<<
มิถุนายน 2560
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
27 มิถุนายน 2560

:: วาระการอ่านแห่งชาติ ::






:: วาระการอ่านแห่งชาติ ::











วันก่อนหมิงหมิงเล่าให้ผมฟังว่า
มีครูคนนึงไม่ชอบที่หมิงหมิงแย้งคำสอนของครูกลางห้อง

"แล้วหมิงบอกครูว่ายังไง ?" ผมถาม

"หมิงบอกว่าที่ครูสอนในห้องมันไม่ถูก"

"รู้ได้ยังไงว่าไม่ถูก"

"หมิงอ่านเจอในหนังสือที่ห้องสมุด
และบอกครูด้วยว่า
ถ้าไม่เชื่อให้ครูเข้าไปอ่านได้ในห้องสมุด
หนังสือเล่มนี้วางอยู่ตรงด้านหลังของครูบรรณรักษ์"










หลายวันหลังจากที่หมิงหมิงเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง
ผมกับลูกไปที่ท้องฟ้าจำลอง ช่วงที่มีการเล่าถึง
การแตกตัวของเนบิวล่า หมิงหมิงหันมามองผม
แล้วบอกว่า

"นี่ไงป๊า ที่หมิงหมิงบอก เป็นอย่างที่อ่านจากหนังสือจริงๆด้วย"










ผมนั่งอ่านนิตยสารมติชน สุดสัปดาห์
มีข่าวกรอบเล็ก ๆ จากสองคอลัมน์

ข่าวแรก - รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการตั้งเป้าให้เด็กนักเรียนไทย
อ่านหนังสือให้ได้วันละ 90 นาที (1 ชั่วโมงครึ่ง)
ภายใน 2 ปีข้างหน้า

ข่าวที่สอง - กวีระดับชาติ เสนอให้มีการบังคับให้นักเรียนทุกคน
อ่านหนังสือให้ได้สัปดาห์ละ 1 เล่มภายในโรงเรียน
โดยเอาเนื้อหาหนังสือที่ได้อ่านมาวิเคราะห์ แลกเปลี่ยนพูดคุยกัน
ในชั้นเรียน










มักจะมีคนถามผมเสมอว่าทำยังไงให้ลูกรักการอ่าน

จริงๆมันควรจะเริ่มต้นจากตัวคุณซึ่งเป็นพ่อแม่ และ ครู
ว่าทำอย่างไรเด็กถึงจะรู้สึก "สนุก" และ "มีความสุข"
ขณะที่ได้อ่านหนังสือ

ทำยังไง "หนังสือ" จึงจะอยู่วางใกล้มือเด็ก
ทำยังไงให้ลูกเกิดทัศนคติที่ดีต่อ "การอ่าน" และ "การเรียนรู้

ถ้าเขามี "ความสุข" ที่ได้อยู่ใกล้ๆหนังสือ
เขาจะรักการอ่านโดยไม่ต้องมีการ "บังคับ"











คนจะอ่านหนังสือได้วันละ 1 ชั่วโมงครึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย
จะเพิ่มชั่วโมงการอ่านของเด็ก
ถามตัวเองหรือยังว่าเรามีความพร้อมแค่ไหน
ในการจัดเตรียม "หนังสือ" ที่เหมาะกับวัยของเขา
รัฐพร้อมแค่ไหนกับระบบหนังสือสาธารณะ
เพื่อสนับสนุนการอ่านของคนทุกระดับไม่ว่ารวยหรือจน
รัฐได้ลงมาสนับสนุนสำนักพิมพ์บ้างหรือไม่
มีมาตราการใดช่วยเหลือนักเขียนให้อยู่ได้
ให้มีแรงเขียน มีแรงผลิตผลงานดีดีออกมาขับเคลื่อนสังคม
ฯลฯ

นโยบายและแนวคิดต่างๆมากมายถูกผลักดันออกมา
เพื่อให้คนไทย "อ่าน" มากขึ้น

คำถามคือ เรามีอะไรให้ "อ่าน" บ้างในตลาดความรู้
เรากำลังให้เด็กอ่าน "อะไร" ในร้านหนังสือ ในห้องสมุด

เราได้ทำให้ "หนังสือ" เป็นส่วนหนึ่งของ "ความสุข" แล้วหรือยัง

ผมจึงไม่เชื่อว่ากวีระดับโลกจะเติบโตมาจากการถูกบังคับให้อ่านหนังสือกวี
ผมไม่เชื่อว่านักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจะถูกบังคับให้อ่านตำราค้าขายอาทิตย์ละเล่ม
ผมไม่เชื่อว่าเราจะสร้างนักปราชญ์ นักคิด ผู้มีปัญญาได้
จากการบังคับ และการเพิ่มชั่วโมงในการอ่านต่อสัปดาห์

แต่ความรักในการอ่าน
ต้องเกิดมาจากความสุขในขณะแสวงหาความรู้
ถ้าสร้าง "ทัศนคติที่ดี" ให้เกิดขึ้นกับตัวเองไม่ได้
ต่อให้มีหนังสือที่ดีนับล้านเล่มวางอยู่ตรงหน้า
ผมก็ไม่คิดว่าเด็กคนนั้นจะอยากอ่านหนังสือแม้แต่หน้าเดียว

เพราะสำหรับคนที่ไม่มีความสุข
บังคับยังไงก็ไม่มีวันทำได้ดี










: หมายเหตุ :


ผมเขียนบล็อกนี้ด้วยความระมัดระวัง
ไม่อยากให้อ่านแล้วรู้สึกว่าครูไม่เข้าใจเด็ก หรือ หมิงหมิงเก่ง
ไม่ใช่ทั้งสองประเด็นเลยที่ผมอยากเสนอ
ประเด็นที่ผมต้องการสื่อก็คือ ผมไม่เห็นด้วยกับการบังคับให้เชื่อ ให้ชอบ
โดยเฉพาะเรื่องของการอ่าน เราบังคับเด็กไม่ได้หรอกครับ
มีแต่ต้องช่วยกันทั้งพ่อแม่และครู
ในการสร้างสิ่งแวดล้อมและทัศนคติที่ดีให้กับเด็ก
เมื่อเด็กเห็นคุณค่าความหมายของการอ่าน
เมื่อนั้นเด็กจะหยิบหนังสือมาอ่านด้วยความรัก
และเขาจะสนุกกับการเรียนรู้อย่างแท้จริง





















Create Date : 27 มิถุนายน 2560
Last Update : 3 มีนาคม 2561 12:57:16 น. 35 comments
Counter : 481 Pageviews.  

 
สวัสดีค่ะคุณก๋า..

คอมใช้ได้ดีแล้วเน้อะ..

ดีจัง..ที่น้องหมิงหมิงค้นคว้าด้วยตนเอง

แล้วพิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง...

แสดงความเริ่มมีการหาคำตอบด้วยตัวเองล่ะ

เป็นแนวโน้วที่ดีคะ



โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:7:10:45 น.  

 
สวัสดียามเช้าค่ะ คุณก๋า

เห็นชื่อเรื่องในหน้ารวม
แวะมาดูก่อน แต่ยังไม่ว่างคุย
เดี๋ยวมาใหม่นะคะ



โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:7:12:09 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าค่ะ พี่ก๋า
แอนเป็นคนที่ชอบหอบหนังสือ
ติดตัวไปด้วยตลอด
บางคนเห็นเราซื้อหนังสือทีละหลายๆเล่ม
ยังมองว่าเป็นเรื่องแปลก
ของแบบนี้บังคับกันไม่ได้จริงๆค่ะ





โดย: ann_shinchang วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:7:49:46 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับ คุณก๋า
ทั้งสองข่าว ไม่เห็นด้วยเลยครับ
เรื่องครูสอนหนังสือ ครูมีทั้งที่เก่ง และ ไม่เก่ง บางคนเตรียมการสอน บางคนไม่เตรียมการสอน
สมัยผมเรียนประถม ครูบางคนเข้ามา นักเรียน เปิดหน้าที่... อ่าน และทำการบ้าน ข้อ 1-10 เสร็จแล้วส่งโต๊ะครู
การรักการอ่านต้องเริ่มที่ตัวของเด็กเอง
แล้วจะหาหนังสือมากมายก่ายกองที่ไหนมาให้เด็กอ่าน


โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:8:19:38 น.  

 
อ่านแล้ว หมิงหมิง แย้งครู ผมสะดุ้งเลย...

แถมมีเหตผล.. มีอ้างอิงด้วย...จากหนังสือ..

......

การบังคับให้อ่าน ผมว่าไม่เหมาะแน่... สู้ทำตัวให้เด็กเห็นเรา
อ่านหนังสือ วิจารณ์หนังสือหรือ เล่าว่า เล่มนี้มีพิเศษแบบไหนดีกว่า
เด็ก ๆ จะได้สนใจ แทนการบังคับ..

มันจะซึมซับ การอ่านหนังสือได้ดีกว่า.. เพราะหนังสือมีหลาย
ประเภท แล้วแต่ความชอบของเด็ก หรือของคนอ่าน

....

การที่อาจารย์สอนเรา ผมก็เคยเจอ ต้องไปเข้ารับการอบรม
เกี่ยวกับงานที่ทำ ไม่งั้นไม่ได้ต่อใบอนุญาต
เสียเงินไปเยอะ.. แต่นั่งฟังแล้ว รู้ว่า อาจารย์สอนไม่ถูก
ฟังออกเลยว่า อาจารย์คงจะ เรียนทางด้านทฤษฏี สอบได้
เกียรตินิยม แล้วได้เป็น อาจารย์

ตอนนั้น พวกผมมีหลายคน อาชีพเดียวกัน แต่ละคนทำงานมา
กว่า 30 ปี.. เลยบอกว่า เงียบ ๆ ไว้.. อย่าไปค้านนะ
เดี๋ยว สอบไม่ผ่าน 555 คือใช้ EQ มากกว่า IQ การ
อยู่รอดของชีวิต..

ถกเถียงกันว่า เฮ้ยไม่ดีวะ ผิด.. ไม่รู้หละ ถือศิล 5 ก็พอ
เราไม่ได้มุสา นี่หว่า.. เขาไม่ถาม ให้ตอบ ก็ไม่ผิด หุ หุ

โอ้ย เรื่องเลยจบ.. เพียงแค่นั้น

ไปละครับ ขอเดินทางไป ตจว.ก่อน


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:8:21:37 น.  

 
สิ่งที่ได้อ่านตอนเด็กๆ บางทีมันจำฝังหัวมาจนถึงตอนโตเลยนะคะ ยิ่งเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ ที่เรียนรู้ด้วยตัวเองแล้ว บางอย่างเถียงเด็กไม่ได้จริงๆ เพราะสมองเค้ากำลังเปิดรับ และจำได้ดีกว่าผู้ใหญ่ซะอีก


โดย: ปลาแห้งนอกกรอบ วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:8:50:16 น.  

 
อยากให้คนไทยและเด็กไทยอ่านหนังสือเยอะๆค่ะ
การที่หมิงหมิงแย้งครู เป็นเรื่องที่ดี เพราะเด็กเค้าอ่านมาเค้ารู้
แต่ครูกลับไม่ชอบ เป็นเรื่องที่แปลกค่ะ
แล้วอย่างนี้การศึกษาจะก้าวหน้าได้ยังไง
ถ้าเป็นเมืองนอก เด็กแย้งอย่างนี้เค้าจะชอบมากเลยค่ะ

ดอกบานเย็นสีเหลือง ตอนนี้กำลังบานสะพรั่ง สวยจริงๆค่ะ
ขอบคุณโหวตค่ะ







โดย: mambymam วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:8:57:20 น.  

 
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
หมิงหมิงเป็นเด็กฉลาด แต่ก้ต้องบอกหมิงหมิงว่า
ให้ไปกระซิบบอกครูทีหลัง อย่าไปบอกในชั้นเรียน
ครูรับไม่ได้หรอกเสียหน้าแน่นอนนะหมิงหมิง




โดย: หอมกร วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:8:58:24 น.  

 
เห็นด้วยเรื่องการสร้างสิ่งแวดล้อมค่ะ

เราเองก็อ่านเพราะเห็นทั้งพ่อทั้งแม่อ่าน เลยอยากรู้ว่ามันสนุกยังไง

นี่ห่วงแต่หลาน เพราะแม่เราสายตาแย่ แกก็ไม่ได้อ่าน น้องชายไม่ค่อยอ่าน เราเองกลับไปทุกครั้งหลานก็จะให้อ่านนิทานให้ฟัง ก็หวังว่าเค้าจะรักการอ่านสักหน่อยหละนะคะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
mambymam Home & Garden Blog ดู Blog
ชมพร About Weblog ดู Blog
อุ้มสี Topical Blog ดู Blog
ข้ามขอบฟ้า Klaibann Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:9:50:52 น.  

 
สวัสดียามเช้าค่ะพี่ก๋า

1 ชม.ครึ่ง ทำไงอ่ะค่ะ ไม่ชอบอ่านแต่ชอบที่จะลงมือทำมากกว่าค่ะ

555 แต่มันต้องเกิดจากการอ่านก่อนถึงจะทำได้ใช่เปล่าคะ

แต่ก็อ่านก่อนเสมอค่ะ


โดย: ลอยละล่อง บล็อกแกงค์ วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:10:03:35 น.  

 
หนังสือเยอะจริง ๆ ครับ อ่านได้ทั้งวันเลยครับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:10:28:06 น.  

 
พ่อแม่ทำตัวอย่างให้ลูกเห็นว่าชอบอ่าน
ได้ผลจริงๆ ลูกๆจะเรียนรู้ว่า หนังสือมี
เรื่องดีๆที่น่าสนใจ เค้าต้องลองอ่านบ้าง
พี่หมอตลกมากตอนยังอ่านไม่ออก แค่
เห็นพ่อแม่และพี่ปูอ่านหนังสือก่อนนอน
ทุกคืน เลยพยายามมีหนังสือไว้อ่านตอน
ก่อนนอนบ้าง แต่เพราะยังอ่านไม่ออก
พี่หมอก็เลยกางหนังสือกลับหัวอ่านทุกวัน
แล้วก็หลับไปแบบนั้น

ความสนใจแต่อ่านไม่ได้ ทำให้พี่หมอพยายาม
หัดอ่านกับคุณยายเพราะอยู่บ้านกันสองคน
ตอนกลางวัน คุณยายคุยเสมอว่าหลานชาย
อ่านหนังสือได้ตั้งแต่ยังไม่ไป nursery แล้วก็เลย
กลายเป็นนักอ่าน ตอนเรียนแพทย์ อ่านตำรา
แพทย์จนจำได้หมดว่าอะไรอยู่ที่ไหน เหมือน
หมิงหมิงเลยค่ะ ใครหาอะไรไม่เจอ ถามพี่หมอ
ได้หมด แล้วกลายเป็นนักอ่านตัวยงจนตอนนี้
เป็นหมอไม่พอ ต้องมีเว็บขายหนังสือเก่าด้วย
เพราะอ่านกันจนหาที่เก็บไม่ได้ ต้องจบลงด้วย
การซื้อมา อ่านไป ขายไป เก็บไว้แต่เล่มหายาก
เป็นงานอดิเรกที่เลี้ยงตัวได้เลย

เรื่องอ่านนี่ เห็นด้วยอย่างยิ่งว่า บังคับไม่ได้หรอก
ต้องสร้างสิ่งแวดล้อมให้เด็กอยากอ่านเอง

คงต้องแนะแนวให้ลูกแย้งครูบ้างนะคะ ครูหน้าแตก
อาจเกิดทัศนคติไม่ดีต่อลูกศิษย์ได้ แต่ก็นะ มอง
ได้อีกมุมว่า การเตรียมการสอนของครูต้องแม่นกว่า
นี้ คิดว่าเด็กจะไปรู้อะไร สอนแล้วก็ผ่านไป คงไม่ได้
สอนให้เกิดความรู้ผิดๆ ถ้าเป็นบางเรื่องอาจเป็น
อันตรายได้มากจริงๆ

ขอบคุณโหวตด้วยค่ะ



โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:11:21:11 น.  

 
ตาลาย หนังสือนักง้าววว
ไค่ไปไล่ดูหนังสือที่ห้องสมุดส่วนตั๋วคุณก๋าโธ๊ะ
บ้านนี้ว่านักแล้ว เทียบกับคุณก๋า จิ๊บ ๆ ไปเลย

แต้นะ เวลาถูกบังคับหื้อทำหยัง
สัญชาตญาณของคนมักจะต่อต้านลึก ๆ ในใจไว้ก่อน
แบบว่า หยังต้องมาบังคับกันตวย

อะหยังที่ทำเองด้วยความสมัครใจ
จะทำได้ดี ได้เต็มร้อยกว่าการถูกบังคับ
และการหื้อคนอื่นทำอะหยังสักอย่าง
การทำเป็นตัวอย่างหื้อเห็น ดีกว่าการอู้

วันนี้ ว่าจะไปงานหนังสือสักกำเจ้า
จะไปดูหนังสือหื้อคุณพู่ตวย


โดย: JinnyTent วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:11:21:59 น.  

 
ระวังนะหนู เดี๋ยวจะอยู่ยาก ถ้ารักจะอยู่ ต้องเชื่อฟัง เป็นสัตว์เชื่องๆ ใช่ครับพี่ ดีครับท่าน ถูกต้องครับผม (เหรอ) ถ้าครูฉลาด ครูจะใช้วิธีปัดประเด็น โดยการพูดว่า งั้นเดี๋ยวเราไปดูกัน จากนั้นก็ไปต่อได้ และเมื่อไปดูถ้าพบว่าตัวเองผิดจริง ใช้วิธีชื่นชมต่อหน้าเพื่อนในห้อง แล้วยังสามารถสอนเด็กทุคนได้ว่าที่หมิงหมิงรู้เพราะอ่านหนังสือ ถ้าอยากมีความรู้ต้องอ่านหนังสือให้มากๆ ถ้าทำแบบนี้จะได้ประโยชน์มาก ผมไม่รู้หรอกว่าครูคนที่โดนค้านจะทำอย่างไร มันไม่ใช่หน้าที่ผมที่จะต้องรู้ แต่ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไร มันก็บ่งบอกถึงสติปัญญาของเขาได้เป็นอย่างดี

ผมจำได้ว่าสมัยก่อนเคยมีการบังคับให้เด็กอ่าน สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน ถ้าจำไม่ผิดมี 40 เล่ม (อาจมากกว่า) แล้วบังคับให้ย่อสรุปเนื้อหาเล่มละอย่างน้อย 3 เรื่อง รวมแล้วต้องทำให้ได้ 120 เรื่อง ทำใส่ใบงานขนาดกระดาษ A4 ซึ่งทำออกมาแล้วก็ไม่ได้ประโยชน์ บางเล่มเราอ่านแล้วสนใจ เพราะมันมีเรื่องที่เราชอบ แต่บางเล่มเปิดดูสารบัญมีแต่เรื่องที่ไม่สนใจ ก็ทำส่งไปตามหน้าที่ ให้มันผ่านๆ ไป ลองย้อนมาดูที่กวีระดับชาติพูด คล้ายกับที่เมื่อก่อนผมเคยโดนบังคับ

ไม่รู้หรอกนะครับว่า สุดท้ายแล้วเด็กจะได้อ่านมั้ย แต่ดูเหมือนจะทำไปตามหน้าที่เพราะกลัวโดนไม่ผ่านกิจกรรม แค่ทำให้มันผ่านๆ ไปเท่านั้นเอง สุดท้ายก็ได้กระดาษใช้แล้วมาคนละปึกให้โลกร้อนเล่น


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:11:32:03 น.  

 
ตอนชินจัง ก่อนนอนก็อ่านหนังสือให้ฟังก่อนนอนทุกวันค่ะ
เมื่อก่อนตอนเล็กๆ ไปเที่ยวทีไรซื้อแต่ของเล่น
พอโตมาเบื่อของเล่น เริ่มเข้าร้านหนังสือ
ได้หนังสือติดมือมาทีละเล่มสองเล่มเหมือนกันค่ะ

แต่เจ้าคนเล็ก ยังไม่ชอบฟังนิทานค่ะ
ชวนอ่านหนังสือให้ฟังตอนกลางวันยอมค่ะ
แต่ก่ออนนอนไม่ยอมต้องร้องเพลงให้ฟังค่ะ
เพลงเด็กๆ มีกี่เพลงต้องจำให้ได้ทุกเพลงค่ะ
เพราะร้องเพลงซ้ำๆ มีเบื่อด้วยค่ะ เจ้าตัวเล็ก


โดย: ann_shinchang วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:11:55:49 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณก๋า

เห็นด้วยทุกอย่างเลยอะ

อยากให้หลานโตมารักการอ่านเหมือนกัน

แต่ยังไม่รู้ว่าจะปลูกฝังเจ้าตัวน้อยได้แค่ไหน

ทั้งบ้านรุ้งก็ไม่มีใครจะถึงขนาดรักการอ่านมากมาย

รุ้งชอบอ่านนิยายซึ่งยังไม่เหมาะสำหรับเด็ก

น้องสาวคนเล็กก็อ่านแต่พวกวรรณกรรมเยาวชน

ก็คงต้องค่อยๆให้เจ้าตัวน้อยซึมซับ

หนังสือคุณก๋าหลากหลายมากเลยค่ะ

หนังสือรุ้งไม่มีแนวประเทืองปัญญาเลยอะ เขินจัง


โดย: เรียวรุ้ง วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:12:24:44 น.  

 
ดีค่ะที่ เวลาเห็นเด็กๆอ่านหนังสือมันดูน่ารักกว่าเด็กติดมือถือเยอะเลยค่ะ ช่วงนี้ปุ๊เองก็พยายามอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นค่ะ

ทักทายยามบ่ายค่ะพี่ก๋า


โดย: blog pu วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:13:22:14 น.  

 
โชคดีที่น้องซีพอจะชอบอ่านบ้างค่ะ


โดย: kae+aoe วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:13:24:30 น.  

 
น่าเสียดายนะคะ ช่วงนี้มีหนังสือดี ๆ ปิดตัวไปหลายเล่ม
สงสัยเหมือนกันว่าพฤติกรรมคนอ่านเปลี่ยนไปจริง ๆ หรือว่า
คนไม่อ่านหนังสือกันแน่


โดย: เนินน้ำ วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:13:25:08 น.  

 
คุณก๋าหนังสือเยอะมากกกกก ตะลึงค่ะ

หมิงหมิงน่าจะรักการอ่านเพราะเห็นคุณก๋าอ่านและมีหนังสือให้หยิบจับมาอ่าน สมัยหนึ่งเด็กๆ หนึ่งอ่านหนังสือทุกเล่มที่หาได้ในบ้านเลยค่ะ ตั้งแต่หนังสทอมติชนของคุณพ่อ หนังสือขวัญเรือนของคุณแม่ แบบว่าบ้าพลังมาก ต้องหาอะไรทำ

จะส่งเสริมการอ่าน หนึ่งว่าเน้นให้เค้าเกิดความสนใจ และให้ค้นคว้า จะสนุกกว่ามอบหมายให้เค้าไปอ่านมานะคะ เพราะมันจะทำให้สนุกกว่า เหมือนการค้นคว้าต่อยอดไปเรื่อยๆ


โดย: AdrenalineRush วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:15:14:15 น.  

 
สวัสดี จ้ะ น้องก๋า

งานเขียนวันนี้ เปิดประเด็น ด้วยเรื่องของการอ่านหนังสือ แนวคิดที่เธอเสนอมา เกี่ยวกับให้เด็กอ่าน เพราะอยากอ่าน จึงจะอ่านอย่างมีความสุข ตามหลักจิตวิทยา ก็ต้องเป็นไปในลักษณะนั้น แต่ปัจจัย แวดล้อมตัวเด็ก ๆ มีมากเหลือเกิน ในด้านความยากจน ต้องช่วยเหลือครอบครัว พ่อแม่ไม่มีเวลาใส่ใจ การคบเพื่อน ฯลฯ ปัญหาแวดล้อม สารพัด
ที่จริงโครงการรักการอ่าน ไม่ใช่เพิ่งมาริเริ่มช่วงนี้หรอก ริเริ่มมา ตั้งแต่ก่อนครูเกษียณหลายปี ซึ่งเป็นโครงการพระราชดำริของ สมเด็จพระเทพรัตน์ ฯ น่าจะประมาณ ปี45 นะ ตอนนั้น ครูถูกฝ่ายบริหาร ให้เป็นหัวหน้าโครงการรักการอ่าน เหนื่อยมาก ๆ เพราะเด็กนักเรียนของเรา มาจากชุมชนแออัด คลองเตยเป็นส่วนใหญ่ ปัญหาสารพัด พ่อแม่แยกทางกัน เด็กต้องทำงานหลังเลิกเรียน บ้าง ความเมื่อยล้า ของชีวิต ความไม่พร้อม ใจที่จะรักการอ่าน ยากเหลือเกิน ต้องหาเกม หาวิธีการ หลอกล่อ จะให้เขารัก โดยดูการปฏิบัติของครู ของพ่อแม่ คนแวดล้อม คงยาก ครู โดยเฉพาะ ครูภาษาไทย ต้องเข้าอบรม และรายงานผลการจัดโครงการนี้ ศึกษานิเทศก์ มาตรวจโครงการ ที่โรงเรียน ต้องทำพอร์ตรายงาน เหนื่อยมาก เวลาจะมาตรวจ เสาร์ อาทิตย์ ก็ไมได้หยุดหรอกนะ
พวกผู้ใหญ่ มีแต่คิดจะให้ทำโน่นทำนี่ เคยลงมาดูสภาพของโรงเรียน นักเรียนไหม นั่งส่องเทียนอยู่แต่ในกระทรวงนั่นแหละ อิอิ กว่าจะได้เป็นโรงเรียนรักการอ่านดีเด่น (มีแข่งขันกัน) ก็หลายปีอยู่ หลังจากเกษียณแล้ว ไม่รู้ว่า โครงการนี้ ได้ทำต่อเนื่องกันอย่างไร ก็ไม่ได้ติดตามหรอก เพราะเป็นคนนอกเสียแล้ว เดี๋ยวจะโดนหาว่า ยุ่ง เพราะทุกคน ต่างก็ต้องการความสะดวกสบาย การติดตามงาน การประเมินผลแต่ละกิจกรรม ไม่ใช่งานเบา ๆ

อีกเรื่องหนึ่ง เรื่องของหมิงหมิง ค้านครู อยากให้ข้อคิดสักนิดนะจ๊ะ การคัดค้านเรื่องที่ครูสอนผิด นั้น เป็นเรื่องเสี่ยงที่จะถูกครูที่ถูกคัดค้านไม่ชอบใจได้ ดังนั้น จะต้องสอนหมิงหมิง ในเรื่องของการใช้ภาษาในการค้าน ต้องใช้ในเชิง ขอความเห็น ไม่ใช่บอกตรง ๆ ครูที่ดี เขาจะรับได้ และใช้จิตวิทยา แก้ไขเหตุการณ์ นั่นคือ อาจพูดว่า "จริงเหรอ โอเค นะ เดี๋ยวครูจะไปหาหนังสือเล่มที่เธอว่า ดู ครูอาจจะจำผิด ฯลฯ" ครูเป็นผู้ใหญ่ น่าจะสามารถแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้ แต่ถ้าเจอครูที่อัตตาสูง หมิงหมิง จะลำบาก จึงต้องบอกหมิงหมิงว่า ภาษาที่จะบอกครูโดยเฉพาะในห้องเรียน ท่ามกลาง เด็กนักเรียนมากมาย ครูเป็นปุถุชนธรรมดา ย่อมต้องมีอารมณ์ ควรใช้ภาษาแบบนิ่ม ๆ ว่า "เอ เรื่องนี้ ผมว่าน่าจะเป็นอย่างนี้ไหมครับ เหมือนผมเคยอ่านในหนังสือ มา เขาว่าอย่างนี้ น่ะครับ" ไม่ใช่ไปว่าครูว่า สอนผิด แถม บอกว่า ไม่เชื่อให้ไปเปิดหนังสือเล่มนั้นอ่านดู อิอิ เด็กก็คือเด็ก เขายังขัดเกลาภาษาไม่ดีเท่าผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ฟังเหตุการณ์แล้ว ก็เสนอแนะหน่อย ครูว่าจะดีที่สุด เนาะ นี่ครูเล่าในฐานะที่เคยเป็นครูและเคยเจอปัญหาอย่างนี้มาก่อน เป็นเด็กโตด้วย ก็จะต้องแก้ไขเขาและบอกเขาจะไปหาคำตอบมาให้ (ในกรณีเรายังตอบเขาไม่ได้) และถ้าเขาใช้ภาษาไม่ถูกต้อง หลังเลิกเรียน ก็ต้องให้เขาไปพบและอธิบายเรื่องการใช้ภาษา เพื่อเขาจะได้ใช้ภาษาถูกต้องในการถาม ในการค้าน เผื่อ เขาจะไปเจอ ครูที่มีอัตตาเต็มตัว เด็กคนนั้นจะได้ไม่เคราะห์ร้าย เพราะครูประเภทอาฆาต ก็มีนะ ครูก็เคยเจอ เคยเห็น เด็กจะเล่าให้ฟัง เราก็จะต้องสอนให้เขารู้จักเอาตัวรอดและจบการศึกษาในวิชานั้น ๆ ให้ได้ ยิ่งเป็นโรงเรียนรัฐบาลด้วย ยิ่งต้องระวังเรื่องภาษามาก ๆ ถ้าเป็นเอกชน เรายังร้องเรียนกันได้ง่าย ห้าห้า ต้องอยู่ในวงราชการ จึงจะรู้ดี อิอิ

วันนี้เขียนเยอะมาก พิมพ์จนมือหงิกแล้ว แต่เป็นประเด็นที่อยากเขียน

ขอบใจนะ ที่แวะไปอ่าน ตะพาบ ขนมหวานในดวงใจและโหวด ว่าจะไม่เขียนแล้ว เพราะไม่รู้จะเขียนในแนวไหน ในที่สุด ก็หนีไม่พ้นลงเรื่องของ ความรู้ ตามที่ถนัด ห้าห้า


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:15:15:11 น.  

 
ช่วงนี้มีตุนไว้เยอะค่ะ พี่สาวอุดหนุนผู้ปกครองเด็ก เขางมมาขายบรรดาคุณครุก็เลยช่วยกันอุดหนุน


โดย: blog pu วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:15:17:04 น.  

 
ซีวันธรรมดาต้องพกขนมใส่กระเป๋าไปด้วยค่ะ นั่งกินบนรถตู้เวลาเลิกเรียน


โดย: kae+aoe วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:15:42:21 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
พันคม Literature Blog ดู Blog
นาฬิกาสีชมพู Dharma Blog ดู Blog
หนุ่มร้อยปี Diarist ดู Blog
กาปอมซ่า Music Blog ดู Blog
หอมกร Movie Blog ดู Blog
Mitsubachi Food Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Book Blog ดู Blog

สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดด


โดย: อุ้มสี วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:15:49:15 น.  

 
มันยากที่จะสอนเด็กเดี๋ยวนี้ ต่ะก่อนไม่มีที่ไป ก็ต้องหาความเพลิดเพลินจากการอ่านหนังสือ มันเปลี่ยนไปแต้ ๆ เจ้า


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:16:07:37 น.  

 
คนกำลังจะหาย
แต่คอมยังไม่หายครับ 555
...
หายไวไวนะคะ คนด้วย คอมด้วย อิอิ
...
มีความสุขมากมากนะคะ


โดย: white in the dark วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:16:11:25 น.  

 
อยากจะไปแห๋มเจ้า
แต่ปีนี้ สุขภาพเข่าบะอำนวย ปวดเข่าเรื้อรัง
ตอนเไปเดินก่อปวด แต่ประคองก้อยๆ เดิน
เซฟตัวเองขนาด แต่อยากจะไป
เพราะก่อนหน้านี้ ปาอ้ายติณปี้หนึ่งแอ่ว
เข้าบะได้เพราะปิดเส้นทางเหียก่อน

อายุก้าวขึ้นเลขสี่ โรคภัยไข้เจ็บมาเว่ยแต้ ๆ เน้อเจ้า
เหมือนภูมิคุ้มกันร่างกายถูกเจาะ
ทั้งความดัน กระดูก และหัวใจ

ปี้เองความดันต่ำ ร่างกายอ่อนเพลีย
ตอนนี้ลองไปหาหมอแพทย์แผนจีน
รักษาหื้อยาบำรุงไต เปิ้นว่าไตทำงานหนัก
หยินหยางในร่างกายบะสมดุล และก่ออาการปวดเข่า
ใช้วิธีฝังเข็ม อาทิตย์ละครั้ง ควบคู่ไปกับครอบแก้ว
นวดจับเส้น (คนละอย่างกับนวดไทย) และพอกยา
ฮักษาติดต่อมาเดือนป๋าย ยังบะค่อยทุเลา
กัวได้ผ่าตัด อย่างที่หมอแผนปัจจุบันแนะนำโธ๊ะ ยื้อไปก่อน 555

วันนี้ ไปงานหนังสือ คนบะฮ้ายบะดีเจ้า
ค่อนข้างเงียบอาละ ไปดูหนังสือหื้อคุณพู่ ที่ สนพ.มติชน
ได้มาละ ของตัวเองได้นิยายของโรสลาเรน สนพ. ณ บ้านวรรณกรรม
และก่อหนังสือเกี่ยวกับโลกและอวกาศหื้อลูก นานมีบุ๊ค

บะค่อยได้เดินดีเจ้า ยืนเมินบะได้
อย่างที่บอกนะ ปวดเข่า ตะวาซ้ำกิ๋นหน่อนักขนาด
ป้อส่งหน่อจากสะเมิงมาหื้อ 5555
บะลั้งเป่นเก๊าเหียก่อบะฮู้นิ เสียว ๆ อยู่


โดย: JinnyTent วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:16:26:25 น.  

 
ของเรานอกจากร้านหนังสือ ก็มีโรงหนังกับร้านอาหารค่ะ 555


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:17:43:55 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
พันคม Literature Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

สวัสดีค่ะน้องก๋า เมื่อวานไม่ได้เข้าบล็อกเลยค่ะเหนื่อยกับการเดินทางค่ะ แหะ แหะ

วันนี้มาอ่านสำนวนของน้องก๋าพี่กิ่งว่าน้องก๋าเหมาะสมที่จะเป็นครูสอนเด็กๆจังเลย เพราะความคิดความอ่านยอดเยี่ยมจ้า พี่กิ่งโหวตให้ค่ะ น้องหมิงหมิงเมื่ออ่านหนังสือแล้วความจำดีเลิศเลยค่ะเก่งมากๆๆๆ



โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:20:36:33 น.  

 
กะว่าก๋า Parenting Blog

รัฐเสริมนโยบายอยากให้เด็กรักการอ่าน แต่แม่แอบเห็นราคาหนังสือแล้วตกใจ
รัฐน่าจะทำให้ราคาหนังสือถูกลง
เหมือนการส่งเสริมด้านกีฬาแต่อุปกรณ์การเล่นกีฬาแต่ละอย่างราคาสูงน่าตกใจ เช่นกัน


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:20:45:45 น.  

 
ให้เด็กได้อ่านหนังสือวันละ ชม ครึ่ง มันมากไปไม๊คะ แค่ถ้าเด็กอยู่ในวัยที่ต้องอ่านหนังสืออยู่แล้ว ก็คงไม่ยากเกินไป

แต่ผู้ใหญ่อย่า่งเราๆ เดี่ยวนี้ หายากนะคะ ที่จะอ่านหนังสือให้ได้อย่างน้อย ครึ่ง ชม ก็ยังดี อันนี้น่าคิดนะคะ


โดย: Sai Eeuu วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:21:56:11 น.  

 
คำว่าทัศนคติที่ดีเป็นสิ่งแรกๆที่นำไปใช้ได้กับหลายเรื่องเลยนะคะ
น่าชื่นใจจังค่ะที่น้องหมิงหมิงรักการอ่าน
และอ่านหนังสือด้วยความสุข
สิ่งที่คุณพ่อทำให้เห็น เป็นตัวอย่างที่มีค่ามากค่ะ
โหวตค่ะ




โดย: Sweet_pills วันที่: 28 มิถุนายน 2560 เวลา:0:06:39 น.  

 
สวัสดีจ้ะ

มาเห็นด้วยกับข้อความของน้องกิจค่ะ

การบังคับใช่ว่าจะนำมาซึ่งความสำเร็จเสมอไป

คนที่อ่านหรือทำอะไรแล้วไม่มีความสุข
มันก็ไม่เกิดผลตามมาแน่นอน


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 28 มิถุนายน 2560 เวลา:4:19:16 น.  

 
ยืนยันอีกหนึ่งเสียง อยากให้เด็กรักการอ่าน ชอบอ่านหนังสือ คงบังคับกันไม่ได้

อ่านแล้วชอบ อ่านแล้วสนุก อ่านแล้วมีความสุข เกิดจากตัวเค้าเองทั้งนั้น


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 28 มิถุนายน 2560 เวลา:5:45:20 น.  

 
แวะมาอ่านครับ
เมื่อรักที่จะอ่าน ก็จะได้ทั้งความรู้และความเลิดเพลินไปพร้อมกัน
ไม่ต้องมีใครบังคับก็จะทำเองจนเป็นนิสัย


โดย: ruennara วันที่: 30 มิถุนายน 2560 เวลา:2:31:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]