:: การศึกษาที่แห้งแล้งและน่าเบื่อ ::
:: การศึกษาที่แห้งแล้งและน่าเบื่อ ::
เรื่องและภาพ : กะว่าก๋า
การออกนโยบายเรื่องทรงผมของเด็กนักเรียน และการลดปริมาณการบ้านของเด็กนักเรียน ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนของนโยบายด้านการศึกษาเลย
ในเรื่องทรงผมเด็ก ผมไม่มีความคิดเห็นใดใด ผมสนใจสิ่งที่อยู่ใต้ทรงผมมากกว่า นั่นคือ สมองและวิธีคิด
ในเรื่องการบ้าน ทุกวันนี้หมิงหมิงมีการบ้านบ้าง อาทิตย์ละ 2-3 แผ่น ผมยังรู้สึกว่าเยอะ เพราะช่วงเย็นและค่ำเป็นเวลาที่ผมใช้ร่วมกับลูก ในการทำกิจกรรมต่างๆ
เมื่อถามไปยังเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน เพื่อนบอกว่าเด็กโรงเรียนอื่นตอนนี้ ต้องทำการบ้านวันละ 5-20 หน้า
ถ้าเป็นเด็กที่ต้องการสอบเข้าโรงเรียนประถมชั้นนำ ต้องทำการบ้านวันละเป็นปึก !
(เป็นปึกนี่มันคงเกิน 30 แผ่นนะครับ)
เมื่อเลิกเรียน เด็กบางคนต้องนั่งทำแบบฝึกหัด การบ้าน และข้อสอบเก่า ตั้งแต่ช่วง 5 โมงเย็นจนถึงสามทุ่ม....
ครูอาจจะคิดว่าการให้การบ้านเด็ก เป็นการทบทวนความรู้ที่ได้เรียนมาในแต่ละวัน การบ้านทำให้เด็กได้ทวนซ้ำความรู้ในแต่ละวิชา
ปัญหา คือ เมื่อเด็กเรียนแยกรายวิชา แล้วครูสั่งการบ้านพร้อมกันทุกวิชา ถึงจะมีการบ้านแค่วิชาละ 2 แผ่น แต่ถ้า 5 วิชา การบ้านต่อวันก็ 10 แผ่นต่อวันเข้าไปแล้ว
ผมยังคิดถึง "ความสุขในการเรียนรู้" อยู่เสมอนะครับ
แล้วการเรียนรู้ในความหมายของผม มันไม่เคยเริ่มต้นและจบในห้องเรียน
ความรู้ไม่เคยสิ้นสุดแค่ตำราและการทำการบ้าน
เวลาในชีวิตของเด็ก น่าจะต้องสงวนไว้เพื่อ "ความสุขในการเล่น" และ "ความสุขในการเรียนรู้" ผ่านกระบวนการต่างๆนอกห้องเรียนและนอกตำราบ้าง
เราชอบวัดว่าเด็กเก่งไม่เก่งจาก "คะแนน" และ "การสอบ" สิ่งนี้ทำลายเด็กของเราอย่างช้าช้าแต่ยั่งยืน
วิธีคิดของผมคงไม่ถูกใจพ่อแม่ส่วนใหญ่ ที่มุ่งหวังว่าลูกจะเรียนเก่ง เรียนรู้ได้เร็ว
แต่ผมอยากฝากข้อคิดให้คุณได้ฉุกคิดด้วยว่า
คุณเคยมองดูหน้าลูกของตัวเองบ้างหรือเปล่า ? เคยถามเขาบ้างไหม ว่าลูกๆของคุณมีความสุขกับวิธีเรียนรู้แบบนี้หรือเปล่า ?
ถ้าลูกไม่เก่ง ไม่ฉลาดล้ำเลิศ ความรักที่มีต่อลูกจะลดน้อยลงไปด้วยใช่ไหม ?
คิดให้เยอะๆ แล้วถามตัวเองให้มากๆ ว่าที่ผ่านมา...คุณเคยเรียนอย่างมีความสุขบ้างหรือไม่ ? หรือแค่ถูกระบบการศึกษาบีบให้คิดและเรียนแบบที่เคยเป็นมา แล้วก็เอาสิ่งที่คุณไม่ชอบ มาส่งต่อให้กับลูกของคุณอย่างไม่มีทางเลือก
มันยากจริงๆครับ ที่จะบอกคนอื่นว่าเราพยายามเลี้ยงลูกให้มีความสุข โดยที่ไม่มุ่งหวังว่าเขาจะเก่งหรือไม่เก่ง
แต่ผมอยากให้ลูกมีความสุขและสนุกกับการเรียนรู้ เพื่อที่เขาจะได้รู้ว่า คนเราสามารถเรียนรู้ได้ทุกหนทุกแห่ง เรียนรู้ได้จากของเล่น คลิป ยูทูป ในป่า ในสวน ในฟองลูกโป่ง ในสนามหญ้า กระบะทราย หรือแม้แต่นิทาน ฯลฯ
ไม่ใช่ "ความรู้แห้งๆ" ที่ถูกวางรอไว้ในตำราและคะแนนสอบเพียงเท่านั้น
Create Date : 26 กรกฎาคม 2556 |
Last Update : 26 มกราคม 2557 8:02:24 น. |
|
53 comments
|
Counter : 1251 Pageviews. |
|
|
|
|
เพราะเหลือเชื่อสิ่งไม่รู้ดูมากหลาย
ศึกษาจากวันนี้จนวันตาย
มีมากมายท้าทายอยู่รู้ในตน