เมษายน 2550
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
8 เมษายน 2550

ม้วนเทปที่หายไป...

นั่งคุยกับตัวเอง : ม้วนเทปที่หายไป...
เขียนโดย : สิงห์โตหมอบ
8 เมษายน 2550



ผมนั่งนึก...ม้วนเทปที่เคยมีอยู่ม้วนหนึ่งหายไป
ลองกลับไปรื้อค้นดูในชั้นเทป หาเท่าไหร่ แต่ก็ยังหาไม่เจอ...


..........................................



ปีนั้น,
ในมือของผมมีเทปชุด “ศิลปินป่า” ของจรัล มโนเพ็ชร ที่เพิ่งซื้อมา
นำเทปใส่เครื่องเล่น ค่อยๆฟังไล่เรียงไปทีละเพลงๆ
อ่านเนื้อเพลงตามไปด้วย ก่อนที่เสียงเพลงของเพลงๆนี้จะดังขึ้น
ผมไล่สายตาอ่านตามเนื้อร้องที่มีความหมายกินใจ

..............


* ฝ่าไอละออง หมอกและควันคลุ้งเหงื่อที่รินไหล
จะมองหาเศษเดนน้ำใจ ที่จะจุดประกายชีวิต
ไม่มีสิทธิไปหวัง

อาจมีรอยยิ้ม ที่ดูเอมอิ่มควรระวังหลัง
ได้โอกาสลงมือไม่มียั้ง และต่างคลางแคลงระแวงระวัง
ไปตกเป็นชิ้นเหยื่อ ถูกฝังทั้งเป็น
นี่แหละเมืองหลวง.....

................

ผมนั่งฟังเพลงนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ฟังเป็นสิบๆเที่ยว
ฟังอยู่เพลงเดียวตั้งแต่ตอนเย็นจนถึงกลางดึก
จนเพื่อนร่วมห้องเดินออกมาถาม
“ฟังเพลงอะไรว่ะ เห็นฟังตั้งแต่เย็นเป็นร้อยรอบแล้ว ไม่เบื่อหรือไง ?”
ผมเงียบและไม่ได้โต้เถียงอะไร ปิดเทป
แล้วหยิบเอากีต้าร์ขึ้นมาร้องเพลงนี้เบาๆ

........................


** ไม่มีคนจะมาสนใจ ไม่มีใครไหนจะมาคิดห่วง
ว่าจะเป็นจะตายก็ตามดวง
ว่าจะอิ่ม จะกลวง จะหิว หรือไส้กิ่วโทรมสั่น

เหนื่อยหน่ายและท้อ ที่ต้องงอก่อเกรงให้คนขัน
ที่ไม่อยากจะทำต้องทำมัน
เป็นกากเป็นเดนอยู่เมืองสวรรค์
น่าหวาดและหวิวหวั่น อยากหันหน้าไปไกลจากมันเสียที


……………………


เช้านั้นผมตัดสินใจนั่งรถทัวร์กลับบ้านที่เชียงใหม่
เดินไปบอกเพื่อนร่วมห้องว่า
“เบื่อที่นี่...อยากกลับบ้าน อาจจะไม่กลับมาอีกแล้ว”
เพื่อนเงียบและอึ้งกับคำพูดของผม....

การศึกษาในมหาวิทยาลัยชื่อดัง ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ผมคิดหวังไว้เลย
ผมหวังจะมาหาความรู้ ฝันว่าจะได้พบเจออาจารย์ที่ดี
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลยตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา

กลับมาถึงบ้านที่เชียงใหม่ ผมเดินไปบอกพ่อว่า
“ไม่เรียนแล้วนะ ไม่มีความสุข”
พ่อพูดแค่เพียง “โตแล้ว ตัดสินใจเองเลย”
ผมรู้ผ่านแววตาว่าพ่อยังเชื่อมั่นในความคิด ในตัวตนของผม

ผมใช้เวลานั่งๆนอนๆอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรอยู่อาทิตย์กว่า
นึกถึงหน้าที่ที่ควรทำของการเป็นลูกที่ดี
คิดถึงความหวังที่พ่อแม่ฝากฝังไว้
ผมชั่งน้ำหนักกับความรู้สึกที่ผมเกลียดชังระบบการศึกษาในมหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่
กับสิ่งที่ควรทำในฐานะของความเป็นลูก
และผมจะเลือกสิ่งใดดี.......

............................


*** ธันวาอีกคราว กับลมเหนือมันหนาวสิ้นดี
ธันวาทุกปี อยากจะหนีกลับคืนบ้านเก่า
ฟ้าสวยสดใส ส่งดวงใจไปเยือนเพื่อนเก่า
ปลายปีเราอาจ มีโอกาสจะกลับไปหา
ถ้ายังมีสิทธิจะไป


……………………….


ปีนี้,
เกือบสิบปีแล้วที่ผมเรียนจบมา
วันก่อนค้น mp3 รวมเพลงจรัล มโนเพ็ชร เอามาเปิดฟังเพื่อแกะเนื้อเพลงอีกครั้ง
เสียงเพลงดังขึ้น และเพลงนี้ก็หวนกลับมาอีกครั้งในความรู้สึกของผม

……………………..


**** จะมีใครอยู่คอยเฝ้ารอรับ และยินดีถ้ากลับไปบ้านเดิม
อาจจะมีแต่คนซ้ำเติม ให้เราเจ็บและอายใจยับ
ไม่น่าจะกลับไปเลย

จากความแหลกเหลว เช่นคนเลวถูกมองแล้วเมินเฉย
บ้างคงเหยียดเกลียดชังน้ำหน้าเลย
ให้หมดกำลังใจจะเปิดเผย
คงถากและถางยำและเย้ยเรา ไปจนกว่าจะสาใจ


…………………….


ผมนั่งคิดถึงการตัดสินใจในวันนั้น
วันที่เลือกกลับมาสู้ต่อ กลับมาเรียนต่อแม้จะไม่ชอบระบบ
ไม่ศรัทธาอาจารย์(บางคน)
เพลง “กลับบ้านไม่ได้” ทำให้ผมเติบโตขึ้น
ทำให้ผมเรียนรู้ความจริงบางด้านของชีวิต
ทำให้รู้ว่า ไม่ใช่เมืองใหญ่หรอกที่เลวร้าย หลอกลวง
แต่เป็นตัวเราต่างหาก ที่ไม่อาจผสมกลมกลืนไปกับความเจริญของเมืองได้
น้ำไม่มีสิทธิ์เลือกปลาที่จะเข้ามาอยู่
หากแต่ปลาต้องเลือกน้ำที่เหมาะสมกับตัวเอง
เขาคือเขา เราคือเรา
ไม่อาจเปลี่ยนเขา เปลี่ยนเราได้

ผมเรียนจบและกลับมาทำงานต่อที่เชียงใหม่
มีความสุขกับการใช้ชีวิต และมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของเมืองเชียงใหม่
ซึ่งคลับคล้ายคลับคลากรุงเทพเข้าไปทุกทีๆ

.............................................



เสียงเพลงเงียบลงแล้ว

ผมนั่งนึก....
ม้วนเทป “ศิลปินป่า” ที่เคยมีอยู่
มันหายไปไหนหนอ
ผมพยายามค้นดูอีกหลายที่ก็ยังหาไม่เจอ
แต่ไม่เป็นไร....ผมรู้ดี เสียงเพลง “กลับบ้านไม่ได้”
ไม่ได้หายไปไหน....
เพลงนี้ยังคงเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมตลอดไป.


………………………………



เพลง : กลับบ้านไม่ได้
คำร้องโดย : จรัล มโนเพ็ชร
จากชุด : ศิลปินป่า



ฝ่าไอละออง หมอกและควันคลุ้ง เหงื่อที่รินไหล
จะมองหาเศษเดนน้ำใจ ที่จะจุดประกายชีวิต ไม่มีสิทธิ์ไปหวัง
อาจมีรอยยิ้มที่ดูเอมอิ่ม ควรระวังหลัง
และโอกาสหล่นมือไม่มียั้ง และต่างคลางแคลงระแวงระวัง
ไปตกเป็นชิ้นเหยื่อ ถูกฝังทั้งเป็น นี่แหละคือเมืองหลวง

ไม่มีคนจะมาสนใจ ไม่มีใครไหนจะมาคิดห่วง
ว่าจะเป็นจะตายก็ตามดวง ว่าจะอิ่มจะกลวงจะหิว หรือไส้กิ่วโทรมสั่น
เหนื่อยหน่ายและท้อ ที่ต้องงอก่อเกรงให้คนขัน
ที่ไม่อยากจะทำต้องทำมัน เป็นกากเป็นเดนอยู่เมืองสวรรค์
ข้าหวาดและหวิวหวั่น อยากหันหน้าไปไกลจากมันเสียที

* ธันวาอีกคราว กับลมเหนือมันหนาวสิ้นดี
ธันวาทุกปี อยากจะหนีกลับคืนบ้านเรา
ฟ้าสวยสดใส ส่งดวงใจไปเยือนเพื่อนเก่า
ปลายปีเราอาจมีโอกาสจะกลับไปหา ถ้ายังมีสิทธิ์จะไป

จะมีใครอยู่คอยเฝ้ารอรับ และยินดีถ้ากลับไปบ้านเดิม
อาจจะมีแต่คนคิดซ้ำเติม ให้เราเจ็บและอายใจยับ ไม่น่าจะกลับไปเลย
จากความแหลกเหลว เช่นคนเลวถูกมองและเมินเฉย
บ้างคงเหยียดเกลียดชังน้ำหน้าเลย
ให้หมดกำลังใจจะเปิดเผย คงถากและถางย่ำ
และเย้ยเราไปจนกว่าจะสาใจ

ฟ้าสวยสดใส ส่งดวงใจไปเยือนเพื่อนเก่า
ปลายปีเราอาจมีโอกาสจะกลับไปหา ถ้ายังมีสิทธิ์จะไป

จะมีใครอยู่คอยเฝ้ารอรับ และยินดีถ้ากลับไปบ้านเดิม
อาจจะมีแต่คนคิดซ้ำเติม ให้เราเจ็บและอายใจยับ ไม่น่าจะกลับไปเลย
จากความแหลกเหลว เช่นคนเลวถูกมองและเมินเฉย
บ้างคงเหยียดเกลียดชังน้ำหน้าเลย
ให้หมดกำลังใจจะเปิดเผย คงถากและถางย่ำ
และเย้ยเราไปจนกว่าจะสาใจ



...................................................





Create Date : 08 เมษายน 2550
Last Update : 8 เมษายน 2550 7:33:59 น. 24 comments
Counter : 1155 Pageviews.  

 
อ่านแล้วนิ่งๆ อึ้งๆ ไปพักใหญ่
ทั้งที่ตอนนี้อยู่บ้าน แต่กลับคิดถึง "บ้าน" ในความรู้สึกที่อบอุ่น นะค่ะ


โดย: สายลมอิสระ วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:7:40:12 น.  

 

เพราะชีวิต
ไม่ใช่ของเราเพียงคนเดียว

การตัดสินใจทำหรือไม่ทำบางสิ่งบางอย่าง
บางทีก็ไม่อาจกระทำได้ตามใจตัวเอง

นี่แหล่ะ...สัจธรรม

เนอะ

แต่สักวัน
ในเวลาที่เหมาะสม
เราก็สามารถทำ
สิ่งที่เราอยากทำจริงๆ
ได้แล้วล่ะ


ต้องมีสักวัน ต้องมีสักวัน

อิอิ


โดย: sunny-low วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:7:41:26 น.  

 
โลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ไลกนี้ไม่มีใครทำหน้าที่ตัวเองได้เต็ม 100 % มีแต่ทำได้ดีที่สุดเท่าที่คนหนึ่งจะทำได้ (โอ้ย !!!! ดูมีสาระจังแหะเรา)


โดย: นู๋นีล (นางน่อยน้อย ) วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:8:01:33 น.  

 
" ไม่ใช่เมืองใหญ่หรอกที่เลวร้าย หลอกลวง
แต่เป็นตัวเราต่างหาก ที่ไม่อาจผสมกลมกลืนไปกับความเจริญของเมืองได้ "

ประโยคโดนใจค่ะ ตอนที่คิดกลับมาบ้าน ก็โทษสังคมที่ในความรู้สึกบอกว่าไม่น่าอยู่ค่ะ รู้สึกว่าใจคนนั้นยากแท้หยั่งถึง


โดย: ใบไม้ร่วงในป่าใหญ่ วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:8:03:14 น.  

 
ในเมื่อเมืองไทย

ยังยึด "ปริญญา" เป็นสำคัญ

ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน

ถ้าไม่มี... ก็ไร้ความหมาย

เมื่อ..สังคมเป็นแบบนี้

จำเป็นเหมือนกันที่จะต้อง หลิ่วตาตามค่ะ

ก็ดีใจด้วย ที่ในที่สุด ก็ตัดสินใจกลับมาเรียนต่อ

บางคน คิดว่า ใบนี้

สำหรับ "กันหมากัด"

คุณ... คงไม่โดนหมากัดแน่ ๆ ค่ะ

สำหรับสังคมนี้


โดย: โสดในซอย วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:8:05:58 น.  

 


"การเปลี่ยนแปลงของเมืองเชียงใหม่
ซึ่งคลับคล้ายคลับคลากรุงเทพเข้าไปทุกทีๆ"


รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ
เคยรู้สึกว่ารักเชียงใหม่มาก
มีความเป็นเมืองและมีความเป็นป่าในขณะเดียวกัน
แต่ป่าหายไปทุกวัน
บรรยากาศงามงามกลายเป็นเรื่องรกตา
ความรักก็เลยหายไปด้วย

ไปเกิดความรักที่ใหม่แทน
รักสวนผึ้ง ราชบุรี

ความเป็นป่ายังมีมากกว่า
หวั่นหวั่นแต่ว่าความเป็นเมืองจะเข้าไปเยอะกว่านี้
ไม่อยากเสียความรักไปอีกรอบ


...............................


สายตาเชื่อมั่นจากใครบางคน
เป็นสิ่งที่เราซื้อไม่ได้ เรียกร้องไม่ได้
แต่มันมาได้เองโดยเราไม่รู้ตัว

และนั่นก็คือความสุข
ทำให้เราจดจำไปได้ทั้งชีวิต

ดี.ก็เคยได้รับ
แต่จากพี่สาวค่ะ

และมันก็ทำให้ดี.ยืนอยู่ได้ในวันนี้




โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:8:18:17 น.  

 
ดีใจจังมีเพื่อนๆพี่ๆเข้ามาทักทายแต่เช้า
เดี๋ยวผมออกไปเที่ยวก่อนครับ วันนี้วันหยุด
จะไปเที่ยวหอศิลปะ กับศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่
กลับมาจะมาไล่ดูตามบล็อกเพื่อนให้หมดครับ
(พี่ suuny low อัพบล็อกแล้วนะ แอบไปดูก่อน
เย็นนี้กลับมาอ่านแบบตั้งใจครับ)



โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:8:31:09 น.  

 
แวะมาทักทายค่ะ

ดีใจนะคะที่คุณกลับมาทำหน้าที่จนสำเร็จ

วันนี้เที่ยวเผื่อด้วยเน้ออออ


โดย: เพียงแค่เหงา วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:9:20:42 น.  

 
อ่านแล้วคิดถึงบ้านเลยคับ


โดย: frank3119 วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:10:31:34 น.  

 
มองดูท้องฟ้าก็ยังเป็นฟ้าผืนเดียวกัน
มองดวงตะวันก็ยังส่องแสงไปบ้านฉัน

..............(จำเนื้อเพลงไม่ได้แล้ว)

...........คิดถึงบ้าน


เป็นอีกเพลงของท่านจรัล ที่ฟังทีไร คิดถึงบ้าน ทุกที


โดย: ทาสบอย วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:10:43:18 น.  

 
แวะมาทักทายค่ะ...เที่ยวเผื่อด้วยนะคะ


โดย: Madam_Hatyai วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:11:35:30 น.  

 
การเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นเมืองใหญ่

บางทีมันทำให้เราได้คิด ว่าจะหนี หรือจะ อยู่กับมัน

แต่ข้อสรุปในปัจจุบันคือ

จันทร์-ศุกร์ ก็อยู่สู้
เสาร์-อาทิตย์ กีหนี

ไม่รู้จะใช้วิธีนี้ได้อีกนานแค่ไหน


โดย: กายแก้ว วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:11:39:58 น.  

 
โดนเข้าเต็มๆ กลับบ้านไม่ได้ เพราะยังเรียนไม่จบ ฮือ ๆๆ...


โดย: หน้าม้าแถวบ้าน วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:12:55:51 น.  

 
การตัดสินใจนี่สำคัญมากๆเลยค่ะ
สิ่งที่เลือกแล้ว ก็คือ สิ่งที่ดีที่สุด

ชอบจังเลยค่ะที่ จขบ. บอกว่า
" น้ำไม่มีสิทธิ์เลือกปลาที่จะเข้ามาอยู่
หากแต่ปลาต้องเลือกน้ำที่เหมาะสมกับตัวเอง "
จะเก็บไว้เตือนใจตัวเองเช่นกันค่ะ
อย่าลืมเที่ยวเผื่อแตงด้วยนะคะ


โดย: tu_bong วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:13:22:17 น.  

 
ถ้าเป็นเราเราไม่นึกกลับไปโดยไม่กลับมานะ

เพราะหลายๆ ครั้งที่เราต้องใช้ชีวิตเพื่อคนอื่นๆ
คนอื่นๆ ที่เราแบกรับความหวังของเขาอยู่


โดย: นางสาวอาร์ต วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:15:06:20 น.  

 
จขบ.แอบหนีเที่ยวซะแระ


โดย: พีทคุง (redistuO ) วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:15:37:13 น.  

 
รายงานตัวอีกครั้งตอนเย็นย่ำ
ปรากฏว่าวันนี้ภารกิจล้มเหลวครับ
ไปถึงหอศิลป์ ปิดถนนเพราะมีงานพระราชทานปริญญาบัตร
แห้วไปหนึ่ง....ไม่เป็นไรฉันจะถ่ายรูปสวยๆในพิพิทธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
เชียงใหม่....โปรดอ่านอีกครั้ง "แห่งชาติ"
เจ็ดปีที่แล้วผมเคยไปเดินครั้งหนึ่ง ทุกอย่างเหมือนเดิมครับ
ตั้งแต่ราคาตั๋ว เจ้าหน้าที่ผู้เหงาหงอยเซื่องซึม
และสิ่งของที่จัดแสดง ...เหมือนเดิมทุกประการ มีแต่ฝุ่นเพิ่มตามตู้เยอะขึ้นมามากกว่าเก่า
และผีหลอกเหมือนเดิม เงียบมากกกกกกกกกกกกกกก....
ครั้นจะถ่ายรูป ป้าย "ห้ามถ่ายรูป" ก็แปะหราซะงั้น
เดินอ่านเนื้อหาก็น่าสนใจนะครับ ประวัติศาสตร์ล้านนา
เดินไปสองคนกับภรรยา กลัวในหลืบมืดๆ งูเหลือมจะเลื้อยออกมาลากไปรับประทานซะ
บรรยากาศเหมือนหนังฟิล์มนัวร์ยังไงยังงั้น

ท่านผู้มีอำนาจในบ้านนี้เมืองนี้ครับ (โดยเฉพาะเมืองเชียงใหม่)
ผมรู้นะครับว่าท่านชอบอ่านบล็อกผมมาก
เพราะฉะนั้นแบ่งเศษงบประมาณมาบูรณะ
รากเหง้าประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองให้ดูเชิดหน้าชูตาหน่อยสิครับ
ทีพญานาคพ่นน้ำพุที่ประตูช้างเผือก ทำแล้วไม่ได้ประโยชน์โภชน์ผล ยังใช้เงินตั้ง 6 ล้าน
เอามาพัฒนาที่นี่ดีกว่าครับ เวลาฝรั่งมาดูจะได้ไม่ทำ
หน้าเหรอหราให้เราอาย ว่านี่นะเรอะ
รากเหง้าของแก

"แห่งชาติ" นะครับ อย่าลืม ....
เซ็งเป็ดเลย

ดีที่ไหวตัวทันวันนี้คงไม่ใช่วันของเรา
กลับไปบ้านนอนดูหนังไปสองแผ่น
คือ an convinien truth (จะเขียนถูกมั้ยเนี่ย)
เป็นหนังเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน.....ดีครับดี
ต่อด้วยแผ่นธรรมะเดลิเวรี่ ของพระมหาสมปอง ตาลปุตโต
แผ่นที่ 2 .....ฮาครับฮา

วันที่ดูแย่ๆก็เลยกลับบกลายดีได้ด้วยประการนี้แล


โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:17:38:14 น.  

 

เรานี่หลากหลายอารมณ์ดีเหมือนกันเนาะ

บางทีก็ดูเป็นผู้ใย๋ ผู้ใหญ่

บางทีก็ดูเป็นเด๊ก เป็นเด็ก

เนี่ย...อารมณ์วันเนี้ย

เหมือนเด็กๆ ไปเลย

โดนภรรยาบ้องหูไปกี่ครั้งแล้วล่ะ


เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ไม่มีวัดจ้ะ

หลวงพ่อสำราญฯ
ท่านมาสร้างพระองค์ใหญ่ไว้ที่ท้ายเขื่อน
เป็นพระที่วัดของท่าน วัดป่าธรรมอุทยาน จว.ขอนแก่น

อจ.วรภัทร์ เป็นลูกศิษย์ท่าน
และเป็นที่ปรึกษาบริษัทของคุณคนขับช้า
คุณคนขับช้ามาบอกบุญพี่
ก็เลยได้บุญเต็มๆ ตามไปด้วย

แล้วจะนำรูปพระที่จะสร้างมาให้ดูนะ


เอ...ทำไมเรารู้หว่า
ว่าเขาดูดวงและหลอกจับมือด้วย

เคยทำเหมือนกันน่ะดิ

ใช่ปะ

อิอิ


โดย: s (sunny-low ) วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:18:56:13 น.  

 




โดย: ทาสบอย วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:19:14:32 น.  

 
ในชีวิตมีเรื่องที่ไม่ชอบมากกว่าชอบ ต้องทนทำมากกว่าอยากทำ บางทีจะไปให้ถึงปลายทางต้องผ่านเรื่องไม่ชอบเยอะแยะเลย

กำลังทำเรื่องไม่ชอบอยู่เหมือนกัน อ่านเรื่องของคุณแล้วคิดได้ว่า บางทีคุณอาจจะต้องทนทำเรื่องไม่ชอบมากกว่าเรา กว่าจะได้ใบปริญญามา

แต่พอถึงวันนี้... ชีวิตคุณเจ้าของบล็อกดูลงตัว และงดงามเหมือนรูปพวงแสดที่เอามาฝากแล้วใช่ไหมคะ (เดาเอาจากท้ายๆบทความที่เขียนถึงทุกวันน่ะค่ะ)

ปล. สมัยก่อนเล่นอีเลคโทนค่ะ แต่ตอนนี้คืนคุณครูที่เคยสอนไปหมดแล้ว ส่วนเปียโนหัดเอง เล่นได้ก้อกแก้กแบบหางๆเท่านั้น แต่ยังหัดอยู่จนทุกวันนี้


โดย: SevenDaffodils วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:20:08:38 น.  

 



ผมได้อ่านเรื่องราวของคุณหลายเรื่อง มีความประทับใจในตัวคุณอยู่หลายเรื่อง และเชื่อว่าคุณต้องทำงานเป็นอาชีพแม่พิมพ์ของชาติที่ดีแน่เลย

ชอบงานศิลปะ เห็นภาพวาดของคุณแล้วชอบมาก น่ายินดีที่จะมีแม่พิมพ์ของชาติที่ดีอย่างคุณอีก 1 คน ให้เห็นผมเชื่ออย่างนั้น ผมเองจบครูเหมือนกัน แต่เป็นสายดนตรีครับ 1 ในหมวดศิลปะเหมือนกัน

ปี 39 เป็นปีที่คุณฝึกสอนแต่เป็นปีแรกที่ผมเข้าเรียน ผมจบราชภัฎในสมัยนั้น

เรื่องราวของคุณที่เขียนขึ้นมาอ่านแล้วรู้สึกว่าน่าเอาไปเผยแพร่นะครับ




โดย: ฟ้าสดใส ทะเลสีคราม วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:20:33:11 น.  

 
อยากบอกว่าเข้าใจ แต่จริงๆเราจะเข้าใจใครสักคนได้แค่ไหนกัน เพราะก่อนที่เราจะอาจหาญเข้าใจคนอื่น เราเข้าใจตัวเองพอไหม >_<

เอาเป็นว่าเหมือนๆจะเข้าใจนะคะ ที่คุณตัดสินใจแบบนั้น เพราะฉันกับคุณคงเหมือนกันเข้าให้อีกอย่าง แม้เหตุผลของการตัดสินใจจะต่าง แต่กระทำแบบเดียวกัน

ปีแรกที่เข้าเรียนแม่โจ้ รู้สึกตัวเองไม่มีความสุขเลย เป็นเพราะตัวเองตัดสินใจเลือกสอบ เข้าเรียนในสาขาที่ตัวเองไม่ชอบ ประกอบกับไม่เคยจากบ้านไกลขนาดนั้น คิดถึงบ้านมาก บังเอิญเจอเรื่องแย่ๆเพิ่มเข้ามาอีก ทำเอาเซไปทีเดียวค่ะ

ตัดสินใจเก็บเสื้อผ้ากลับบ้าน เจอหน้าแม่กอดกันร้องไห้ แม่บอกว่าอยู่บ้านให้สบายใจแล้วกลับไปเรียนก็ได้แม่ไม่ว่า แต่วันรุ่งขึ้นพ่อโทรมา บอกว่าจะอย่างไรก็ตามพ่อขอให้กลับไปเรียน ไปทำให้สุดความส่มารถ ถ้าไม่ไหวพ่อก็จะไม่เสียใจ เพราะจะได้รู้ไปว่าทำเต็มที่แล้ว นอนอยู่บ้านสิบวัน ก็ตกลงใจกลับมาเรียนต่อ ผลที่ออกมาไม่ดีนัก แต่บทเรียนที่ได้เกินคุ้มค่ะ

ไม่เคยนึกเสียใจกับสิ่งที่ตัดสินใจนะคะ เพราะรู้สึกเหมือนกับคุณ ว่ามันทำให้เราโตขึ้น หากรู้จักเรียนรู้จากความเจ็บปวดและความผิดพลาด

อืมม์ มีชื่อเล่นให้เรียกไหมคะ ส่วนคุณจะเรียกฉันว่าติ๊กก็ได้ ไม่ถือสากันค่ะ


โดย: บรรณภรณ์ วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:21:54:14 น.  

 
ดีค่ะ แวะมาอ่านเหมือนเดิมค่ะ ^_^

บางสิ่งบางอย่างในอดีต ก็ทำให้เราระลึกถึงช่วงเวลาแห่งความยากลำบากที่ผ่านพ้นมาได้ดีนะคะ

ดีใจที่ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้แล้วค่ะ


โดย: Beee (Beee_bu ) วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:2:48:03 น.  

 
ไม่รู้ทำไมนึกถึงอิทธิบาทสี่ค่ะ

บางครั้งเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาก็เป็นบททดสอบเบื้องต้น
ที่เราต้องสอบให้ผ่าน
บททดสอบเรื่องความอดทน
ก่อนที่จะไปใช้ชีวิตจริงๆ
ชีวิตที่เราสามารถจัดระบบให้ได้ด้วยตัวเอง
^^


โดย: I am just fine^^ วันที่: 11 เมษายน 2550 เวลา:11:56:20 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]