันนะคะ

วันก่อนจิตตก 555 วันนี้เก็บคืนได้มาครึ่งนึงแล้วค่ะ


โดย: เพียงแค่เหงา วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:14:31:38 น.  

 
แป้งหอมเชื่อเรื่องกรรม ว่า ทุกสิ่งที่เราทำมันจะต้องมีผลของการกระทำตามมา จึงทำให้คิดว่า จะทำธุรกิจอย่างไรไม่ให้ขาดทุน

ขาดทุนที่ว่า คือ ขาดทุนกำไรชีวิต เชื่ออยู่อย่างว่า เงินหาเมื่อไรก็ได้ แต่ชีวิตแต่ละวันที่ผ่านไปมันเรียกคืนไม่ได้ เพราะฉะนั้นเลยตั้งใจเด็ดขาดว่าจะทำธุรกิจอย่างตรงไปตรงมาและต้องเชื่อถือได้ เพื่อวันหน้าจะได้ไม่เสียใจเวลานึกถึง แต่คุนกะว่าก๋าน่าจะเดาได้ว่า มันจะเหนื่อยยากแค่ไหนนะที่ทำการค้าอย่างตรงไปตรงมากับคนที่บางครั้งเชื่อถือไม่ได้เอาซะเลย

แต่ทำไงหล่ะ นอกจากอดทน


โดย: floral_flory วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:14:40:50 น.  

 
ผมไม่เคยมองหนังสือของคิโยซากิในมุมนี้มาก่อนเลยครับ คงเป็นเพราะผมอยู่ในโลกของการแข่งขันมากเกินไปล่ะมั้ง
ดีที่ได้คุณกะว่าก๋าช่วยเตือนสติ


โดย: พีทคุง (redistuO ) วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:14:54:04 น.  

 
มนุษยืเราเกิดมาเพื่อสร้างและทำลาย

พอทำจนเสียหายย่อยยับก็หาทางออก

ด้วยการหาแหล่งใหม่ ถ้าหากฝนสามารถอยู่ถึง

ยุดนั้น ต้องย้ายโลก ย้านดาวกัน

ฝนขออยู่บนโลกเน่าๆผืนนี้ที่เดิมจะดีกว่า

เพราะการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น อาจจะเหมือนกับการทำ

ธุรกิจ ต้องคดโกง แก่งแย่ง เพื่ออำนาจและความยิ่งใหญ่

แล้วใครหละคะจะไปกำหนดว่า " ประเทศไหนอยู่ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ? ใครจะไปคุมอำนาจต่อไป

มันดูวุ่นวายน่าเบื่อจัง -*-

ส่วนคุณพ่ออิสราเอล นั้นก็สอนเกินไปหน่อยนึง

ไม่น่าปลูกฝังลูกให้รักตัวเอง หรือ ไม่ไว้วางใจคนอื่นแบบนั้น หากนักธุรกิจทุกคนสอนลูกแบบนั้น

ประเทศไม่เสื่อมแย่หรอ

เม้นยาวไปหน่อยแล้ว อินเกินไป อิอิ

แต่อ่านแล้วสนุกมากลเยค่ะ ชอบๆ

ปรัชญานิดๆ คติหน่อยๆแบบนี้


โดย: fonejank วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:16:26:02 น.  

 
มาทักเมื่อไหร่ก็ได้ค่ะ เพื่อนกัน ไม่ว่ากัน งานต้องมาก่อนนะค๊า

ทำงานยุ่งแล้ว พักผ่อนหน่อยนะคะ


โดย: ใบไม้ร่วงในป่าใหญ่ วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:18:17:42 น.  

 
แวะมาตอนเย็นๆคับ


โดย: Kurt Narris วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:19:17:02 น.  

 



ดี.คงไม่สอนใครแบบนี้
ถ้าแม้แต่พ่อแม่ก็เชื่อใจไม่ได้แล้ว
แล้วชีวิตจะเหลืออะไร

โลกธุรกิจต่างจากชีวิตจริงตรงไหน
ก็แค่สมมติให้ต่าง
และจะได้ไม่ต้องลำบากใจถ้าจะต้องทำอะไรไม่ดี

โลกกลมกลมก็แค่นี้
คิดให้เป็นสี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม เบี้ยวไปเบี้ยวมาสารพัด





โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:19:22:04 น.  

 
เป็นอีกคนที่ยังขอยืน อยู่บนโลกใบเดิมค่ะ

แม้ว่าโลกสีฟ้าจะเปลี่ยนเป็นสีเทาก็ตาม....

*** ถ้าเราปลูกต้นไม้กันอย่างน้อยๆ สัปดาห์ละต้น

ลดใช้สารพิษ กันหน่อย บางทีอาจจะช่วย

ทำให้โลกสีฟ้าของเราเป็นสีเทา ช้าลง .......





โดย: หิมะสีดำ วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:20:59:04 น.  

 
...สอนแบบอิสราเอล เด็กคนนั้นยังจะรู้จักคำว่า "เพื่อนแท้และมิตรภาพ" ที่ไม่มีเงื่อนไขไหมค่ะ ??

เขาจะรู้จักจริยธรรมทางธุรกิจไหมนี่ ??
ช่างแตกต่างกับเมตาธรรมค้ำจุนโลกจัง
ชีวิตเขาจะเป็นไงหน๊า เขาจะรู้จักคำว่าจิตใจบริสุทธิ์
การให้โดยไม่หวังผลไหมน้อ ??

ในเมื่อแม้แต่พ่อแท้ ๆ ยังต้องพิจารณา (หนักหนาสาหัส)

การสอนบางอย่างให้เด็กต้องคำนึงถึงผลข้างเคียงด้วยค๊า เหมือนการกินยานะแระ (หนูว่านะ) กินยาพารา (ยา_นอ_มอล) เกินสองเม็ด ยังง่วงจนตาปิดเลยแระ...


โดย: หนูนีล (นางน่อยน้อย ) วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:21:02:15 น.  

 
เคยโดนว่า.. ว่าพวก เซลล์แมน มักจะยัดเยียดของที่ไม่มีคุณภาพ, ชักจูงคนอื่นๆ ให้อยากซื้อทั้งๆ ที่สินค้าไม่มีคุณภาพ

แต่วิชาการตลาดที่แท้จริงสอนให้เราได้รู้ว่าผู้บริโภคต้องการอะไร จะได้ผลิตสินค้าได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า

จะยกตัวอย่างคำพูดของ ฟิลิป คอตเลอร์ นะครับ

“ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่วิชาการทางการตลาดจะกระจายไปสู่คนหมู่มาก เราเชื่อว่ายิ่งแนวคิดด้านการตลาดได้ขยายกว้างออกไปมากเท่าใด ก็จะมีผลทำให้เกิดการผลิตสินค้าที่ดี ราคาถูก และเพิ่มมาตรฐานการครองชีพของคน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา”

บางทีเพราะในโลกที่แก่งแย่งแข่งขันในปัจจุบัน ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่คุณ กะว่าก๋า เขียนไว้ ทั้งๆ ที่ "การตลาด" การเงิน" หรืออะไรๆ หลายๆ อย่างในโลกธุรกิจมันมีจุดเริ่มต้นที่ดี

ผมชอบ Robert Kiyosaki บางส่วนตรงที่ สอนให้เรารู้จัก "กระแสการเงิน" ว่าเงินมีที่มาที่ไปยังไง และเราควรเอาเงินไปวางไว้ที่จุดไหน

เราไม่ควร "เชื่อ" อะไรทั้งสิ้นจนกว่าจะพิจารณาตามหลักเหตุและผลด้วยสติปัญญา...

ส่วนเรื่องดาวดวงใหม่...
ตื่นเต้นดีนะครับ ที่ได้เห็นมุมมองใครหลายๆ คน ในเรื่องนี้

โอ้วส์ คอมเม้นท์ยาวดีแฮะ อิ อิ


โดย: กายแก้ว วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:21:24:31 น.  

 

เห็นด้วยกับคุณกายแก้ว

ประโยคที่ว่า "คอมเม้นท์ยาวดีแฮะ"

อิอิ...


แวะมาทักน้องชาย เห็นไปบ่นๆ ที่บล้อก

ช่วงนี้พี่งานยุ่งๆ น่ะ

รบกับงานและรบกับลูกน้อง

การเป็นคนกลางระหว่างนายกับลูกน้อง

กะว่าก๋า เห็นว่าควรทำตัวอย่างไร

เพราะตอนนี้ พี่คือคนในตำแหน่งนั้น

คนกลางของสองระดับ

ปวดหมองมาก

อ้อ...จริงๆ สามระดับ เพราะเพื่อนในระดับเดียวกันอีก

เหนื่อยกายและใจด้วย

มีปัญหาให้แก้ทุกวันเกือบทุก ชม.

เพราะทำงานกับคนนี่แหล่ะ

เรื่องหนังสือทำมือ ขอบใจที่นึกถึงจ้ะ

จะรอรับด้วยใจห่อเหี่ยว เอ๊ย ด้วยใจหดหู่

เอ๊ย !!!

ล้อเล่น

อิอิ

จะรอรับนะจ๊ะ


โดย: sunny-low วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:22:43:49 น.  

 
ถ้าจำไว้ได้ตลอดก้อดีนะเนี่ย


โดย: winos วันที่: 28 เมษายน 2550 เวลา:1:44:29 น.  

 
จากบันทึกนอกรอบ

ผมเห็นด้วยกับการสนับสนุนกันและกันในการทำธุรกิจ ไม่ใช่ใครดีใครได้ ใครแน่ใครอยู่ ผมเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องเกื้อกูลกัน หรือในสถานการณ์แบบ win win

แต่เรื่องความเชื่อใจนั้น ผมว่าเราก็ต้องเรียนรู้กันไปและระวังตัวบ้าง เพราะก็มีบางคนไม่คิดแบบเรา คอยจะเอาเปรียบอยู่ตลอดเวลา และเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะไปจากสังคมนี้ ต้องคอยปรับตัวและเรียนรู้กันต่อไปครับ


โดย: fzero วันที่: 28 เมษายน 2550 เวลา:11:26:54 น.  

 
อืม บางเรื่องเล่าที่สอนกันมา ก็น่าคิดว่าควรทำตามดีมั๊ยเสมอค่ะ ทุกอย่างต้องปรับให้เข้ากับตัวเรา เพราะแต่ละคนก็คิดไม่เหมือนกัน ^_^


โดย: Beee (Beee_bu ) วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:5:51:25 น.  

 
คิดคล้ายๆคุณ Beee ค่ะ...
เราต้องดูว่าจะนำใช้ให้เหมาะสมกับตัวเราอย่างไร...
รับฟังเสมอ...เวลาผู้ใหญ่ หรือใครๆสอน...


โดย: แดดร่มลมโชย วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:15:27:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]