:: วาระการอ่านแห่งชาติ ::
:: วาระการอ่านแห่งชาติ ::
วันก่อนหมิงหมิงเล่าให้ผมฟังว่า มีครูคนนึงไม่ชอบที่หมิงหมิงแย้งคำสอนของครูกลางห้อง
"แล้วหมิงบอกครูว่ายังไง ?" ผมถาม
"หมิงบอกว่าที่ครูสอนในห้องมันไม่ถูก"
"รู้ได้ยังไงว่าไม่ถูก"
"หมิงอ่านเจอในหนังสือที่ห้องสมุด และบอกครูด้วยว่า ถ้าไม่เชื่อให้ครูเข้าไปอ่านได้ในห้องสมุด หนังสือเล่มนี้วางอยู่ตรงด้านหลังของครูบรรณรักษ์"
หลายวันหลังจากที่หมิงหมิงเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ผมกับลูกไปที่ท้องฟ้าจำลอง ช่วงที่มีการเล่าถึง การแตกตัวของเนบิวล่า หมิงหมิงหันมามองผม แล้วบอกว่า
"นี่ไงป๊า ที่หมิงหมิงบอก เป็นอย่างที่อ่านจากหนังสือจริงๆด้วย"
ผมนั่งอ่านนิตยสารมติชน สุดสัปดาห์ มีข่าวกรอบเล็ก ๆ จากสองคอลัมน์
ข่าวแรก - รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการตั้งเป้าให้เด็กนักเรียนไทย อ่านหนังสือให้ได้วันละ 90 นาที (1 ชั่วโมงครึ่ง) ภายใน 2 ปีข้างหน้า
ข่าวที่สอง - กวีระดับชาติ เสนอให้มีการบังคับให้นักเรียนทุกคน อ่านหนังสือให้ได้สัปดาห์ละ 1 เล่มภายในโรงเรียน โดยเอาเนื้อหาหนังสือที่ได้อ่านมาวิเคราะห์ แลกเปลี่ยนพูดคุยกัน ในชั้นเรียน
มักจะมีคนถามผมเสมอว่าทำยังไงให้ลูกรักการอ่าน
จริงๆมันควรจะเริ่มต้นจากตัวคุณซึ่งเป็นพ่อแม่ และ ครู ว่าทำอย่างไรเด็กถึงจะรู้สึก "สนุก" และ "มีความสุข" ขณะที่ได้อ่านหนังสือ
ทำยังไง "หนังสือ" จึงจะอยู่วางใกล้มือเด็ก ทำยังไงให้ลูกเกิดทัศนคติที่ดีต่อ "การอ่าน" และ "การเรียนรู้
ถ้าเขามี "ความสุข" ที่ได้อยู่ใกล้ๆหนังสือ เขาจะรักการอ่านโดยไม่ต้องมีการ "บังคับ"
คนจะอ่านหนังสือได้วันละ 1 ชั่วโมงครึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย จะเพิ่มชั่วโมงการอ่านของเด็ก ถามตัวเองหรือยังว่าเรามีความพร้อมแค่ไหน ในการจัดเตรียม "หนังสือ" ที่เหมาะกับวัยของเขา รัฐพร้อมแค่ไหนกับระบบหนังสือสาธารณะ เพื่อสนับสนุนการอ่านของคนทุกระดับไม่ว่ารวยหรือจน รัฐได้ลงมาสนับสนุนสำนักพิมพ์บ้างหรือไม่ มีมาตราการใดช่วยเหลือนักเขียนให้อยู่ได้ ให้มีแรงเขียน มีแรงผลิตผลงานดีดีออกมาขับเคลื่อนสังคม ฯลฯ
นโยบายและแนวคิดต่างๆมากมายถูกผลักดันออกมา เพื่อให้คนไทย "อ่าน" มากขึ้น
คำถามคือ เรามีอะไรให้ "อ่าน" บ้างในตลาดความรู้ เรากำลังให้เด็กอ่าน "อะไร" ในร้านหนังสือ ในห้องสมุด
เราได้ทำให้ "หนังสือ" เป็นส่วนหนึ่งของ "ความสุข" แล้วหรือยัง
ผมจึงไม่เชื่อว่ากวีระดับโลกจะเติบโตมาจากการถูกบังคับให้อ่านหนังสือกวี ผมไม่เชื่อว่านักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจะถูกบังคับให้อ่านตำราค้าขายอาทิตย์ละเล่ม ผมไม่เชื่อว่าเราจะสร้างนักปราชญ์ นักคิด ผู้มีปัญญาได้ จากการบังคับ และการเพิ่มชั่วโมงในการอ่านต่อสัปดาห์
แต่ความรักในการอ่าน ต้องเกิดมาจากความสุขในขณะแสวงหาความรู้ ถ้าสร้าง "ทัศนคติที่ดี" ให้เกิดขึ้นกับตัวเองไม่ได้ ต่อให้มีหนังสือที่ดีนับล้านเล่มวางอยู่ตรงหน้า ผมก็ไม่คิดว่าเด็กคนนั้นจะอยากอ่านหนังสือแม้แต่หน้าเดียว
เพราะสำหรับคนที่ไม่มีความสุข บังคับยังไงก็ไม่มีวันทำได้ดี
: หมายเหตุ :
ผมเขียนบล็อกนี้ด้วยความระมัดระวัง ไม่อยากให้อ่านแล้วรู้สึกว่าครูไม่เข้าใจเด็ก หรือ หมิงหมิงเก่ง ไม่ใช่ทั้งสองประเด็นเลยที่ผมอยากเสนอ ประเด็นที่ผมต้องการสื่อก็คือ ผมไม่เห็นด้วยกับการบังคับให้เชื่อ ให้ชอบ โดยเฉพาะเรื่องของการอ่าน เราบังคับเด็กไม่ได้หรอกครับ มีแต่ต้องช่วยกันทั้งพ่อแม่และครู ในการสร้างสิ่งแวดล้อมและทัศนคติที่ดีให้กับเด็ก เมื่อเด็กเห็นคุณค่าความหมายของการอ่าน เมื่อนั้นเด็กจะหยิบหนังสือมาอ่านด้วยความรัก และเขาจะสนุกกับการเรียนรู้อย่างแท้จริง
Create Date : 27 มิถุนายน 2560 |
Last Update : 3 มีนาคม 2561 12:57:16 น. |
|
35 comments
|
Counter : 481 Pageviews. |
|
|
|
|
คอมใช้ได้ดีแล้วเน้อะ..
ดีจัง..ที่น้องหมิงหมิงค้นคว้าด้วยตนเอง
แล้วพิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง...
แสดงความเริ่มมีการหาคำตอบด้วยตัวเองล่ะ
เป็นแนวโน้วที่ดีคะ