<<
กรกฏาคม 2556
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
26 กรกฏาคม 2556

:: การศึกษาที่แห้งแล้งและน่าเบื่อ ::







:: การศึกษาที่แห้งแล้งและน่าเบื่อ ::



เรื่องและภาพ : กะว่าก๋า















การออกนโยบายเรื่องทรงผมของเด็กนักเรียน
และการลดปริมาณการบ้านของเด็กนักเรียน
ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนของนโยบายด้านการศึกษาเลย

ในเรื่องทรงผมเด็ก ผมไม่มีความคิดเห็นใดใด
ผมสนใจสิ่งที่อยู่ใต้ทรงผมมากกว่า
นั่นคือ สมองและวิธีคิด

ในเรื่องการบ้าน ทุกวันนี้หมิงหมิงมีการบ้านบ้าง
อาทิตย์ละ 2-3 แผ่น ผมยังรู้สึกว่าเยอะ
เพราะช่วงเย็นและค่ำเป็นเวลาที่ผมใช้ร่วมกับลูก
ในการทำกิจกรรมต่างๆ

เมื่อถามไปยังเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน
เพื่อนบอกว่าเด็กโรงเรียนอื่นตอนนี้
ต้องทำการบ้านวันละ 5-20 หน้า

ถ้าเป็นเด็กที่ต้องการสอบเข้าโรงเรียนประถมชั้นนำ
ต้องทำการบ้านวันละเป็นปึก !

(เป็นปึกนี่มันคงเกิน 30 แผ่นนะครับ)

เมื่อเลิกเรียน
เด็กบางคนต้องนั่งทำแบบฝึกหัด การบ้าน และข้อสอบเก่า
ตั้งแต่ช่วง 5 โมงเย็นจนถึงสามทุ่ม....

ครูอาจจะคิดว่าการให้การบ้านเด็ก
เป็นการทบทวนความรู้ที่ได้เรียนมาในแต่ละวัน
การบ้านทำให้เด็กได้ทวนซ้ำความรู้ในแต่ละวิชา

ปัญหา คือ เมื่อเด็กเรียนแยกรายวิชา
แล้วครูสั่งการบ้านพร้อมกันทุกวิชา
ถึงจะมีการบ้านแค่วิชาละ 2 แผ่น แต่ถ้า 5 วิชา
การบ้านต่อวันก็ 10 แผ่นต่อวันเข้าไปแล้ว

ผมยังคิดถึง "ความสุขในการเรียนรู้" อยู่เสมอนะครับ

แล้วการเรียนรู้ในความหมายของผม
มันไม่เคยเริ่มต้นและจบในห้องเรียน

ความรู้ไม่เคยสิ้นสุดแค่ตำราและการทำการบ้าน

เวลาในชีวิตของเด็ก
น่าจะต้องสงวนไว้เพื่อ "ความสุขในการเล่น"
และ "ความสุขในการเรียนรู้"
ผ่านกระบวนการต่างๆนอกห้องเรียนและนอกตำราบ้าง

เราชอบวัดว่าเด็กเก่งไม่เก่งจาก "คะแนน" และ "การสอบ"
สิ่งนี้ทำลายเด็กของเราอย่างช้าช้าแต่ยั่งยืน

วิธีคิดของผมคงไม่ถูกใจพ่อแม่ส่วนใหญ่
ที่มุ่งหวังว่าลูกจะเรียนเก่ง เรียนรู้ได้เร็ว

แต่ผมอยากฝากข้อคิดให้คุณได้ฉุกคิดด้วยว่า

คุณเคยมองดูหน้าลูกของตัวเองบ้างหรือเปล่า ?
เคยถามเขาบ้างไหม
ว่าลูกๆของคุณมีความสุขกับวิธีเรียนรู้แบบนี้หรือเปล่า ?

ถ้าลูกไม่เก่ง ไม่ฉลาดล้ำเลิศ
ความรักที่มีต่อลูกจะลดน้อยลงไปด้วยใช่ไหม ?

คิดให้เยอะๆ แล้วถามตัวเองให้มากๆ
ว่าที่ผ่านมา...คุณเคยเรียนอย่างมีความสุขบ้างหรือไม่ ?
หรือแค่ถูกระบบการศึกษาบีบให้คิดและเรียนแบบที่เคยเป็นมา
แล้วก็เอาสิ่งที่คุณไม่ชอบ
มาส่งต่อให้กับลูกของคุณอย่างไม่มีทางเลือก

มันยากจริงๆครับ
ที่จะบอกคนอื่นว่าเราพยายามเลี้ยงลูกให้มีความสุข
โดยที่ไม่มุ่งหวังว่าเขาจะเก่งหรือไม่เก่ง

แต่ผมอยากให้ลูกมีความสุขและสนุกกับการเรียนรู้
เพื่อที่เขาจะได้รู้ว่า คนเราสามารถเรียนรู้ได้ทุกหนทุกแห่ง
เรียนรู้ได้จากของเล่น คลิป ยูทูป ในป่า ในสวน
ในฟองลูกโป่ง ในสนามหญ้า กระบะทราย หรือแม้แต่นิทาน ฯลฯ

ไม่ใช่ "ความรู้แห้งๆ"
ที่ถูกวางรอไว้ในตำราและคะแนนสอบเพียงเท่านั้น






















Create Date : 26 กรกฎาคม 2556
Last Update : 26 มกราคม 2557 8:02:24 น. 53 comments
Counter : 1251 Pageviews.  

 
การศึกษาไม่น่าเบื่อ
เพราะเหลือเชื่อสิ่งไม่รู้ดูมากหลาย
ศึกษาจากวันนี้จนวันตาย
มีมากมายท้าทายอยู่รู้ในตน


โดย: ธูปหอม IP: 110.77.210.143 วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:6:14:18 น.  

 
บางทีเราหลีกเลี่ยงระบบแบบนี้ไม่ได้ค่ะ พี่ไม่ชอบเลย แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับ สิ่งที่มันเป็น ตั้งแต่สมัยพี่เรียน จนถึงเดี๋ยวนี้ เหมือนเด็กจะเรียนหนักขึ้น มากขึ้น กว่าสมัยก่อน การบ้านเยอะ มีงานหลายอย่างในเด็กประถมที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นระดับเด็กประถม อาจจะวัดกันยาก พี่บอกลูกแค่ว่า ไม่ว่าเราจะทำอะไรควรจะดีขึ้นเรื่อยๆ และมีวินัย มีความรับผิดชอบ ได้งานอะไรมาก็ต้องทำ เพราะเรายังอยู่ในระบบ อาจจะไม่ได้เก่งกาจ แต่ทั้งหมดเค้าต้องมั่นใจ มีเด็กเก่งหลายคน ที่มีปัญหาในการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน และคงยาวไปจนถึงตอนทำงานหรือเปล่าไม่รู้ พี่เองก็ไม่อยากให้ลูกเป็นแบบนั้น อาจจะเป็นแบบนี้มังที่เค้าพูดกัน ขอให้ลูกอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ทุกๆ ช่วงวัย ไม่ว่าอยู่บ้าน หรือโรงเีรียน นอกบ้าน ก็คือสังคม สังคมหนึ่งเนาะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:6:17:47 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ ยามเช้าคะ คุณก๋า
... อย่าลืมทานอาหารเช้ากันนะคะ
- Have a nice day - คะ. ヽ( ´ー`)ノ




ชื่อเรื่องน่าเศร้าเลยนะคะ
วันนี้บล๊อกเปี๋ยนไป๋อีกเนอะ


โดย: ลงสะพาน...เลี้ยวขวา วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:6:27:01 น.  

 
สวัสดียามเช้าวันสุขค่าพี่ก๋า


การบ้านเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมากสำหรับเด็ก
ยิ่งเด็กเล็กแล้วยิ่งแบบอารมณ์ประมาณอยากเล่นมากกว่าที่จะมารับผิดชอบ
อันนี้เห็นได้ชัดจากหลานตัวเอง
หากเทียบกับสมัยพริ้วไหวเรียนนะ
การบ้านต้องทำเองคนเดียว
แต่หลานพริ้วไหวจิ ทำการบ้านทีต้องให้พ่อสอนตลอด 55
ครูไม่ค่อยสอน ปล่อยนักเรียนเล่นซะส่วนมาก
ยิ่งบ้านนอกเน๊อะ ครูจะมัวไปนั่งร้านค้าข้างๆ รร.
คิดๆแล้วก็ได้แต่ เฮ้อออออ
เคยคิดจะส่งเรื่องร้องเรียนอยู่นะ
แต่ก็คิดอีกทีก็....นะ หากเราไม่พอใจ
ก็เอาหลานย้าย รร.จะดีกว่าไหม ประมาณนั้น


โดย: พริ้วไหวไปตามลม วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:6:35:13 น.  

 
สวัสดีครับคุณแม่


เป็นโจทย์ที่ยากสำหรับผมนะครับ
ว่าทำยังไงลูกถึงจะมีความสุขและสนุกในการเรียนรู้
ผมเคยใช้วิธีดุและบังคับให้หมิงหมิงมานั่งเขียน
ปรากฏว่าไม่ได้ผลครับ
เครียดกันหมดทั้งพ่อทั้งแม่ทั้งลูก

คราวนี้ลองใหม่
ให้เขาเขียนเมื่อพร้อม
รออีกแค่ปีเดียว ไม่บังคับเลย
ให้เล่นเต็มที่
คราวนี้พอหมิงหมิงพร้อม
เขาร้องจะเขียนเองเลย
ตอนนี้เขียนคำยากๆได้ โดยที่เราไม่ต้องบังคับ
แล้วเขาก็สนุกกับการเขียนด้วยครับ












โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:6:41:01 น.  

 

สวัสดีค่ะน้องก๋า

เด็กเมืองไทยเรียนกันหนักจริงๆค่ะ ที่จริงมหาวิทยาลัยมีมากมาย แต่ค่านิยมคนไทย (พี่เข้าใจอย่างนั้นนะคะ) ว่าต้องเข้ามหาวิทยาลัยดังๆ ถ้าเข้าโรงเรียนไม่มีชื่อเสียง (เริ่มตั้งแต่เด็กเล็กเลย) ก็จะรู้สีกว่าลูกสู้เพื่อนไม่ได้ การแข่งขันก็สูงมาก

เห็นใจเด็กเมืองไทยจริงๆค่ะ ติ๋วกันตั้งแต่เล็กๆเลย ไม่มีโอกาสสนุกแบบเด็กๆ

ที่เมกา เด็กเรียนสบายกว่า แต่เขาก็ติ๋วนิดหน่อยตอนเกรด 9-10-11 เพื่อสอบ SAT เวลาสมัครมหาวิทยาลัยจะได้เข้ามหาวิทยาลัย ตอนปลายปีก็ยุ่งๆหน่อยต้องไปฝีกงานหรือทำสาธารณะประโยนช์บ้าง เวลาสมัครเข้ามหาวิทยาลัยนอกจากดูคะแนนเรียน คะแนนสอบ แล้วเขายังดูว่าทำอะไรพิเศษบ้าง เช่นเป็นอาสาสมัคร ช่วยดูแลคนไข้ที่รพ.หรือ สถานคนชรา หรือไปช่วยทำกิจกรรมของโรงเรียน ของวัด หรือโบสถ์ เขาดูว่าไม่ใช่เรียนอย่างเดียว ต้องมีกิจกรรมอื่นด้วย เล่นกีฬาของโรงเรียนก็ได้ค่ะ แต่จริงๆก็ไม่หนักเท่าเมืองไทยค่ะ แต่ก็มีปิดเทอม ไม่ต้องไปติวอะไร ได้ไปเที่ยวกับครอบครัว บ้านเราเห็นปิดเทอมก็ต้องติวกัน


newyorknurse





โดย: newyorknurse วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:6:53:12 น.  

 

------------------------------------------
วันศุกร์แล้ว พรุ่งนี้ก็ได้พักผ่อนกัน TAKE CARE นะคะคุณก๋า


โดย: เกศสุริยง วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:6:54:28 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าครับคุณก๋า

เรื่องการบ้าน นี่มีผลกระทบกับหลายๆเรื่องๆ เพราะมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องแยะ ตั้งแต่ตำราเรียน การเรียนเสริมนอกห้อง การสอนพิเศษ การกวดวิชา
เกี่ยวโยงกันอิรุงตุงนัง ตังนิงนิง ติงนัง ไม่รักจริงไม่บอก555 เลยแก้กันไม่ได้ซักที

ยิ่งในมหาลัย การบ้านจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
เป็นอภิมหาการบ้าน เรียกชื่อหรูๆว่า โปรเจค
ทางสายสถาปัตย์นี่ นศ.เจอโปรเจคพร้อมกันสัก4-5 วิชา
นี่แทบไม่ได้หลับได้นอนกันแล้วละครับ
อ.เต๊ะ เคยเห็น บางที พ่อแม่ต้องมาช่วยลูกทำการบ้าน
ช่วยระบายสี ช่วยตัดโมเดล ดูแล้วสงสารแล้วก็น่าเห็นใจจริงๆครับ
โดยส่วนตัวแล้ว อ.เต๊ะ ไม่ค่อยชอบให้การบ้าน นศ.มากๆ
เพราะกรรมจะตามสนอง คือต้องตรวจแยะ 555
ไม่ใช่อย่างนั้น จริงๆคือ อ.เต๊ะ เน้นการทำงานในห้องเรียนมากกว่า
ให้ นศ. ได้ทำจริง ปฏิบัติจริง ทำเสร็จก็ตรวจกันเดี๋ยวนั้นเลย อ.เต๊ะว่าได้ผลกว่า การให้การบ้านไปทำที่บ้าน ซึ่งยากที่จะควบคุมและวัดผลนะครับ
แต่ทำๆไป อ. คนอื่น นินทาว่า อ.เต๊ะ ให้การบ้านน้อยไปซะอีก เป็นซะงั้น
ปล.อ.เต๊ะ เอาขนมปังกรอบติดมือไปกิน 2อัน นะครับ หิวข้าวครับ แหะๆ


โดย: multiple วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:7:09:58 น.  

 
สวัสดีค่ะก๋า

เรื่องการเรียน เรื่องระเบียบในโรงเรียน
พี่ว่าก็แล้วแต่มุมมองของแต่ล่ะคนนะคะ
ส่วนพี่ พี่ว่ากฎระเบียบคงต้องมีไว้บ้าง
ผ่อนปรนกันไปในแต่ละเรื่อง...
การเรียนก็เช่นกัน พี่เห็นหลานชายทำการบ้านที่นึง
นึกว่าเรียนกันทั้งเทอมที่เดียว...
ผิดกับตอนสาวน้อยเลยค่ะ รายนั้นมีความสุข ไม่มีบ่น
ไม่เคยมีการบ้านกลับมาทำที่บ้านด้วยซ้ำ
เพราะสาวน้อยทำเสร็จก่อนกลับบ้านทุกครั้ง

การเรียนการสอนต่างออกไปเยอะ เรียนพิเศษกันเยอะ
ไม่รู้ว่าที่เรียนๆไป เด็กเอาไปเก้บไว้ที่ไหนเน๊าะ
น่าสงสารเด็กเดี๊ยวนี้...

ตอนสาวน้อย ไม่ค่อยได้เรียนพิเศษมากนัก
เพราะสาวน้อยบอกพี่ว่า...
แม่จ๋า แค่สนใจในห้องเวลาที่อาจารย์สอนให้เต็มที่
แค่นั้นไม่จำเป็นต้องไปเรียนพิเศษเลย ช่วงเสาร์อาทิตย์
เพื่อนๆหนูเรียนพิเศษทุกอาทิตย์ สอบมายังได้คะแนนน้อยกว่าหนูอีก หนูบอกเพื่อนเพื่อนก็ไม่เชื่อ
และอีกอย่าง ที่เพื่อนต้องการเรียนพิเศษ เพราะหาเรื่องออกจากบ้านด้วย

ก๋า คิดดูเถอะ ว่าการเลี้ยงลูกคนนึง มันยากเย็ยแค่ไหน
ถ้าลูกเราไฝ่ดี มีระเบียบวินัย ตั้งแต่เล็กๆ เราเป็น พ่อ เป็นแม่ ก็สบายใจไปกว่าครึ่งแล้วค่ะ

ก๋า มาดาม หมิงหมิง มีความสุขมากๆนะคะ

ปล. พี่เชื่อว่า หมิงหมิง จะเป็นเด็กดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากๆค่ะ
เพราะต้นกล้าต้นนี้ถูกบ่มเพาะ มาด้วยสิ่งดีดีในทุกๆเวลา


โดย: tanjira วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:7:44:49 น.  

 
อ่านจบรีบโหวตให้เลยค่ะ เห็นด้วยอย่างยิ่ง อ่านแล้วแห้งแล้งหัวใจจริง ๆ ค่ะ
ตัวอย่างชัด ๆ คือหลานสาวตัวเล็กของพี่ค่ะ กลับจากโรงเรียนต้องนั่งทำการบ้านถึงสามทุ่ม ไม่มีเวลาพักผ่อน พี่เลยบอกให้แม่เขาไปพบคุณครุประจำชั้น เลยได้รู้มาว่ามีผู้ปกครองมาพบหลายรายแล้ว ก็ยังดีที่หลัง ๆ มีการปรับปรุงให้น้อยขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังเยอะอยู่ค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog


โดย: เนินน้ำ วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:7:52:30 น.  

 
ฮา ฮา ทำการบ้านเยอะๆนี่เหมือนทำงาน over time นะคะ
คือมันเครียดแล้วก็เบื่อ (ในผู้ใหญ่)

แต่ผู้ใหญ่ไม่ทำไม่ได้ แต่เด็กนั้นพอไหว เพราะฉะนั้นตอนเป็นเด็กก็สะสมความสุขและวินัยเอาไว้ก่อน พอมัธยมปลายก็เริ่มได้ใช้ไปเป็นทุนในการอดตาหลับขับตานอนอ่านหนังสือสอบแล้วค่ะ :-)




โดย: SevenDaffodils IP: 68.50.164.97 วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:8:03:52 น.  

 
คุณก๋าได้เรียนธรรมะจากธรรมชาติของหมิงหมิง เราศึกษาโดยอาศัยกันและกัน
เป็นวิธีท่ีพอใจถูกใจทั้งคู่ ดูทั้งใจเขาและใจเรา ดีค่ะชื่นชม ต่อไปก็คงมีบทยากขึ้นๆ
ให้ศึกษาอีกมากมาย พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอกว่า คนไม่ใช่ก้อนอิฐก้อนดิน
จะได้จับไปวางท่ีไหนต่อท่ีไหนตามใจเราค่ะ


โดย: ูธูปหอม IP: 110.77.210.143 วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:8:07:40 น.  

 
สมัยก่อนสถาบันติวน้อยมาก เดี่ยวนี้มากพอๆกับห้างสรรพสินค้าครับ
หากินกับเด็กตั้งแต่ก่อนประถม จนจบปริญญาเอก

สวัสดียามเช้าครับ คุณก๋า มาดาม น้องหมิงหมิง


โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:8:10:41 น.  

 
ทักทายสวัสดีครับคุณก๋า

การศึกษาของไทย ยังปรับเปลี่ยนไปมา ในหลายๆ รูปแบบ ดูว่ายังไม่ลงตัวเลยนะครับ


โดย: ถปรร วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:8:11:08 น.  

 
ดีค่ะก๋า...
การพูดคุยกับลูกในทุกๆเรื่อง ทำให้เราเข้าใจเค้าได้มากขึ้น
และเค้าสามารถไว้วางใจเราในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่
เราาสามารถให้คำปรึกษาได้ในทุกๆเรื่อง ลูกจะไม่มีวันไปหาคำตอบจากที่อื่น
นอกจากเรา พ่อแม่หรอกค่ะ ...

อย่างพี่กับสาวน้อย...
บางครั้งพี่บอกสาวน้อยว่า แม่ไม่ใช่เทวดานะลูก จะรู้ไปซะหมดทุกเรื่อง 555
เค้าบอกว่า หนูเห็นแม่ตอบได้ทุกเรื่องนี่น่า ว่าไปนั้น ^^
คือเค้าถามพี่ทุกเรื่องจริงๆค่ะก๋า เรื่องไม่รู้ เราก็ต้องไปหาคำตอบมาให้เค้าน่ะ
ทุกอย่างเป็นเพราะเราคุยกับเค้าทุกเรื่องจริงๆ แม้แต่เรื่องของเพื่อนๆ เรื่องของครู และคนรอบๆตัวเค้า
มันทำให้เรรู้ว่าลูกเราทำอะไร คิดอะไร ซึ่งน้อยคนนักที่จะทำแบบนี้ ในยุคนี้นะคะพี่ว่า....


โดย: tanjira วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:8:15:13 น.  

 
ผมเรียนรู้อะไรจากลูกมากมายจริงๆครับคุณแม่
โดยเฉพาะเรื่องของการเรียนรู้เมื่อพร้อม

บางครั้งเราคิดว่าลูกน่าจะทำได้แล้วสิ
ในเมื่อเพื่อนเค้าก็ทำได้
แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย
เด็กทุกคนมีความแตกต่าง
มีความสามารถในการรับรู้ที่ต่างกัน
มีจุดเด่นจุดด้อยที่ต่างกัน

การเรียนรู้ในปัจจุบัน
พยายามทำให้เด็กทุกคนเหมือนกัน
เก่งเท่ากัน

ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยครับ





โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:8:19:24 น.  

 
น้องก๋าน่าสงสารเด็กนะเห็นเด็กตัวเล็กก็ต้องสพายเป้อัน

เบ้อเริ่มหนักอึ้งไปโรงเรียน ไม่ใช่แต่การบ้านเยอะนะ

เสาร์อาทิตย์ก็ต้องไปเรียนกวดวิชา แข่งขันกันตั้งแต่เด็กๆก็

มีความเครียดสูงโตขึ้นมาทำอะไรไม่เป็นเรียนเก่งอย่าง

เดียว ถ้าพ่อแม่ที่ไม่มีเงินให้ลูกไปเรียนพิเศษทำไงล่ะ บาง

คนอาจต้องกู้หนี้มา เดี๋ยวนี้เด็กที่ยากจนไม่มีเงินรัฐบาลให้

กู้เรียนจบมาก็เป็นหนี้รัฐ การให้กู้เงินนี่ทำมานานแล้วตั้งแต่

รัฐบาลชวนแล้ว หมิงหมิงวันนี้สนุกมากเป็นนินจาท่าให้มาก

ฮ่าๆๆ


โดย: พรไม้หอม วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:8:21:44 น.  

 
ภาพถ่ายชุดการแสดงที่ได้ชมกันใน blog ผมเองเตรียมความพร้อมไปไม่ค่อยดีเท่าไร ขลุกขลักหลายๆ เรื่องเลย และแถมเป็นการกลับมาถ่ายภาพการแสดงอย่างจริงจังหลังจากหยุดพักการถ่ายภาพ จับกล้อง dslr ไปร่วม 4-5 เดือนทีเดียว
...ชมภาพที่ถ่ายจากชุดนี้แล้ว ดูว่ายังต้องกลับไปปรับปรุงแก้ไขกันอีกหลายๆ เรื่องอยู่ครับ รวมถึงเรื่องการวัดแสงชุดนี้ด้วย ที่จะปรับเปลี่ยนไปมากับการแสดงแต่ละชุด จนบางชุดการแสดงที่สวยๆ แล้วปรับตั้งค่าได้ไม่ดี เลยดูว่าจะได้ภาพสวยๆ อย่างที่ตั้งใจน้อยๆ ลงไปด้วยครับ


โดย: ถปรร วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:8:27:09 น.  

 
ถูกต้องที่สุดค่ะ
ขนาดลูกชายยังว่าเลยค่ะ


โดย: maistyle วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:8:27:31 น.  

 
การบ้านเป็นปึกที่ทำแล้วมีความสุขมีอยู่แค่วิชาเีดียวค่ะ
วิชาภาษาไทย
นอกนั้นจะแบบกล้ำกลืนฝืนทำ แล้วถ้ายิ่งเป็นโครงงานวิทยาศาสตร์/คณิต อะไรแบบนี้นะ

คิดถึงการบ้านแล้วสยอง


โดย: เหมือนพระจันทร์ วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:8:49:31 น.  

 
like!


โดย: biocellulose วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:8:52:58 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องก๋าวันนี้ว่างเข้าเด็กๆไปทำกิจกรรมกันพี่กิ่งไม่ได้ไปด้วยเหมือนทุกปีก็พอมีเวลาบ้าง
เข้ามาอ่านเรื่องราวของหนุ่มน้อยหมิงหมิงน่ารักมากค่ะ พี่กิ่งเห็นด้วยกับน้องก๋านะคะเร่องการบ้านพี่กิ่งก็ไม่เคยสั่งการเยอะสักทีส่วนมากจะให้ทำในเวลามากกว่าค่ะ เพราะให้การบ้านไปเด็กโตเนี่ยไม่ค่อยทำรอลอกการบ้านเพื่อนอย่างเดียวแต่ถ้าเราให้ในเวลาเค้าอยู่ในสายตาเราก็จะทำเองได้ความรู้มากกว่าค่ะ และยิ่งเป็นเด็กเล็กอนุบาลเนี่ยควรให้เวลาเด็กๆได้เล่นได้ออกกำลังบ้างดีกว่าที่จะมานั่งจับเจ่าทำการบ้าน ผลที่ตามมาอาจจะทำให้เด็กไม่อยากเรียนและไม่รักเรียนได้ค่ะ พี่กิ่งไลท์ให้นะคะ

น้องหมิงหน้าตาสดใสเพราะไม่เครียดนี่เอง

มีความสุขวันศุกร์ค่ะ




More Morning Break Comments




โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:9:01:49 น.  

 
เห็นด้วยกับคุณก๋าอย่างที่สุดค่ะ
ประเทศไทยควรจะยกเลิกระบบเก่าๆเกี่ยวกับการเรียนทั้งหมดได้แล้ว
เรื่องนี้ยิ่งพูดยิ่งโมโหค่ะ บอกตรงๆ
เด็กชั้นประถมแถวบ้านเรา ต้องวแบกระเป๋าที่ใส่หนังสือเรียนเกินตัว
ในนั้นแน่นไปด้วยหนังสือเรียน แบกหลังแทบหัก
แล้วตอนเย็นกว่าจะกลับถึงบ้าน ปาเกือบห้าโมงเย็น
คือต้องทำการบ้านที่รร.กับเพื่อนๆ อันนี้ผู้ปกครองไปเห็นมา
การที่ให้การบ้านเยอะ เพื่อนอะไร ????
การบ้านเยอะ ทำให้เด็กเรียนเก่งขึ้นหรือ
ทำให้เด็กตั้งใจเรียนขึ้นหรือ .. ก็เปล่าทั้งสิ้น
พ่อแม่นั่นแหละตัวดี ยัดเยียดความคิดเก่าๆให้ลูก
หันไปมองดูนักเรียนต่างประเทศบ้าง เค้าเป็นยังงัยกัน
เราเกลียดความคิดความเชื่อเกี่ยวกับการเรียนแบบเดิมๆมากค่ะ
เพราะงั้นถึงไม่แปลกใจที่ เด็กบ้านเราไม่ไปไหน
การศึกษาในบ้านเราก็ไม่ไปไหน ย่ำอยู่กับที่อยู่นั่น

ขออีกนิดนะคะ แล้วเรื่องเปิดเทอมช่วงหน้าฝน คิดได้ยังงัยเนี่ย
เราเห็นเด็กนักเรียนเดินตากฝนผ่านหน้าบ้านเราทุกวัน
ยังนึกขัดใจว่ากระทรวงฉลาดหรือโง่ เอาส่วนไหนคิด ที่เปิดเทอมช่วงหน้าฝน
พูดแล้วเครียดค่ะ แหะๆ

มาซะยาวเลยวันนี้ อิอิ



โดย: mambymam วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:9:09:03 น.  

 
เห็นสมควรให้หมิงๆ แต่งชุดในภาพไปโรงเรียนได้


โดย: แม่อ้วนคนสวย วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:9:12:06 น.  

 
เรื่องการปรับแสดงในการถ่ายภาพการแสดง
ที่จริงผมก็แพ้ทางกับแสงของการแสดงที่มาแสดงกลางแจ้งและในตอนกลางวันอยู่ล่ะครับ ยังคิดว่าการปรับตั้งค่ากล้องในการถ่ายภาพแบบนี้ ยังคงต้องหาโอกาสฝึกๆ กันต่อไปครับ


โดย: ถปรร วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:9:29:18 น.  

 
ชอบรูปของน้องหมิงแบบนี้จัง ทำให้รู้ว่าเด็กเขามีจินตนาการ และความสุขแบบของเขา


โดย: au_jean วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:10:01:22 น.  

 
การเรียนรู้ในปัจจุบัน
พยายามทำให้เด็กทุกคนเหมือนกัน
เก่งเท่ากัน

ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยครับ

ใช่เลยคร้าาา พี่ก๋า
มีความสุขมากมากนะคะ


โดย: white in the dark วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:10:17:48 น.  

 
สุดยอดค่ะพี่ก๋า
อยากให้มีผู้ใหญ่ที่คิดแบบพี่ก๋าเต็มบ้านเต็มเมืองจังเลย
สังคมเราคงก้าวหน้าและดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขออนุญาตแชร์ไปหน้าเพจนะคะ


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:10:37:57 น.  

 
ถูกใจมากมายกับข้อความนี้

เพราะขนาดน้องริว อายุแค่ 4 ขวบกว่าๆ
ชั้นอนุบาล 2 เอง
มีการบ้านทุกวันศุกร์เลย

และการบ้านอะไรก็ไม่รู้ แปะกระดาษ
วาดภาพระบายสี

ที่สำคัญคนที่ทำน่ะ
ไม่ใช่เด็กแน่นอน
ผู้ปกครองทำให้หมดแหล่ะเชื่อได้เลย

แค่ 4 ขวบ ไม่มีทางทำการบ้าน
ให้สมบูรณ์ตามที่ครูบอกมาหรอก

เมื่อใดระบบการศึกษาไทยจะพัฒนา
ให้รู้จักการเรียนรู้นอกตำรา
มากกว่าในตำรา น๊อ...


โดย: sunny-low วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:10:47:52 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณก๋า


เด็กอนุบาล เรียนพิเศษ ติวเข้า รร.ดัง

น่าสงสารค่ะ





โดย: ตาลเหลือง วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:10:48:44 น.  

 
หวัดดีเจ้าอ้ายก๋า

เรื่องทรงผมนี้ รุ่นน้องรินยังไว้ติ่งหูได้ยังบ่าเดือดร้อน
บ่าเป็นปัญหาในการเรียนเลยนิ ทรงหัวเกรียน และเห็นติ่งหูมาแต่ไหนแต่ไหร
รุ่นพ่อรุ่นแม่แล้ว ก็ไม่เห็นใครว่าหยัง ไม่ได้ส่งผลต่อการเีรียนเลย
เลยลำบาก เดินมาเรียนไปกลับ 4 โลยังเดินมาแล้ว
ยิ่งเดินทางลำบากนั้น ยิ่งทำหื้ออยากเรียนเจ้า อิอิ



การบ้านบ่าหู้หนามานักไปก่อ แต่ก็เลิกเรียนทำให้มีเวลาเล่นก่อนเจ้า เลิกเรียนก็ไปเล่นกับเพื่อนๆ
มีความสุขกับธรรมชาติ ของการเรียนรู้
บ่าใช้เลิกเรียนแล้วมานั่งเครียดกับการบ้านแหม
แบบนี้ความสุขของโลกการเรียนรู้อยู่ไหน


สังคมมันเปลี่ยนไป เพราะตัวคนหรือเพราะตามสังคมนนักไปล่ะนั่น

บอกตรงๆยิ่งเ็ห็นสังคมในเมืองที่น้องรินอยู่นี่หนา
วันหยุด ยังเห็นเด็กแต่งตัวไปติวไปเรียนพิเศษแหม ผ่อแล้วเหนื่อยใจเจ้า
เมื่อยแทน แทนที่จะได้พักผ่อนได้เล่นได้นอน
แต่ต้องไปเรียน เลิกเรียนก็มาเรียนพิเศษแหม
หยังล้ำเหลือ
เวลาเรียนรู้นอกชีวิตนอกตำราบ่ามีเลยกะ
ผ่อแล้ว เครียดแทนเจ้า

ลูกคนนั้นเก่ง เราก็อยากหื้อลูกเก่งตามเลยต้องส่งไปเรียนพิเศษเพิ่มหรือเปล่า
เคยถามลูกว่าลูกต้องการหรือเปล่า

หากเป็นบ้านนอกหนา
วันหยุดบ่ามีได้เรียนแน่นอน ปู้นกะ พากันไปเล่นกับหมู่ในหมู่บ้านโน่น 555



โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:11:24:18 น.  

 
~ อ่านแล้วนึกขำๆแบบขำไม่ออก ตอนเด็กพ่อเค้าสอนเลขให้ เค้าเข้าใจของเค้าคนเดียว เค้าอธิบายอะไรไม่รู้จับต้นชนปลายไม่ถูก อ้อรึก็ไม่ชอบเลยเลข ผลสุดท้ายพอไม่เข้าใจ พ่อฟาดด้วยไม้สน เลือดออกก้นซิบๆๆๆ นี่คือผลพวงของความคิดพ่อว่า ตองเก่งเลข โอ้วววววววววววววววววววววววว ~


โดย: ~ ริมน้ำ_voUฟ้า ~ (rimnam_kobfa ) วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:11:44:46 น.  

 
แหะๆสวัสดีครับน้องก่า ^^

เมื่อวานตกรถมาไม่ทันบ้านนี้ครับ

มาอ่านแล้วดีมากๆครับ ถึงเขาจะสอบแย่ลง แต่ความรักของเราก็ไม่น้อยลงเลยนะครับ กลับจะสงสารเห็นใจลูกมากขึ้น

ตอนนี้ลูกอยู่ ม.1 แล้ว คะแนนก็แย่ลงกว่าประถม เพราะว่าเป็นห้องกิฟ รร.ประจำจังหวัด เขาก็ยังมีความสุขกับการเรียน การเล่นอยู่ไม่เครียด สอบก็ยังเฉยๆอยู่ ก็รู้สึกว่าดีแล้ว ไม่อยากให้ลูกเครียดเหมือนตัวเองที่เคยเป็นเลยครับ

เดี๋ยวขอแชร์ไปให้เพื่อนที่เฟสอ่านด้วยนะครับ ^^







โดย: วนารักษ์ วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:12:00:06 น.  

 
ทุกวันนี้ลูกชายอยู่ม.2เขาขอไม่เรียนพิเศษค่ะ
ให้เหตุผลว่าเสียเวลาเสียตังค์เปล่าเพราะเขาสอนแบบเรียบๆ
และซ้ำๆ
พอดีแกมีเพื่อนรักที่อยู่ในทอป1แกให้เพื่อนเทรนให้ค่ะ
พอดีแกถามว่าแม่ม.4ให้ลูกเรียนที่ไหน
ไหมก็บอกเเล้วแต่ความสามารถของตัวเอง
หากอยากเรียนที่เดิมก็ต้องพยายามให้มากขึ้น*-*
คือไม่อยากให้แกเครียดจนเกินไปแต่ก็แอบกระตุ้นต่อมเอาค่ะ
ตอนนี้ก้ได้เกี่ยวนิ้วไว้ด้านหลังลุ้นให้เขาได้สิ่งที่ดีที่สุด


โดย: maistyle วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:12:11:49 น.  

 
ทักทายกันวันศุกร์จ้าก๋า


มีดดาบหมิงๆยาวมากเลยนะ


โดย: ดาวริมทะเล วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:12:23:40 น.  

 
สำหรับน้องซี ชอบทำกิจกรรมมากค่ะ


โดย: มี๊เก๋&ซีทะเล (kae+aoe ) วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:14:38:55 น.  

 
เป็นคุณพ่อที่น่ารักมากๆค่ะ


โดย: nongfont วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:15:07:16 น.  

 
ทุกวันนี้คุณครูและพ่อแม่บางคนยังยัดเยียดการศึกษาที่แห้งแล้งและน่าเบื่อผ่านการบ้านให้อยู่เลยครับ
เด็กไทยจึงดูไม่ค่อยมีความสุขกันสักเท่าไร? แถมยังมีเรื่องเรียนพิเศษมาตอกย้ำความอยากให้ลูกเก่ง ลูกเรียนดีของพ่อแม่สมัยนี้ขึ้นมาอีก
อยากรู้จังว่าเด็กๆจะหาความสุขจากการเรียนรู้จากที่ไหน?


โดย: ปีศาจความฝัน วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:16:38:08 น.  

 



พี่ป๋องมา ถูกใจ คนที่ 6 ค่ะ...

ไม่มีลูก แต่ รู้สึก เห็นใจ เด็กสมัยนี้เป็นอย่างยิ่งค่ะ...











โดย: foreverlovemom วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:16:58:58 น.  

 
หวัดดีค่ะ คุณ ก๋า..
นั่นสิ พี่ก็คิดเหมือนกัน ..นับวันการศึกษา บ้านเรา ตกลง จะไปข้างหน้าหรือถอยหลัง
เด็กสมัยนี้ เหมือนเรียนมาก เรียนเร็วขึ้น แต่ วัดคะแนน มาตฐานออกมา เกณต่ำ มาก ..ทั้งที่มันเรียน พิเศษ กันน่าดู ..
ทุกวันนี้ พี่รำคาร ไอ้ คำว่า เอะอะอะไร ก็เข้าสู่ อาเซี่ยน จริงๆ ควร ทำให้เป็นมาตรฐาน ไปเลย
ไม่ใช่ เพิ่งพากัน มา รณรงกัน .ใครมาเยี่ยม เราก็ไม่น้อยหน้าการศึกษา ไทย..
เอ่อ ไม่อยากวิจารณ์ มันจะยาว คือ ขัดๆ หลายเรื่อง.
อิอิ..


โดย: tifun วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:18:58:10 น.  

 
สวัสดีครับพี่ก๋า
ขอขอบคุณสำหรับ งานเขียนพู่กัน ชุดรู้จักตัว รู้จักตน มากๆเลยครับ
ผมปลื้มใจกับมิตรภาพที่พี่มอบให้จริงๆ ภาพชุดนี้ผมคงจะติดไว้คอยเตือนตัว เตือนตน เวลาเผลอทำอะไรไม่ดีจะได้มีสิ่งเตือนสติครับ : )

พี่ก๋าเขียนวิพากษ์การศึกษาได้ดีจริงๆ ผมเห็นด้วยมากครับ การศึกษาในรูปแบบปัจจุบันช่างแห้งแล้งอย่างที่ว่าจริงๆ ไม่มีอะไรใหม่ ไม่กระตุ้นให้เด็กสร้างสรรค์อะไรใหม่ เป็นไปตามแนวความคิดเดิมๆ ความเชื่อเดิมๆของคนรุ่นก่อน ซึ่งหลายๆความเชื่อก็เป็นความเชื่อที่ผิดและไม่ได้ปรับปรุงให้เข้ากับยุคสมัย

ขอโหวตให้ครับ


โดย: หมอหว่อง (หมอหว่อง ) วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:19:13:42 น.  

 
การเรียนการสอนสมัยปุ๊กับสมัยนี้ รู้สึกมันต่างกันมากเลยคะ


โดย: blog pu วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:19:16:00 น.  

 
คุณก๋าพูดถูกค่ะ เก่งและมีความสุขด้วย
แต่มันจะมีโอกาสนั้นไหม
นั่นเป็นสิ่งที่ครูและผู้ปกครองต้องตระหนักนะคะ





โดย: mambymam วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:20:20:32 น.  

 

Like ให้เป็นคนที่ 7
พี่อุ้มล่ะอยากให้ครูให้การบ้านน้อยลงจัง
เจ้าน้องอุ้มไม่เคยกลับบ้านก่อน 17.00 น. เลย
หนังสือก็หอบไปเยอะ
จนปวดขาปวดแขนกลับบ้านทุกวัน
จะใช้กระเป่าลากแบบแอร์โฮสเตท
ฝนก็ตกทุกวัน
แถม ป.6 ต้องไปเข้าค่ายลูกสืออีก 3 วันอีก



โดย: อุ้มสี วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:21:23:32 น.  

 
รีบมาตอบครับ เดี๋ยวจะหมดวันซะก่อน
คุณก๋าส่งเทียบเชิญถึงที่อย่างนี้ ผมจัดเต็มให้เลยก็ได้ ^^

.....

"ปัญหาการศึกษาที่แห้งแล้งและน่าเบื่อ"
"ปัญหาเด็กไม่สนใจในวิชาเรียน"

.
.
ผมว่าปัญหานี้แก้ได้เองที่ "ตัวผู้สอน"โดยตรง
โดยไม่ต้องรอให้ใครมาเปลี่ยนระบบหรอกนะครับ
ถ้าบุคลากรด้านการศึกษามีความคิดสร้างสรรค์สักหน่อย
ก็น่าจะหาอะไรที่ทำให้เด็กสนใจได้

ยกตัวอย่าง ตอนผมอยู่ ป.5-ป.6 มีครูอยู่สอนวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง
ด้วยความที่เขาเป็นมีความคิดสร้างสรรค์ชอบทำโน่นทำนี่
ก็เลยมักประดิษฐ์อะไรโน่นนี่มาทำเป็นสื่อการเรียนการสอนเองบ่อย ๆ
บรรยากาศการเรยนวิชานี้จึงเป็นอะไรที่เด็ก ๆ ชอบมากครับ

แต่ก็ใช่ว่าเทคนิคการสอนเมื่อวันนั้นจะได้ผลตลอดกาล
ถ้า(อดีต)นักการศึกษาคนไหนบอกว่าให้สอยอย่างนี้อย่างนั้นนะ!
ฉันทำอย่างนี้อย่างนั้นแล้วประสบความสำเร็จ (เมื่อ 30-40 ปีก่อน) มาแล้ว
ผมว่าตกยุคมาก ๆ เด็กสมัยช่างสงสัย ไม่เหมือน 30-40 ปีก่อนหรอก

จุดประสงค์การเรียนรู้รายวิชา ผมหมายถึงถ้าเรียนจบได้ความรู้อะไรบ้าง
ผมว่าก็โอเคนะครับ เพราะทุกที่ก็ต้องตั้งเป้าหมายอยู่แล้ว
แต่เดินไปเป้าหมายนี่สิ...ถ้าวิธีการสอนมันคร่ำครึก็ควรนะหาวิธีใหม่ซะ
ให้คนมีความคิดสร้างสรรค์เข้าใจเด็กยุคปัจจุบันได้คิดบ้างก็ได้

พวกการเรียนพิเศษผมก็ไม่ได้สนับสนุนนะครับ
แต่คนในวงการศึกษาระบบโรงเรียนไม่ควรตั้งแง่อย่างเดียว
เพราะติวเตอร์หลาย ๆ คนมีความสามารถสื่อสารสูงจริง ๆ
เพราะเขามี "ความคิดสร้างสรรค์" หากลวิธีใหม่ ๆ ในการสอนไงครับ
อืม~ ติวเตอร์ทำได้...คุณครูในระบบโรงเรียนก็น่าจะทำได้นะ ^^

.....

ยุคนี้เป็นยุคของเด็กช่างสงสัยครับ รุ่นเรา ๆ ที่ถูกสอนแบบ "ต้องเชื่อ" นี่ตกยุคแล้ว
คุณก๋าลองบอกหมิงหมิงสิครับ ว่าตอนพ่อเด็ก ๆ ตำราเขาบอกว่า...
"คนไทยมาจากเทือกเขาอัลไต!!!" (ตอนเด็กผมไม่หือไม่อือเลยนะ ^^")
เชื่อเลยว่า...คุณก๋าต้องโดนหมิงหมิงซักไซ้ไล่เรียงยาววววว แน่นอนครับ 55


ป.ล. ทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ^^


โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:21:51:06 น.  

 
ดีจังเลยนะครับ เรียนแบบน้องก๋าไม่ต้องเครียดจริงๆด้วย

แต่เห็นเด็กผู้ช่วยที่ร้านเรียน ปวส.ก็ทะเลาะเรื่องโปรเจคกับอ.เหมือนกันครับ แหะๆ ^^

ปิดเม๊นท์แล้วนะครับผม


โดย: วนารักษ์ วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:22:14:22 น.  

 
ช่ายยยยยลูกชายบอกว่า
เพื่อนเขาคนหนึ่งไม่เคยมีเวลาให้ความสุขกับตัวเองเลย
เช่นไปดูหนังหรือไปกินไอติม
เพราะแม่ไม่เคยปล่อยให้ไปคนเดียวเเละเรียนอย่างเดียว
แย่เนาะอึดอัดแทนเด็กๆค่ะ


โดย: maistyle วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:22:21:35 น.  

 
ถูกใจมากๆ ค่ะพี่ก๋า แอบสงสัยว่า...การศึกษาสมัยนี้ร้องปาวๆ ว่าปฏิรูปใหม่แล้วนั่นโน่นนี่ แต่...ทำไมเด็กคิดเองไม่เป็นมากกว่าเดิม แยกแยะถูกผิด ควรทำไม่ควรทำไม่ได้มากกว่าเก่า แก้ไขปัญหาชีวิตด้วยวิธีที่มันเพิ่มปัญหาให้มากกว่าเดิม เรากำลังสร้างเด็กให้เป็นตำราเรียนที่เดินได้อยู่หล่ะมั้งคะ

การบ้านหลานไผ่ก็เยอะเป็นบึกเหมือนกันเลยค่ะ ปกติสมัยพี่หรือสมัยไผ่เรียนกลับบ้านก็ 3-4 โมงเย็นเน๊อะ แต่เดี๋ยวนี้...เลิกแล้วต้องลากกระเป๋าเข้าห้องเรียนพิเศษต่ออีก 5-6 โมงเย็นถึงจะได้กลับบ้าน

แค่วิ่งเล่นหรือเรียนพละสักคาบสองคาบ สำหรับเด็กก็คงเหนื่อยสลบแล้ว พอโดนลากยาวถึงเย็นอีก สมองเด็ก สมาธิเด็กคงกระเจิดกระเจิงจนเกินรับได้แล้วหล่ะ ยิ่งพูดยิ่งยาวนะคะ แหะๆ เดี๋ยวบ่นไม่เลิก ไปดีกว่า

นอนหลับฝันดีนะคะ


โดย: คมไผ่ วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:22:26:22 น.  

 
มีบางส่วนเห็นด้วย บางส่วนเห็นต่าง

เรื่องทรงผม ผมมองว่ายังดีที่ได้เริ่มดำเนินการ จริงอยู่มันไม่ใช่นโยบายที่เร่งด่วน แต่ถ้าถามว่าควรทำหรือไม่ ผมมองว่าควรทำ เลิกได้แล้วกับทรงผมหัวเกรียน อยากจะบอกว่าประเทศจีนที่เป็นคอมมิวนิสต์ เด็กมันยังหัวไม่เกรียนขสวสามด้านขนาดนี้เลย ผมอาจมีข้อมูลน้อยเคยสัมผัสแค่เมืองเดียวคือที่คุนหมิง ที่อื่นไม่อาจทราบได้ว่าเป็นอย่างไร แต่ถึงอย่างนั้นที่ไทยก็ยังมีกรณี ครูบ้าอำนาจที่ไม่ยอมให้นักเรียนไว้ผมยาวได้

ครูใช้กรรไกรตัดผมเด็กจนเด็กหูเลือดไหลเป็นข่าว ครูทำร้ายร่างกายชัดๆ ถึงจะมีคนบอกเด็กผิดที่ไว้ผมยาว แต่ปัจจุบันกฏที่ล้าสมัยนี้ได้ยกเลิกไปแล้ว ครูยังอ้างเหตุผลบ้าๆ ว่าไม่ได้รับหนังสือทั้งที่ตัวเองมีโทรศัพท์สมาทโฟนไว้ตามข่าวได้ โทรทัศน์ก็มี ไม่ใช้ไกลปืนเที่ยงซะหน่อย แปลกดีครับประเทศนี้ ที่น่าสนใจอีกอย่างปัตตาเลี่ยนที่ครูใช้ไถหัวเด็ก ครูเอาเงินที่ไหนซื้อ ถ้าตอบว่า "ซื้อเอง" ต้องบอกเลยว่าไร้สาระลงทุนกับสิ่งไม่ได้เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการศึกษา เอาเวลาไปพัฒนาศักยภาพในการสอนดีกว่ามั้ย แทนที่จะมัวแต่เอาเวลามานั่งไล่ตัดผมเด็ก ถ้าตอบว่า "งบหลวง" ยิ่งแย่ เอางบไปใช้กับเรื่องไร้สาระแทนที่จะใส่ใจการเรียนการสอบ กลับใส่ใจเรื่องผมเด็ก


เรื่องลดการบ้าน ในประเด็นนี้ ผมเคยพูดไว้ว่า ผมไม่คิดมากเท่าไหร่ครับ เรื่องการบ้าน สำคัญที่ว่า "ครูจะต้องตรวจการบ้านที่ตนเองให้เด็กทุกคนด้วยตัวเอง" ถ้าครูไม่ตรวจด้วยตัวเอง ผมมองว่าการบ้านที่ให้มันก็ไม่ต่างกับการผลิตขยะให้โลกร้อน

ทำไมเด็กอยากเรียนพิเศษมากกว่าที่โรงเรียน เรื่องนี้น่าคิดครับ

ผมได้อ่านประเด็นที่คุณทุเรียนฯ ได้พูดไว้ ทำให้คิดได้ในเรื่องที่เคยพูดไว้นานแล้วคือเรื่องจำนวนนักเรียนในห้อง ซึ่งเท่าที่ติดตามข่าวการศึกษาก็มีครูออกมาบ่นไม่น้อยเหมือนกันว่า จำนวนนักเรียนในห้องเยอะเกิน อยากให้ทำแบบญี่ปุ่นชะมัด ห้องละไม่เกิน 30 คน แล้วก็ให้แยกโต๊ะด้วย (ไม่ควรให้นั่งติดกัน)


ประเทศเรามีเทคโนโลยี เข้าถึงเทคโนโลยี แต่กลับใช้เทคโนโลยีไม่เป็น น่าเป็นห่วงจริงๆ


การศึกษาไทยจะเปลี่ยนได้ยาก ถ้ายังมองแต่กระดาษ ซึ่งส่วนมากคนสังคมนี้เป็นแบบนั้นซะด้วย

เรื่องการศึกษาผมชอบนะ หาคนเขียนยาก โหวตให้ครับ
+


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:22:43:00 น.  

 
พี่ก๋าดันจุดประเด็นใหม่ขึ้นมาซะแล้ว ถูกต้องเลย ครูชอบแต่เด็กเก่งๆ ส่วนเด็กไม่เก่งครูแทบไม่สนเลย

ครูที่สอนเด็กไม่เก่งจนมีความรู้พอใช้ได้ขึ้นมาได้ ผมว่าเก่งกว่าครูที่สอนเด็กเก่งซะอีก

ผมค่อนข้างเป็นพวกประนีประนอมครับเลยบอกว่าอัตราส่วนควรเป็น ครู 1 ต่อเด็ก 30 เพราะตัวเล็กระดับนี้ในสภาพสังคมในปัจจุบัน มันแทบจะเป็นไปไม่ได้แล้วครับ
ครู 1 ต่อเด็ก 20 ผมก็อยากได้อย่างนั้นนะ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:23:42:43 น.  

 
สวัสดีค่า พี่ก๋า ^^
เรื่องการศึกษานี่พูดยากจริงๆนะคะ
นุ่นเรียนโรงเรียนที่การแข่งขันสูง
ไม่มีความสุขเลย
วันๆการบ้านพะเนิน เรียนพิเศษ งานส่งรายวิชา
เยอะแยะมากมาย เสาร์อาทิตย์ก็ไม่ได้หยุด
แห้งแล้งและน่าเบื่อมากจริงๆค่ะ


โดย: lovereason วันที่: 27 กรกฎาคม 2556 เวลา:0:16:27 น.  

 


สวัสดีจ้ะน้องกิจ

อ่านแล้วก็หดหู่ใจไปด้วย
วัยเด็กน่าจะได้เล่นแบบเด็กๆ
แต่ก็ต้องมานั่งทำการบ้านเป็นปึก

เรื่องทรงผมนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเรียนเลย
ที่นี่จะผมทรงไหนก็ได้ตามสบาย เสื่อผ้าก็ตามสบาย
เด็กๆก็ไม่มีการบ้านเยอะ แต่มีกิจกรรมสำหรับให้เด็กทำเยอะ
แต่เป็นกิจกรรมที่เด็กๆชอบ

พี่ไปเมืองไทยที่ไร ไปเห็นลูกเพื่อนๆเรียน เฮ้อ..
เรียนประจำ แล้วก็มาเรียนพิเศษอีก
ดนตรี เปียโน เทนนิส ว่ายน้ำ วาดเขียน อังกฤษ โอยยยย สารพัด
มึนแทนเด็กๆ

เห็นชุดหมิงหมิงแล้ว คิดว่าที่โรงเรียนคงจะให้แต่งตามสบาย
หรือว่าเฉพาะวันจ้ะ


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 27 กรกฎาคม 2556 เวลา:3:11:09 น.  

 
LIKE


โดย: deco_mom วันที่: 29 กรกฎาคม 2556 เวลา:14:17:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]