<<
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
20 มีนาคม 2555

:: การศึกษาที่ไร้สติ ::






:: การศึกษาที่ไร้สติ ::



เขียนโดย : กะว่าก๋า





สถานที่ : โรงเรียนต้นกล้า เชียงใหม่



























อะไรคือการศึกษา ?





หลายคนคิดว่าการศึกษาเป็นเพียงการศึกษาเพื่อเกรด

เพื่อปริญญาบัตร

และนั่นไม่ได้ทำให้เราเรียนรู้และเติบโตขึ้นเลย





ใช่หรือไม่ว่าการศึกษาที่ไร้สติกำลังนำพาประเทศ

เข้าไปสู่วงจรแห่งปัญหา

สร้างคนที่เห็นแก่ตัว คนที่ฉกฉวย

คนที่คิดอยู่อย่างเดียวว่าทำอย่างไรก็ได้

ขอให้สอบผ่าน ขอให้ฉันได้งานที่ดี ทำงานสบายๆ

เงินเดือนเยอะๆ ขอให้ฉันรวยเร็วๆ เป็นคนดังในชั่วข้ามคืน

ไม่ว่าสิ่งนั้นจะได้มาด้วยวิธีการที่ถูกต้องหรือไม่ก็ตาม







เด็กมากมายเลือกคณะฯดัง เพราะคิดว่าจบแล้วมีงานทำ

รวยเร็ว รวยง่าย โดยไม่คิดเลยว่า

ตัวเราเองถนัดและชอบในสิ่งที่เราเรียนหรือไม่



เด็กเก่งของเราถูกผลักไปเรียนแพทย์ เรียนวิศวะ

โดยที่เด็กไม่เคยได้คิดเลยว่า

ตนเองต้องเรียนในสิ่งที่ตนเองต้องการอย่างแท้จริงหรือไม่



ไม่น่าแปลกใจใช่ไหม

ที่ทุกวันนี้



เรามีนายแพทย์ที่ไร้ความสุข เพราะในใจลึกๆอยากเป็นนักดนตรีร็อก



เรามีนักบัญชีที่หน่ายเหนื่อย แทนที่จะได้นักวาดภาพที่มีความสุข



เรามีสถาปนิกที่ถามตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าเมื่อไหร่ฉันจะรวย

แต่ไม่เคยพัฒนารูปแบบการออกแบบของตนเอง



เรามีเด็กสาวหน้าตาดีที่คิดว่าจะต้องทำตัวเป็นข่าวทางลบยังไงถึงจะดัง



ฯลฯ

























การศึกษาของเราที่ผ่านมา

ไม่ได้สร้างความตื่นรู้เลยใช่ไหม



สร้างแต่ความสงสัย สร้างแต่ความสับสน



เด็กที่กล้าถาม กลายเป็นเด็กที่ก้าวร้าว

เด็กที่ไม่ให้เพื่อนลอกข้อสอบ คือ คนเห็นแก่ตัว

เด็กที่ไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่ คือ ไก่อ่อน

เด็กที่ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่มีแฟน คือ ตัวประหลาดประจำรุ่น

ฯลฯ





การศึกษาของเรา

กำลังนำพา “อนาคต” ของประเทศเดินทางไปในทิศใด ?































ผมเคยถามคำถามนี้กับตัวเอง





เมื่อครั้งเป็นนักศึกษาในระดับระดับปริญญาตรี

ที่สุดแล้วเมื่อทะเลาะกับระบบ

ผมก็ใช้การประท้วงแสดงออกซึ่งความไม่พอใจที่ตนเองมี

ด้วยการจัดนิทรรศการประจานอาจารย์ในคณะฯตัวเอง

ร่วมกับเพื่อนสองสามคน

และอาจารย์ที่ปรึกษาซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่จบไปก่อนหน้านั้นหนึ่งภาคการศึกษา



เรามีแนวคิดตรงกันในการมองเห็นปัญหาที่มีในคณะฯ







ภาพถ่ายและบทกวีที่สะท้อนความรู้สึกด้านลบ

ที่มีกับตัวอาจารย์และวิธีสอน

กลายเป็นสิ่งที่คณบดียืนอ่านด้วยความสนใจในวันเปิดงาน

แต่เรื่องราวบานปลายจนอาจารย์ในคณะถูกเรียกเข้าไปพูดคุย

อาจารย์ที่ปรึกษาของผมถูกอาจารย์ผู้ใหญ่ในคณะฯเรียกไปตำหนิ

(ท้ายที่สุดอาจารย์ก็ลาออกหลังจากจบปีการศึกษานั้น)









คณบดีเรียกผมเข้าพบในห้องของท่าน



“มีอะไรหรือคุณถึงเขียนข้อความเหล่านั้น” ท่านถาม



ผมเล่าให้ท่านฟังถึงปัญหาที่มีด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์คุกรุ่น

ทั้งการไม่เข้าสอน การตัดเกรดที่ไม่ยุติธรรม

วิธีการสอนที่ดูแล้วไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น...

ฯลฯ





เมื่อผมเล่าจบและเตรียมทำใจไว้แล้ว

ว่าอาจจะโดนทำทัณฑ์บนหรือไม่ก็โดนไล่ออก



ท่านคณบดีกลับมองหน้าผม

แล้วกล่าวขึ้นด้วยความเมตตาว่า





“ที่คณะฯของเรา มีทุนการศึกษาในระดับปริญญาโทอยู่

คุณอยากไปศึกษาต่อที่นิวซีแลนด์ไหม

เรียนจบแล้วกลับมาพัฒนาคณะฯด้วยกัน”





ผมฟังแล้วอึ้งไป....

ในตอนนั้นจำได้เลย..ผมตอบท่านไปว่า





“อาจารย์ครับ...ผมจะทำงานกับคนที่ผมเกลียดได้ยังไงครับ”

























ในวันนั้นผมไม่ได้ตอบคำถามท่านด้วยความสะใจ

แต่มั่นใจในความคิดของตัวเองว่า

ด้วยวิธีคิด วิธีใช้ชีวิต

ผมคงไม่อาจทนอยู่ในระบบการศึกษาแบบนี้ได้แน่นอน





ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองเท่ หรือสะใจ

ที่ลุกขึ้นมาทำนิทรรศการด่าประจานคณะฯตัวเอง

ตอนนั้นผมเพียงต้องการระบายความอัดอั้นตันใจที่ตนเองมี

ต่อความวาดหวังในระบบการศึกษาเท่านั้นเอง

































หลายปีผ่านไป

ผมเจอรุ่นน้องบางคนที่จบจากที่เดียวกัน

เลยถามว่าคณะฯเป็นอย่างไรบ้างหลังจากที่ผมจบมา



“ก็เหมือนเดิมพี่ มีอาจารย์ใหม่ๆ ก็ดีขึ้นนะ” รุ่นน้องตอบ



แต่ใจผมไม่เหลือความผูกพัน ไม่เหลือความศรัทธาใดใด

สองปีที่นั่นกลายเป็นฝันร้ายที่หลอกหลอนใจผมนานหลายปี



ผมไปเรียนพร้อมตั้งความหวังว่าอยากจะเป็นครูด้านสถาปัตยกรรมที่ดี

อยากไปเรียนรู้เพิ่มเติมวิชาความรู้เพื่อนำมาพัฒนาตัวเองให้เป็นสถาปนิกที่ดีและมีความสามารถ





สุดท้ายผมได้กระดาษแผ่นเดียวที่รับรองความเป็นบัณฑิตของตัวเอง



กับความรู้ที่ไม่ได้เพิ่มพูนขึ้น

แถมพ่วงมาด้วยการเกลียดคณะฯและอาจารย์.....









วันนี้ผมไม่ได้เป็นทั้งสถาปนิกและไม่ได้เป็นครูอย่างที่เคยวาดหวัง

เสียดายไหมกับวิชาความรู้ด้านสถาปัตย์ที่เรียนมายาวนานถึง 7 ปี

ก็เสียดายอยู่....



แต่สุดท้ายก็รู้ได้เองว่า



ความรู้ศาสตร์ใด แขนงใดก็ตาม

มันปรับใช้ได้กับทุกการงานอาชีพที่เราทำอยู่



ถ้า “วิธีคิด” ของเราถูกต้อง ถูกทาง ถูกธรรม

ไม่ต้องกลัว แม้จะล้มกี่ครั้ง

เราจะลุกขึ้นและกลับมาเดินอยู่บนหนทางอันถูกต้องได้เสมอ













ผมได้แต่เสียใจว่าตัวเองรู้ช้าเกินไป

ว่าเราเรียนไปทำไม ?

เราศึกษาไปทำไม ?





ผมเสียดายที่ไม่น่าเอาเวลาไปทะเลาะกับระบบ

หรือเสียเวลามานั่งเกลียดอาจารย์ตัวเอง



ผมน่าจะเอาเวลาในตอนนั้นไปทำ ไปคิดในเรื่องอื่น

อันจะเป็นการพัฒนาตัวเองไปในด้านบวก





ผมเสียเวลาโกรธและด่าทอคนอื่นนานเกินไป

จนลืมหยุดคิดและสำรวจตัวเอง

ว่าเราได้เสียเวลาที่มีค่าในชีวิตไปนานขนาดไหน

เพียงเพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ยาก

เพียงเพื่อหวังเปลี่ยนแปลงคนที่เปลี่ยนแปลงได้ยาก





เปลี่ยนที่ตัวเราเองง่ายกว่า เร็วกว่า

เป็นไปได้มากกว่า





นี่คือสิ่งที่มหาวิทยาลัยไม่เคยสอน

นี่คือสิ่งที่การศึกษาในระบบของเราไม่เคยมอบให้เรา





อะไรไม่ดี ไม่ชอบ รังเกียจ

อย่าเป็นสิ่งนั้น อย่าทำสิ่งนั้น

แล้วไม่ต้องไปเสียเวลาคิดเปลี่ยนแปลงสิ่งอื่นหรือคนอื่น



เปลี่ยนที่ตัวเราเองก่อน

เปลี่ยนที่ความคิดของตัวเราเองก่อน



แล้วสิ่งที่เราทำนั่นล่ะ

ถึงวันหนึ่งมันจะไปเขยื้อนโลก

และสั่นสะเทือนผู้คนให้เขากลับมาย้อนมองส่องตน



ถ้าเขาไม่อยากเปลี่ยน อยากเลว อยากห่วยอยู่อย่างนั้น

ใครจะทำอะไรได้



คนทุกคนล้วนต้องการเพียงปกป้องตัวเอง

และอยู่อย่างสุขสบายตามความเคยชินเท่านั้น



เรามีสิทธิ์อะไรไปทำลายความคิดความเชื่อของคนอื่น





ทางเดียวที่เราทำได้คือ หมั่นสำรวจตรวจสอบความคิดตนเอง

เราทำสิ่งต่างๆอย่างดีที่สุดแล้วหรือยัง

เรารักคนที่เราควรรักอย่างดีที่สุดแล้วหรือยัง

อะไรที่ยังไม่ได้ทำ และไม่ควร

เราได้ลงมือทำแล้วหรือยัง

























ถึงวันนี้ผมจบมาแล้วเกือบ 20 ปี

ระบบการศึกษาของเราก็ยังคงมีปัญหามากมาย

วิธีการสอนยังมะงุมมะงาหราอยู่กับเปลือกผิวของการศึกษา

โดยไม่เคยพาผู้เรียนให้ได้พบ “แก่นแท้” ของการศึกษาเลย







อีกนานไหมที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป ?

อีกนานเพียงใดที่เราจะได้เห็นการศึกษาที่ดีงาม

และนำพาผู้เรียนไปสู่ความดีงาม

สร้างปัญญาเป็นอาวุธ

สร้างความดีเป็นอาภรณ์ที่ห่มคลุมชีวิต



อีกนานไหม ?



ผมไม่รู้

ผมไม่รู้จริงๆ












Create Date : 20 มีนาคม 2555
Last Update : 27 มกราคม 2556 7:31:43 น. 94 comments
Counter : 1550 Pageviews.  

 
เจิมๆๆๆๆๆๆค่ะ พี่ก๋า

ฝ้ายขอยกย่องพี่ก๋าจริงๆนะค่ะ (พี่ก๋าตีพิมพ์หนังสือเลยค่ะ)

ฝ้ายมาบล๊อกพี่ก๋าทีไรได้แง่คิดกลับไปทุกที (วันนี้แอบไปเจอพี่ก๋าตอบคำถามในบล๊อกของคุณเสือย้อมแมว)

ฝ้ายขอสมัครเป้นแฟนคลับของพี่ก๋าเลยค่ะ

ปล. ขออนุญาติสำรวบบล๊อกพี่ก๋าอย่างจริงจังค่ะ อิอิ


โดย: H. sapiens วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:5:30:52 น.  

 
สวัสดียามยามเช้าค่ะคุณก๋าและหมิงหมิงนสุดหล่อ

อ่านแล้ว ได้ข้อคิดดีๆๆมากมาย หลายสื่ง

ช่วงนี้ เด็กๆปิดเทอม โดนยึดคอม เลยไม่ได้เข้ามาทักทาย

ขอให้มีความสุขนะคะ


โดย: iamorange IP: 125.24.107.165 วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:5:55:03 น.  

 
อ่านเรื่องนี้ทีไร ทำไมน้า รู้สึกเศร้าทุกทีเลย บอกไม่ถูกอ่ะค่ะว่าทำไม มันเหมือนเครียดๆ


โดย: KOok_k IP: 46.129.105.123 วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:6:16:45 น.  

 
ช่วงนี้ฝ้ายอยุ่ในช่วงอารมณ์ศิลปินเข้ากระแสเลือดค่ะ

นอนไม่หลับ ไม่อยากหลับตอนกลางคืน (ไปนอนกลางวันแทน แหะๆ)

เดี่ยววันหลังมาเจรจาพาที ปรัชญากับพี่ก๋า บ้างดีกว่า เนอะๆ



โดย: H. sapiens วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:6:40:33 น.  

 
แวะมาทักทายหมิงหมิงครับ.. ระหว่างรออ้ายเพิร์ธตื่น

อ่านแล้วเข้าใจ๋แต้ๆเลย เรื่องระบบการศึกษานี่หนา
แต่ป้อหมิงหมิงนี่กล้าคิดกล้าแสดงออกความรู้สึกของตั๋วเองแต้ๆเลย
คงมีบ่อกี่คนหรอกที่จะกล้าเนอะ นอกจากจะทนยอมรับไป


ตกลงว่า..ปิดเทอมนี้หมิงหมิงก็บ่อได้ไปแอ่วทะเลซักกำ
ทะเลหน้าร้อนนี่งามสุดๆหนา..

ฝรั่งไถ่จะงง กับพวกคนไทยแต้ๆ ฮ่าๆๆ

คนไทยนี่น้อยขนาดเลย ที่จะใส่บิกินี่ 555





โดย: Nongpurch วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:6:51:14 น.  

 
นอกจากเรียนเพราะโดนยัดเยียดจากพ่อแม่ แต่หลายคนเรียนก็เพราะเลือกไม่ได้ด้วยค่ะ
เลือกสถานที่เรียนไม่ได้ เลือกคณะที่ใจอยากเรียนไม่ได้ สารพัดสารพัน แต่ละคนก็มีคนละปัญหาเนาะ

ขนาดอ้ายก๋าไม่มีปัญหาเรื่องที่เรียน คณะที่เรียน เงินที่จะเรียน แต่ก็ยังไปมีปัญหากับระบบ

ถือว่าถ้าใครได้อ่านจากประสบการณ์ตรงของอ้ายก็คงจะฉุกใจคิดได้ ไม่ต้องรอให้เวลาผ่านไป นี่คือข้อดีของการประสบการณ์คนอื่นแล้วย้อนมองดูตัวเรา

เอ วันนี้เฮาจริงจังไปไม๊เนี่ย






โดย: ก๋าสะลองเงิน วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:6:54:16 น.  

 
วันนี้หมิงหมิง เหมือนหนุ่มเกาหลี เลยค่ะพี่ก๋า หล่ออ่ะ


โดย: kwan_3023 วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:7:03:06 น.  

 
สวัสดียามเช้าค่ะ น้องกะก๋า................


โดย: poongie วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:7:04:49 น.  

 
อ่านบล็อกนี้พี่ก๋าแล้ว
ทำให้คิดย้อนไปมองตัวเองเมื่อตอนมอปลาย
อยากเอนทรานส์เข้าด้านศิลปะ
เลือกเป็นอันดับหนึ่ง
แต่...ไม่เคยอ่านประวัติของนักศิลป์เลย
เจอข้อสอบเข้าไป อยากออกจากห้องสอบในบัดดล
ในที่สุด ก็เอนท์คณะตัวเองชอบไม่ได้
เพราะชอบปฏิบัติ แต่ไม่เคยอ่านทฤษฏีเพื่อเป็นความรู้ในการสอบ

เวลาเรียนศิลปะ ชอบรับวาดให้เพื่อนด้วย
วาดถึงตีสี่ตีห้าก็ทำได้ เพราะชอบ
แต่ไม่ใช่คนวาดรูปเก่งอะไรนะคะ
แค่ชอบวาดตามที่ตัวเองชอบ



โดย: fonrin วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:7:11:16 น.  

 
การศึกษาของเรา
ไม่ว่าตอนไหนๆ ก็น่าห่วงค่ะพี่ก๋า


โดย: fonrin วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:7:14:05 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณก๋า วันนี้มาอ่านเรื่องการศึกษาในมุมมองของคุณก๋า เห็นด้วยค่ะ ว่าเการเปลี่ยนแปลงระบบนั้นทำได้ยาก และคงต้องใช้เวลานาน มาเปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนวิธีคิดของตัวเราเองน่าจะง่ายกว่าค่ะ

ช่วงนี้พี่มีหลานสาวมาอยู่ด้วย กำลังเรียนปี 2 ที่ มช. พี่สาวอยากให้มาฝึกงานกับพี่ ทีแรกตั้งใจไว้ 2 อาทิตย์ เมื่อวานมาวันแรก ถอดใจ ร้องไห้โหกับแม่ บอกว่าจะกลับบ้านแล้ว ตอนนี้เลยต้องต่อรองให้เหลือฝึกแค่อาทิตย์เดียว T__T สงสัยทนไม่ได้กับสภาพการตื่นเช้า เข้าบ้านค่ำ แล้วนายพี่ยังมอบงานที่เขาคิดว่ายากกว่าการเรียนอีกให้ฝึกทำในเรื่องการค้นคว้าข้อมูล และการเขียนรายงาน รวมทั้งการนำเสนอ ....ก็ไม่รู้จะว่ายังงัยเหมือนกันค่ะ เด็กๆ สมัยนี้มีความอดทนน้อยกว่าสมัยพี่มากเลย และจิตใจยังเปลาะบางด้วยอีก


โดย: Maew-tua-lek IP: 174.46.107.10 วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:7:35:54 น.  

 
การศึกษาแบบไร้สติ
มันยั่งรากแก้ว
เอาแม็คโครมาขุดก็ไม่ได้แล้วค่ะคุณก๋า


โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:7:50:56 น.  

 

 
การศึกษา ... บ้านเรายังต้องพัฒนาอีกเยอะค่ะ
ถ้าหากว่ายังนิยมในการ "ป้อน" ให้นักเรียนกับความรู้
แต่ไม่ได้ให้ "ค้นหา" กันเอาเอง ...

อีกอย่างเราว่า ทัศนคติ ของครู ผู้สอน .. กับทัศนคติ
ของเด็กยังจูนไม่ตรงกัน ยังไงก็คิดว่า อีก 10-20 ปี
มันก็ยังมีปัญหาเหมือนเดิมเลยล่ะค่ะ


ปัญหาวนในอ่างจริงๆ


โดย: JewNid วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:7:56:08 น.  

 
เป็นเรื่องยาก
และยิ่งยากขึ้นไปอีกครับ


โดย: panwat วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:8:01:12 น.  

 

สว้สดีค่ะ

น้องหมิง หมิง คงหนาว เอคิดว่าบ้านเราร้อนนะคะ

ที่นิวยอร์ก ตอนนี้ฝร้่งมาเรียนธรรมะกันมากนะคะ

newyorknurse



โดย: newyorknurse วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:8:02:11 น.  

 

พี่ชอบข้อความตอนนี้...


ความรู้ศาสตร์ใด แขนงใดก็ตาม

มันปรับใช้ได้กับทุกการงานอาชีพที่เราทำอยู่



เราคิดเสมอว่า ทุกครั้งที่มีการวิพากษ์เรื่อง "การศึกษา" ไม่ว่าจะเป็นเสียงเล็กๆ หรือกลุ่มเล็กๆ จะมีสิ่งเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย และหลายคนคงรู้สึกเหนื่อยหน่าย และหมดอาลัยตายอยากปล่อยไปตามกรรมกับเรื่องนี้แล้ว อย่างน้อยๆ ลูกพี่ก็ยังอยู่ในระบบการศึกษาแบบนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ คงต้องตามดูกันต่อไป...


ขอบคุณคุณก๋ามาก เข้าหน้าบล็อกตัวเองก่อนตกใจเลย คุณก๋ารู้ได้ไง ไม่นึกว่าพี่นาถจำได้ ทั้งดีใจ ปลื้มใจ ขอบคุณสำหรับคำอวยพรดีๆ ค่ะ พี่ได้เหมือนที่คุณก๋าว่า...แค่นี้ก็สุขเกินพอแล้วนะ





โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:8:09:14 น.  

 
สวัสดียามเช้าๆค่ะคุณก๋า
ขอเป็นผู้อ่านอย่างเดียวละกานคร้า
แต่ชอบภาพถ่ายมากค่ะ
ถ้าเป็นการแต่งภาพเอง ถือว่าเป็นงานสร้างสรรค์
ที่ทำให้ภาพถ่ายธรรมดาๆดูมีความน่าสนใจมากๆยิ่งขึ้นนะค่ะ
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
LoveParadise / Food Blog ดู Blog
haiku / Art Blog ดู Blog
กะว่าก๋า / Diarist ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: tui/Laksi วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:8:10:11 น.  

 
150 บาท???

น้อยไปไหมคะพี่ก๋า



โดย: fonrin วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:8:20:29 น.  

 
การศึกษาก็ผลิตคนออกมารับใช้สังคมนั้นนั่นแหละค่ะ
สังคมศักดินาก็ผลิตคนออกมารับใช้ศักดินาใครเป็นไพร่ก็ถูกสอนให้จงรักภักดีซื่อสัตย์ต่อเจ้านายและเป็นสังคมเกษตรกรรมการผลิตยังไม่ยุ่งยากซับซ้อน

สังคมทุนนิยมก็ผลิตคนออกมารับใช้นายทุนเป็นสังคมอุตสาหกรรม มีแนวคิดเรื่องกำไรความร่ำรวยเป้นหลัก

สังคมก็พัฒนาไปเรื่อยๆต่อไปก็น่าจะเป็นสังคมนิยมรัฐสวัสดิการ

และสูงสุดก็น่าจะเป็นยุคพระศรีอารย์ก็น่าจะเป็นประชาธิปไตยที่สม


โดย: พรไม้หอม วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:8:31:04 น.  

 
(เนื้อที่พิมพ์หมดขอต่ออีกนิดค่ะ ) อุดมการณ์ของประชาธิปไตยก็คือเสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพซึ่งจะเป็นสังคมที่น่าอบู่มาก

ในบ้านในโรงเรียน ในสังคมก็ต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบกัน
ทุกคนในสังคมต้องมีปัจจัยสี่เพียงพอในการดำรงชีวิต
การกระจายรายได้ต้องเป็นธรรม


โดย: พรไม้หอม วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:8:39:28 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับ
เข้ามาแสดงความเห็นด้วยครับ


โดย: อัสติสะ วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:8:46:06 น.  

 
สวัสดีคะคุณก๋า

พักหลังมาทักทายสายๆประจำเลยคะ
เด็กๆหยุดเรียน
ไม่ต้องรีบตื่นมาทำอาหารกล่อง
เลยใช้เวลาเถลไถลถ่ายรูปยามเช้าแทน ^_^
...
เมื่อวานเอาบล๊อกคุณก๋าส่งให้เพื่อนคนไทย
ที่อยู่เมืองนอกมานานแล้วเห็นระบบการศึกษาบ้านเรา
เรื่องที่เราคุยกัน มีเรื่องการทำงานเดี่ยวไม่เป็นทีม
การเรียนในระบบคัดคนที่ทำคะแนนสูง และอื่นๆ
....
ระบบการศึกษาบ้านเราเป็นแบบนี้
ทำให้คนหนีไปเรียนต่างแดนเยอะขึ้นหรือเปล่าเนี่ย
...
ขอบคุณนะคะสำหรับเนื้อหาบล๊อกในวันนี้


โดย: A IP: 119.46.151.21 วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:9:03:29 น.  

 
เห็นหัวข้อปุ๊บ.............ลากยาววววววววววววววววววลงมาเม้น

เค้าก็ไร้สติน่ะ ไร้สตางค์ด้วยอ้าย.... แต่เค้าไม่ไร้รักหมิงหมิงแน่นอน


emo


โดย: คนไม่เจียม.. วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:9:31:50 น.  

 
สวัสดีครับพี่ A


เด็กปิดเทอมกัยแล้วนะครับ
ไม่รู้พ่อแม่เหนื่อยหรือว่าสบายครับ 555
ผมยังตื่นตี 5 เหมือนเดิมครับ

ถ้าถึงวันที่หมิงหมิงโต
แล้วระบบการศึกษาของประเทศไทยยังเป็นแบบนี้
(แบบที่เราเคยชินและไม่เห็นว่ามันเป็นปัญหา)
ผมจะส่งลูกไปเรียนที่ต่างประเทศครับพี่

เพราะผมไม่ศรัทธาในระบบการศึกาาอย่างที่เ่ป็นอยุ่
มันทั้งไม่สนุกและไม่มีความสุข
ตั้งแต่กระบวนการรับสมัครเด็กนักเรียน
การสอบคัดเลือก การเรียนรู้ ไปจนถึงการวัดผล

ผมไม่ได้เชื่อว่าการศึกษาในต่างประเทศจะดีกว่า
จะแตกต่างกว่า แต่อย่างน้อยที่สุด
การไปเมืองนอก
จะทำให้เขาเห็นโลกที่กว้างกว่าเดิม
ได้เห็นมุมที่แตกต่าง
ได้มีอิสระทางความคิด

ซึ่งผมคิดว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้หาได้ยากในสถานศึกษาในประเทศเรา

แม้กระทั่งมหาวิทยาลัยชั้นนำของเรา
ก็ยังวางท่าทีทางการศึกษาที่ผมคิดว่ามันแปลกแปร่งและใช้เงินมากเหลือเกินครับ


อีกมุมหนึ่งที่ผมไม่ละเลยแน่ๆคือ วิชาชีวิตครับ
ผมจะพาลูกไปศึกษากับปราชญ์ชาวบ้าน

ผมชอบและเชื่อว่านั่นเป็นวิธีการศึกษาที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งครับ






โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:9:37:15 น.  

 
^
^

ขยันพิมพ์จริงๆ emo


โดย: คนไม่เจียม.. วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:9:40:06 น.  

 
ส่งไปเรียน ตปท เมื่อไหร่บอกน่ะ จะอาสาไปดูแลให้จ้า ไม่เรียกร้องไรมาก แค่ขอตั๋วไป-กลับ+ที่พักฟรี+ข้าว 3 มื้อก็พอ แค่นั้นจริงๆ น่ะ

emo


โดย: คนไม่เจียม.. วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:9:42:32 น.  

 
นั่นสิค่ะ การศึกษาบ้านเรา ยังไงไม่รู้ ให้คนเกรดไม่ดี มาเรียนครู คนฉลาด ๆ ไปเรียนหมอ..ไปเรียน แต่ไม่มีสมุด ไม่มีหนังสือ มีแต่กระเป๋าเครื่องสำอางค์....
แต่จะว่าไป ระบบการเรียนที่อเมริกา มันก็ไม่ได้ดีไปกว่าที่ไทยหรอกค่ะ สถิติ เด็ก เรียนไม่จบชั้นมัธยม (high school dropouts) เพิ่มขึ้นทุกปี จนน่าใจหาย รัฐบาลก็ไม่เห็นจะมีปัญญาทำอะไรเลย

(Every year, 1.2 million students drop out of high school in the United States)


โดย: simplyusana วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:9:43:37 น.  

 
ไม่แปลกใจ ที่เด็ก รุ่นใหม่ มีความเปลี่ยนไป
จากการศึกษาที่ไร้ทิศทาง
ผม ยัง เคยคิดว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ เกิดจากอะไร
... คำตอบ คือ
น้ำย่อมไหลลงที่ต่ำ ไม่มีอะไร ฉุดรั้งได้
มองอย่างวางเฉย ดูความเปลี่ยนแปลงและเป็นไปที่เกิดขึ้น อย่างมีสติ คงเป็นทางออก ที่ดีที่สุดเท่าที่ทำได้


โดย: Sleeping_prince IP: 192.168.200.201, 125.26.127.15 วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:9:51:07 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณก๋า
เข้ามาอ่านเก็บข้อมูลค่ะ เห็นด้วยทุกประการค่ะ


โดย: phunsud วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:9:53:21 น.  

 
แวะมาทักทายครับ สายๆๆแล้ว


โดย: อเสวนา วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:9:54:07 น.  

 


ในดงมีเด็กที่ไปแก้ศูนย์ให้เป็นเกรดค่ะ
ไปแก้แล้วกลับมาอย่างมึนงง
คือไม่ผ่านคอม ..
ไม่รู้ว่าไม่ผ่านตรงไหน
ไปสอบแก้ ..
แก้เสร็จ .. ไม่เห็นจะตรวจของเค้าเลย
แต่มีใบเซ็นต์มาให้ รับเกรดวิชานั้น 3.5
เลยไม่รู้ว่า .. แก้เพื่อ???





โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:9:57:33 น.  

 
นั่นดิ

อ่านมาเรื่อยๆ มาสะดุดตรงที่ “อาจารย์ครับ...ผมจะทำงานกับคนที่ผมเกลียดได้ยังไงครับ” ละนึกถึงตัวเองตอนออกจากงานแต่ละที่ ที่เป็นเหตุให้ต้องเปลี่ยนจากตัวเองเพราะยากที่จะเปลี่ยนคนอื่นหรือระบบจริงๆ

ชอบๆๆๆ


โดย: uter วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:9:59:25 น.  

 
เปลี่ยนที่ตัวเราเองง่ายกว่า เร็วกว่า

เป็นไปได้มากกว่า
.
.
.
เป็นไปได้มากกว่า เห็นด้วยงับ
แต่จะมีซักกี่คนที่อยากเปลี่ยนตัวเองอะคะ


โดย: bee_บี วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:10:00:18 น.  

 
ว่าแต่เมืองนอกนี่ใช่อินเดียไหมคะพี่ก๋า


โดย: bee_บี วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:10:04:49 น.  

 
การศึกษาไทย ก็เหมือนการเมืองไทยนะคะพี่ ไม่เคยเปลี่ยน
แถมบางคนยังอยากย้อนยุคย้อนสมัยอีกต่างหาก เฮ้อ


โดย: coji ไม่ได้ล็อคอิน IP: 223.207.197.40 วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:10:06:41 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณก๋า
วันนี้ตื่นสาย เจิมไม่ทัน
หมิง หมิง ผมยาวแล้วหล่อขึ้นเยอะเลยนะค่ะ

พอดีภูผาได้โรงเรียนใกล้บ้านค่ะ
บ้านอยู่ตรอกจันทน์ เรียนที่กรุงเทพคริสเตียน
แต่โรงเรียนเข้าตอนเจ็ดโมงยี่สิบ


โดย: พี่ฟ้า.. (kuvasu ) วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:10:57:35 น.  

 
คุณก๋าคิดถูกแล้วค่ะที่หันมาเปลี่ยนตัวเอง แทนที่จะไปเปลี่ยนคนอื่นหรือสิ่งอื่นรอบตัว เพราะการเปลี่ยนตัวเองเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ไม่ยาก ใช้เวลาไม่นาน เห็นผลเร็วและมีประสิทธิภาพ ยิ่งไปกว่านั้นแล้วเรายังสามารถทำให้คนอื่นมองเห็นผลที่เกิดขึ้นกับตัวเราได้ด้วย และถ้าผลนั้นเป็นสิ่งที่ดีคนอื่นย่อมอยากปรับเปลี่ยนตามแน่นอน...

ระบบการศึกษาไทยปฏิรูปกันหลายรอบแล้วก็ไปไม่ถึงไหนหรอกค่ะ เพราะสิ่งที่ปฏิรูปคือตัวหนังสือไม่ใช่ตัวบุคคลากร หลักสูตรปรับแล้วปรับอีกก็ใช้ไม่ได้ผลเพราะคนนำหลักสูตรไปใช้ไม่เข้าใจถึงการวิเคราะห์หลักสูตรและวิธีสอนอย่างแท้จริง...

ถ้าการประเมินผลงานทางวิชาการเพื่อพิจารณาให้ขั้นหรือเงินประจำตำแหน่ง เปลี่ยนเป็นการประเมินผลจากตัวนักเรียนจริง ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ ผลดีน่าจะเกิดกับตัวผู้เรียนมากกว่าการประเมินจากคะแนนสถิติสวยหรูที่ถูกเมคขึ้นมา

ประสบการณ์สิบสี่ปีกว่าในแวดวงการศึกษา บอกได้คำเดียวว่า "เหนื่อย" หากเราคิดต่าง ทำต่าง เราจะรู้ว่าเราไม่เหมาะกับวงการนี้แน่นอน


โดย: yingkorat วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:11:02:40 น.  

 
พี่ก๋า ใช่เลยค่ะ
ทุกวันนี้การศึกษาเป็นแบบนั้นจริงๆค่ะ
ขนาดน้องอุ๊เองยังคิดว่าสิ่งที่เีรียนมามันไม่ใช่เลย

อยากเรียนในสิ่งที่รัก และถนัด อยากย้อนเวลากลับไปจริงๆ ค่ะ
แต่ทุกวันนี้ก็ไม่ได้ทิ้งในสิ่งที่เรียน และสิ่งที่รักค่ะ

สวัสดีตอนสายค่ะพี่ก๋า


โดย: maitip@kettip วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:11:06:45 น.  

 
เปลี่ยนที่ตัวเราเองง่ายกว่า เร็วกว่า

เป็นไปได้มากกว่า
^
^
จริง เปลี่ยนที่ตัวเองง่ายกว่า

แต่ที่ว่าง่ายกว่า มันก็ยากมากเหมือนกันนะนี่


โดย: พจมารร้าย วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:11:20:10 น.  

 
ปญฺญาย ติตฺตีนํ เสฏฐํ
อิ่มด้วยปัญญา ประเสริฐกว่าความอิ่มทั้งหลาย

พัฒนาสติและปัญญาเพื่อความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม ตลอดไป...นะคะ



สวัสดีค่ะ คุณก๋า....

พูดถึงการศึกษาแล้ว คนยุคโบราณอย่างพี่
พูํดได้คำเดียว..ว่า...เหนื่อยใจ...
ก็อย่างที่เราเคยคุยกันบ่อย ๆ นั่นแหละ...ค่ะ

เจ้าสัวอ้ายของพี่ ดูผมยาวหน้าเรียวเชียว
คุณก๋าจะเปลี่ยนทรงผมให้เจ้าสัวเหรอ...คะ

ไม่ได้เห็นเจ้าสัวตัวจริงนานแล้ว
เวลานี้กะขนาด กะไซด์ตัวเจ้าสัวไม่ได้เลย
ไปเห็นเสื้อผ้าเท่ห์ ๆ ก็คิดถึง
อยากสอยมาให้เจ้าสัวเท่ห์กะเค้ามั่ง

อย่าว่าแต่เจ้าสัวเลย
ยัยน้องมายด์ พี่ยังลังเลใจเลย...ค่ะ
เพราะเด็กเดี๋ยวนี้โตเร็วมาก
เผลอแป๊บเดียวตัวบั้กเอ่กแล้ว

หวังว่า สุขภาพของทั้งสามคน พ่อ-แม่-ลูก
คงจะดีขึ้นแล้ว...นะคะ

คิดถึงเสมอ...ค่ะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:11:23:38 น.  

 
กำลังกลับหันมามองตัวเองอยู่เหมือนกันคะ

แต่ความคิดยังสับสน ยังไม่เข้ารูปเข้าลอย

ดูสับสนไร้ทิศทาง ยังหาอะไรไม่เจอ เหมือนงบหาของในความมืดที่แสงน้อยเหลือเกิน

การศึกษาไทยก็เป็นแบบนี้มานานเคยคิดว่า เอาคนไม่ฉลาดไม่เก่งมาสอนคนให้เป็นผลผลิตของได้ยังไง

ทำไมอาชีพที่สร้างคนถึงได้ผลตอบแทนที่น้อยกว่าแพทย์หรือวิศวะ ทั้งๆ ที่เป็นอาชีพที่สร้างคน

สมัยนี้ใครๆ ก็อยากมีเงิน ทำไมไม่ดึงดูดคนเก่งมาเป็นคนที่สอนคนรุ่นต่อไปให้เก่งด้วยค่าตอบแทนที่แสนหอมหวานเหมือนอาชีพแพทย์ วิศวะ หรืออื่นๆ ที่ผลตอบแทนเย้ายวนให้เป็นหล่ะคะ


โดย: wendyandbas วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:11:52:03 น.  

 

สวัสดีค่ะน้องกิจ

ต้องขอยืมสำนวน " นายแน่มาก " มาใช้

พี่ว่าเหตุการณ์เหล่านั้นมันเกิดขึ้นมาได้เพราะว่าน้องกิจอยู่ในวัยนั้น
มาถึงวันนี้จะเห็นว่าความคิดเปลี่ยนไปเพราะวัยเปลี่ยนไป

แต่ยังไงก็ต้องยอมรับว่า นายแน่มาก จะมีใครที่กล้าทำอะไรแบบนั้นซักกี่คน
55555


โดย: พี่หมู IP: 125.27.2.2 วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:11:53:44 น.  

 
ทรายไม่ต้องขาว
ทรายดำก็สวย

เหมือนผู้หญิง
ไม่ต้องขาว
ก็สวยได้

.
.
.

มีสาวมากรี๊ดแล้ว
fufu กรี๊ดด้วย



สถาบันผลิตครู .. เป็นสถาบันที่น่ากลัวมากๆค่ะ
นอกจากประเด็นที่พี่ก๋าว่า
สถาบันการศึกษาต่างๆตอนนี้ .. เป็นแหล่งกอบโกยเงินยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดเลย
ช่วงนี้น้องสาวใกล้เข้ามหา'ลัย
เราศึกษาเรื่องค่าใช้จ่ายกันอย่างจริงจัง
มันเป็นสถาบันขูดเลือดเนื้อ ชีวิต และวิญญาณผู้ปกครองมากๆค่ะ





โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:12:14:06 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณก๋า มาดามและน้องหมิงหมิง ช่วงนี้อากาศที่เชียงใหม่หนาวเหรอคะ เห็นหมิงหมิงห่มผ้างามขนาด สมัยคุณก๋าเรียนเนี่ยวีรกรรมสุดยอดจังค่ะ เมื่อเช้าคุยกะพี่สาวเรื่องหลานชายที่จะสอบเข้าม.1 ไปสอบเข้าแล้วไม่ติด เลยมีผู้ใหญ่จะฝากเข้าให้หลายคน (พี่เขยเค้าเป็นปลัดที่พัทยาเลยรู้จักคนเยอะ)แต่ต้องจ่ายแป๊ะเจี้ย 50,000 พี่สาวไม่อยากจ่ายเงินเยอะจะเอาไปสอบชลชายแทน คุณก๋าคงรู้จัก จะบอกคุณก๋าว่าแค่เด็กฝากจากท่านๆทั้งหลายก็เป็นร้อยแล้วล่ะค่ะที่ทางโรงเรียนต้องจัดที่ไว้คิดดูทางโรงเรียนได้เงินตั้งเท่าไหร่ จากนักเรียนที่สอบไม่ผ่านแต่อยากเรียน สมัยนี้หาที่เรียนให้ลูกบ้านอยู่ติดโรงเรียนยังเข้าไม่ได้เลยค่ะ เพราะต้องจ่ายเงินเยอะ พ่อแม่ที่มีเงินมีเส้นสายก็มีสิทธิ์เลือกให้ลูกได้เรียน เค้าถึงว่ากันว่าเด็กที่เรียนที่นี่ก็จะมีสังคมของลูกคนรวยเท่านั้น ให้ไปเรียนโรงเรียนรัฐก็กลัวจะไปคบเด็กเกเร หรือโดนเด็กเจ้าถิ่นรีดไถเอาเงิน เล็กเองปีหน้าก็คงต้องยุ่งหาที่เรียนใหม่ให้ลูกเพื่อเตรียมเข้าม.1เหมือนกันค่ะ


โดย: หญิงแก่น วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:12:27:36 น.  

 
เสียดาย...ถ้าสถาบันได้คุณก๋าเป็นครู

พี่ว่าอย่างน้อยก็จะมีเด็กๆ ที่ได้ซึมซับแนวคิดดีๆ จากครูก๋าอีกมากเลยค่ะ





โดย: Mameepee วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:12:27:55 น.  

 
คงต้องรอยุคพระศรีอาริย์ครับ

สภาพ เด็กของเราถูกบังคับมานานแล้วครับ
ตัวอย่างละคร พระอภัยมณี
ส่งให้ไปเรียนวิชาการบ้านการเมือง
ก็ไปเรียนวิชา เป่าปี่
ยุคสมัยนี้ คงไม่ต่าง จากสมัยโน้น หรือ รอ..สมัยหน้าครับ
***การศึกษาไทยวนเวียนในอ่างกันต่อไป***

สวัสดีพักเที่ยงครับ คุณก๋า มาดาม น้องหมิง หมิง


โดย: เศษเสี้ยว IP: 183.89.120.2 วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:12:41:02 น.  

 

ตอบเม้นท์นี้ไว้ที่บล้อกคุณหญิงโคราชครับ

.
.
.



ผมกำลังสนุกกับการท้าทายระบบการศึกษาของประเทศนี้อยู่ครับ 5555

ผมไม่สนใจเลยว่าโรงเรียนอื่นจะเป็นอย่างไร จะสอนอย่างไร
จะกวดวิชา หรือบังคับให้เด็กต้องเรียนหนักขนาดไหน
จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้กี่คน ฯลฯ

ผมจะทำให้ลูกของผมมีความสุขในการเรียนรู้
สนุกสนานกับการเรียน
ไม่ว่าเขาจะเก่งหรือไม่เก่งก็ไม่เป็นไร
ไม่ว่าเขาจะจบจากสถาบันไหนก็ตาม

ขอเพียงให้เขารักในการเรียนรู้
กล้าถาม กล้าตอบ กล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง
นี่เป็นสิ่งที่ผมมุ่งหวังที่จะเห็นจากลูกของตัวเอง

ผมผ่านระบบการศึกษาที่ผมไม่ชอบ
ทั้งคุณภาพของครู วิธีการสอน
การสอบ การวัดผลที่ไม่มีมาตราฐาน ฯลฯ

การศึกษาที่ทำให้ผมได้คำตอบที่ตัวเองไม่พอใจ
เพราะรู้ดีว่าตัวเองได้มาแต่วุฒิการศึกษา
แต่ไม่ได้ผ่านการศึกษาที่แท้จริงเลย

ผมจึงเกลียดคำว่า

"เรียนๆไปเถอะ เดี๋ยวก็จบแล้ว นี่ไงได้ปริญญาบัตรมาแล้ว"


นั่นไม่ใช่ "การศึกษา"
เป็นแค่ "ใบรับรอง" ที่ผ่านระบบการวัดผลเท่านั้น


ผมไม่สนใจเลยครับ
ว่าวันนี้ รมต.ศึกษาจะคิดและแจกอะไรอีกให้เด็ก
จะทำยังไงกับครู จะขึ้นเงิืนเดือน
หรือปรับปรุงหลักสูตรให้ดีขึ้นไหม ?

ผมไม่สนใจเพราะที่ผ่านมารัฐบาลไหนๆ
ก็ไม่เคยให้ความสำคัญกับสิ่งนี้

ทุกคนแค่อยากรู้ว่างบประมาณจะได้เท่าไหร่
เราจะสร้างตึกให้ใหญ่โตขึ้นอีกได้ไหม
เราจะรับนักศึกษาเพิ่มขึ้นได้อีกเท่าไหร่
นั่นคือการวัดผลในระบบที่เป็นอยู่

เราจะสร้างโบสถ์วิหารที่ใหญ่โตไปทำไมครับ
ถ้าคนที่เ่ดินเข้าไปไม่มีศรัทธาในหัวใจตนเอง


เรียนรู้กับท้องนาป่าเขาก็ได้
เรียนรู้จากปราชญ์ชาวบ้านอย่างชาวนา ชาวสวน พ่ออุ๊ยแม่อุ๊ยก็ได้
ถ้านั่นเป็นการเรียนรู้อย่างแท้จริงและนำไปใช้กับชีวิตได้

การศึกษานั้นก็สวยงามในความรู้สึกของผมครับ






โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:12:54:15 น.  

 

คุณก๋า...คะ

พี่ว่าคุณก๋าและคุณมาดาม น่าจะอัดเสียงสนทนา
หรือเสียงร้องเพลงของเจ้าสัวไว้บ้าง...นะคะ

เวลาผ่านไป นำมาเปิดให้เขาฟัง และเราฟังด้วย
ี่พี่ว่าต้องมีอะไรให้ขำ ให้ฮากันบ้างแหละ...ค่ะ

สมัยที่ลูก ๆ ของพี่เป็นเด็ก ก็เคยอัดเอาไว้
นานไปเอามาเปิด ได้ฮากันทุกที....อิ อิ

ยิ่งเจ้าสัวพูดเก่งอย่างนี้ด้วย น่าอัดไว้ฟังเป็นอย่างยิ่ง...



โดย: พรหมญาณี วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:13:17:42 น.  

 

มีเม้นท์ของพี่ โดนแบนอยู่หนึ่งเม้นท์ค่ะ คุณก๋า...

ไม่รู้่ว่ามันไม่สุภาพตรงไหน รบกวนตรวจสอบด้วย...นะคะ







โดย: พรหมญาณี วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:13:19:25 น.  

 
ชอบค่ะ


อะไรไม่ดี ไม่ชอบ รังเกียจ

อย่าเป็นสิ่งนั้น อย่าทำสิ่งนั้น

แล้วไม่ต้องไปเสียเวลาคิดเปลี่ยนแปลงสิ่งอื่นหรือคนอื่น



เปลี่ยนที่ตัวเราเองก่อน

เปลี่ยนที่ความคิดของตัวเราเองก่อน



แล้วสิ่งที่เราทำนั่นล่ะ

ถึงวันหนึ่งมันจะไปเขยื้อนโลก

และสั่นสะเทือนผู้คนให้เขากลับมาย้อนมองส่องตน



ถูกเลย

ทุกวันนี้ไม่ว่าใครจะก่นด่าอะไร เราจะกลับมาถามตัวเองเสมอว่า

แล้วเราทำส่วนของเราได้อย่างไรบ้าง ทำดีหรือยัง ทำมากขึ้นได้อีกมั้ย


เราก็หวังเพียงแค่ สิ่งที่เราทำจะเป็นเพียงหนึ่งกระพือปีกผีเสื้อ

ที่คงจะมีผลสักวันในอีกกี่อสงไขยก็ไม่รู้นั่นแหละค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:13:30:24 น.  

 
น้องอุ๊ว่าจริงๆ เด็กไม่ควรที่จะเครียดกับการเรียน
แต่ต้องสนุกกับการเรียนมากกว่าค่ะ

อีกอย่างที่น้องอุ๊ยังไม่มองไม่เห็นถึงประโยชน์ของการนำ Tablet
มาใช้ในการศึกษาที่แท้จริงเลยค่ะ


โดย: maitip@kettip วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:13:32:08 น.  

 
เห็นด้วยอย่างแรงกับคุณก๋า..ค่ะ

..เป็นคนหนึงที่อยู่ในแวดวงการศึกษา และก็สะเทือนใจกับ ระบบการศึกษาบ้านเรามาก..เป็นอย่างนี้จริงๆ
..เป็นการสร้างระบบการแข่งขัน แข่งทุกด้าน..สังเกตุจาก รร.กวดวิชาผุดขึ้นมากมาย และก็รวยตามๆ กัน
...คิดแล้วเศร้า..และเราจะปล่อยให้ ลูกหลานเราเดินตามวิถี..แห่งการศึกษาที่ไร้สติ..แบบนี้ต่อไปหรอ...

...ขอบคุณ คุณก๋าที่อนุญาต..ช่วยกันเผยแพร่สิ่งที่เป็นประโยชน์ เผื่ออีกหลายร้อยคนที่ไม่ได้อ่าน ถ้าเขาอ่านแล้ว จะช่วยฉุดประกายความคิด สะกิดใจกันบ้าง บ้านเมืองเราจะได้พัฒนากับเขาสักที ค่ะ


โดย: ภัสสรา วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:13:35:53 น.  

 


ขอบคุณบทกลอนดีดีจากเฮียเทียนครับ
Tien Tiensongsang

.
.
.



ไม่มีการศึกษาใดในโลกหล้า
จะมีค่ากว่าการเรียนเพียรตามฝัน
การศึกษาที่เราเหมือนรู้จักกัน
ไร้ซึ่งฝันเดินตามกันพลันหลงทาง


ตัวเรานั้นคือครูประเสริฐสุด
เสมือนดุจสิ่งมีค่ามหาศาล
วิชาชีพ กอปร วิชาการ
ร่วมสืบสาน จริงแท้...ด้วยปราชญ์เอย








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:13:48:58 น.  

 


ตอบพี่ Paichit Kul ไว้ที่เฟซบุ๊คครับ

.
.
.


ผมว่าวิชา "ชีวิต" สำคัญที่สุด
ถ้าวันหนึ่งลูกชายผมจะเดินมาบอกว่า
พ่อ..ผมขอไม่เรียนต่อได้ไหม (พร้อมเหตุผลที่ฟังได้)
ผมคงไม่ถามลูกมากมาย
แต่จะยินดีถ้าเขากล้าตัดสินใจและรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้

ผมผ่านระบบการศึกษาที่มันล้มเหลว
ทำให้ผมแก้ปัญหาในชีวิตไม่ไ่ด้เลย
บางคนคงบอกว่า นั่นไม่เกี่ยวกับโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย
มันเป็นหน้าที่ของเรามิใช่หรือ ที่จะต้องแก้ไขปัญหาในชีวิต ...

แต่ผมอยากจะบอกว่า การศึกษาที่ดีมันต้องสร้าง "ระบบความคิดที่ดี"
และ เราเรียกสิ่งนี้ว่า "ปัญญา"


ถ้าการศึกษาไม่ได้ทำให้ผู้เรียนรู้สึกแบบนี้
การเรียนรู้ทั้งระบบก็ล้มเหลวนะครับในความรู้สึกของผม

และผมก็ผ่านความล้มเหลวแบบนั้นมาครับ







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:13:52:11 น.  

 



ตอบน้อง Papop'pap Thunthawi ไว้ในเฟซบุ๊ค

.
..


พี่ก๋าเคยมีฮีโร่ในใจ เคยฝันว่าอยากจะเป็นอย่างเขา
ที่สุดแล้วตอนนี้พี่ก๋าไม่มีฮีโร่เลย
ไม่ใช่ว่าหมดหวังในตัวมนุษย์
แต่พี่ก๋ามองเห็นความจริงด้านหนึ่งก็คือ
ไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์แบบ ไม่มีใครเลวบริสุทธิ์ ไม่มีใครดีบริสุทธิ์
ทุกคนทำอะไรบางอย่างที่ผิดพลาดกับชีวิตตนเองได้เสมอ เพราะฉะนั้นฮีโร่ที่แท้จริงก็คือ ตัวเราเองครับ

วินาทีไหนที่เราคิดชั่ว ทำสิ่งไม่ดี เราเป็นตัวโกง
วินาทีไหนที่เราคิดดี ทำดี เราเป็นพระเอก

หรือจะพูดให้ถึงที่สุด "พระเจ้า" ที่แท้จริงอยู่ในตัวเรา
และเราเลือกได้ว่าจะเป็นอย่างไร
โดยไม่ต้องให้ใครมามีอิทธิพลกับความคิดของเราเลย


พี่ก๋ามีครูในดวงใจอยู่หลายท่าน และเกือบทั้งหมดไม่ได้เป็นคนที่เก่งขั้นเทพ
หรือจบจากสถาบันชื่อดังระดับโลก
ท่านแค่มีหัวใจของความเป็นครู เข้าใจเด็ก รักเด็ก ห่วงใยเด็ก

... ความรู้ที่ถูกส่งมาแบบป้อนคาปากแล้วบังคับให้เคี้ยว
ไม่มีวันทำให้ผู้เรียนฉลาดได้เลยครับ
ความรู้ที่เกิดจากความสนใจใคร่รู้ต่างหาก ที่จะติดตัวเราไปนานแสนนาน
และกระตุ้นในเราเกิดความอยากเรียนรู้ต่อไปในวิชาความรู้อื่นๆต่อไป.....





โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:13:55:31 น.  

 
มองๆ ตัวเองตอนเรียนในโรงเรียน
นอกโรงเรียน มาถึงอายุนี้ ยังเรียนไม่จบเล้ย


โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:13:59:23 น.  

 
สวัสดีตอนบ่ายครับคุณก๋า


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:14:56:59 น.  

 
คุยกับพี่ก๋านี่เหมือนได้อ่านหนังสือดีดีสักเล่มเลยค่ะ

ชื่นชมในความคิดของพี่ก๋าค่ะ

ขอบคุณนะคะพี่ก๋า


โดย: maitip@kettip วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:15:07:02 น.  

 
เซงเป็ดดดดดดดดดดดดดดด
เลยไม่ได้เจอกันเลยอ่ะ
555555555
แต่ถ้าตอนนั้นคุณก๋ามานิวฯ
เค็งยังไม่ได้มานิวฯ เลย
พึ่งมาอยู่ได้ 6 ปีเอง
****************

อรุณสวัสดิ์ครับคุณเค็ง

เมือ่วานมาดามก็ทำมัฟฟินมาให้ลองชิมครับ
ฝีมือภรรยาผมไม่ธรรมดาเลยครับ 555

อร่อยมากครับ อิอิอิ

การี๊ดดดดดดดดดดดดด
เป็นซามีที่น่ารักมากกกกกกกกก
ไม่เหมือนคนที่บ้านเค็งเลย
ไม่เคยยยยยยยยยยย
ที่คิดจะชม
ติลูกเดียว
เซงเป็ดดดดดดดดดดดดด


โดย: ลงสะพาน...เลี้ยวขวา วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:15:21:03 น.  

 
สวัสดีค่ะ

แหะๆนานเลยที่ไม่ได้มาเยี่ยม


การศึกษาในระบบปัจจุบัน ที่เน้นการแข่งขัน ทำให้คนส่วนใหญ่ทุกวันนี้ เห็นแก่ตัวมากขึ้น ทำทุกอย่าง เพื่อแย่งกันเป็น ที่ 1

แต่ การศึกษาต่างประเทศ ก็เป็นแฉกเช่นเดียวกับเรา คนที่เก่งกว่า หรือเก่งที่สุด มักได้งานดีๆ

บางครั้งสำหรับฉันหน้าที่ก็สำคัญกว่า หัวใจ

ฉันเรียนในสิ่งที่ฉันไม่เคยชอบ แต่ยอมเรียนด้วยความเต็มใจ เพราะคิดว่ามันเป็นหน้าที่ ที่ต้องกลับมารับผิดชอบ กับกิจการของทางบ้าน

แต่ที่สุด เมื่อหน้าที่บรรลุเป้าหมาย ฉันก็ได้สิทธิ์ ทำตามใจตัวเองเช่นกัน ฮ่าๆ เสียแต่ว่า ตอนนี้มันแก่เกินที่จะไปเรียนเต้นบัลเลย์แล้วสิ


โดย: คล้ายดาว วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:15:22:54 น.  

 
555 ชอบชื่อบล็อกวันนี้ สมัยล่ะอ่อนหนูก่อเฮียนเร็วไปปีหนึ่ง ตอนขึ้นปอหนึ่งหนูห้าขวบ แล้วแหมติ๊ดต่อมาก่อหกขวบ พออายุ 16 ก่อจบมอหกใบแรกจาก กศน. ฮ่า ๆๆ ยัดเยียดแต้ว่า แต่ไผหื้อเฮียนอะหยังหนูก่อเฮียน ๆ พออายุ 18 เช้ามช. จากวันนั้นเป็นต้นมาชีวิตก็เป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว ยังดีที่พ่อแม่ยอมรับในสิ่งที่เราเลือกมาจนถึงทุกวันนี้


โดย: prunelle la belle femme วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:15:59:14 น.  

 
ภาพดาวเดือนให้อารมณ์ดีจังค่ะพี่ก๋า
การศึกษาเดี่ยวนี้ฉัตรอยากให้เริ่มต้นที่ทัศนคติของชนชั้นปกครองและคุณครู
โดยเฉพาะจิตสำนึกของความเป็นครูที่ดี อันนี้สำคัญมากค่ะ

ขอแชร์ไปกลุ่มนะคะ
น้องหมิงหมิงวันนี้น่ารักเป็นที่สู้ดดดด


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:16:00:42 น.  

 
อ่านแ่ล้วชอบแนวคิดพ่อก๋ามากๆ เลยค่ะ อ่านจบ แล้วย้อนกลับไปอ่านไหม่อีกรอบ
ชอบมากถึงมากที่สุด

แวะมาทักทายหมิง หมิงน้อย ก่อนไปยุ่งหัวฟูค่ะ

สุขสันต์วันอังคารตอนบ่ายแก่ค่ะ พ่อก๋า


โดย: beuysliv วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:16:26:50 น.  

 
สวัสดีตอนเย็น ๆ ค่ะศิษย์พี่ วันนี้มาเที่ยวทะเลที่่พัทยากับที่โรงเรียนค่ะ แต่อากาศร้อน...แวะมาเล่นกับศิษย์พี่

ปล.ข้างบนนั่น...เห็นด้วยประการทั้งปวง

ในฐานะของครูคนหนึ่ง...ถึงแม้จะไม่มียศใหญ่โตพอที่จะเปลี่ยนระบบการศึกษาของไทยได้

เป็นได้แค่จุด ๆ หนึ่ง...แต่ก็จะพยายามเป็นครูที่ดีค่ะศิษย์พี่


โดย: minporee วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:16:29:02 น.  

 


สวัสดีตอนบ่ายค่ะน้องก๋า
อ่านแล้วก็อึ้งค่ะ มีประโยชน์มาก ๆค่ะ ได้ข้อคิดไปเยอะเลย
แต่ทำไงได้หละเนาะ เราก็ค่อย ๆดูแลลูกหลานของเราไปจนถึงที่สุด

เรื่องลูกชายคนเล็กของพี่ที่เค้าสอบติด 2 อย่างคือ
1 สู่ความเป็นเลิศ และ 2 หลักสูตร EP (ค่าเทอมสูงมาก)
พี่ก็ให้ลูกเลือกเองว่าจะเรียนอันไหน
ลูกเลือก EP เราก็ต้องยอมค่ะทั้ง ๆที่แม่อยากให้สู่ความเป็นเลิศ
ลูกบอกว่าผมตั้งใจสอบให้แม่ตามที่บอกครับ
และแม่ก็เคยบอกว่าให้ผมมีสิทธิ์เลือกที่จะเรียน
ผมไม่อยากเป็นหมอหรือวิศวะเหมือนพี่เติ้ล..ผมชอบภาษาอังกฤษครับ (แม่หมูจบค่ะ)

แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่เหนื่อยกับการประคับประคองให้ลูกสอบแข่งขัน
น่าเหนื่อยใจกับหลักสูตรการศึกษาและตัวคุณครูผู้สอนมาก ๆค่ะ
ถ้าจะเล่ากันจริงๆก็ยาวเลยค่ะน้องก๋า


โดย: jamaica วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:16:36:05 น.  

 
ระบบ..

ที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะดีขึ้น

ท่านผู้เก่งกล้าทั้งหลาย

พรรคหนึ่งมาก็เปลี่ยนแนวหนึ่ง

ลองมันอยู่นั่นแหละ

....

นำร่องไปกี่ร่องแล้ว..

ประเทศรอบๆเราเขาพัฒนาไปถึงไหนแล้ว

----

ฮื่อ..สงสาร..บรรดาเด็กตาดำดำ...


โดย: Calla Lily วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:16:43:38 น.  

 
จริงค่ะ เปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตเราก็เปลี่ยนจริงๆ

และเปลี่ยนตัวเราเองเนี่ย ง่ายกว่าเยอะจริงๆ ค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:17:08:49 น.  

 
ในมุมมองของการเมือง ถ้ามีคนคิดแบบพี่เยอะๆนี่ คงจะดีมากๆเลยค่ะ



โดย: coji วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:17:24:49 น.  

 
หวัดดียามบ่ายครับน้องก๋า

เดี๋ยวนี้ผมสังเกตว่ามหา'ลัยต่างจะเน้นคำว่า "Wisdom" มากเลย
เป็นภาษาไทยก็มักใช้คำว่า "ปัญญา" "พลังปัญญา"
ยังไม่ลึกพอ เติม "ขุม" เข้าไปเป็น "ขุมพลังปัญญา" ไปโน่น
ผมเองก็ยังติดใจที่หน้าซุ้มประตูของ Harvard ที่เขียนว่า
"Enter to Grow in Wisdom"

ในฐานะครู...ที่เห็นมะงุมมะงาหราที่สุดน่าจะเป็นกะซวงสึกสาทิกานครับ
อ่อนใจกับการบอริหานภารกิจที่เป็นรากแก้วของชาติจริงๆ
บั่นทอนทั้งกำลังใจและกำลังปัญญาที่แสนจะหายากเกิ๊น



โดย: Dingtech วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:17:25:30 น.  

 
ลืม ลืมครับ...เพื่อนๆผมเค้าเรียกว่ากระทรวงศึกษาพิการครับ


โดย: Dingtech วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:17:27:10 น.  

 
สวัสดีเจ้าอ้ายก๋า

วันนี้บล็อคอ้ายก๋ายาวเหยียดเลย ...กาว่าฝ้ายเข้ามาดูตอนมอกแลง ๕๕๕

ระบบการศึกษาของไทย โดยเฉพาะสถาบันที่ฝ้ายจบมานั้น แปลกตรงที่ว่า ทุกๆ 3-4 ปี จะเปลี่ยนระบบตลอดเจ้า
นศ.จะประสบปัญหาตลอด จ่มกั๋นระนาว เฮ้อ....

ปล.รร.ต้นกล้า หลานของพี่สาวคนสนิทก่อเฮียนตี้นี่เจ้า


โดย: ปุยฝ้าย ณ เจียงใหม่ วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:18:56:08 น.  

 
พี่ก๋าเขียนบล๊อกมีแต่ประโยชน์นะค่ะ

ฝ้ายก็แอบเข้าไปอ่านกระทุ้บางกระทู้ในห้องสมุดเรื่องการศึกษาเหมือนกันค่ะ 5555

อ่านไปก็ อืมมมมมมม~

ในฐานะที่ยังเป็นนักเรียน นักศึกษา จะโทษกระทรวงอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะ การศึกษาก็ขึ้นอยู่ที่ตัวเด็ก(ที่เป้นอนาคตของชาติ) พ่อแม่ และ สิ่งแวดล้อม

แต่แปลกนะค่ะ -- เมื่อทำตามสิ่งตัวเองอยากเรียน(ตอนเลือกคณะ หรือเลือกเรียน) พอไม่ได้ ก็ เลือกในสิ่งที่รองลงมา ไม่ได้คิดถึง ว่า 'ชอบ' หรือ 'รัก' วิชาชีพนั่นหรือป่าว?

ทำให้ ผลสัมฤทธิ์ที่ได้ออกมา ไม่ตรงเป้าหมาย ไม่มีความสุขกับสิ่งที่ทำ ....

เฮ้อ


โดย: H. sapiens วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:18:57:04 น.  

 
อ่านแล้วได้แง่คิดที่ดีมากๆครับน้องก๋า

บางทีมันอาจยากเกินไปที่จะทำให้คนเข้าใจสิ่งนี้นะครับ

บางทีตัวอย่างดีๆจากอาจารย์ดีๆก็อาจจะทำให้บางคน

ได้ฉุกคิดได้บ้าง

การศึกษาภายนอก และการศึกษาภายในใจตัวเอง

ต้องควบคู่กันไป ถึงจะได้การศึกษาที่สมบูรณ์นะครับ





โดย: วนารักษ์ วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:19:19:45 น.  

 
ใช่แล้ว เปลี่ยนความคิดชีวิตเปลี่ยน

รู้ทั้งรู้ว่าเปลี่ยนตัวเองเร็วที่สุดดีที่สุด ก็ยังเป็นเรื่องเปลี่ยนยากเลย

555 แต่ก็ยังง่ายกว่าการเปลี่ยนคนอื่นอยู่ดี ถึงแม้อยากจะเปลี่ยนคนอื่น วิธีจะเปลี่ยนคนอื่นได้ก็ยังต้องเปลี่ยนที่ตัวเองอยู่ดี ^^


โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:20:15:07 น.  

 
วันนี้มีโอกาสแว๊บมาอ่าน "การศึกษาที่ไร้สติ"

คนเรามักจะมองคนอื่น อยากจะเปลี่ยนคนอื่นให้ได้ดั่งใจเรา
โดยที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมองตัวเอง หรือคิดที่จะเปลี่ยนตัวเองหรอก


พูดถึงระบบการศึกษา มันก้อเหมือนๆกับอีกหลายๆระบบในประเทศไทย

เพียงแต่การศึกษาเป็นพื้นฐานการเรียนรู้ของเด็ก ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต

ระบบใหญ่ๆเลยคือ ระบบราชการ และอีกระบบหนึ่งคือ
ระบบการสาธารณะสุข ที่ควรจะต้องแก้ไขอีกมาก

ทุกวันนี้ไปโรงพยาบาล มีแต่คนเจ็บไข้ได้ป่วยมากมาย
หมอก็ไม่มี มีแต่หมอจบใหม่ ยาก็เป็นยาที่ ร.พ. ผลิตเอง
ไปคอยหมอเป็นวันๆ หมอให้ยาพาราแล้วให้กลับบ้าน

คนมีเงินถึงต้องซื้อความสะดวกให้ตัวเอง ด้วยการไปร.พ.เอกชนดีกว่า

วกกลับมาเรื่องการศึกษาต่อดีกว่า

เด็กเรียนเพราะโดนบังคับ อย่างที่ว่า เหมือนเป็นประเพณี
หรือความเคยชินของคนไทย ที่มีลูกก้ออยากให้ลูกเป็นเด็ก
เรียนดีเรียนเก่ง สอบได้ที่ 1 ให้เรียนพิเศษตั้งแต่วัยยังอยากเล่นสนุก
แต่เวลาเล่นน้อยกว่าเวลาเรียน หลายๆบ้านมีการตั้งกฎว่า
ถ้าสอบได้ที่ 1 จะให้โน่นนี่นั่น เป็นรางวัล เป็นสิ่งล่อใจ

มีคนจำนวนไม่น้อย ที่เรียนตามใจพ่อแม่ ไม่ได้ตามใจตัวเอง
เรียนได้แต่ไม่ชอบ ก้อเหมือนการทำงาน ทำได้มีความสามารถ
แต่ใจไม่รัก ทำๆไปตามหน้าที่ เหมือนอย่างที่เอ่ยข้างบนนั่นแหละ

พูดไปก้อเท่านั้น...ไม่รู้เมื่อไหร่ จะมีคนมาแก้ไขปรับปรุง
นี่แหละประเทศไทย ไปดีกว่าเนอะ อิๆ


โดย: ดาวริมทะเล วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:20:22:47 น.  

 
หนึ่ง ผู้เรียนไม่มีความใฝ่รู้หรือใส่ใจ

>>>> ใช่เลยค่ะ ถ้าไม่มีความใส่ใจ สนใจ และ ใฝ่รู้ตั้งแต่แรก (ต้องปลูกฝังตั้งแต่เป้นละอ่อนน้อย อิอิ)

ไม่ว่าจะเรียนยังไงก็ไม่สนุกค่ะ

เหมือนอ่านหนังสืออ่ะค่ะ พี่ก๋า ....

น้องสาวของฝ้ายเป็นคนสมาธิสั้น เพราะ ไม่ได้อ่านหนังสือ หรือนั่งสมาธิมาตั้งแต่เด็กๆ

เรื่องที่น้องสาวสนใจ จะเป็นพวก คิด คำนวน และ พวกที่ไม่ต้องใช้เวลาในการใช้เวลาจดจ่อมันอย่างมาก

ทำให้ น้องสาวฝ้าย ไม่อ่าน ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ และ ใฝ่รู้เรื่อง แนว ต้องอ่าน ต้องจำเลย

(ซึ่งเดี่ยวนี้ น้องสาวก็เริ่มพยายามอย่างมากในการอ่าน)

เด็กสมัยนี้ -- ส่วนใหญ่ ไม่ค่อยใฝ่รู้ นะค่ะ เพราะ มีทั้งติวเตอร์ ครูสอนพิเศษมากรอกหูอยู่ทุกเย็น ทุกวัน

ทำให้ทิ้งมากเรียนในห้องไป บางครั้ง โดดยกห้องเลย(ซึ่งฝ้ายก็เลยทำ)

ครูที่สอนดี - บางครั้ง ถ้าไม่สนใจ ในเนื้อหาของวิชาเหล่านั้น การใฝ่รู้ในการเรียน ยิ่ง ไม่อยากเรียน

ลอกการบ้าน - ฝ้ายเป็นหนึ่งที่ชอบลอกการบ้านเพื่อน แหะๆ สิ่งนี้ เป็นการเพาะปลูกเมล็ดพรรณของความขี้เกียจที่สุดแล้ว 555 ไม่ทำการบ้านเอง

ครูสอนไป เลยไม่เข้าใจ ผลออกมา ไม่เรียนแล้ว พอเลิก! 555

.........

กับ สอง ครูสอนได้น่าเบื่อ และไม่น่าสนใจพอครับ

>>>> ฝ้ายไม่แน่ใจค่ะ แต่วิชาคณิตอย่างนี้ ครูสอนดียังไง แต่ฝ้ายก็ยังไม่ค่อยเข้าใจในเนื้อหา

ความอยากเรียนลดลง 30% -- ผลออกมากก็ไม่ได้ดีตามเป้าหมาย

>>> จริงๆ เรื่องความน่าเบื่อ -- มีอยู่ในเนื้อหาของทุกวิชาอยุ่แล้วค่ะ เฮ้ออออ! แต่อาจารย์จะทำยังไงให้ดึงนักเรียนทั้งห้อง มาจดจ่อที่ตัวเนื้อหา ภาษาในการสอน
...............

ถ้าเราสอนฟิสิกซ์ให้สนกุเหมือนทำเกมแองกรี้เบิร์ด
พีก๋าว่าเด็กก็อยากเรียนนะครับ

>>> อยากเรียนค่ะพี่ก๋า .... ออกมาเป็นเกมส์ ฝ้ายขอนั่งเล่นทั้งวันเลย

ฝ้ายเจออาจารย์ฟิสิกส์คนหนึ่ง (ท่าเกษียรปีนี้ค่ะ) -- ท่านสอน น่าเบื่อมาก (สำหรับบางคน) แต่เนื้อหา เต็มที่
ไม่ได้สอดมุก หรือ เล่าเรื่องฮาๆ ระหว่างเรียนเลย

แต่ แปลก ที่นักเรียนของท่าน เรียนแล้วได้่รับความรู้
พอเห็นข้อสอบแล้วนึกถึงอาจารย์ท่านนี้ขึ้นมาทันที

เพราะอาจารย์มีการจัดลำดับเรื่อง ของ 'ความยากง่าย' ของการสอน ค่อยๆ เพิ่งระดับ ไปเรื่อยๆ

นักเรียนที่เรียนกับท่าน ผลที่ได้ 'สวยงาม'

เข้าใจ 'สมอง' และ 'การรับรู้' ของนักเรียน

ปล. พี่ก๋าว่าก็ถูกค่ะ ผู้เรียน และ ผู้สอน ต้องให้น้ำหนักเท่ากันค่ะ แต่ทำยังไง -- ถึงเชื่อมโยงให้ สองคน เข้ากันได้ล่ะค่ะ?

ปล. พี่ก๋าฝ้ายเมาน้ำเปล่า เม้นซะยาวเลย 55555 ฝันดีค่ะ


โดย: H. sapiens วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:20:27:49 น.  

 
การศึกษาไทยมันเน่าทั้งระบบนะหนูว่า

ตราบใดที่คนทั้งประเทศยังตัดสินทุกอย่างจากผลลัพธ์โดยไม่สนใจวิธีการ

ก็คงเน่าต่อไปชัวฟ้าดินสลายนะแหละ


โดย: น้องผิง วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:20:35:56 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
...
บางทีก้ออยากตั้งคำถาม ที่พี่ก๋าเขียนนะคะ กับใครบางคน นอกจากตัวเอง
...
ฝันดีนะคะ พี่ก๋า


โดย: Nissan_n วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:20:48:26 น.  

 
โอวววว พี่ก๋าหัวรุนแรง
กล้าที่จะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลง นับถือครับนับถือ ^^ ดีที่ผู้ใหญ่เข้าใจด้วย คณะบดีเขาก็ต้องการคนอย่างพี่ก๋าให้ช่วยปรับปรุงการศึกษาของคณะให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นนะครับ อย่างน้อยคนที่เราเกลียดก็ลาออกไปคนนึงแล้วน่า ถ้าคนที่มองเห็นปัญหาพากันหนีออกจากสังคมที่มีปัญหานั้น การเปลี่ยนแปลงคงเกิดขึ้นยาก
ที่ทำงานผมก็เพิ่งจะเปลี่ยนผู้ช่วยฯ(หัวหน้าใหญ่สุดของสถาบันวิจัยฯ)ไป เพราะทำงานไม่ได้เรื่อง ทุกคนไม่ชอบ แทนที่หลายจะลาออกหนีหัวหน้าแย่ๆ พวกเราร่วมกันส่งเสียงให้หัวหน้าแย่ๆเด้งออกไปแทนดีกว่า ช่วงนี้ใช้เวลาเตะการงานให้เข้ารูปเข้ารอยหลังจากมันเละมาหลายเดือนครับ

เรื่องการศึกษา ผมคิดว่าอนาคตคนจะมีระดับการศึกษาเฉลี่ยที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ พนักงานตำแหน่งทั่วไปขององค์กรใหญ่สมัยก่อนจบ ปวส. สมัยนี้อาจต้องการ ป.โท เป็นอย่างน้อย แต่เนื้อหางานที่ทำยังเหมือนเดิม ช่องว่างรายได้ของคนต่างระดับการศึกษามีมากขึ้นไปเรื่อยๆยิ่งทำให้คนต้องการผลักดันตัวเองให้จบในระดับสูงๆ ตลาดล่างกลายเป็นแหล่งรวม non-skilled labor หรือไม่ก็แรงงานต่างด้าว ทั้งที่งานในทุกตำแหน่งก็มีความสำคัญและต้องการคนมีความสามารถเหมาะสมกับการทำงาน ปิระมิดองค์กรมันเลยไม่สมดุลอย่างที่พี่ก๋าบอกครับ


โดย: ชีริว วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:20:51:28 น.  

 
คงอีกนานละครับคุณก๋าที่ผู้เรียนจะได้พบ "แก่นแท้" ที่แท้จริง

เพราะการศึกษายุคนี้ มีตัวเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ระบบมันเปลี่ยนไปจากเดิมมาก มากจนตามไม่ทัน

ผมคงมีความรู้ด้านนี้ไม่มากพอ จึงไม่อาจอธิบายได้ แต่ดูที่คุณก๋าเขียนมา เขียนได้ดีมากครับ

ให้ผมเขียน คงไม่กี่บรรทัด ไปต่อไม่ได้ ผมเขียนเรื่องอาหารพื้นบ้านดีกว่านะ


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:20:52:42 น.  

 
สวัสดีครับพี่ก๋า วันนี้หมิง หมิง น่ารักคับ


โดย: raknakubkondee วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:20:54:48 น.  

 
ทักทายยามค่ำค่ะคุณก๋า เห็นช่วงนี้เพื่อนๆที่รู้จักต่างก็กำลังยุ่งกับการหาที่เรียนให้ลูก เป็นเล็กต้องจ่ายเงินกินเปล่าราคาขนาดคุณก๋าว่าเล็กส่งลูกเรียนนอกดีกว่าค่ะ ไม่เห็นด้วยจริงๆบางครั้งซื้อสังคมให้ลูกแลกกับการเสียเงินเยอะแยะ ก็ไม่ไหวเหมือนกัน แฟนบอกว่าเด็กวัยนี้มีพลังแยะ ให้รู้จักต่อสู้และปรับตัวเพื่อที่จะเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง พ่อแม่อย่าไปอำนวยความสะดวกมากนัก เล็กเองให้ลูกเรียนที่เดิมจนจบม.ปลายก็ได้ แต่คิดในเรื่องที่ต้องสอบเอ็นท์ในอนาคต เลยตัดสินใจให้เข้าสายคณิตวิทย์ของรัฐโรงเรียนประจำจังหวัดดีกว่าค่ะ แต่ยอมรับว่าไกลบ้านอยู่เหมือนกัน เรื่องเลือกสายเรียนเนี่ยไม่ได้กำหนดหรือวางกรอบให้ลูกแต่ฝ่ายเดียวนะคะ อาศัยดูพื้นฐานความรู้ความสามารถของลูกด้วยว่าเค้าเก่งทางด้านไหนน่ะค่ะ คืนนี้ฝันดี ราตรีสวัสดิ์นะคะ


โดย: หญิงแก่น วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:21:30:33 น.  

 
สวัสดีครับ
เมื่อก่อนตอนเป็นเด็ก โดนสอนว่าเป็นเด็กก็มีหน้าที่เรียนก็เรียนไป
ไม่มีใครสอนว่าเรียนไปเพื่ออะไร
ผมก็เรียนอย่างเดียว เรียนเพื่อสอบให้ผ่าน
พอจบ ม.ศ 3 ก็ต้องเลือกเรียนแล้วว่าจะไปทางไหน ผมเลือกอาชีวะเพราะชอบมากกว่า แล้วก็เลือกเรียนคณะที่ชอบ ก็ไม่ได้หวังอะไรกับอาจารย์ที่สอน เขาสอนอะไรมา ผมก็รับ ไม่เข้าใจก็ถาม ผมเป็นตัวถามประจำห้องเลยครับ คณะที่จบหางานทำยากครับ จบมาก็เลยไม่มีงานทำ


โดย: จิรโรจน์ วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:21:37:09 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณก๋า วันนี้กิ่งมาขอลาพักก่อนนะคะ ตากิ่งอักเสบมากเลยค่ะทั้งปวดแสบและบวมมากเลยค่ะ เอาไว้หายดีแล้วจะมาเยี่ยมตามเดิมค่ะ

วันนี้มาดูการเรียนในโรงเรียนต้นกล้ากิ่งว่าดีนะคะ ชอบมากค่ะ แต่ว่าโรงเรียนแบบนี้ไม่ค่อยมีในบ้านเรานะคะ

หลับฝันดีค่ะ



โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:22:02:45 น.  

 
หมิง หมิง โจกดีขนาดตี้ใด้เฮียนในโรงเรียนแบบนี้
ละอ่อนท่าจะมีความสุขขนาด
ตี้บ่าต้องอยู่ในวงเวียนของก๋านแข่งขัน

emo


โดย: BongKet วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:22:21:37 น.  

 
พี่เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ว่าการฝึกหรือทำอะไรที่เราคิดว่ายากได้นั้น ถือเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่งของชีวิตเลยทีเดียว พี่ก็พยายามคุยกับหลานอยู๋ ตอนนี้ต่อรองได้แล้ว จะอยู่เพียง 1 อาทิตย์ค่ะ ส่วนงานนั้นเขาทำได้ค่ะ แต่มีความรู้สึกกลัวว่าจะทำได้ไม่ดี แล้วคนอื่นจะว่าหรือตำหนิ เราเลยต้องปรับทัศนคติของหลานให้คิดว่าการทำงานไม่มีผิดมีถูก ถ้าเราตั้งใจทำจนสุดความสามารถ ส่วนความคิดเห็นของคนอื่นที่สะท้อนมานั้น ทำให้เราได้มีแนวคิดในการปรับปรุงงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม

ช่วงนี้พี่มีงานมากแบบต้องวิ่งทำงานกันเลยทีเดียว สงสัยจะหมดแรงสักวัน กำลังคิดว่าแล้วเราจะทำงานแบบนี้สักกี่ปีดีค่ะ..อยากกลับบ้านเจียงฮายแล้วแหละ ^__^


โดย: Maew-tua-lek IP: 124.122.45.251 วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:23:11:37 น.  

 


แวะมาส่งพี่กะก๋า พี่มาดามและน้องหมิงหมิงเข้านอน
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ


โดย: TheKPP วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:23:19:09 น.  

 
แวะมาเยี่ยมค่ะ..พักนี้ไม่ได้เล่นบล็อคเลยค่ะ..แอบเกรงใจนะค่ะ..ที่ตอบเม้นท์ช้ามาก..แต่อยากบอกว่า..ชอบรูปน้องหมิงหมิงที่สุดเลยค่ะ..แวะมาดูเกือบทุกวัน.แต่ไม่ได้เมาเม้นท์..ภาระกิจ ล้นตัว..อิอิ


โดย: จิ๊บ (คุณนายเยอรมัน ) วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:23:29:14 น.  

 
แวะมาทักก่อนค่ะ
หมิงหมิงน่ารักมากเลย เวลาเปิดคอมเห็นเจ้าตี๋น้อยในกล่องคอมเม้นท์แล้วอดอมยิ้มไม่ได้....
เดี๋ยวพี่มาอ่านบล็อกเต็มๆคืนนี้นะคะ
ไปทานข้าวก่อนค่ะ


โดย: MamaBun IP: 94.0.183.59 วันที่: 21 มีนาคม 2555 เวลา:0:43:57 น.  

 
ฝันดีนะค่ะคุณก๋า+มาดาม+น้องหมิง-หมิง..คิดถึงเสมอ...


โดย: จุลิจอมซน วันที่: 21 มีนาคม 2555 เวลา:1:09:43 น.  

 

ในอนาคต

ก๋าน้อย

อาจเปลื่ยนแปลงโลกนี้ก็ได้

ใครจะรู้ อิอิ


โดย: เสือย้อมแมว วันที่: 21 มีนาคม 2555 เวลา:1:31:10 น.  

 
เมื่อสิบกว่าปีก่อนหลักสูตรท้องถิ่นได้ถูกปลุกขึ้นมาเพื่อให้ผู้สอนได้นำไปใช้สอดแทรกในเนื้อหาวิชาที่ตนสอน รวมทั้งได้ให้ความสำคัญไปถึงการเชิญวิทยากรท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการเีรียนการสอน ทั้งนี้และทั้งนั้นก็เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้ตระหนักและภูมิใจในท้องถิ่นที่ตนอยู่...

ปรัชญาดูสวยหรูแต่พอถึงขั้นลงมือปฏิบัติจริงก็กลายเป็นว่าย่ำอยู่กับที่เพราะผู้สอนไม่รู้จักประยุกต์ความเป็นไทยไปสู่สากล ทำให้รู้แต่เรา ไม่รู้เขา จึงเป็นผลให้หลักสูตรท้องถิ่นที่เคยฮือฮาทั่วประเทศก็ค่อย ๆ หมดความสำัคัญลงไป

การศึกษาเห็นผลช้าดังนั้นหลาย ๆ ประเทศจึงลดลำดับความสำคัญของการศึกษาลงไป รวมถึงประเทศอเมริกาด้วย น่าเศร้าที่แม้แต่ผู้เข้าสมัครเป็นตัวแทนเพื่อเข้าแข่งขันเป็นประธานาธิบดีพูดหาเสียงโดยต่อว่าประธานาธิบดีคนปัจจุบันว่าความคิดที่จะให้อเมริกันชนทุกคนจบปริญญาตรีนั้นเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่า....ยิ่งคิดยิ่งหดหู่ใจที่ขนาดผู้สมัครฯ ในระดับประเทศยังมีวิสัยทัศน์ต่อการศึกษาแบบนี้...

การศึกษาเห็นผลช้าก็จริงแต่ดอกผลที่ได้มาจะนำพาผู้คนและประเทศชาติให้ได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืนและแท้จริง...

ถ้าพ่อแม่ผู้ปกครองหวังพึ่งแต่เพียงระบบการศึกษาเพื่อช่วยหล่อหลอมลูกของตนให้เป็นคนดี มีคุณภาพนั้น คงเป็นไปได้ยาก เพราะเบ้าหลอมที่ดีสำหรับลูกนั้นคือที่บ้าน ส่วนเบ้าหลอมนอกบ้านนั้นเป็นแค่ส่วนเติมเต็มให้รู้เท่าทันสังคมเท่านั้น จะมีผู้ปกครองสักกี่คนที่จะตระหนักถึงความสำคัญในการเป็นเบ้าหลอมนี้อย่างที่คุณก๋ากำลังคิดและทำอยู่....

ลูกหลานเพื่อนบ้านที่อยู่ ณ ตอนนี้เค๊าให้การศึกษาแบบโฮมสคูลค่ะ เพราะเค๊าไม่ชอบการศึกษาในระบบ เค๊าอยากดูแลและสอนเองที่บ้าน วิชาไหนที่ไม่สันทัดเค๊าก็พาไปเรียนกับคนที่รู้จริงกว่า เด็ก ๆ ได้เรียนครบตามหลักสูตรกำหนดทั้งเนื้อหาวิชา ศิลปะ ดนตรี กีฬา สันทนาการ มีการพาไปตั้งแคมป์ ทำกิจกรรมกันแบบครอบครัวใหญ่ เด็กเหล่านั้นเป็นเด็กที่กล้าพูด กล้าคิด กล้าถาม และดูมีความสุข เป็นเด็กที่น่ารักกันทุกคน...

Think global, act local is the key to success.


โดย: yingkorat วันที่: 21 มีนาคม 2555 เวลา:3:44:25 น.  

 
คิดว่าคงไม่มีทางเปลี่ยนได้ง่ายๆ หรอก

อยากพูดเยอะนะ แต่ไม่พูดดีกว่า เอาเป็นว่าอ่านบทความนี้แล้วทำให้ผมคิดได้ในเรื่องหนึ่งซึ่งตอนแรกวางแผนจะทำในวันรุ่งขึ้น แต่เปลี่ยนใจแล้ว ไม่ทำดีกว่า คนอื่นแย่เราไม่จำเป็นต้องใช้วิธีแย่ๆ ตอบโต้ คนที่แย่ๆ มันจะแพ้ภัยไปเอง


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 21 มีนาคม 2555 เวลา:22:50:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]